LOGINช่วงเวลาตีสองใกล้จะตีสาม ห้องนอนหรูที่ตอนนี้ไม่หลงเหลือแสงไฟจากแชนเดอเรียด้านบนแล้ว ภายในห้องมืดสนิท สิ่งที่ได้ยินคือเสียงเครื่องปรับอากาศที่ยังคงทำงาน และลมหายใจของคนสองคนที่ร่างกายแนบชิดติดกัน
เรเน่ที่หมดสติไปตั้งแต่ตอนที่โดนพาตัวมา เธอเริ่มรู้ตัวแต่มึงจะขยับตัวกลับขยับตัวไม่ได้แม้แต่น้อยร่างกายถูกกอดหลังจากคนที่อยู่ข้างกายเธอ เธอใช้เพียงมือด้านซ้ายสำรวจร่างกายตัวเองพบว่ายังใส่เสื้อผ้าอยู่ “โล่งอก คิดว่าจะไม่มีโอกาสได้ตื่นมาใช้ชีวิตแล้ว” เธอยกมือขวาขึ้นในความมืดละรู้ในทันทีว่ามีอะไรบางอย่างเจาะอยู่ที่มือ และมีสายยาว ๆ คงจะเป็นน้ำเกลือ?เรเน่เพียงแต่เดาไปในความมืด “เขาไม่ได้ฆ่าฉัน แต่พาฉันมารักษาเหรอ?” “แล้วทีนี่โรงพยาบาลอย่างั้นใช่ไหม” แต่โรงพยาบาลมีเตียงนอนที่นอนสบายขนาดนี้เลยหรอ ละนอนพอสำหรับสองคนด้วยหรอ เรเน่ได้แต่นอนคิดทุกอย่างมืดดำมองอะไรไม่เห็นเลย “แล้วใครกอดฉันอยู่เนี่ย!” “อึดอัดนะไอ้บ้านี่” เรเน่พยายามใช้มือข้างซ้ายแกะมือร่างหนาที่กอดรัดตัวเธอให้ออกแต่ยิ่งเธอพยายามแกะมือหรือยกแขนเขาออกแค่ไหนคนที่กอดเธออยู่ก็ยิ่งออกแรงมากขึ้นเธอเลยต้องใช้มืออีกข้างมาช่วยแต่ก็ไม่เป็นผล เรเน่ชั่งใจอยู่ครูหนึ่งและตัดสินใจแล้วว่าเธอจะทำเพราะถ้าไม่ทำก็ไม่รู้ว่ามีโอกาสได้หลุดพ้นจากใครที่ไหนก็ไม่รู้มานอนกอดเธอรัดแน่นจนจะหายใจไม่ออกอยู่แล้ว ถ้าคน คนนี้ไม่หลับลึกก็คงจะแกล้งเธอเป็นแน่ เรเน่ง้างมือในความมืดเธอคิดไว้แล้วว่าตีลงไปที่แขนเขาไม่ว่ายังไงก็ต้องใช้มือด้านขวาที่เจาะถุงเลือดเตรียมที่จะตีลงไปแต่แล้วก็เกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้น “ไม่ว่าคิดจะทำอะไร ให้หยุดคิดในสิ่งที่จะทำ” เสียงเย็นชามีม่ความแข็งกระด้างเเอ่ยออกมาที่ละคำอย่างช้า ๆ ทำเอาคนคนตัวเล็กที่ได้ยินมีอาการขนลุกเสียวสันหลังวูบวาบ เรเน่ลดมือลงเธอจำเสียงเขาได้ดี เขาคือนายท่านที่ทุกคนในห้องนั้นยำเกรง ไม่ว่าเขาจะสั่งอะไรแต่เสียงของเขามันทำเธอใจสั่นตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก “ฉันเข้าห้องผิดค่ะ” เธอจำได้ว่าก่อนจะหมดสติเขาถามอะไรเธอไว้ ถ้านี่คือโอกาสที่พระเจ้ามอบให้เธอได้รอดชีวิต เธอจะอธิบายและพูดความจริงทุกอย่างกับเขา “ฉันไม่ได้โกหกคุณจริง ๆ นะคะ ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟที่คลับวันนั้นรุ่นพี่วานให้ฉันขึ้นมาเสิร์ฟห้องวีไอพี ฉันเข้าใจว่าห้องของคุณคือห้องเก้าตามป้ายแต่ที่จริงป้ายมันคือเลขหก” “สิ่งที่ฉันเห็นทั้งหมด ฉันจะไม่บอกว่าจำไม่ได้หรือบอกว่าจะลืม แต่ฉันขอให้สัญญาว่าฉันจะไม่มีทางพูดกับใครหรือไปแจ้งตำรวจแน่นอนค่ะ” “หึ เธอคิดว่าตำรวจประเทศเธอทำอะไรฉันได้อย่างงั้นเหรอสาวน้อย” เขาอยากจะหัวเราะให้กับความคิดที่ใสซื่อบริสุทธิ์นี้ของเธอเหลือเกิน “คะ? ไม่ค่ะฉันก็ไม่รู้ว่าคุณใหญ่โตขนาดไหนแต่ที่คุณไม่ฆ่าฉันในทันที ฉันคิดว่าคุณคงมีเหตุผลพอสมควรที่จะฟังคำอธิบายค่ะ” “ทำไมไม่ร้องไห้” “ร้องไห้? แผลที่มือเหรอคะ มันก็เจ็บนะคะแต่ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงไม่ได้ร้องไห้ออกมา” เธอก็ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ร้องไห้ทั้งที่มันเจ็บมาและเธอก็กลัวมากแต่ก็ไม่ได้ยอมร้องออกมาแม่แต่หยดเดียว “บางทีฉันอาจจะกลัวคุณมากจนแม้แต่น้ำตาก็ไม่กล้าที่จะไหลออกมามั้งคะ” “หึ อะแฮ่ม” ‘เขาหัวเราะเหรอ?’ เรเน่รู้สึกเหมือนเขาจะหัวเราะกับประโยคที่เธอพูดไปก่อนหน้านี้เลย “เคยร้องไห้ไหม” “ก็ต้องเคยสิคะ!” “แล้วคุณไม่เคยร้องไห้เหรอคะ” “ฉันร้องไห้จนมันไม่เหลือน้ำตาให้ร้องออกมาอีกต่อไปแล้ว” ประโยคที่เธอได้ยินทำไมเธอถึงได้รู้สึกว่าเขาเจ็บปวดกับคำที่พูดออกมากันนะ “คุณ เอ่อ คุณท่านจะไม่ฆ่าฉันแล้วใช่ไหมคะ” “คุณท่าน? หึ ฉันเคยพูดว่าจะฆ่าเธอ?” “ไม่ค่ะ ไม่เคยพูดค่ะ” จุ๊บ ริมฝีปากบางจูบลงที่หน้าผากหม่นอย่างอ่อนโยน คนตัวเล็กตกที่ถูกจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อเขาโน้มลงมามาจูบหน้าผากเธอทำเอารู้สึกใจเต้นแรงแปลก ๆ ทั้งกลัวทั้งเขิน “คุณทำแบบนี้ทำไมคะ?” “Otterrò tutto ciò che voglio” (“ฉันจะได้ทุกอย่างที่ฉันต้องการ”) “คะ?” ภาษาอะไรของเขากันอย่างนี้เธอจะเข้าใจที่เขาพูดไหม “นอน ไม่ต้องถามอะไรแล้วไม่งั้นฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้ง” สิ้นประโยคนั้นเรเน่ก็เงียบกริบไม่ปริปากพูดหันหน้าเข้าซบอกแกร่งนอนหลับตาปี๋ ไม่มีใครไม่กลัวความตายหรอกและยิ่งมีซาตานอยู่ข้างกายแบบนี้จะกระชากวิญญาณเธอไปตอนไหนก็ได้ อย่าเสี่ยงเอาชีวิตมาทิ้งโดยที่ยังไม่ได้ใช้ชีวิตให้เต็มที่ ขู่เก่งทำไมพี่เอริคน่ากลัวแบบนี้คะ กดติดตามหน้าไปรไฟล์ไรท์เตอร์หน่อยค้าบ โปรดแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจเราได้ไหม ไรท์ดีทีและมีกำลังใจมาแต่งเพราะคนที่แสดงความคิดเห็นเลยน้า ฝากกดไลค์ กดติดตาม กดคอมเมนท์เอริคนั่งเอนตัวอยู่กับเก้าอี้ทำงานตัวโปรดพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย บนโต๊ะมีแก้วไวน์วางอยู่ มืออีกข้างวางลงกับที่วางแขนตรงเก้าอี้ ส่วนปากก็คีบบุหรี่หันหน้าไปมองทางรูปถ่ายครอบครัวที่แขวนไว้กับฝาผนังห้องทำงานใหญ่ ที่ในภาพถ่ายนั้นมีพ่อ แม่ และน้องสาวและเอริค แม้ว่าท่านแม่จะเป็นแม่เลี้ยงและน้องสาวจะไม่ใช่น้องแท้ๆของเขาด้วยก็ตาม แต่เขาก็รักทั้งสองคนมากรักเหมือนครอบครัวเดียวกัน เขาไม่เคยได้สัมผัสคำว่าแม่ ตอนที่ยังเด็กคำว่าแม่คืออะไรเขาแทบจะไม่รู้เพราะเกิดมาก็มีแต่ท่านพ่อแล้ว แม่ของเขานั้นเสียไปตั้งที่คลอดเอริคเลย จนกระทั่งท่านพ่อเเต่งงานใหม่แม่เลี้ยงก็เข้ามาดูแลเขาตั้งแต่ตอนที่เอริคอายุได้ 8 ขวบและเธอก็มีลูกติดมาด้วยก็คือ เอลิน่า อายุ 4 ขวบ คุณแม่อันนาให้ความรักและการดูแลเลี้ยงดูเอริคมาอย่างดีทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและเขาก็คิดว่าอันนาเหมือนกับแม่แท้ๆ ทุกคนต่างมีความสุขกับคำว่าครอบครัวของเรา ทุกอย่างเหมือนจะเป็นแบบนั้นแต่แล้ว…มันก็ไม่เป็นแบบนั้นได้อีกเพราะผู้หญิงที่เขารัก“เอวาลินทำไมเป็นเธอที่มาทำลายความสุข ทั้งที่เราควรจะมีความสุขไปด้วยกัน”เอริคยังคิดถึงเธอเสมอแม้มันจะไม่ควรเลยก็ตามเพราะเธอ
“ดูเหมือนเธอจะลืมไปนะว่าไอ้พวกที่มันท้าทายฉันพวกมันมีจุดจบเป็นยังไง”คำพูดนั้นทำให้เธอนิ่งไปในทันที เธอจะไม่ต่อปากต่อคำกับเขาเพราะเธอรู้ดีว่าไม่คุ้มที่จะเสี่ยง“ไงกระต่ายน้อย ไม่ปากดีแบบเมื่อกี้แล้วเหรอ”“…” ไร้เสียงตอบจากคนตัวเล็ก“อย่ามาเงียบใส่”“ฉันไม่อยากต่อปากต่อคำแล้วค่ะ”“ดี อย่าคิดที่จะหนีไปจากฉัน ชีวิตเธอต่อจากนี้เป็นฉันที่จะตัดสินว่าเธอจะอยู่หรือเธอจะตาย”เอริคปล่อยมือออกจากคอเธอวางมือยันลงไปกับเตียงจากนั้นก็ก้มหัวลงไปประกบปากจูบร่างบางที่นอนอยู่ข้างใต้ร่าง เอริคดูดปากเรเน่อย่างรุนแรงลงปากลงไปอย่าง มีขบกัดเล็กน้อยให้เธอเปิดปากแต่ก็สร้างความเจ็บให้กับร่างบางอยู่ดี ครั้งนี่เรเน่จูบกลับและกัดปากเขาคืนจนเลือดออก เธอจะไม่ยอมเจ็บอยู่ฝ่ายเดียวหรอกนะ“เก่งนิรู้จักเอาคืน”“ฉันเรียนรู้ได้เร็วค่ะ”เรเน่ตอบกลับไป และเธอใช้ลิ้นเล็กๆของเธอนั้นเลียที่บริรอบปากตัวเอง เอริคที่เห็นอย่างนั้นรู้สึกมีอารมณ์ขึ้นมาก็ประกบปากจูบเธออีกครั้ง และครั้งนี้มือหนาเริ่มอยู่ไม่นิ่งเปิดเสื้อเรเน่ที่ยังคงสวมใส่ชุดคนไข้ขึ้นมากองอยู่บริเวณหน้าอก ใบหน้าเอริคเลื่อนตำลงมาดูดึงยอดปทุมสีชมพู เรเน่ที่รู้สึกว่ามันอาจ
อะไรเย็นๆที่หน้าทำให้เรเน่รู้สึกตัวจากการที่นอนหลับอย่างลึกมันเหมือนเป็นน้ำเปียกๆที่หน้าจนเธอต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะคิดว่าเป็นเอริคหรือเปล่าที่ทำ เมื่อกะพริบตาให้มองชัดขึ้นเธอก็เห็นว่าเป็นแมวของตัวเองที่มาเลียบริเวณใบหน้าของเธอ“พี่มิลค์ พี่ลีโอ”เสียงของเธอตะโกนร้องออกมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นเจ้าแมวสองตัวของเธอมาอยู่ตรงหน้า เรเน่รีบนั่งขึ้นโอบอุ้มแมวทั้งสองตัวเข้ามากอดด้วยความคิดถึงอย่างสุดหัวใจทั้งหอมทุั้งจุ๊บเจ้าแมว“เขาไม่ได้ทำอะไรพวกหนูใช่ไหมครับ มี้คิดถึงพวกหนูมากเลย”“เมี๊ยว เมี๊ยว” เสียงแมวของเธอต่างพากันร้องเหมือนแสดงความดีใจที่ได้เจอเจ้านายตัวเอง“มี้กลับไปหาที่บ้านไม่เจอพวกหนู มี้หัวใจมันเหมือนกับว่าแตกออกเป็นเสี่ยงๆเลยรู้ไหม”“เมี๊ยว เมี๊ยว”“รักพวกมันขนาดนั้นเลย?”น้ำเสียงแข็งกระด้างของเอริคดังขึ้น“คุณ คุณเอริค”เรเน่ย้ายแมวทั้งสองตัวของเธอไปอยู่ข้างหลังด้วยความกลัวว่าเอริคที่ไม่ชอบสัตว์จะทำอะไรแมวของเธอ“ย้ายพวกมันไปไว้ข้างหลังทำไม”“ก็คุณไม่ชอบสัตว์…”เอริคยืนนิ่งกอดอกพิงผนังห้องจ้องมองมายังคนตัวเล็กที่นั่งบนเตียง มือที่เจ็บของเธอจับแมวสองตัวย้ายไปไว้ด้านหลังจากนั้นพวก
โรงพยาบาลเอกชน“โชคดีที่ไม่มีอะไรหัก นี่มึงทำเกินไปแล้วนะ”โอลิเวอร์กล้าตักเตือนเพื่อนรัก “กู…เธอไม่ตายใช่ไหม” เขากำลังจะพูดอธิบายว่าไม่ได้ตั้งใจแต่ก็กลืนคำพูดพวกนั้นลงคอไป และเลือกจะถามอาการ ถึงจะใช้คำพูดที่โจ่งแจ้งไปหน่อย…“ไม่ตาย แต่ต่อไปก็ไม่แน่นะถ้ามึงยังรุนแรงแบบนี้”“กูเตือนมึงไว้เลยนะการที่มึงเคยโดนทำร้ายมากูเข้าใจว่ามันคือบาดแผล แต่มึงจะมาทำร้ายคนที่เขาไม่รู้อะไรแบบนี้ไม่ได้”“….”“มึงจะใช้ความเจ็บปวดที่ตัวเองได้รับมาทำร้ายคนบริสุทธิ์ไม่ได้นะ”“ไม่ใช่ทุกคนที่เขาจะทำร้ายมึงหรอกนะ ถ้ามึงเจอคนที่ทำให้มึงกลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้แล้ว”“มึงรักษาเขาไว้อย่างดี มันจะไม่ดีกว่าหรอวะ”“มึงเป็นหมอหรือเป็นคุณพ่อ ถ้ามึงจะสอนกูมึงไปบวชเป็นพระไหม”เอริคพูดกลับไปอย่างไม่อยากจะฟังคำเตือนของเพื่อน“เออ กูจะรอดูมึงเลย”“เธอ ฟื้นหรือยัง”“ยัง กูจะย้ายไปห้องพักvvipให้มึงก็ดูจนกว่าเธอจะฟื้น แผลช้ำในกลับไปรักษาที่บ้านได้อาการหนักเธอไม่ได้น่าเป็นห่วง โชคดีที่มึงตีแค่ครั้งเดียว”“กูไม่ได้จะตีเธอ”“เออกูก็ไม่คิดว่ามึงจะกล้าทำเธอหรอก”“แต่เมื่อกี้มึงด่ากูเหมือนกูตั้งใจทำอย่างนั้น”“กูพ
เรเน่นั่งรถแท็กซี่มายังเพนท์เฮาส์ของเอริค เพียงแค่ค้นหาชื่อเขาจากอินเทอร์เน็ตก็ขึ้นประวัติมามากมาย และเพนท์เฮ้าส์นี้ก็ไม่ได้ถูกปกปิดแต่อย่างไรแถมยังโจ่งแจ้งอีกต่างหากสภาพเรเน่ยังคงสวมใส่ชุดคนไข้อยู่ เธอรีบร้อนอยากจะมาหาแมวเพียงหยิบเงินติดตัวมาเล็กน้อยเรเน่ก้าวเท้าลงจากรถแท็กซี่ยืนมองตึกสูงตรงหน้าด้วยจิตใจที่ว้าวุ่น“หนีออกมาได้แล้วแท้ๆแต่ฉันกลับเป็นคนที่เดินกลับเข้าไปในกรงขังนี้เอง เฮอะ”วินที่ขับรถออกมาจากชั้นใต้ดินจะไปตามหาเธอตามคำสั่งเอริคสายตาอันเฉียบแหลมเหลือบไปเห็นผู้หญิงร่างบางในชุดคนไข้เขาก็รู้ในทันทีว่าคือเรเน่ เขารีบลงจากรถทันที“คุณเรเน่ คุณหายไปไหนมาครับรู้ไหมว่านายท่านโมโหแค่ไหน ใครเข้าหน้าท่านก็ไม่ติด”“พาฉันไปหาเขาได้ไหมคะ”“ได้อยู่แล้วสิครับนายท่านอยากเจอคุณเรเน่ที่สุดแล้วครับ”วินประคองเรเน่เข้าไปในเพนท์เฮ้าส์กดไปชั้นที่เอริคอยู่ ซึ่งมันคือชั้นลงโทษหรือชั้นแห่งการทรมานคน…“นายท่านโกรธมากที่คุณหายไป ท่านเลยลงโทษนิคกับคนที่ดูแลคุณเรเน่อยู่ครับ แต่ถ้าท่านเห็นคุณเรเน่ ท่านจะต้องหายโกรธอย่างแน่นอนครับ”“เหรอคะ? ไม่ใช่ว่าเขาจะฆ่าฉันแทนเหรอคะ”“ไม่มีทางเป็นอย่างน
ก็อกๆ“ขออนุญาตมารายงานอาการของคุณนิชานันท์นะคะ คุณหมอโอลิเวอร์บอกว่าเธอต้องผ่าตัดใส่ติ่งอักเสบขั้นรุนแรงและ..”“ใส่ติ่งอักเสบ?”เอริคทวนคำพูดของพยาบาลสาว“ใช่ค่ะ คุณนิชานันท์เธอเป็นใส่ติ่งอักเสบถ้ามาช้ากว่านี้อีกแค่นิดเดียวใส่ติ่งอาจแตกและเธออาจตายได้เลยค่ะ และมือที่ฉีกขาดจากการที่ถูกอะไรบางอยากกรีดลึกค่ะเลยต้องทำการเย็บใหม่ทั้งหมด เบื้องต้นการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยดี หลังจากนี้ต้องรอดูอาการและแผลผ่าตัดค่ะ”“เพียงแค่ฉันไม่ให้เธอกลับไปหาสัตว์เลี้ยงเธอต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอวะ”“นายท่านครับ สัตว์เลี้ยงในสายตาท่านอาจจะเป็นแค่สัตว์ธรรมดาแต่กับคุณเรเน่ที่ไม่มีครอบครัวเป็นที่พึ่งพา เธอจะเห็นสัตว์เลี้ยงพวกนั้นเป็นเสมือนครอบครัวของเธอครับ”คำพูดของนิคทำให้เอริคนิ่งและใช้ความคิดแม้เขาจะเห็นแก่ตัวและไม่พอใจในสิ่งที่เรเน่ทำแต่ครั้งนี้เขาจะยอมลงให้เธอสักครั้งละกัน เอริคหยิบโทรศัพท์โทรหาลูกน้องคนสนิทอย่างวินเพื่อนออกคำสั่งบางอย่าง“มีอะไรจะสั่งเหรอครับนายท่าน”“ไปเอาแมวที่คอนโดของเรเน่มาไว้ที่เพนท์เฮ้าส์”“มะแมวเหรอครับ”“เออ”ติ๊ด!สั่งเสร็จก็กดวางสายในทันทีจากนั้นไม่นานเรเน่ก็ถูกพาตัวมาที่ห้องพิเ







