จูเชว่นำเซ่อกานหรือว่านหางช้างที่เฟิ่งหรั่นต้องการมาได้ทันเวลา เนื่องจากหญิงสาวพอศึกษาศาสตร์แห่งสมุนไพรมาอยู่บ้าง นางจึงใช้พลังปราณเซียนในกายผสานกับว่านหางช้างเพื่อช่วยถอนพิษบาดแผลในกายของแม่ทัพพยัคฆ์หนุ่มทันที แต่เนื่องด้วยความต่างระหว่างพลังธาตุมีมาก ทำให้เฟิ่งหรั่นสูญเสียพลังปราณไปเกือบครึ่งหนึ่งในกาย
สัญลักษณ์ของไป๋หู่คือธาตุดิน แต่ทว่าเฟิ่งหรั่นคือธาตุไฟ ความต่างระหว่างธาตุย่อมมีมาก ส่วนไป๋ลู่นั้นไม่มีพลังมากพอที่จะใช้กับว่านหางช้าง ซึ่งเป็นสมุนไพรระดับเซียนได้ มีเพียงแต่เฟิ่งหรั่นเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้ วิหคหนุ่มไม่รู้ว่าควรตัดสินใจบอกเรื่องของเสวียนอู่ดีหรือไม่ พอเขากำลังจะอ้าปากเอ่ย กลับถูกขัดด้วยน้ำเสียงของเฟิ่งหรั่นเสียก่อน “ข้าต้องถ่ายทอดพลังให้ท่านแม่ทัพอีกหน่อย พวกเจ้าทั้งสองไปพักผ่อนก่อนเถิด โดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวลู่ เจ้าเองก็บาดเจ็บอยู่ เจ้ากับแม่ทัพจูเชว่ควรไปพักผ่อน ทางนี้ข้าจะจัดการเอง” เฟิ่งหรั่นออกคำสั่ง เพราะนางรู้ดีว่าไป๋ลู่กับจูเชว่ต้องแย้งอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้มีเพียงนางที่สามารถรักษาเขาได้ หากเขาไม่รอดก็คงเป็นอวี๋ฟางหรงปรากฏตัวอีกครั้งที่ตำหนักบูรพาหลังจากหายไปนานร่วมเดือนกว่า หลังจากมาที่ตำหนักแห่งนี้นางได้ทราบจากซ่งหลานว่าเฟิ่งหรั่นมิได้แยกตำหนักนอนแต่อย่างใด ตรงกันข้ามนางต้องพักตำหนักใหญ่กับองค์รัชทายาทในฐานะสามีภรรยากัน จึงเป็นการยากยิ่งหากลู่เฟยหลงยังทำตัวติดอีกฝ่ายอยู่แบบนี้ นางคงไม่มีโอกาสได้เล่าความจริงเรื่องบางอย่างนางหายไปนานร่วมเดือนก็จริง เพราะตนเองต้องการไปค้นหาความจริงบางอย่างเกี่ยวกับชาติกำเนิดที่แท้จริงของเฟิ่งหรั่นและเฟิ่งอี้ หลังจากงานแต่งของเฟิ่งหรั่นนางก็เก็บตนอยู่ในสถานที่ลับของนางเพื่อค้นเรื่องของเฟิ่งอี้ นางสงสัยมานานแล้วว่าเฟิ่งอี้นั้นอาจมิใช่บุตรีที่แท้จริงของอัครมหาเสนาบดีเฟิ่ง แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดที่พิสูจน์ได้ในหอชะตาเซียนเป็นสถานที่หวงห้ามในแดนสวรรค์ เทพต้องโทษอย่างนางหากลักลอบเข้าไปอาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ เนื่องด้วยความผิดของตนเองนั้นยังมีอยู่ หากก่อความผิดเพิ่มนางอาจโดนลงโทษรับเคราะห์สิบชาติแทนแต่ทว่าไม่มีสิ่งใดมาหยุดความอยากรู้ของอวี๋ฟางหรงได้ หอชะตาเซียนมีบันทึกข้อมูลเรื่องเซียนและมนุษย์มากมาย รวมถึงเรื่องเซียนที่ไม่ม
หลังจากเข้าเฝ้าไทเฮาเสร็จแล้ว ลู่เฟยหลงไม่ลืมพาเฟิ่งหรั่นไป ‘คำนับ’ ซู่ไท่เฟย อดีตพระสนมเอกในไท่ซ่างหวงพระองค์ก่อน ตามธรรมเนียมแล้วซู่ไท่เฟยคือสตรีอาวุโสในวังหลวงและวังหลัง ถือเป็นการสมควรที่ฮองเฮาและสนมเอกในรัชกาลปัจจุบัน รวมถึงรัชทายาทและพระชายาต้องให้ความเคารพเฟิ่งหรั่นทราบดีว่าสามีมีแผนการอันใดในใจ นางไม่ขัดข้องเด็ดขาดหากจะไปกล่าวบางอย่างกับซู่ไท่เฟยนางกำนัลหน้าตำหนักเข้ามากราบทูลไท่เฟย “ทูลไท่เฟยเพคะ องค์รัชทายาทและไท่จื่อเฟยเสด็จมาขอเข้าเฝ้าเพคะ”ซู่ไท่เฟยวางชิ้นซาลาเปาที่กำลังคีบอยู่ลงบนจาน สีพระพักตร์นิ่งเรียบตามปกติมิได้แสดงความรู้สึกใด พระนางทรงยิ้มอย่างอารีเมื่อเห็นสองหนุ่มสาวคู่หนึ่งเดินเข้ามา พระนางจำต้องเก็บความเกลียดชังเอาไว้ในใจแล้วแสดงรอยยิ้มเอื้ออารีมาแทน“ถวายพระพรซู่ไท่เฟย” เป็นเฟิ่งหรั่นที่คารวะผู้อาวุโสของฝ่ายในตามธรรมเนียม ใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มที่แฝงเลศนัยบางอย่าง นางมองผู้อาวุโสของวังหลังด้วยแววตาฉายประกายดั่งรอยยิ้ม“ตามสบายเถิดรัชทายาท พระชายา มาห
จูเชว่นำเซ่อกานหรือว่านหางช้างที่เฟิ่งหรั่นต้องการมาได้ทันเวลา เนื่องจากหญิงสาวพอศึกษาศาสตร์แห่งสมุนไพรมาอยู่บ้าง นางจึงใช้พลังปราณเซียนในกายผสานกับว่านหางช้างเพื่อช่วยถอนพิษบาดแผลในกายของแม่ทัพพยัคฆ์หนุ่มทันที แต่เนื่องด้วยความต่างระหว่างพลังธาตุมีมาก ทำให้เฟิ่งหรั่นสูญเสียพลังปราณไปเกือบครึ่งหนึ่งในกายสัญลักษณ์ของไป๋หู่คือธาตุดิน แต่ทว่าเฟิ่งหรั่นคือธาตุไฟ ความต่างระหว่างธาตุย่อมมีมาก ส่วนไป๋ลู่นั้นไม่มีพลังมากพอที่จะใช้กับว่านหางช้าง ซึ่งเป็นสมุนไพรระดับเซียนได้ มีเพียงแต่เฟิ่งหรั่นเท่านั้นที่สามารถทำเช่นนี้ได้วิหคหนุ่มไม่รู้ว่าควรตัดสินใจบอกเรื่องของเสวียนอู่ดีหรือไม่ พอเขากำลังจะอ้าปากเอ่ย กลับถูกขัดด้วยน้ำเสียงของเฟิ่งหรั่นเสียก่อน“ข้าต้องถ่ายทอดพลังให้ท่านแม่ทัพอีกหน่อย พวกเจ้าทั้งสองไปพักผ่อนก่อนเถิด โดยเฉพาะเจ้าเสี่ยวลู่ เจ้าเองก็บาดเจ็บอยู่ เจ้ากับแม่ทัพจูเชว่ควรไปพักผ่อน ทางนี้ข้าจะจัดการเอง” เฟิ่งหรั่นออกคำสั่ง เพราะนางรู้ดีว่าไป๋ลู่กับจูเชว่ต้องแย้งอย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้มีเพียงนางที่สามารถรักษาเขาได้ หากเขาไม่รอดก็คงเป็น
องค์หญิงเฟิ่งหรั่นตรัสด้วยพระสุรเสียงดังกังวานอย่างข่มขู่ เรื่องการต่อสู้นางไม่เป็นสองรองใคร หากจะให้นางเป็นรองก็คงเป็นรองเพียงไป๋หู่ แม่ทัพพยัคฆ์ขาวเท่านั้น ส่วนนอกนั้นนางมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่านางอยู่เหนือกว่าพวกเขา นางฝึกศิลปะการรบมาจากพระบิดาตั้งแต่เยาว์วัย แต่โดดเด่นที่สุดคือการยิงธนู นางเคยแสดงศักยภาพของตนเองต่อหน้าไท่ซ่างเหล่าจวินทั้งหลายด้วยการยิงธนูเข้าปากหมาป่าถึงเจ็ดดอกด้วยกัน และนั่นทำให้ฝีมือการรบของนางเป็นที่ประจักษ์ว่านางมิได้อาศัยอำนาจบิดาและมารดา เพื่อขึ้นเป็นจักรพรรดินี แต่นางจะเป็นจักรพรรดินีแห่งแดนสวรรค์ด้วยตัวนางเองแม่ทัพเสวียนอู่เคลื่อนอาชาเข้ามายืนขวางหน้าองค์หญิงเฟิ่งหรั่น เขาแสร้งใช้สายตาดุดันมองราชามารทั้งสามอย่างไม่พอใจ“นางเป็นธิดาแห่งแดนสวรรค์ พวกเจ้าสมควรมองนางด้วยสายตาจาบจ้วงเช่นนั้นรึ!” เสวียนอู่ตวาดถามราชามารลู่จี๋อย่างไม่พอใจองค์หญิงเฟิ่งหรั่นยกมือปรามแม่ทัพหนุ่ม นางเคลื่อนอาชาเข้ามาอยู่ตรงหน้าราชามารทั้งสาม ตามกฎการรบแล้ว ควรมีการเจรจาสงบศึกเสียก่อน แต่หากอีกฝ่ายไม่ยอมถอนความคิดกบฏและย
เฟยเซียงนั่งขบคิดอยู่ในมุมมืดของตำหนักสวรรค์ ห้องมืดแห่งหนึ่งที่นางใช้เป็นสถานที่วางแผนการชั่วร้ายต่างๆ มากมาย นางมองหญิงสาวอีกคนเดินเข้ามาในห้องมืดมิดแห่งนี้เพียงลำพัง ในห้องที่มืดมิดแห่งนี้มีเพียงแสงสว่างจากหน้าต่างบานเล็กที่สาดส่องเข้ามาเท่านั้น“นายหญิง ท่านอยู่ในนี้มานานหลายพันปีแล้วนะเจ้าคะ แผนการที่ท่านวางเอาไว้ ก็...” นางกำนัลสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างชัดเจน แต่ทว่าเฟยเซียงกลับไม่สนใจ แม้ว่าจะอยู่ในห้องที่มืดมิดเพียงลำพัง แต่นางกลับแต่งตัวอย่างสง่างามสมกับนางเซียน“ข้าต้องทรมานเพราะการกระทำของพวกมัน บุตรสาวของข้าต้องโดนกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า เฟิ่งหรั่น...นางต้องชดใช้!” เฟยเซียงกัดฟันกล่าวด้วยความเกลียดชัง นางเกลียดชังแดนสวรรค์! เกลียดชังทุกคน!“แต่หากเทียนโฮ่วทรงรู้เรื่องทั้งหมด ท่านอาจเดือดร้อนนะเจ้าคะ” นางกำนัลสาวเตือนด้วยความเป็นห่วง“ไม่มีอะไรจะให้ข้าเป็นกังวลมากกว่าการส่งบุตรสาวของข้าไปผจญอันตรายที่โลกมนุษย์ ข้าต้องทอดทิ้งนางตั้งแต่นางเกิดมา นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าคือมารดาที่แ
“หม่อมฉันกำลังสนทนากับองค์หญิงหนานจิง หากทรงมีเรื่องอันใดก็ให้กู่กงกงมาตามได้นะเพคะ” เมื่อถูกขัดจังหวะคุ้ยถามความลับบางอย่างจากอีกฝ่าย นางก็พลันหัวเสียได้ง่ายๆ ต่อให้เขาจะเป็นสามีของนางแต่ทำเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสมเท่าใดลู่เฟยหลงไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด ว่าเขานั้นกำลังหึงหวงนางแม้กระทั่งสตรีด้วยกัน! ชายหนุ่มมองเย่ไหลเซียงเชิงตำหนิเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินออกไปอย่างรู้งานพร้อมกับจิงเจียว นางลอบชำเลืองมองคู่สามีภรรยาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างนึกขันชายหนุ่มมองจนกระทั่งจิงเจียวและเย่ไหลเซียงออกไปจนลับสายตา อันที่จริงเขาแทบไม่มีอันใดจะต้องมาหานางที่เรือนรับรอง เนื่องด้วยราชกิจที่ติดพันกับฝ่าบาท แต่ทว่าเมื่อกู่กงกงมากราบทูลเรื่องที่พวกนางอยู่กันเพียงลำพัง และสนทนากันอย่างสนิทสนม มันทำให้เขารู้สึกกลัว กลัวว่าความลับของตนเองที่ปกปิดนางเอาไว้จะถูกเผยออกมาคนอย่างเฟิ่งหรั่นเกลียดการหลอกลวงเป็นที่สุด ข้อนี้เขาทราบดี หากนางทราบความจริงว่าเขาวางแผนทั้งหมดเพื่อได้แต่งงานกับนาง นางจะต้องเกลียดเขาถึงขั้นขอหย่าขาด ซึ่งเขาจะไม่มีวันยอมให้วันนั้นมาถึงอย่า