สามวันก่อนหน้า
เสียงนาฬิกาปลุกเจ้าเก่าดังขึ้นตรงเวลาเป๊ะเหมือนทุกวัน ฉันเอื้อมมือออกไปกดปิดเสียงมันด้วยความเคยชิน ก่อนจะนอนนิ่ง ๆ สูดหายใจลึกอยู่อีกสามนาทีเต็ม ๆ ราวกับต้องรวบรวมพลังจากทั้งจักรวาลก่อนจะเริ่มวันใหม่ “โอเค... เริ่มต้นวันธรรมดาอีกวัน” (ธรรมดาจริงเหรอ? ฉันอยากให้มันเปลี่ยนไปไหมนะ? แล้วเปลี่ยนไป... เพื่ออะไรล่ะ?) ฉันลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเสียงบ่นเบา ๆ ในใจ ลมเช้าพัดม่านระเบียงเข้ามาแตะแก้มเบา ๆ เหมือนจะปลอบว่า "วันนี้ก็ยังมีเธออยู่นะ" ขั้นตอนถัดไปก็เหมือนทุกวัน ล้างหน้า แปรงฟัน มัดผมหางม้าต่ำ แล้วหยิบแว่นตากรอบหนาที่เป็นเหมือนเกราะเล็ก ๆ ไว้รับมือกับโลกที่วุ่นวาย เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็คสีกรม รองเท้าคัทชูสีดำ ทั้งชุดที่แม่ซื้อให้ในวันรับปริญญายังดูดีเหมือนเดิม นี่แหละ... ชีวิตของฉัน — ลินลี่ วัยเปล่งปล้่ง ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย และเที่ยงตรงเหมือนนาฬิกาเรือนเก่า ตื่นเช้า ขึ้นรถเมล์ตอนเจ็ดโมงตรงเป๊ะ ถึงออฟฟิศแปดโมงทุกวันทำงานแบบตั้งใจจนเพื่อนร่วมงานพูดกันเล่น ๆ ว่าฉันเป็น "เครื่องจักรมีชีวิต" เลิกงานหกโมง กลับบ้าน ทานข้าว ดูซีรีส์เบา ๆ พอให้หัวใจได้พัก แล้วก็เข้านอนก่อนสี่ทุ่มตามแผนชีวิตที่วางไว้อย่างดี ชีวิตของฉัน... สะอาด เป็นระเบียบ และไม่มีอะไรเกินเลย แต่มันจะ... สะอาดเกินไป ไหมนะ? บางวัน ฉันรู้สึกเหมือนทุกอย่างถูกร่างพิมพ์เขียวไว้แล้ว ไม่มีช่องว่างให้หลุดนอกเส้น เหมือนถูกวางไว้ในกล่องใสที่เรียบร้อยมากจนไม่มีแม้แต่รอยร้าวให้ลมหายใจไหลเวียน ฉันเหมือนถูกล็อกอยู่ในกรงที่มองไม่เห็น กรงที่ฉันสร้างขึ้นเองหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ ความสัมพันธ์? ฉันทั้งซิงและโสดสนิท ไม่เคยมีแฟน ไม่เคยแม้แต่จูบแรก ฟังดูน่ารักดีในนิยาย แต่ในชีวิตจริงมันก็มีคำถามตามมาเหมือนกัน บางคืนที่ล้มตัวลงนอนและแสงจากหน้าจอเริ่มหรี่ลง ฉันก็นึกสงสัยอยู่ลึก ๆ ว่าแท้จริงแล้ว... ฉันเป็นเพียงแค่ "เด็กดีของพ่อแม่" ที่ใช้ชีวิตตามคู่มือที่ใครไม่รู้เขียนไว้ หรือฉันเองต่างหาก ที่ยังไม่กล้าเขียนบทใหม่ของตัวเองสักที (ถ้าฉันเลือกเองได้... ฉันจะยังเป็นแบบนี้ไหมนะ?) “สวัสดีตอนเช้า ลินลี่ หน้าตาสดใสเชียววันนี้” เสียงคุ้นเคยที่ฟังเมื่อไหร่ก็รู้สึกดี ลอยมาตามกลิ่นกาแฟหอมอ่อน ๆและนั่นก็คือ... คุณอุษา หัวหน้าของฉัน เธอยังคงนั่งที่มุมเดิมของออฟฟิศ โต๊ะใกล้หน้าต่างที่แสงแดดอ่อนสาดผ่านมูลี่บาง ๆ ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่ดูไม่เคยเปลี่ยน แม้จะผ่านเช้ามาหลายพันวันแล้วก็ตาม กาแฟในมือเธอเหมือนเป็นเครื่องหมายประจำตัว เข้มพอจะปลุกให้ตื่น แต่หอมละมุนเหมือนเธอไม่มีผิด คุณอุษา เป็นคนที่ฉันทั้งเกรงใจและไว้วางใจในเวลาเดียวกัน เธอไม่ได้เป็นแค่หัวหน้า... แต่เป็นเหมือน แสงแรกของวันใหม่ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่า “วันนี้ ก็คงไม่แย่เท่าไหร่หรอกนะ” … “ตอนพักเที่ยง แพรว เพื่อนสนิทที่แทบจะเป็นคนเดียวในชีวิตที่ไม่ใช่แม่ โทร.เข้ามาเสียงดังทะลุจอมือถือ “ลี่! แกไม่เบื่อชีวิตแบบนี้บ้างเหรอวะ?!” ฉันหัวเราะแห้ง ๆ “เบื่ออะไรอะ?” พลางจิ้มไข่ต้มในข้าวกล่องจากร้านสะดวกซื้อที่อยู่ทุกหัวมุม “ชีวิตแกไง! ไม่มีแฟน ไม่มีจูบแรก ไม่มีแม้แต่ผู้ชายจะขอเฟซ! แกจะเป็นแม่ชีเหรอ?!” คำพูดของแพรวรุนแรง แต่มันก็คือความจริงที่ฉันไม่อยากยอมรับ (จริง ๆ แล้ว...ฉันก็อยากรู้จักความรักนะ แต่กลัว...กลัวจะผิดหวัง กลัวจะเสียใจ กลัวจะทำพลาด) ฉันเรียนบัญชี จบเกียรตินิยม ได้งานทำเร็ว พ่อแม่ภูมิใจในตัวฉันมาก แต่บางคืนก่อนนอน ฉันนอนจ้องเพดานห้องว่างเปล่า และตั้งคำถามกับตัวเองว่า “สิ่งที่ฉันเป็นตอนนี้...มันคือสิ่งที่ฉันเลือกเองจริง ๆ หรือแค่ทำตามสิ่งที่ ‘คนดี’ ควรเป็น?” “ศุกร์นี้ไนท์คลับเปิดใหม่! ฉันจะลากแกไปเอง!” แพรวทิ้งประโยคเหมือนประกาศสงคราม “ไม่มีข้ออ้าง!” ฉันจะเถียงว่า “ติดงาน” หรือ “ง่วงมาก” ก็ไม่ทันพูดจบ [แพรว: ถ้าไม่ไป = ตัดเพื่อน = บล็อกทุกช่องทาง] เด้งขึ้นบนหน้าจอทันที ...เพื่อนฉันนี่แรงไม่เบาเลยจริง ๆ (จริง ๆ แล้ว...ถ้าฉันไป... ฉันจะเป็นตัวของตัวเองได้ไหมนะ? หรือฉันจะกลายเป็นใครสักคนที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน) บ่ายวันนั้น ฉันนั่งทำงบการเงินต่อในออฟฟิศเล็ก ๆ ที่เย็นจัดจนเหมือนฉันถูกแช่ในฟรีซของซุปเปอร์มาร์เก็ต โต๊ะข้าง ๆ คือก้อง เพื่อนร่วมงานหนุ่มที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนและสายตาที่อบอุ่นเสมอ “พิมพ์แรงไปหน่อยนะ ลินลี่” เขาพูดพร้อมส่งยิ้มให้ “อ๊ะ ขอโทษค่ะ!” ฉันสะดุ้ง แล้วดึงมือออกจากคีย์บอร์ดทันที ก้องยิ้มบาง ๆ แล้วหันกลับไปทำงานต่อ เขาดูเป็นคนดี ถ้าฉันจะลองเปิดใจคบใครสักคน ก้องน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดี แต่ฉันไม่เคยรู้สึก ‘พิเศษ’ เวลาคุยกับเขาเลยสักครั้ง (ความรู้สึกที่ว่า ‘พิเศษ’ มันเป็นแบบไหนกันนะ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้สัมผัสมันสักที) … คืนนั้น ฉันยืนจ้องตัวเองในกระจก ใบหน้าจืดชืด ผมดำตรงราวกับผ้ากำมะหยี่ แว่นตาหนา ๆ เป็นเหมือนกำแพงโปร่งใส ที่ฉันเอาไว้กันโลกเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้เกิน ถอดแว่นออก ฉันเห็นรอยคล้ำใต้ดวงตาที่ไม่รู้ว่ามาจากแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือความเหงาที่เกาะกินใจ บางที...ฉันก็แค่ต้องการใครสักคน ไม่ต้องหล่อ ไม่ต้องรวย แค่คนที่มองฉันแล้วไม่ใช่แค่ ‘เด็กดีของพ่อแม่’ “ฉันไม่อยากดีจนไม่มีใครกล้าเข้ามา... และไม่อยากน่าเบื่อจนถูกมองข้าม” (ฉันอยากให้ใครสักคนเห็น ‘ฉัน’ จริง ๆ ไม่ใช่แค่ฉันในเวอร์ชันที่คนอื่นอยากให้เป็น) … ทันใดนั้น ข้อความจากแพรวเด้งขึ้นมาอีกครั้ง [ศุกร์นี้ 3 ทุ่ม หน้าร้าน 669 club ถ้าไม่มา = ฉันจะลากแกไปเอง] ฉันจ้องหน้าจอโทรศัพท์นิ่ง ๆข้อความของแพรวยังค้างอยู่ตรงนั้น เหมือนคำท้าทายที่ฉันไม่เคยกล้ารับ แต่ตอนนี้…ใจฉันสั่นนิด ๆเหมือนโดนคลื่นเล็ก ๆ ซัดเข้ามา… ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะบางอย่างในตัวฉัน…มันเริ่มไม่เหมือนเดิม นี่อาจจะเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่ฉันรู้สึกว่า…ฉันอยาก "เปลี่ยน" ไม่ใช่เพราะอยากมีแฟน ไม่ใช่เพราะอยากให้ใครมาชอบ และไม่ใช่เพื่อพิสูจน์อะไรกับโลก แต่เป็นเพราะ…ฉันแค่อยากรู้ ว่าฉันจะรู้สึกยังไง ถ้าได้เป็นตัวเองในแบบที่ไม่เคยลอง ในแบบที่ไม่ต้องขออนุญาตใคร... แม้แต่ตัวฉันเองในเวอร์ชันเดิมและแล้ว… วันนี้ก็มาถึงจริง ๆ มันก็แค่วันศุกร์ธรรมดา — วันหยุดราชการที่ควรจะเอาไว้นอนดูซีรีส์ กินข้าวกล่องแบบเดิม แต่ไม่ใช่วันนี้เพราะวันนี้... หัวใจฉันเต้นแรงราวกับกำลังจะเข้ารอบไฟนอลของเรียลลิตี้โชว์ ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองสมัครไว้ตอนไหน ไม่มีสคริปต์ ไม่มีพร็อพ ไม่มีแผนสำรอง มีแค่ใจที่สั่น... กับร่างที่ถูกเซตมาเต็มแม็กซ์ตั้งแต่เช้าเสื้อโค้ทยาวคลุมเข่า…เป็นเหมือนเกราะกำบังสุดท้าย ก่อนฉันจะกลั้นใจเปิดประตูแท็กซี่ ก้าวเท้าลงตรงหน้าร้าน 669แสงนีออนกระพริบอยู่เหนือหัว ป้ายไฟสีน้ำเงินดูเย้ายวนกว่าทุกครั้งที่เคยผ่านมา และพวกเธอก็ยืนรออยู่ตรงนั้น แพรว กับ แยม สองสาวสุดแซ่บ เพื่อนรักตั้งแต่สมัยเรียนที่ไม่เคยปล่อยให้ชีวิตฉันเรียบเกินไปเรานัดกินข้าวบ้าง นัดเมาท์มอยบ้าง แต่คืนนี้...ไม่เหมือนทุกคืน คืนนี้คือ "คืนแรกในไนท์คลับ" ของฉัน ลินลี่ยังไม่ทันได้พูดอะไร แพรวก็ลากฉันตรงไปที่ห้องน้ำหญิงด้านหลังร้านทันที “ลี่! ไปเติมหน้าด่วน! ปากกับแก้มแกจืดมาก เหมือนคนเพิ่งตื่นมา แล้วโดนหลอกให้มาเที่ยว”“โห พูดขนาดนี้เลยเหรอ…” ฉันยิ้มเจื่อน ๆ แต่ก็ปล่อยให้โดนลากไปแบบคนที่ปากบอกไม่ แต่ใจกำลังลุ้
เย็นวันพฤหัสฯ ก่อนวันนัด..“แกจะใส่เสื้อคอปกไปตายเหรอลี่?! เอาจริงดิ?” เสียงแพรวดังลั่นกลางร้านเสื้อผ้าเหมือนมีประกาศภัยพิบัติเกิดขึ้นตรงราวแขวนฉันยืนเกร็งอยู่หน้าห้องลองเสื้อในห้าง หัวแทบหดเข้าไปในปกเสื้อ แม่ค้าหันมามองฉันเหมือนฉันเพิ่งฆ่าความหวังของแฟชั่นทั้งร้านตายคาที่“ก็มันเรียบร้อยดีอะ...”ฉันตอบเสียงอ่อย พยายามเอามือดึงชายเสื้อให้ยาวขึ้นอีกนิด ทั้งที่มันก็ไม่ขาดไม่เกินอะไรเลย “เรียบร้อยแบบที่ต่อให้ลุคนี้ลง Tinder ก็ไม่มีใครปัดขวาน่ะสิ! แกฟังนะ วันนี้...เราจะอัปเกรดลินลี่เวอร์ชันคุณหนูบัญชีให้เป็น ลินลี่เวอร์ชันคลับเบอร์มือใหม่ เข้าใจมั้ย!”ฉันถอนหายใจอย่างหมดทางสู้ พลางปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวเดิม มองดูเดรสเกาะอกสั้น สีแดงแปร๊ดในมือแล้วก็ได้แต่พึมพำเบาๆ“นี่ฉันจะโดนจับไปรับบทใน นางเอก AVรึเปล่าวะ...”“อย่าคิดเยอะ! ใส่เลย! แล้วเดินออกมาให้ฉันเห็นความสับ!”พอเปิดม่านออกไปแพรวก็ถึงกับช็อกหงายหลังในจินตนาการ“โอ้โห!!! โอ๊ยแม่...นี่แกแอบมีหน้าอกอยู่เหรอ?! ฉันนึกว่าแฟลตกว่า spreadsheet ซะอีก!”“หยุดเลยแพรว! ฉันอาย!”“ไม่ต้องอายเว้ย!! แกสวยมาก สวยแบบ…ถ้าผู้ชายเห็นแล้วไม่เหลียวคือมั
สามวันก่อนหน้าเสียงนาฬิกาปลุกเจ้าเก่าดังขึ้นตรงเวลาเป๊ะเหมือนทุกวัน ฉันเอื้อมมือออกไปกดปิดเสียงมันด้วยความเคยชิน ก่อนจะนอนนิ่ง ๆ สูดหายใจลึกอยู่อีกสามนาทีเต็ม ๆ ราวกับต้องรวบรวมพลังจากทั้งจักรวาลก่อนจะเริ่มวันใหม่“โอเค... เริ่มต้นวันธรรมดาอีกวัน” (ธรรมดาจริงเหรอ? ฉันอยากให้มันเปลี่ยนไปไหมนะ? แล้วเปลี่ยนไป... เพื่ออะไรล่ะ?)ฉันลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับเสียงบ่นเบา ๆ ในใจ ลมเช้าพัดม่านระเบียงเข้ามาแตะแก้มเบา ๆ เหมือนจะปลอบว่า "วันนี้ก็ยังมีเธออยู่นะ"ขั้นตอนถัดไปก็เหมือนทุกวัน ล้างหน้า แปรงฟัน มัดผมหางม้าต่ำ แล้วหยิบแว่นตากรอบหนาที่เป็นเหมือนเกราะเล็ก ๆ ไว้รับมือกับโลกที่วุ่นวายเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสแล็คสีกรม รองเท้าคัทชูสีดำ ทั้งชุดที่แม่ซื้อให้ในวันรับปริญญายังดูดีเหมือนเดิมนี่แหละ... ชีวิตของฉัน — ลินลี่ วัยเปล่งปล้่ง ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย และเที่ยงตรงเหมือนนาฬิกาเรือนเก่า ตื่นเช้า ขึ้นรถเมล์ตอนเจ็ดโมงตรงเป๊ะ ถึงออฟฟิศแปดโมงทุกวันทำงานแบบตั้งใจจนเพื่อนร่วมงานพูดกันเล่น ๆ ว่าฉันเป็น "เครื่องจักรมีชีวิต" เลิกงานหกโมง กลับบ้าน ทานข้าว ดูซีรีส์เบา ๆ พอให้หัวใจได้พ
“ถ้าความเรียบร้อยเป็นคุณสมบัติของผู้หญิงที่ดี ฉันคงสอบผ่านทุกบททดสอบของโลกนี้แล้ว...”ฉันชื่อ ลินลี่ อายุยี่สิบสี่ปี เติบโตมาในบ้านที่ทุกสิ่งต้องอยู่ในระเบียบ โต๊ะกินข้าวต้องสะอาด ช้อนต้องวางหันหัวออกจากตัว และเสื้อผ้าทุกชิ้นต้องรีดจนเรียบกริบก่อนออกจากบ้านฉันไม่เคยโดดเรียน ไม่เคยกลับบ้านเกินสี่ทุ่ม ไม่เคยโกหกพ่อแม่ และแน่นอน...ไม่เคยมีแฟนใช่ค่ะ ฟังดูเหมือนคนโบราณใช่มั้ย?บางคนบอกว่าฉัน "น่ารัก"บางคนบอกว่าฉัน "น่าเบื่อ"แต่ฉันรู้ตัวดีว่าชีวิตฉันไม่มีอะไรตื่นเต้นเลยสักนิดจนกระทั่งวันหนึ่ง...วันธรรมดา ๆ ที่ฉันนั่งอยู่ในคาเฟ่กับกลุ่มเพื่อนสนิทพวกเธอกำลังเม้าท์กันอย่างออกรสเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ และ...เซ็กซ์เรื่องที่สำหรับฉัน มันเหมือนอยู่คนละโลก“ลี่ แกไม่เคยเลยจริงดิ?”แพรว เพื่อนสนิทฉันถามพลางหัวเราะเบา ๆ“สมัยนี้ไม่มีแฟนไม่เท่าไหร่ แต่ไม่เคยจูบ? ไม่เคยแม้แต่โดนผู้ชายจับมือแบบใจสั่น? โอ๊ย! แกต้องลองบ้างแล้วว่ะ ชีวิตมันสั้น!”ตอนนั้น ฉันแค่ยิ้มจาง ๆ แล้วส่ายหน้าคำตอบที่ดูเหมือนไม่คิดอะไรแต่ข้างใน…กลับเต็มไปด้วยเสียงบางอย่างเบา…แต่กัดกินเหมือนเสียงหยดน้ำในห้องมืดเงียบเกินไ