เสียงเพลงกระแทกเข้าโสตประสาทเหมือนคลื่นเบสที่รัวตรงกลางอก ฉันยืนอยู่ใต้ลูกไฟหลากสี ใจเต้นแรงพอ ๆ กับจังหวะดนตรีที่โหมกระหน่ำ
เหลือบตาไปทางแพรวกับแยม—สองสาวตัวแสบขยิบตา ส่งซิกแบบไม่ต้องพูดว่า "นั่นแหละ...เป้าหมายของคืนนี้!"
กลางฟลอร์ที่แออัดด้วยคนเต้น พายุยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัว เขาเคลื่อนไหวช้า ๆ แต่ตอบรับจังหวะได้อย่างลงตัว ฉันสูดหายใจลึกก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้ ก้าวตามจังหวะทีละนิด... แม้จะเต้นไม่เก่ง แต่เขานำฉันไปได้อย่างมั่นคง เราหมุนวนช้าๆ ท่ามกลางแสงไฟและผู้คน ราวกับในโลกนี้มีแค่เรา
มือหนาอุ่นทาบลงที่เอวฉันอย่างแนบแน่น อุณหภูมิจากฝ่ามือส่งผ่านเข้ามาเหมือนมีไฟลุกใต้ผิว แววตาคมกริบสบเข้ามาในดวงตาฉันในระยะประชิด และในวินาทีนั้น...
ฉันรู้เลยว่า — คืนนี้ หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นแล้วจริง ๆหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทุกจังหวะ เหมือนกลองรบเร่งเร้าให้ร่างกายสั่นสะเทือน ไฟหลากสีหมุนวนฉายผ่านม่านตา จุดไห้แอลกอฮอล์ในเลือดที่เริ่มวิ่งพล่าน ร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมาทีละนิด... มันตีขึ้นมาถึงลำคอ
จุก แน่น และเริ่มควบคุมไม่ได้“ขอตัวแป๊บนะคะ...” เสียงเบาหวิวแต่สั่นคลอน กระซิบเบา ๆฉันผละตัวออกจากวงแขนของชายหนุ่ม
ก่อนที่ทุกอย่างจะพุ่งขึ้นมากลางฟลอร์... ก่อนที่ค่ำคืนนี้จะกลายเป็นไวรัลในมุมที่ไม่ควรจำฉันปรี่เข้าห้องน้ำหญิงโดยไม่หันกลับไปมอง แม้จะรู้สึกได้ว่าสายตาของพายุยังติดตามมา
เสียงเพลงจากด้านนอกดังลอดประตูเข้ามาเหมือนถูกปิดทึบด้วยม่านหนา แต่ภายในหัวฉันกลับดังกว่าหลายเท่า ร่างกายยังร้อนระอุ มือที่จับขอบอ่างล้างหน้าเย็นเฉียบ แต่ไม่พอจะทำให้รู้สึกดีขึ้น
ฉันก้มหน้าลง สูดหายใจลึก กลั้นไว้ แต่ไม่ทัน...
ทุกอย่างที่อยู่ในกระเพาะพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที
เสียงอาเจียนดังสะท้อนในห้องน้ำที่สะอาดเกินกว่าจะรับภาพนั้นไว้ได้ น้ำตาซึมขึ้นมาตามแรงขย้อน—ไม่รู้ว่าเพราะแรงแอลกอฮอล์ หรือเพราะความอายจับใจฉันยืนค้างอยู่อย่างนั้นสักพัก
เสียงส้นสูงของใครบางคนเดินเข้ามา แล้วหยุดเหมือนลังเล “เธอโอเคไหม?” น้ำเสียงของผู้หญิงที่ไม่คุ้นเคย ฉันพยักหน้าขึ้นลง โดยไม่หันไปมอง“ขอบคุณนะคะ...” ฉันพูดเสียงเบา ก่อนจะรวบผมขึ้นลวก ๆ แล้วบ้วนปากด้วยน้ำจากก็อก
ใบหน้าที่สะท้อนในกระจกดูซีดและยุ่งเหยิงกว่าตอนออกจากบ้านหลายระดับ“นี่แหละ...ลินลี่เวอร์ชั่นมีชีวิต” ฉันพึมพำกับตัวเอง
ไม่สวย ไม่เป๊ะ ไม่พร้อม แต่จริงกว่าที่เคยเป็นมาทั้งชีวิตฉันยังไม่เคย "ลอง" ผู้ชายเลยจริง ๆ...
ไม่ใช่แบบที่เขาเข้ามาใกล้ขนาดนั้น ไม่ใช่แบบที่แค่กลิ่นตัวเขาก็ทำให้ฉันต้องกลืนน้ำลายแล้วกลัวจะหายใจไม่ทันฉันจัดการตัวเองอย่างเร่งรีบ
ซับมุมปาก ลูบผมให้เข้าที่ พยายามคืนสติที่ดูเหมือนจะหล่นหายไปกับกลิ่นแอลกอฮอล์และจังหวะเพลง“ลินลี่… สู้เว้ย”
ฉันบอกตัวเอง ก่อนดึงหูกระเป๋าให้เข้าที่ แล้วหมุนตัวเปิดประตูออกไปสู่แสงไฟกระพริบของร้านอีกครั้งและทันใดนั้นเอง
มืออุ่นจัดข้างหนึ่งคว้าแขนฉันไว้อย่างแม่นยำ
ฉันยังไม่ทันตั้งหลัก พายุก็ดึงฉันเข้าไปในมุมมืดหลังเสาของผับ“เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงเขานุ่ม แต่ดุดันแฝงอยู่ในแววตา ร่างชายหนุ่มขยับชิด จนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองถูกล้อมไว้ด้วยไฟร้อนระอุ“ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ แค่แอลกอฮอล์นิดหน่อย” ฉันตอบพลางหลุบตาค่ำ
แต่ดวงตาเขาจ้องมาที่ฉัน ราวกับกำลังต้อนเหยื่อ“แน่ใจ?” ฉันพยักหน้ารับ พยายามจะขยับถอย แต่หลังฉันชนเข้ากับผนัง กึก! เขายังไม่สายตายังไปไหน“ถ้าไม่สบาย กลับก็ได้นะ”
น้ำเสียงเขาอ่อนลง และมันทำให้ฉันลังเลฉับพลัน สายตาเราสองคนก็ประสานกันอย่างจัง
หัวใจฉันเต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอก ไม่ใช่เพราะเหล้า
แต่เพราะผู้ชายตรงหน้า—ผู้ชายที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมง แต่กลับมีพลังบางอย่าง...ที่ดึงฉันเข้าไปอย่างไม่มีทางหนีเขามองฉัน… นิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้น
แต่ในความนิ่งนั้น—มีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
บางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบเงียบลง เหลือแค่เสียงหัวใจของตัวเองที่ดังจนกลบทุกอย่างฉันรู้ว่าเขากำลังจะทำอะไร
และที่น่ากลัวคือ…ฉันไม่ได้ถอยริมฝีปากเขาค่อย ๆ ขยับเข้ามา
ประกบชิด แทรกลิ้นอุ่น ร่างกายฉันร้อนวูบวาบ หัวใจฉันเต้นแรงจนกลัวว่าเขาจะได้ยิน ในที่สุด...จูบแรกของฉัน...ก็เกิดขึ้น
กลางมุมมืดหลังเสาในผับไฟกระพริบ กับผู้ชายที่ชื่อว่า พายุ และมันไม่เหมือนในซีรีส์ที่เคยดู ไม่หวาน ไม่ประดิษฐ์ แต่มันจริง...และแรงพอจะทำให้เข่าฉันแทบอ่อนริมฝีปากเขาอุ่น นุ่ม และมั่นใจ
จูบแบบที่ไม่ถามก่อน แต่กลับไม่ได้รู้สึกถูกล่วงเกิน กลับรู้สึก...เหมือนได้รับการต้อนรับเข้าไปในโลกอีกใบ โลกที่ฉันไม่เคยกล้าแม้แต่จะมองมันเต็มตาฉันหลับตา ราวกับทั้งตัวถูกสั่งให้เชื่อใจ
ขณะที่มือของเขาแตะที่เอวเบา ๆ เพื่อประคอง แต่ชัดเจนพอจะทำให้ฉันรู้ว่า...ฉันไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปในค่ำคืนนี้มันคือจูบแรกที่ไม่มีคำสัญญา
ไม่มีคำว่าพรุ่งนี้ ไม่มีแม้แต่คำถามว่า… “แล้วต่อไปล่ะ?”แต่กลับมีบางอย่างในนั้นอุ่นวาบ ละลายใจ
จนฉันลืมอดีตที่เคยจืดจาง และเริ่มอยากรู้ว่า บางที...การปล่อยให้คืนนี้พาไป อาจเป็นสิ่งที่ใจฉันรออยู่เงียบ ๆ มานานแล้วก็ได้…
“ฝากลินลี่ด้วยนะ” แพรวเอ่ยพร้อมขยิบตา ส่วนแยมยกมือบ๊ายบายอย่างรู้กัน ทั้งสองยืนส่งฉันราวกับเจ้าสาวที่กำลังจะก้าวเข้าเรือนหอชั่วคราว เรือนหอที่เช็คเอาท์ตอนเช้า ไม่มีแหวน ไม่มีแขก ไม่มีพิธี มีแค่หัวใจที่ยอมเสี่ยง…ถ้าอ่านแล้วชอบ ฝากกดติตามเพิ่มเข้าคลังด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ
เสียงเพลงกระแทกเข้าโสตประสาทเหมือนคลื่นเบสที่รัวตรงกลางอก ฉันยืนอยู่ใต้ลูกไฟหลากสี ใจเต้นแรงพอ ๆ กับจังหวะดนตรีที่โหมกระหน่ำเหลือบตาไปทางแพรวกับแยม—สองสาวตัวแสบขยิบตา ส่งซิกแบบไม่ต้องพูดว่า "นั่นแหละ...เป้าหมายของคืนนี้!"กลางฟลอร์ที่แออัดด้วยคนเต้น พายุยืนอยู่ท่ามกลางแสงสลัว เขาเคลื่อนไหวช้า ๆ แต่ตอบรับจังหวะได้อย่างลงตัว ฉันสูดหายใจลึกก่อนจะขยับตัวเข้าใกล้ ก้าวตามจังหวะทีละนิด... แม้จะเต้นไม่เก่ง แต่เขานำฉันไปได้อย่างมั่นคง เราหมุนวนช้าๆ ท่ามกลางแสงไฟและผู้คน ราวกับในโลกนี้มีแค่เรามือหนาอุ่นทาบลงที่เอวฉันอย่างแนบแน่น อุณหภูมิจากฝ่ามือส่งผ่านเข้ามาเหมือนมีไฟลุกใต้ผิว แววตาคมกริบสบเข้ามาในดวงตาฉันในระยะประชิด และในวินาทีนั้น... ฉันรู้เลยว่า — คืนนี้ หนีหัวใจตัวเองไม่พ้นแล้วจริง ๆหัวใจฉันเต้นแรงขึ้นทุกจังหวะ เหมือนกลองรบเร่งเร้าให้ร่างกายสั่นสะเทือน ไฟหลากสีหมุนวนฉายผ่านม่านตา จุดไห้แอลกอฮอล์ในเลือดที่เริ่มวิ่งพล่าน ร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นมาทีละนิด... มันตีขึ้นมาถึงลำคอ จุก แน่น และเริ่มควบคุมไม่ได้“ขอตัวแป๊บนะคะ...” เสียงเบาหวิวแต่สั่นคลอน กระซิบเบา ๆฉันผละตัวออกจากวงแขนของชายหนุ
เวลาผ่านไปพักใหญ่ ความรู้สึกคุ้นเคยก็ยังไม่มาสักทีฉันนั่งอยู่ท่ามกลางแสงสลัวและเสียงเพลงดังระรัว สมองกับหัวใจเริ่มเถียงกันเสียงดังลั่นในหัว“อยู่ต่ออีกนิดสิ ลองเปิดใจดูหน่อย”“แต่ก็ไม่ใช่ที่ของเราเลยนะ กลับเถอะ…”มือกำแก้วแน่น สายตามองไปรอบๆ อย่างเหม่อๆแล้วจู่ๆ...สายตาทั้งคู่ก็ถูกดึงดูดราวกับแม่เหล็กเหมือนภาพเบื้องหน้าสะกดทุกอย่างให้หยุดนิ่งเขา...ชายคนหนึ่งในเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงพอดีตัวจมูกเป็นสัน คางคม ใบหน้าเรียวรับกับกรอบหน้าราวกับภาพถ่ายจากแมกกาซีนเขาก้าวเข้ามาพร้อมรอยยิ้มที่เหมือนจะผ่านโลกมานับครั้งไม่ถ้วน หยุดอยู่แค่ตรงนั้น หน้าทางเข้า ทักใครบางคนสั้น ๆ แล้วเหลือบสายตามาทางนี้ชั่ววินาทีนั้น ลมหายใจฉันสะดุดเหมือนใครมากดปุ่มหยุดใบหน้าคมเงยขึ้นอีกครั้ง แววตาเฉียบคมเหลือบมาสบ เหมือนแค่ “บังเอิญ” … หรือ… มันไม่ใช่แค่บังเอิญกันแน่?และวินาทีนั้นเอง มุมปากเจ้าเสน่ห์ค่อยๆยกขึ้นแล้วยิงตรงมาที่ฉันอย่างจงใจแบบที่ทำให้ค็อกเทลในมือฉันเหมือนแรงไปในลำคอ...ฉันรู้เลยว่า คืนนี้ มันจะไม่เหมือนคืนไหนในชีวิตฉันอีกเลย“พายุ…”เสียงแหลมสูงของสาวกลุ่มหนึ่งด้านหลังดังขึ้น ทะลุผ่านจั
และแล้ว… วันนี้ก็มาถึงจริง ๆ มันก็แค่วันศุกร์ธรรมดา — วันหยุดราชการที่ควรจะเอาไว้นอนดูซีรีส์ กินข้าวกล่องแบบเดิม แต่ไม่ใช่วันนี้เพราะวันนี้... หัวใจฉันเต้นแรงราวกับกำลังจะเข้ารอบไฟนอลของเรียลลิตี้โชว์ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองสมัครไว้ตอนไหน ไม่มีสคริปต์ ไม่มีพร็อพ ไม่มีแผนสำรอง มีแค่ใจที่สั่น... กับร่างที่ถูกเซตมาเต็มแม็กซ์ตั้งแต่เช้าเสื้อโค้ทยาวคลุมเข่า…เป็นเหมือนเกราะกำบังสุดท้าย ก่อนฉันจะกลั้นใจเปิดประตูแท็กซี่ ก้าวเท้าลงตรงหน้าร้าน 669แสงนีออนกระพริบอยู่เหนือหัว ป้ายไฟสีน้ำเงินดูเย้ายวนกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา และพวกเธอก็ยืนรออยู่ตรงนั้น แพรว กับ แยม สองสาวสุดแซ่บ เพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนที่ไม่เคยปล่อยให้ชีวิตฉันเรียบเกินไปเรานัดกินข้าวบ้าง นัดเมาท์มอยบ้าง แต่คืนนี้...ไม่เหมือนทุกคืน คืนนี้คือ "คืนแรกในไนท์คลับ" ของฉัน ลินลี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร แพรวก็ลากฉันตรงไปที่ห้องน้ำหญิงด้านหลังร้านทันที “ลี่! ไปเติมหน้าด่วน! ปากกับแก้มแกจืดมาก เหมือนคนเพิ่งตื่นมา แล้วโดนหลอกให้มาเที่ยว”“โห พูดขนาดนี้เลยเหรอ…” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ แต่ก็ปล่อยให้โดนลากไปแบบคนที่ปากบอกไม่ แต่ใจกำลังลุ้
เย็นวันพฤหัสฯ ก่อนวันนัด..“แกจะใส่เสื้อคอปกไปตายเหรอลี่?! เอาจริงดิ?” เสียงแพรวดังลั่นกลางร้านเสื้อผ้าเหมือนมีประกาศภัยพิบัติเกิดขึ้นตรงราวแขวนฉันยืนเกร็งอยู่หน้าห้องลองเสื้อในห้าง หัวแทบหดเข้าไปในปกเสื้อ แม่ค้าหันมามองฉันเหมือนฉันเพิ่งฆ่าความหวังของแฟชั่นทั้งร้านตายคาที่“ก็มันเรียบร้อยดีอะ...”ฉันตอบเสียงอ่อย พยายามเอามือดึงชายเสื้อให้ยาวขึ้นอีกนิด ทั้งที่มันก็ไม่ขาดไม่เกินอะไรเลย “เรียบร้อยแบบที่ต่อให้ลุคนี้ลง Tinder ก็ไม่มีใครปัดขวาน่ะสิ! แกฟังนะ วันนี้...เราจะอัปเกรดลินลี่เวอร์ชันคุณหนูบัญชีให้เป็น ลินลี่เวอร์ชันคลับเบอร์มือใหม่ เข้าใจมั้ย!”ฉันถอนหายใจอย่างหมดทางสู้ พลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเดิม มองดูเดรสเกาะอกสั้น สีแดงแปร๊ดในมือแล้วก็ได้แต่พึมพำเบาๆ“นี่ฉันจะโดนจับไปรับบทใน นางเอก AVรึเปล่าวะ...”“อย่าคิดเยอะ! ใส่เลย! แล้วเดินออกมาให้ฉันเห็นความสับ!”พอเปิดม่านออกไปแพรวก็ถึงกับช็อกหงายหลังในจินตนาการ“โอ้โห!!! โอ๊ยแม่...นี่แกแอบมีหน้าอกอยู่เหรอ?! ฉันนึกว่าแฟลตกว่า spreadsheet ซะอีก!”“หยุดเลยแพรว! ฉันอาย!”“ไม่ต้องอายเว้ย!! แกสวยมาก สวยแบบ…ถ้าผู้ชายเห็นแล้วไม่เหลียวคือมั
สามวันก่อนหน้าเสียงนาฬิกาปลุกเจ้าเก่าดังขึ้นตรงเวลาเป๊ะเหมือนทุกวัน ฉันเอื้อมมือออกไปกดปิดเสียงมันด้วยความเคยชิน ก่อนจะนอนนิ่ง ๆ สูดหายใจลึกอยู่อีกสามนาทีเต็ม ๆ ราวกับต้องรวบรวมพลังจากทั้งจักรวาลก่อนจะเริ่มวันใหม่“โอเค... เริ่มต้นวันธรรมดาอีกวัน” (ธรรมดาจริงเหรอ? ฉันอยากให้มันเปลี่ยนไปไหมนะ? แล้วเปลี่ยนไป... เพื่ออะไรล่ะ?)ฉันลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเสียงบ่นเบา ๆ ในใจ ลมเช้าพัดม่านระเบียงเข้ามาแตะแก้มเบา ๆ เหมือนจะปลอบว่า "วันนี้ก็ยังมีเธออยู่นะ"ขั้นตอนถัดไปก็เหมือนทุกวัน ล้างหน้า แปรงฟัน มัดผมหางม้าต่ำ แล้วหยิบแว่นตากรอบหนาที่เป็นเหมือนเกราะเล็ก ๆ ไว้รับมือกับโลกที่วุ่นวายเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็คสีกรม รองเท้าคัทชูสีดำ ทั้งชุดที่แม่ซื้อให้ในวันรับปริญญายังดูดีเหมือนเดิมนี่แหละ... ชีวิตของฉัน — ลินลี่ วัยเปล่งปล้่ง ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย และเที่ยงตรงเหมือนนาฬิกาเรือนเก่า ตื่นเช้า ขึ้นรถเมล์ตอนเจ็ดโมงตรงเป๊ะ ถึงออฟฟิศแปดโมงทุกวันทำงานแบบตั้งใจจนเพื่อนร่วมงานพูดกันเล่น ๆ ว่าฉันเป็น "เครื่องจักรมีชีวิต" เลิกงานหกโมง กลับบ้าน ทานข้าว ดูซีรีส์เบา ๆ พอให้หัวใจได้พ
“ถ้าความเรียบร้อยเป็นคุณสมบัติของผู้หญิงที่ดี ฉันคงสอบผ่านทุกบททดสอบของโลกนี้แล้ว...”ฉันชื่อ ลินลี่ อายุยี่สิบสี่ปี เติบโตมาในบ้านที่ทุกสิ่งต้องอยู่ในระเบียบ โต๊ะกินข้าวต้องสะอาด ช้อนต้องวางหันหัวออกจากตัว และเสื้อผ้าทุกชิ้นต้องรีดจนเรียบกริบก่อนออกจากบ้านฉันไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยกลับบ้านเกินสี่ทุ่ม ไม่เคยโกหกพ่อแม่ และแน่นอน...ไม่เคยมีแฟนใช่ค่ะ ฟังดูเหมือนคนโบราณใช่มั้ย?บางคนบอกว่าฉัน "น่ารัก"บางคนบอกว่าฉัน "น่าเบื่อ"แต่ฉันรู้ตัวดีว่าชีวิตฉันไม่มีอะไรตื่นเต้นเลยสักนิดจนกระทั่งวันหนึ่ง...วันธรรมดา ๆ ที่ฉันนั่งอยู่ในคาเฟ่กับกลุ่มเพื่อนสนิทพวกเธอกำลังเม้าท์กันอย่างออกรสเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ และ...เซ็กซ์เรื่องที่สำหรับฉัน มันเหมือนอยู่คนละโลก“ลี่ แกไม่เคยเลยจริงดิ?”แพรว เพื่อนสนิทฉันถามพลางหัวเราะเบา ๆ“สมัยนี้ไม่มีแฟนไม่เท่าไหร่ แต่ไม่เคยจูบ? ไม่เคยแม้แต่โดนผู้ชายจับมือแบบใจสั่น? โอ๊ย! แกต้องลองบ้างแล้วว่ะ ชีวิตมันสั้น!”ตอนนั้น ฉันแค่ยิ้มจาง ๆ แล้วส่ายหน้าคำตอบที่ดูเหมือนไม่คิดอะไรแต่ข้างใน…กลับเต็มไปด้วยเสียงบางอย่างเบา…แต่กัดกินเหมือนเสียงหยดน้ำในห้องมืดเงียบเกินไ