ทวงคืน
‘ถ้ารับสายอีกคงไม่กระอักเลือดตายหรอกมั้ง’
‘หรือไม่รับดีวะ ปล่อยให้แม่งสั่นจนกว่าเขาจะขี้เกียจโทรไปเอง’
‘เฮ้ออออ’
ความคิดที่กำลังตีกันทำให้มือเรียววนนิ้วโป้งไปมาอย่างลังเล
‘เอาไงดีโว้ยยยย’
‘เอาวะ เป็นไงเป็นกัน อยากชาเลนจ์ตัวเองก็ต้องชาเลนจ์ให้มันสุดไปเลยสิวะ ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขาแล้วจริงๆ เราต้องทำได้’
‘เฮ้ออออ’
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังปล่อยให้เดวิลกับแองเจิ้ลทะเลาะกันในความคิดจนได้ข้อสรุป นิ้วเรียวเลื่อนกดรับสายโดยไม่พูดทักทายปลายสาย
“ฮะ…ฮัลโหล เจสซี่ ได้ยินใช่มั้ยครับ” เสียงทุ้มปลายสายทักทายอย่างประหม่าจนคนได้ยินรับรู้ได้
‘ตื่นเต้นเหรอ’ หญิงสาวขมวดคิ้วแปลกใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงของคนโทรมา เนื่องจากปกติแล้วเขาคนนั้นแทบจะไม่มีอาการตื่นเต้น หรือ ประหม่าให้เธอเห็นชัดเจนเลยสักครั้ง
“ทะ…เธอลืมของไว้ในห้องเรา ให้เราส่งไปให้มั้ย” เมื่อปลายสายมั่นใจว่าคนที่เขาโทรหารับสายและรอฟังเขาอยู่ เขาจึงรีบบอกเรื่องสิ่งของที่หญิงสาวลืมไว้ที่ห้องของเขาทันที
“ทิ้งไปเถอะ” เสียงหวานเรียบนิ่งตอบกลับอย่างไร้อารมณ์เพื่อแสดงให้อีกคนรู้ว่าเธอไม่ได้สนใจของพวกนั้นแล้วให้นำไปทิ้งได้เลย
“เธอเป็นคนชอบเสียดายของนี่” ปลายสายแย้งขึ้นโดยอิงจากนิสัยส่วนตัวของคนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังกดบันทึกข้อมูลที่ทำงานค้างไว้ เพราะหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นอย่างน้อยไฟล์งานของเธอก็ถูกบันทึกไว้แล้ว
“ของที่อยู่กับนายอาจเป็นของที่ฉันตัดใจแล้ว ไม่เสียดายแล้วก็ได้ ทิ้งไปเถอะ” เจสซี่สื่อความหมายอย่างที่เธอกล่าวจริงๆ หากมีสิ่งของที่ยังเหลืออยู่ในห้องนั้น ก็คงเป็นของที่เธอไม่อยากกลับไปเอาแล้ว แม้จะเป็นของที่เคยรักหรือหวงมากก็ตาม
“งั้นเดี๋ยวเราเก็บไว้ให้ก่อนละกัน ช่วงนี้ยังไม่ว่างเคลียร์ของทิ้ง ถ้าจะเอาคืนก็บอกนะ” เสียงทุ้มปลายสายบอกอย่างอ่อนโยน
“ไม่เอาหรอก ทิ้งได้เลย” หญิงสาวยืนยันอย่างมั่นใจ
“โอเค” เมื่ออีกคนสัมผัสได้ถึงเสียงของคนตัวเล็กที่เหมือนกำลังหงุดหงิดจึงตอบตกลงเพื่อไม่ให้คนที่เขาอยากได้ยินเสียงรีบชิงวางสายไป
“แค่นี้ใช่มั้ย” เจสซี่ถามเพื่อที่เธอจะได้ทำงานต่อ
“ยังๆ เดี๋ยวก่อนอย่าเพิ่งวาง” ปลายสายตอบด้วยน้ำเสียงตกใจเล็กน้อย
“...” เจสซี่จึงเงียบตั้งใจฟังว่าเขาจะพูดอะไรต่อ
“นี่ เธอ…” เขาเรียกหญิงสาวก่อนเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่าง
“ขอบคุณมากนะครับ ที่รับสายพี” พี พสิษฐ์ ชายหนุ่มที่เจสซี่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเพื่อนกล่าวขอบคุณด้วยน้ำเสียงขอบคุณอย่างจริงใจจนคนที่ได้ยินรู้สึกได้
‘ใจเต้นอะไรเนี่ย เจ็บแล้วจำสิโว้ย อิเจสซี่ อยากหยุมหัวมึงจัง รับสายทำไมวะ’ เจสซี่เงยหน้าขึ้นมองเพดานก่อนถอนหายใจอีกครั้ง
“เครื่องมันสั่น ฉันรำคาญโทรมาอะไรนักหนาคนจะนอน” เธอตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด เธอกำลังหงุดหงิดที่ทำชาเลนจ์กับความรู้สึกของตัวเอง เธอทำไปทำไมกันนะ
“ฮ่าๆ เธอโกหกไม่เนียนเลยนะ ปกติเธอนอนดึกกว่านี้นี่ หรือเดี๋ยวนี้เป็นคุณป้านอนแต่หัวค่ำเหรอ” พีหัวเราะอย่างเอ็นดูที่หญิงสาวยังคงโกหกไม่เนียนเช่นเคย
“ยุ่ง!”
“เฮ้ออ พอไม่มีเธออยู่ด้วยแล้ว มันก็เหมือนเราไม่เป็นตัวของตัวเองเลยนี่สิ” เสียงทุ้มถอนหายใจจนคนฟังรู้สึกใจหายตามไปด้วย
“มาบอกทำไม”
“กลับมาได้มั้ยครับ”
‘กลับไปอะไร กลับไปอยู่ในความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน เป็นเฟื่อนงี้เหรอ ตลก’
“หึ!” เจสซี่ปฏิเสธเสียงแข็ง
“ฮ่าๆ รู้อยู่แล้วว่าเธอคงไม่กลับมา ขอโทษนะที่เคยทำให้เธอต้องรู้สึกแย่ไม่ว่ากับเรื่องอะไรก็ตาม ขอโทษจริงๆ” น้ำเสียงเศร้าลงของพีทำให้อีกคนที่ฟังอยู่รับรู้ว่าเขาพูดด้วยความจริงใจ
“สรุปโทรมาทำไม ถ้าจะพูดเรื่องเพ้อเจ้อก็จะวางแล้วนะ ฉันไม่อยากฟัง” เจสซี่ขัดขึ้น เธออยากจบบทสนทนากับคนที่กำลังทำให้เธอรู้สึกแพ้ภัยชาเลนจ์ของตัวเองตอนนี้แล้ว
“เอ่อ…คือ เอ้อ เสื้ออะ เสื้อสีดำของเราอยู่กับเธอ” ปลายสายกล่าวเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้
“ฮะ?”
“ใช่ เสื้อสีดำของเราอยู่กับเธอ”
‘เสื้ออิหยังวะ’
เจสซี่ขมวดคิ้วนึกถึงวันที่ตัวเองเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางเมื่อหลายเดือนก่อน แต่ก็นึกไม่ออกว่าเผลอหยิบเสื้อของอีกคนมาตอนไหน หากหยิบเสื้อพีมาจริงเธอคงรีบฝากต้นเอาไปคืนแล้ว เพราะชายหนุ่มสวมแต่เสื้อผ้าแบรนด์เนมที่ราคาค่อนข้างสูง
ผิดกับเธอที่นานๆ ทีจะใส่เสื้อผ้าพวกนั้น เธอไม่อยากระวังมากเวลาใส่เสื้อผ้าราคาสูง อยากใส่เสื้อผ้าตามห้างทั่วไปที่ใส่แล้วหากขาดหรือเปื้อนอะไรก็ไม่ต้องมานึกเสียดายทีหลัง อีกอย่างเธอไม่ค่อยออกไปไหนอยู่แล้ว การชอปปิงเสื้อผ้าแฟชั่นตามเพื่อนๆ จึงเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นกับคนอย่างเธอบ่อย
“ไม่น่าใช่นะ เดี๋ยวลองหาก่อน จะให้ส่งคืนให้เหรอ” เจสซี่ตอบอย่างลังเล เธอเองก็ไม่มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นหรอกว่าไม่ได้หยิบเสื้อของเขาติดกระเป๋ามา เพราะตอนนั้นเธอแชร์ตู้เสื้อผ้าร่วมกับเขา ซึ่งมันอาจจะเป็นไปได้หากเธอจะหยิบเสื้อสีดำของเขามา เพราะเสื้อผ้าของเธอนั้นก็มีแต่สีคุมโทนดำเยอะมากเสียด้วย
“อื้ม” เสียงทุ้มตอบรับร่าเริงขึ้นเล็กน้อย
“ฉันมั่นใจว่าไม่ได้เอาเสื้อผ้านายออกมาด้วยแน่นอน” เจสซี่ย้ำอีกครั้งตามภาพความทรงจำเดิมเมื่อหลายเดือนก่อนตอนเก็บของย้ายออก
‘หรือว่าแม่บ้านที่ช่วยเก็บจะเผลอหยิบมาด้วยนะ’ หญิงสาวคิดในใจ
“ลองช่วยหาดูให้ก่อนได้มั้ยครับ” พีถามอย่างอ่อนโยน
“อื้ม เดี๋ยวลองดูให้ ถ้าเจอเดี๋ยวส่งให้ทางไปรษณีย์ละกัน” เจสซี่ตอบรับคำขอพร้อมเสนอวิธีส่งคืนให้
“เธอไม่ได้อยู่แถวมอแล้วเหรอ” น้ำเสียงแปลกใจจากอีกคนทำให้เจสซี่รู้สึกระแวง หรือว่าเขาเห็นเธอที่ไหนในบริเวณใกล้มอนะ
“ยุ่ง!” น้ำเสียงหวานตอบคล้ายหงุดหงิดเพื่อเลี่ยงคำตอบ
“ถ้ายังอยู่แถวมอเดี๋ยวเราไปรับเองก็ได้ไง” พีชี้แจงเหตุผล
“ไม่สะดวกอะ เดี๋ยวส่งให้ดีกว่า”
“แต่เสื้อตัวนั้นราคามันน่าจะเกินรับประกันกรณีของหายของไปรษณีย์น่ะสิ เรากังวลว่าถ้าของหายจะทำยังไง” พีชี้แจงตามเหตุผล
“งั้นเดี๋ยวฝากต้นไปให้” เจสซี่เข้าใจเรื่องของราคาเสื้อดีจึงเสนออีกทาง เพราะนัดต้นน่าจะสะดวกกว่า
“ต้นรู้เหรอว่าเธออยู่ที่ไหน” เสียงทุ้มถามแผ่วลง
‘ปากพาซวยฉิบหายเลยอิเจส’
หญิงสาวตกใจเมื่อเผลอพูดชื่อเพื่อนสนิทของคนที่โทรมา ทั้งที่กำชับต้นเอาไว้อย่างดีว่า ห้ามบอกพี เรื่องที่อยู่ หรือความเป็นไปของเธอ แต่กลายเป็นว่าเธอกำลังเป็นคนเผยเรื่องนี้เองเสียแล้ว
“เธอใจร้ายจัง” เสียงเศร้าของพีทำให้หญิงสาวได้ยินแล้วรู้สึกใจหายตามไปด้วย
‘อย่าทำเสียงแบบนั้นได้มั้ย ใจฉันจะรับไม่ไหวแล้วนะ’
“เอ่อ… ฉันมั่นใจว่าไม่ได้หยิบเสื้อนายมาแน่นอน ถ้ามีจริงๆ ฉันจะนัดนายอีกทีละกัน โอเคมั้ย” เจสซี่เสนอด้วยน้ำเสียงนุ่มปลอบใจ
“ครับ”
“แค่นี้นะ” หญิงสาวกล่าวตัดบทสนทนาทันทีเมื่ออีกคนตอบรับข้อเสนอ
“เดี๋ยวสิ เธอปลดบล็อกไลน์เราด้วยสิ เผื่อเธอเจอเสื้อแล้วจะได้นัดเราได้ไง” พีขอร้องพร้อมอธิบายเหตุผลเพื่อให้สะดวกในการนัดหมาย
“ได้ ถ้าเจอแล้วจะปลดบล็อกละกันโอเคมั้ย” เจสซี่ตอบรับด้วยน้ำเสียงใจดี
“ได้เลยครับ ขอบคุณนะครับ” พีขอบคุณหญิงสาวด้วยเสียงร่าเริงขึ้น
‘ทำไมฉันต้องสบายใจกับเสียงที่ร่าเริงของเขาด้วยวะ’ เจสซี่คิดในใจ
“เราไม่กวนเธอแล้ว นอนเร็วๆ นะครับ คงไม่นอนตีสามเหมือนเดิมหรอกนะ” ชายหนุ่มบอกด้วยความเป็นห่วงก่อนเน้นย้ำถึงพฤติกรรมของคนที่ชอบละเลยการดูแลสุขภาพตัวเองเล็กน้อย
“อือ”
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้ ขอบคุณจริงๆ นะ อย่าลืมนะถ้าจะเอาของคืนทักมาได้เลยหรือโทรมาก็ได้ บันทึกเบอร์เราไว้ด้วย เบอร์นี้อะ เธอน่าจะลืมเบอร์เราแล้วล่ะ ไม่โทรให้เราไปรับบ้างเลย รถเราก็เหงาเป็นนะ ทำงานดีๆ นะครับ เราไม่กวนละ” พีกล่าวขอบคุณจากใจจริงอีกครั้ง พร้อมทั้งบ่นน้อยใจให้อีกคนรับรู้ความรู้สึกของเขาอย่างตรงไปตรงมา ก่อนนึกขึ้นได้ว่า แค่คนตัวเล็กยอมรับสายเขาเท่านี้ก็เป็นโชคดีของเขาแล้ว
พีจึงปัดเรื่องทั้งหมดออกไปจากความคิดก่อนตัดสินใจบอกลาหญิงสาวที่ในที่สุดเขาก็ได้คุยด้วยอย่างที่เธอยังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่ใช่เมาจนเขาเป็นห่วงแทบแย่เหมือนวันนั้น
“...” หญิงสาวเมื่อได้ยินคำพูดอย่างตรงไปตรงมาจากชายหนุ่มจึงเงียบลงตกอยู่ในความคิดของตัวเอง
“ฝันดีครับ” เสียงทุ้มบอกฝันดีอ่อนโยน
“อืม ฝันดี” เจสซี่พยักหน้ารับบอกฝันดีคนที่กำลังทำให้หัวใจกับสมองของเธอตีกัน ก่อนวางโทรศัพท์มือถือลงอย่างเหม่อลอย
‘เฮ้อออ เขาแค่โทรมาทวงของเท่านั้นแหละ’
Special Part V“ทำไมคำพูดคำจามันหวานเลี่ยนขนาดนั้นล่ะ” จินตะเอ่ยแซวอย่างอดไม่ได้ พลางสื่อสีหน้ายียวนกวนใจน้องสาวของตัวเองหลังที่จินตะได้ไปพักผ่อนที่บ้านพักของทั้งคู่ ทำให้ตัวเขารู้สึกอิจฉาในความคลั่งรักของน้องสาวตัวเองอย่างบอกไม่ถูก แถมยังระแวงว่าจะโดนไอน้องเขยหน้าหล่อแย่งความรักของน้องสาวจากเขาไปอีก แต่เขาจะทำอะไรได้ ในเมื่อเขาเป็นแค่ผู้ปกครองที่ทำได้แค่มองดูอย่างหวงๆ เท่านั้น“จินตะอย่าแซวน้อง” กรชวัลปรามลูกชายคนโตของบ้าน ก่อนหลุดขำเมื่อเห็นท่าทีของลูกสาวตนเองกำลังแลบลิ้นหยอกล้อใส่พี่ชาย นี่สินะที่เขาบอกว่าต่อให้ลูกโตขึ้นขนาดไหนยังไงก็ยังเด็กสำหรับพ่อแม่เสมอ“พวกลูกเหนื่อยกันหรือเปล่าจัดเตรียมของกันตั้งแต่เมื่อคืนน่าจะนอนไม่พอนะ ไปพักผ่อนกันก่อนก็ได้นะ พวกพ่อกับแม่จะนั่งเล่นตากแอร์ในนี้สักพักก่อน” ภูดิศเสนอขึ้น เขารู้ดีว่าลูกสาวตัวเองน่าจะยังไม่ได้นอนแม้หน้าตาจะสดชื่นออร่าผ่องสวยมากก็ตาม“งั้นพวกหนูขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดกั
Special Part IV“หอบเลยเหรอครับ” ดวงหน้าหล่อจรดปลายจมูกลงบนแก้มนุ่ม ก่อนเคลื่อนดวงหน้าพรมจูบคนรักด้วยความเสน่หา ยิ่งเห็นว่าอีกคนมีอารมณ์พลุ่งพล่านไม่ต่างกัน เขาเองก็ยิ่งรู้สึกอยากทำสิ่งที่มากกว่านี้เพิ่มขึ้นตามพายุรักที่กำลังก่อตัว“ที่รักอย่าทำเสียงดังนะคะ พี่จินอยู่อีกห้องนะ” ดวงหน้าเปี่ยมเสน่ห์สูดหายใจเข้าเล็กน้อยพร้อมเตือนสิ่งที่เธอและเขารู้ดีว่าห้องนอนของทั้งคู่ตอนนี้เก็บเสียงในหนึ่งระดับ แต่ยังไม่ได้อยู่ในระดับที่เธอและเขาต้องการเสียเท่าไหร่ แม้จะรู้ว่าเสียงเพลงรักของพวกเขาอาจจะไม่ได้ดังรบกวนคนข้างห้องแต่ว่าเธอก็อยากให้คนรักป้องกันไว้ก่อนดีกว่า“เรียกสามีขาสิคะเด็กดี” แววตาสีน้ำตาลประกายออดอ้อน ก่อนร่างสูงจะเคลื่อนดวงหน้าลงจูบหน้าผากคนรักอย่างเอ็นดูในความกังวลเรื่องเสียงที่อาจเล็ดลอดออกไป“สะ สามีขา อย่าทำเสียงดังนะคะ” นัยน์ตาสีอัลมอนด์สั่นไหว ร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบบนใบหน้าเล็กน้อย มือเล็กค่อยๆ เอื้อมเขี่ยลูกผมที่ปรกหน้าของค
Special Part III“แน่ใจนะวิว่าไม่มีอะไรแอบแฝงอะ” เจสซี่หรี่ตาลงคาดคั้น ไม่ต่างจากจินตะที่กำลังขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปมได้แล้ว“ฮ่าๆ ก็รดน้ำดำหัวพ่อแม่ไง ไม่ได้รดน้ำสังข์เจ้าบ่าวเจ้าสาวสักหน่อย” ภูดิศหลุดขำสีหน้าของลูกชายและลูกสาวอย่างอารมณ์ดี ยิ่งเห็นว่าลูกทั้งสองของเขาสามัคคีกันดีแบบนี้ยิ่งทำให้ชื่นใจ เพราะปกติทั้งจินตะและเจสซี่มักชอบขัดคอกันบ่อยกว่ามีความเห็นตรงกันเสียมากกว่า“ไม่เถียงด้วยแล้วค่ะ พี่จินตะคุยกับพ่อไปนะคะ เจสไปทำน้ำจิ้มต่อละ” เจสซี่มุ่ยหน้าเล็กน้อยก่อนเดินกลับไปยังของที่เตรียมไว้และเริ่มทำน้ำจิ้มอย่างตั้งใจปล่อยให้พี่ชายและคนรักคุยกับผู้เป็นบิดาต่อไปหลังจากทานมื้อเย็นและเก็บของทำความสะอาดครัวเสร็จเรียบร้อย ทุกคนก็ต่างแยกย้ายพักผ่อนที่ห้องนอนของตนเอง“คิดมากเรื่องที่พ่อโทรมาเมื่อตอนเย็นเหรอครับ” ร่างสูงโอบกอดหญิงสาวที่รักจากทางด้านหลังที่กำลังยืนมองวิวยามดึกริมระเบียงอย่างเหม่อลอย
Special Part IIเจสซี่และพีย้ายมาอยู่ที่บ้านพักตากอากาศริมทะเลที่พ่อแม่ของพีมอบให้เป็นของขวัญสำหรับพวกเขาทั้งสอง เธอและเขาตัดสินใจไม่จัดงานแต่งงานเพราะอยากใช้ชีวิตด้วยกันโดยไม่ยึดบรรทัดฐานของสังคมแม้ตอนแรกอาจจะไม่ถูกใจผู้ใหญ่ของทั้งสองฝั่งเสียเท่าไหร่ แต่ครอบครัวของพวกเขานั้นเคารพในการตัดสินใจของทั้งคู่อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกันทางครอบครัวของทั้งคู่นั้นไม่ได้บังคับหรือต่อว่าใดๆ พวกท่านค่อนข้างเข้าใจความคิดของลูกตัวเองเป็นอย่างดีว่า ลูกชายและลูกสาวตัวเองมีความเป็นตัวของตัวเองสูงขนาดไหน อีกทั้งพ่อแม่ของเธอและพีนั้นรู้จักกันทางธุรกิจมาก่อนจึงทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายพูดคุยตกลงกันอย่างเข้าใจซึ่งกันและกัน ซึ่งทำทุกอย่างตามธรรมเนียมครอบครัว เพียงแต่ไม่ได้จัดงานแต่งงานเชิญแขกเอิกเกริกเหมือนคู่บ่าวสาวทั่วไปถึงอย่างนั้น ก็ไม่ได้แปลว่าทั้งเจสซี่และพีเองจะไม่เคยคิดเรื่องการจัดงานให้เป็นกิจลักษณะ ทั้งคู่ตกลงเพียงว่าจะจัดงานเลี้ยงอาหารเพียงครอบครัวภายในและถ่ายเพียงรูปครอบครัวเ
Special Part Iเสียงคลื่นกระทบชายหาดเป็นจังหวะรับสายลมยามเช้าที่พัดเข้าฝั่ง หญิงสาวร่างเล็กผละตัวออกจากหน้าจอโน้ตบุ๊คก่อนลุกขึ้นจากซอกโซฟาที่เธอใช้พิงหลังทำงานมาตลอดคืน‘อากาศดีจัง’ นัยน์ตาสีอัลมอนด์ทอดมองวิวนอกหน้าต่างยามเช้าอย่างอารมณ์ดี“อยากกินมื้อเช้าก่อนนอนไหมครับ” ร่างสูงที่เพิ่งตื่นเดินเข้ามาสวมกอดคนตัวเล็กจากด้านหลัง พลางใช้ดวงหน้าหล่อซบไหล่เล็กออดอ้อนด้วยความคิดถึงหลายคืนแล้วที่คนรักของเขาทำงานโต้รุ่งโดยปล่อยให้เขานอนกอดหมอนข้างมองเธอจนหลับไป โชคดีที่ทั้งเขาและเธอนั้นทำงานอิสระและเป็นเจ้านายตัวเอง จึงทำให้ต่างคนต่างเข้าใจหน้าที่การงานของกันและกันพร้อมทั้งช่วยเหลือกันได้เป็นอย่างดี หากเขาต้องทำงานเป็นเวลาแบบพนักงานประจำมีหวังได้มีน้อยใจคนขยันในอ้อมกอดเป็นแน่“ไข่กระทะไหมคะ หรือว่าอยากไปเดินตลาดเช้าไหม กำลังเมื่อยหลังเลย” ร่างเล็กเอ่ยชวนพร้อมขยับหัวอิงซบดวงหน้าหล่อของร่างสูงที่อยู่บนไหล่ของเธอ&ldq
ตอนที่ 47หนังสือเล่มเดิม“เค้าปลดบล็อกจินนี่ตอนที่รักสลับมือถือไปเล่นเมื่อคืนค่ะ ตอนนั้นเค้าถามแล้วนะว่าปลดได้หรือเปล่า” หญิงสาวสวมชุดนอนนั่งด้วยท่าสบายบนโซฟาหน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม เธอใช้ที่คั่นหนังสือคั่นหน้าที่กำลังอ่านไว้หลังเห็นร่างสูงออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีกรมท่า พร้อมเอ่ยชี้แจงเรื่องราวที่คนตัวสูงได้ส่งข้อความถามเมื่อช่วงบ่าย“เค้านึกว่าที่รักปลดบล็อกแค่ไลน์ ไม่คิดว่าที่รักจะปลดบล็อกไอจีด้วย แบบนี้ที่รักจะไม่คิดมากจริงๆ เหรอครับถ้าจินนี่ทักมา” นัยน์ตาสีน้ำตาลสื่อประกายความเป็นห่วง พร้อมทิ้งตัวลงนั่งด้านข้างโอบกอดคนตัวเล็ก“ที่ผ่านมาที่รักก็ทำตัวชัดเจนขนาดนี้แล้ว เค้าต้องกังวลอะไรอีกคะ หรือว่าความจริงแล้วที่รักหวั่นไหว” ดวงหน้าเปี่ยมสเน่ห์ขมวดคิ้วถาม“ไม่เคยเลยครับ ที่เค้าบล็อกไว้เพราะไม่อยากให้ที่รักเป็นกังวล เค้าบล็อกน้องไปตั้งแต่วันแรกที่ที่รักไม่กลับคอนโดของเราจนถึงเมื่อคืนนี่แหละครับ แล้ววันนี้จู่ๆ