Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr
“อืมมมม”
Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr
“หนวกหู.......”
Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr
“อื้อออออ”
Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr
“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”
ติ้ด!
[ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]
“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”
[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ
“.......”
“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน
“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาขึ้นมาคือความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งกายตีคู่กันมากับอาการปวดหัวอย่างรุนแรง จนต้องครางออกมาเบาๆ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นกำลังแผดเสียงร้องอยู่อย่างต่อเนื่อง จนต้องเอื้อมมือไปคว้าเอามากดรับสาย
Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr
[มึงอยู่ไหน]
“อื้อออ อยู่ห้อง โทษทีว่ะ พึ่งตื่น เดี๋ยวกูรีบไป” ผมตอบรับกลับไปอย่างมึนๆ งงๆ พยายามเรียกสติของตัวเองให้กลับมา
[เออ เร็วๆ มึงช้ามา 2 ชั่วโมงละสัส] ไอ้นายว่าพลางกดตัดสาย แย่ละสิ ลืมไปเลยว่าวันนี้มีนัดทำงานกลุ่ม ทันทีที่วางสายก็ล้มตัวนอนอีกครั้ง ส่งเสียงครางเบาๆ
“อื้อออออ” ทำไมปวดไปทั้งตัวเลยว่ะ คิดพลางพยายามลืมตาขึ้นมอง
“รีบไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวพวกมันกินหัวเอา” น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านข้างทำให้ผมร้องบอกออกมา
“ปวดหัว....”
“ไหวรึเปล่า ให้อุ้มไปไหม”
“ทำไมต้องอุ้ม?” ถามพลางขมวดคิ้ว มือถูกยกขึ้นกุมศีรษะตัวเอง ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเก หลับตาแน่น ก่อนที่จะพยายามยันกายลุกขึ้น
แปล๊บ!
“โอ๊ะ!” ผมร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เมื่อความรู้สึกบางอย่างแล่นแปล๊บไปทั่วร่างทันทีที่ลุกขึ้นนั่งได้ ทำให้กะพริบตาปริบๆ ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวอีกครั้ง
แปล๊บ!
“โอ๊ย”
“พอเหอะ มึงไม่ไหวหรอก” ผมเงยหน้ามองตามต้นเสียงอย่างไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก ก่อนจะเห็นไอ้ซันที่ยืนเปลือยกายอยู่ข้างเตียงอีกฝั่ง แก่นกายที่กำลังตั้งตรงพองขยายกำลังโด่ชี้หน้าของผมอยู่
“เหี้ย!! อุบาทว์ลูกกะตา!!!” ผมตะโกนด่ามันออกมาดังลั่น ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองหน้ามันแทนแก่นกายที่กำลังขยับหัวหงึกๆ ทักทาย
“แค่เห็นมึงตอนนี้ก็ของกูก็โด่แล้ว” ผมขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า อย่างไม่เข้าใจสักเท่าไหร่ ก่อนจะก้มลงมองตัวเองในตอนนี้ ลำตัวที่เคยเป็นสีขาวผ่องอย่างลูกคุณหนูถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เต็มไปด้วยรอยรัก รอยฟัน และรอยนิ้วมือเป็นจ้ำๆ ตามตัว ยอดอกกลายเป็นสีแดงก่ำ ต่ำลงเป็นผ้าห่มที่ทำหน้าที่เพียงปกปิดแก่นกายของผมเอาไว้ ผมมองสภาพตัวเองอย่างอึ้งๆ นั่งนิ่งไปพักใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ามองมันด้วยความรวดเร็ว
“มะ มึง มึง อึก มึงกับกู?”
“เออ กูกับมึง” อีกฝ่ายพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“มะ มึง มึงกับกู อ่อ มึงกับกู อ่อ” ผมไม่กล้าพูดประโยคถัดมา ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ อย่างไปต่อไม่เป็น ก่อนจะได้คำยืนยันกลับมา
“เออ เอากันแล้ว”
“กะ กะ กู โดนเสียบ??”
“เออสิ”
“ห๊ะ!?” ผมได้แต่อ้าปากค้าง ไม่กล้าพูดคำไหนต่ออีก และอย่างไม่รู้ตัวไอ้คนหัวสีส้มอิฐก็เดินเข้ามาใกล้เสียแล้ว ก่อนจะตวัดแขนอุ้มผมขึ้น พาเดินมุ่งตรงไปห้องน้ำ
“ฮะ ฮะ เฮ้ย มะ ไม่ต้อง กูเดินเองได้” ผมร้องปฏิเสธ พยายามขืนตัวเอาไว้เต็มที่ อีกฝ่ายก็มองหน้าผมนิ่งๆ ก่อนจะเอ่ยถามออกมา
“แน่ใจ?”
“อ่อ มึงช่วยพยุงก็พอ” ดังนั้นไอ้ซันจึงวางผมลงที่พื้นพรมเบาๆ เอาแขนของผมพาดไหล่ คอยช่วยพยุงตามที่ร้องขอ พอเท้าแตะพื้นแล้วรู้เลยครับ แม่งเอ้ยยยยยย เดินอย่างกะคนเป็นง่อย แข้งขาไร้เรี่ยวแรง จนแทบจะล้มหน้าคว่ำ
“ดื้อไง” อีกคนว่ากลับมาอย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะทำท่าจะอุ้มผมอีกครั้ง
“มะ มะ ไม่ต้อง กูไหว” ผมร้องบอกออกมา ก่อนจะพยายามเดินไปที่ห้องน้ำด้วยตัวเอง
แหมะ แหมะ แหมะ
ความเหนอะแหนะไหลออกมาจากช่องทางด้านหลัง หยดลงบนพื้นพรม ทำให้ผมก้มหน้ามอง ไม่กล้าเดินต่อ แต่เพราะไอ้ซันคอยพยุงเดินไป ทำให้ต้องละความสนใจจากสิ่งที่เปรอะเปื้อนตรงหน้า มุ่งเข้าห้องน้ำ ลงไปนอนแช่ในอ่างขนาดพอดีตัว ไอ้ซันนั่งยองๆ ที่ด้านข้าง เปิดน้ำอุ่นให้จนเต็มอ่าง
“เอาน้ำออกก่อนนะ” พูดพลางขยับมือเข้ามาใกล้ จนผมผวารีบจับคว้าเอาไว้
“ทำอะไร”
“เอาน้ำออกไง”
“ออกยังไง?” ถามพลางขมวดคิ้วมองอย่างสงสัยปนหวั่นใจ
“มันเข้าทางไหนก็ออกทางนั้นนั่นแหละ”
“กะ กู กูทำเอง” ผมร้องบอกออกมา ไอ้ซันจึงถอนมือออกช้าๆ แล้วเท้าคางที่ขอบอ่าง มองดูผมอย่างใจเย็น
“มองทำไม มีอะไรก็ไปทำสิ”
“กำลังทำอยู่”
“ทำอะไร กูเห็นว่ามึงนั่งอยู่เฉยๆ น่ะ” ผมขมวดคิ้ว น้ำเสียงเริ่มจะหงุดหงิดเมื่อไอ้ซันมันกวนตีน ปวดหัวก็ปวด เจ็บตัวก็เจ็บ แถมมันยังมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อมองจ้องไม่วางตานี่อีก
“ดูแลเมีย” คำตอบของมันทำให้ผมกะพริบตาปริบๆ หันหน้าหนีไปอีกทาง เบาหน่อยๆ สิ ไอ้หัวใจบ้าเอ้ย มึงเต้นเบาๆ หน่อย!!
“ชักช้า” ไอ้ซันบ่นออกมาเมื่อผมไม่ยอมทำอะไรสักที นอกจากนั่งแช่น้ำอุ่นอยู่เฉยๆ ฝ่ามือเขามันจมลงไปใต้น้ำ แตะลงที่ช่องทางด้านหลังจนผมสะดุ้งเฮือก
“อะ จะ เจ็บ”
“ต้องทำ เดี๋ยวปวดท้อง”
“แสบ.....”
กึก!
“อ๊ะ!” ไอ้ซันกดนิ้วมือเข้าไปช้าๆ จนความอบอุ่นของสายน้ำทะลักเข้าไปแทนที่ ผมเอื้อมไปจับคว้ามือของมันเอาไว้ให้หยุดการกระทำ แต่มันก็ฝืนแรงเอาไว้ มองจ้องตาของผมนิ่งๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไร สายตานั้นเหมือนกับจะกลืนกิน ตรึงรั้งผมไว้ให้หยุดนิ่ง จนกระทั่งนิ้วมือร้ายๆ นั้นเข้าไปจนสุดความยาว ชนกับส่วนอ่อนไหวภายใน
“อะ” ผมกัดริมฝีปากเอาไว้แน่น หันหน้าเข้าหากำแพง รู้สึกใบหน้าเริ่มห่อร้อนจนแทบจะทนไม่ได้ อยากจมหายไปใต้น้ำ
“หึหึ จะขยับแล้วนะ” ไอ้คนหัวสีส้มอิฐร้องบอกเบาๆ ก่อนจะขยับตามที่พูด
“อื้อ” นั่นเสียงเหี้ยอะไร!!! มึงจะครางทำไม!!! นั่นเสียงของกูหรอ!!! ผมหันหน้าหนีข้ากำแพง ก้มหน้าลงต่ำ กัดริมฝีปากเอาไว้แน่น ใบหน้าขมวดหมุน พยายามกลืนเสียงให้อยู่แค่ภายในลำคอ
“อะ อื้ม!” ผมสะดุ้งตัวอีกครั้ง แล้วจับข้อมือของไอ้ซันเอาไว้แน่นเมื่อมันคว้านวนไปมา ก่อนจะขยับเข้าออกเร็วขึ้นอีกนิด
“อ๊า อุ้บ” ผมตะครุบปากของตัวเองเอาไว้ทันที ปล่อยมือที่กำลังจับข้อมือของไอ้ซันออก ยกขึ้นปิดปากของตัวเอง ด้วยใบหน้าที่ทรมานอย่างที่สุด
จุ๊ฟ!
“น่ารัก” ไอ้ซันขยับเข้ามาใกล้ กดริมฝีปากลงที่ข้างแก้ม พร้อมกระซิบคำหวานแผ่วเบาที่ข้างหู ทำให้ความร้อนแผ่กระจายออกไปทั่วตัว ได้แต่นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ก่อนจะตะกุกตะกักตอบกลับไป
“นะ นะ น่ารักเหี้ยอะไร ไร้สาระ”
“ฮึฮึ รีบอาบเถอะ เดี๋ยวไม่สบาย” ไอ้ซันพูดพลางผละออกไป ลุกขึ้นยืน แต่มันคงจะไม่เป็นอะไร ถ้ามันไม่ได้ลุกขึ้นเพื่อช่วยตัวเอง!!!
“ปะ ไปทำที่อื่นสิโว้ยยยยย”
“ก็มึงเร้าอารมณ์กู อ่า” ไอ้ซันชักรูดแก่นกายตัวเองแต่กลับมองจ้องผมนิ่ง จนเริ่มหวาดระแวง ยิ่งสายตาที่มันมองมาราวกับจะกินผมไปทั้งตัว ทำให้ขนอ่อนลุกชันไปทั่วทั้งร่างกาย
“อ่า อะ อืมม” ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง พยายามที่จะไม่มองหน้ามัน พร้อมๆ กับยกมือขึ้นปกปิดแก่นกายตัวเอง
“อ่า อ่า ซี้ดดดด เบส” เพราะเสียงเรียกนั้นทำให้หันหน้ากลับไป ก่อนจะสะดุ้ง หลับตาปี๋ เมื่อน้ำสีขาวใสร้อนๆ พุ่งใส่หน้า
“อะ อะ ไอ้เหี้ยซัน!!!!” ผมวักน้ำขึ้นล้างหน้า พร้อมกับร้องด่าไปด้วย
“สัสเอ้ย!!”
“ซี้ดดดดดด แม่ง แค่มึงนั่งอยู่เฉยๆ ก็ยังช่วยกูได้เลย” ไอ้ซันพูดก่อนจะค่อยๆ นั่งลงข้างๆ แล้วเริ่มต้นอาบน้ำให้ผมอย่างจริงจัง หลังจากเสียเวลาเกือบ 40 นาทีกับเรื่องไร้สาระ พออาบให้ผมเสร็จมันก็พาผมออกมาจากห้องน้ำ ซึ่งครั้งนี้มันไม่ยอมให้ผมอิดออดอีกแล้วครับ จับผมอุ้มออกจากห้องน้ำ รื้อค้นเสื้อผ้าหามาแต่งตัวให้ แล้วจึงเข้าห้องน้ำไปอีกครั้งเพื่อจัดการตัวเอง
ระหว่างรอผมก็หยิบโทรศัพท์มาตรวจสอบ ไอ้นายโทรมาหลายสายจนน่าตกใจ พลังในการตามจิกของมันน่ากลัวมากๆ ครับ บอกเลย คิดพลางเงยหน้าขึ้นจากที่นอนที่กำลังนอนคว่ำอยู่ เมื่อไอ้ซันมันเดินออกจากห้องน้ำ หยิบเอาเสื้อผ้าผมไปใช้ ไม่เป็นไรหรอก ขนาดตัวก็ไม่ค่อยต่างกันมากนัก
พอพร้อมแล้วก็พากันเดินลงจากคอนโด ขึ้นรถของไอ้ซัน ด้วยเหตุผลที่ว่า ผมขับไม่ไหว และไม่ได้ถือกุญแจรถมา ไอ้ซันไม่ได้ให้ผมนั่งที่ด้านข้างคนขับ แต่ให้นอนคว่ำหน้าที่เบาะหลังแทน เราต่างอยู่กับเงียบๆ โดยที่มีเสียงเพลงที่ไอ้ซันเปิดร้องคลออยู่เบาๆ
ไอ้ซันจอดรถ ก่อนจะก้าวขาลงไป หายไปชั่วครู่ก่อนจะกลับมา แล้วเปิดประตูรถที่ด้านหลัง มานั่งเบียดกับผม ที่ปลายเท้า
“ทำอะไร?” ผมหันหน้ากลับไปมอง ถึงได้เห็นว่ามันจอดรถที่ร้านขายยา ไอ้ซันถอนกางเกงของผมออก จนผมร้องเสียงหลง
“ฮะ ฮะ เฮ้ย ทำไรของมึง! นี่มันบนรถนะ!!”
“เฉยๆ น่า”
“ไอ้ซัน!! อ๊ะ!” ความเย็นของครีมแตะลงที่ช่องทางด้านหลัง ลูบไล้เบาๆ ก่อนจะกดเข้าไปอีกนิดหน่อย ได้ยินมันบ่นออกมาเบาๆ
“ทำไมแม่งบวมจังว่ะ!! มึงเจ็บมากไหม” ต้นเสียงนั้นฟังดูหงุดหงิด แต่ท้ายเสียงเต็มไปด้วยความกังวล ผมเองก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่กำมือแน่นกัดริมฝีปากที่กำลังจะเปล่งเสียงครางออกไป ก่อนที่ความร้อนจากนิ้วมือจะผละออก ใส่กางเกงให้ดังเดิม ทำให้ผมถอนหายใจออกมา หอบแฮ่กๆ เป็นหมาหอบแดด ที่รอดพ้นสถานการณ์ล่อแหลม
ก่อนที่จะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อริมฝีปากอุ่นๆ กดจูบตามขึ้นมาจากสะโพกไล่ขึ้นสูงตามแนวกระดูกสันหลัง ซุกลงที่ซอกคอ และจบท้ายที่ริมฝีปาก ก่อนจะดุนดันเม็ดยาแคปซูลเข้าสู่โพรงปาก หยิบน้ำขึ้นดื่มแล้วตามประกบลงมาอีกที จึงยอมผละออกไป ปีนไปนั่งประจำที่คนขับรถ ทิ้งให้ผมนอนซุกหน้าลงกับเบาะ หน้าแม่งร้อนอีกแล้ว เหี้ยเอ้ย
ผมนอนคิดอะไรไปพลางๆ ในขณะที่ไอ้ซันก็ออกรถอีกครั้ง รถทั้งคันตกอยู่ในความเงียบ ผมกัดริมฝีปากอย่างชั่งใจ ก่อนจะเปล่งเสียงออกไปเบาๆ
“กู..... ขอโทษ....”
“เรื่องอะไร?”
“เพราะว่ากูเมา กูคงไปทำอะไรมึงสักอย่างแหละ มันถึงได้จบแบบนี้ แต่กูจำไม่ได้ว่ะ” ผมพูดพลางกัดริมฝีปาก ผมจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ นะครับ ภาพสุดท้ายในความทรงจำยังเป็นตอนที่นั่งอยู่ในร้านเหล้าท่ามกลางแสง สี เสียง อยู่เลย ไอ้ซันมันเงียบไปไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ผมจึงรีบอธิบายต่อทันที
“กูขอโทษว่ะ ที่มึงต้องมาเอากับผู้ชายอย่างกู ทั้งๆ ที่กูรู้อยู่เต็มอกว่ามึงไม่ได้ชอบ ไม่ใช่ทาง กูขอโทษ กูเสียใจจริงๆ”
“อืม” ไอ้ซันตอบรับในลำคอ ผมจึงพูดต่อ
“มึงกับกูยังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม มึงไม่รังเกียจกูใช่ไหม?”
“แล้วมึงละ รู้สึกยังไง”
“กูไม่เป็นไร กูโอเค”
“เออ งั้นกูก็โอเค” พอไอ้ซันตอบกลับมาแบบนั้นมันก็ทำให้ผมโล่งใจ ผมยอมที่จะมีมันเป็นเพื่อนอยู่ใกล้ๆ ดีกว่าให้มันรังเกียจผมแล้วหนีหายไป ผมคงทนไม่ได้
“ขอบใจว่ะ ขอบใจที่ยังยอมเป็นเพื่อนกับกู” ผมเอ่ยออกไปด้วยใจที่หนักอึ้ง เมื่อต้องตอกย้ำสถานะของเราให้มันชัดเจน ว่าเป็นได้แค่เพื่อน
โครกกกกกกก
“??” ผมเขินหน้าแดง เมื่อท้องของผมมันร้องประท้วง
“แวะกินข้าวก่อนแล้วกัน” ไอ้ซันพูดพลางหยิบโทรศัพท์ ส่งข้อความเข้าไปในกลุ่มระหว่างรอรถติดไฟแดง
“อืม” ผมตอบรับเบาๆ
เมื่อเราได้ร้านอาหารใกล้ๆ ก็ลงจากรถไปนั่งทานด้วยกัน ผมสั่งมาหลายรายการเลยครับ นั่งยัดห่าอยู่คนเดียวอย่างเมามัน ไม่สนใจไอ้ซันที่มองขำๆ นั่งเท้าคางอมยิ้ม
“มองอะไร”
"มองคนหิวโซ ทั้งๆ ที่กูเป็นคนออกแรง แต่ทำไมมึงถึงได้หิวแทนกูขนาดนั้นละ”
เคร้ง!
ผมเผลอทำช้อนหลุดมือจนตกกระทบกับจานอาหาร เมื่อมันพูดเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะอย่างไร้ยางอาย ก่อนจะทำเป็นเสมองไปที่นอกร้าน หยิบช้อนมาถือไว้ แล้วเริ่มกินข้าวต่อ อุบอิบพูดออกมาเบาๆ
“เมื่อวานไปกินข้าวกับป๊ามา....”
“อ้อ ก็เลยยิ่งหิวสินะ แถมกูยังช่วยเบิร์นไปตั้งเยอะ ไม่แปลกๆ” ไอ้ซันพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ ก้มลงตักอาหารเข้าปาก แต่แล้วก็ชะงัก หรี่ตาแล้วเงยหน้ามองผม
“เพราะแบบนั้นถึงได้เมาเหมือนหมาสินะ”
“หือ อ้อ อืม”
“ป๊ามึงว่าเรื่องอะไรละ” ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้ซัน กลืนน้ำลายอึกหนึ่ง ก่อนที่หัวสมองจะวิ่งเร็วจี๋
“ก็เรื่องเดิมๆ นั่นแหละ ไม่ให้คบมึงมากเกินไป แค่รอบนี้ป๊าพูดแรงเกินไปหน่อย” สายตาของผมหลุกหลิก แต่เพราะก้มหน้าไอ้ซันมันจึงมองไม่เห็น เอ่ยถามย้ำอย่างไม่ไว้ใจ
“แน่นะ?”
“อะ อืม กินๆ ๆ กูหิว” พูดพลางจ้วงข้าวเข้าปาก จะให้บอกได้ยังไง..... จะให้พูดได้ยังไง..... ยังไงก็บอกไม่ได้หรอก.....
ผมนั่งมองหน้าของไอ้ซันนิ่งๆ มองมันที่กำลังก้มหน้าตักข้าวเข้าปากบ้าง นัยน์แววตาปรากฏหลากหลายความรู้สึกปะปนกัน แต่พอไอ้ซันเงยหน้าขึ้นก็ส่งยิ้มไปให้นิดๆ
“ขนลุกน่ะ แดกๆ ๆ” ไอ้ซันว่าพลางคีบอาหารใส่จานให้ ก่อนจะเริ่มกินต่อ ผมก็ฝืนนั่งทานเป็นเพื่อนมัน ตอนแรกจากหิวๆ ตอนนี้ก็อิ่มตื้อเสียแล้วล่ะครับ เราใช้เวลาอีกนิดหน่อยในร้านอาหาร แล้วจึงค่อยๆ คลานกลับไปที่รถ ปีนขึ้นไปนอนคว่ำที่เบาะหลัง ไอ้ซันก็เดินรถต่อทันที
“ทำไมพวกมึงมาด้วยกันได้ว่ะ” เมื่อเข้าบ้านไอ้เพชรไปก็มีเสียงร้องทักขึ้นมา
“กูเจอมันเดินเข้ามาตอนขับรถถึงปากซอยอะ” ไอ้ซันเป็นคนตอบคำถามแทน ส่วนผมก็พยักหน้าเป็นลูกคู่ ยิ้มเจ็ดเจื่อนพลางคิดในใจว่า อะไรทำให้มึงคิดว่าคนอย่างกูจะเดินเข้าปากซอยว่ะ!! รถกูก็มีขับไหม!! มึงจะแถอะไรก็เอาให้มันเนียนๆ หน่อยสิโว้ยยยยยยย
ผมได้แต่ก่นด่ามันอยู่ในใจ พวกไอ้นายไม่ได้ถามอะไรเราอีก แต่สั่งให้ไปทำบอร์ดนำเสนอแทน เอาจริงดิ??? เชื่อหรอ? พวกมึงเชื่อหรอ?? นี่กูมีเพื่อนแบบนี้ได้ยังไง!!! คิดพลางค่อยๆ หย่อนตัวนั่งคุกเข่าข้างๆ ไอ้ซันที่พื้น ไม่กล้านั่งเต็มก้นเลยครับ แม่งโคตรเจ็บ ไม่ใช่แค่ช่องทางนะครับ ก้นผมทั้งก้นนี่แหละ ไอ้ซันแม่งล่อซะแดงเถือกขนาดนั้น หลีกเลี่ยงพื้นแข็งๆ จะดีกว่า
“ไอ้เบส ไม่เจ็บเข่าไงมึง” เสียงของไอ้นายเรียกสายของคนทั้งกลุ่มให้หันมามองที่ผมเพียงคนเดียว ยิ้มให้บางๆ เมื่อตัวเองตกเป็นเป้าสายตาของเพื่อนๆ จะตอบอะไรดี จะตอบอะไร!! คิดสิวะ! คิด!!!!
“กูลืม”
“ลืมอะไรของมึง” พวกเพื่อนๆ ทำหน้างง ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ซัน ผมได้แต่กัดฟันกรอดๆ และไอ้วุฒิที่คงจะงงจนทนไม่ไหว เอ่ยปากถามอย่างไม่เข้าใจ
“กูลืมว่ากูนั่งคุกเข่าอยู่” ผมตอบกลับไป กลืนน้ำลายอึกใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ หย่อนตัวนั่งลงกับพื้น แต่จะให้ทำยังไงละครับ ผมยังทำใจไม่ได้ โอ้ยยยย กูไม่นั่งได้ไหม ไม่นั่งจะได้รึเปล่า
“มันคงตะคริวกิน” ไอ้เพชรพูดแล้วลุกขึ้นเดินมาหา กดตัวผมให้นั่งลง
“โอ๊ะ!!!” ผมร้องออกมาเสียงดัง สะดุ้งสุดตัว กัดริมฝีปากใบหน้าเหยเก บิดเบี้ยวร่ำๆ จะร้องไห้ เมื่อไอ้เพชรมันหวังดี มากดไหล่ของผมลง จนที่นั่งยองๆ ก็ทรุดนั่งลงกระแทกกับพื้นเต็มแรง เจ็บจนสะท้านไปถึงทรวง เหี้ยเอ้ยยยยยย
“เป็นเหี้ยอะไรของมึง” เสียงไอ้วุฒิที่คงจะรำคาญเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด
“อ่อ กูตะคริวกิน เลยเจ็บๆ” ผมบอกกลับไป หน้าซีดหน้าเซียว ส่วนไอ้ซันแอบหันไปขำคนเดียวจนไหล่ไหว มึงนะมึง เพราะมึงนั่นแหละ!!!! ด้วยความที่อดทนไม่ไหว โบกหัวมันไปซะหนึ่งที
เราเริ่มต้นทำงานกันต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงเย็น ในที่สุดเล่มรายงานก็เสร็จพร้อมกับงานตกแต่งบอร์ดที่ได้รับมอบหมายอย่างภูมิใจ แต่พอหันไปเห็นสายตาของเพื่อนๆ แล้วความภาคภูมิใจก็ลดลง
“กูบอกมึงแล้วว่าแบบนี้ไม่ดี” หันไปกระซิบด่าไอ้ซัน เพราะมันดึงดันว่าจะทำแบบนี้ จะเอาแบบนั้น จนสุดท้ายผมมีหน้าที่เพียงแค่ช่วยเตรียมของแปะๆ เอาไว้ให้ ส่วนมันก็เป็นคนจัดวาง ออกแบบและลงมือทำ
“มึงสองคนเสียเวลาไปกับการทำอะไรบ้าง กูอยากรู้ ไร้ประโยชน์ฉิบหาย” ไอ้วุฒิเอ่ยปากด่าก่อนใครเพื่อน ส่วนไอ้นายกับไอ้เพชรยังคงอึ้งกับสิ่งที่เห็น ไม่มีคำใดๆ เอื้อนเอ่ยออกจากปาก
“เดี๋ยวเราแก้ให้” ไอ้เพชรออกตัวช่วยแก้ไขงาน โดยมีพวกเราผู้ชายทั้งสี่คนรุมล้อม คอยช่วยหยิบจับ จนในที่สุดบอดร์ที่ได้รับการตกแต่งใหม่ก็เสร็จสิ้นในเวลาเกือบ 2 ทุ่มของวัน ทำให้พวกเราถึงกับตาโตเมื่อได้ยลโฉมชัดๆ เต็มๆ ตา บอร์ดนำเสนอถูกตกแต่งตามที่ได้รับหัวข้อมา พวกเราหันไปมองหญิงสาวคนเดียวของกลุ่มตาค้าง ไม่คิดว่าคิดเท่ๆ แบดบอยอย่างไอ้เพชรจะสามารถทำสิ่งประดิดประดอยของสวยๆ งามๆ เหล่านี้ได้
“มองอะไร” ไอ้เพชรถามเสียงเรียบ เหมือนกับการทำอะไรแบบนี้เป็นเรื่องปกติ พวกเราพากันส่ายหัวแล้วมากระซิบกระซาบกันเอง
“กูอยากรู้ว่าห้องนอนเพชรแม่งจะเป็นแบบไหนจริงๆ ว่ะ” ไอ้ซัน
“เออ กูก็อยากเห็น คงไม่ประดับแต่พวกตุ๊กตาตัวเล็กๆ น่ารักหรอกใช่ไหม” ไอ้วุฒิ
“ไม่แน่นะเว้ย กูว่าอาจจะเต็มไปด้วยเครื่องเล่นเกม ฟุตบอลอะไรแบบนี้ก็ได้” ผม
“ถ้าพวกมึงอยากรู้ก็ขอไปดูตรงๆ เลยสิ” ไอ้น้องนายคนซื่อ
“จะไปดูไหมล่ะ?” เสียงไอ้เพชรถามขึ้นด้านหลังจนพวกเราได้แต่หัวเราะแหะๆ
“มะ ไม่เป็นไร” ไอ้นายอ้อมแอ้มตอบกลับ
“ในเมื่อเสร็จแล้วก็แยกย้ายกันกลับเถอะ เดี๋ยวจะดึก ส่วนบอดร์ทิ้งไว้นี่ล่ะ วันนำเสนอเราเอาไปเอง” ไอ้เพชรบอกก่อนที่พวกเราที่เหลือจะพยักหน้าหงึกๆ ขากลับมีผม ไอ้ซัน ไอ้นาย โดยที่เราพากันแวะไปส่งไอ้นายก่อน ผมที่ต้องย้ายตัวเองมานั่งหน้า และมีไอ้นายนั่งหลัง
เพราะเจ็บปวดกับช่องทางรักที่พึ่งจะถูกกระทำมาหยกๆ จึงสร้างความเจ็บปวดทรมานให้ผมอย่างมากมาย ได้แต่นั่งหน้าซีดตัวเกร็ง เหงื่อผุดพรายตามใบหน้า และเหมือนว่าไอ้ซันมันก็รู้ เพราะความเร็วของรถลดลงมาก กลายเป็นขับรถเอื่อยๆ ไป ผมได้แต่กลั้นใจ
จนเมื่อส่งไอ้นายเสร็จ ไอ้ซันก็มาส่งผม แล้วเดินตามขึ้นมาด้วย ทำให้ผมขมวดคิ้วมอง ถามอย่างไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก
“มึงจะตามมาทำไม?”
“ก็ไปส่งมึงไง เกิดล้มหน้าทิ่มกลางทางทำไง” ผมจึงไม่ได้พูดอะไร ปล่อยให้มันทำตามใจ พอเข้าห้องมาได้ไอ้ซันก็จับผมไปอาบน้ำแต่งตัว จับทายา ป้อนข้าวป้อนน้ำให้พร้อมสรรพ แล้วจึงกลับออกไป ผมได้แต่มองตามแผ่นหลังที่หายไปหลังบานประตู ด้วยใจที่วูบโหวง มันคงจะไปหาผู้หญิงของมัน....
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
เพี้ยะ!“ถ้าไม่รักจะมาคบกันทำไมว่ะ!!!” ใบหน้าหล่อร้าย มาดนิ่ง หันสะบัดตามแรงตบกระทบ จนใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นรอยฝ่ามือชัดเจน เขาทำเพียงมองตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เฉยชา และไร้ความรู้สึก แตกต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือกำแน่น ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มองจ้องอย่างเจ็บแค้นและโกรธเคือง“เสียชาติเกิด!! ไอ้หน้าตัวเมีย!!” อีกฝ่าตะโกนด่าดังลั่นอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆ ยอมรับคำกล่าวหา ไม่เถียงอะไรออกไปสักคำ“จบแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปสักที” พูดพลางหันหลัง ก้าวเดินจากมา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากคนที่ด้านหลังกรีดร้องเป็นเจ้าเข้า“ไอ้เบส!! กูขอให้มึงอกหัก!! ไม่สมหวังในความรัก!!! น้ำหน้าอย่างมึงเขาไม่เอามึงหรอก!! อีวิปริต!! อีผิดเพศ!!! ขอให้มึงตกนรกทั้งเป็น!!! กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาเดินก้าวจากมาช้าๆ พร้อมๆ กับคิดในใจไปด้วยว่าไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่ตอนนี้กูก็ตกอยู่ในสถานะนั้นแล้ว....ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน.....“ไอ้อ้วน!!! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ลูกหมู!!! ไอ้ขี้มูกกรัง!!” เด็กชายตัวน้อยนั่งลงกับพื้นทรายในสวนสาธารณะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับที่ ยกแขนป้อมๆ นั้นขึ้นปาดน้ำตาตั
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”“อึก แฮ่ก แฮ่ก”ตุ้บ!ผมนอนทิ้งตัวบนพื้นที่มีเสื่อโยคะปูเอาไว้อยู่ ใบหน้าหันมองออกไปที่ผืนน้ำสีฟ้าสดใส ลมหายใจหอบกระชั้นถี่ระรัว เป็นผลพวงที่มาจากการฟิตออกกำลังกาย อย่างที่รู้กันว่าแต่เดิมผมนั้นเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่ง จะให้ทำยังไงได้ละ ก็อาหารการกินของที่ต่างประเทศนั้นมันไม่เหมือนที่ไทยนี่ ส่วนใหญ่ที่ได้ทานอยู่บ่อยๆ ก็เป็นพวกแป้ง เนื้อ นม ไข่ และขนมปัง มันก็คงไม่แปลกที่ผมจะตัวอ้วนกลมตุ้ยนุ้ยตั้งแต่เด็กถ้าถามว่าผมกลับมามีหุ่นที่ฟิต กระชับ และเฟิร์มทั้งตัวได้ยังไง ก็ต้องยกความดีความชอบให้เพื่อนคนสำคัญ ที่มันจับผมลากออกไปเล่นนอกบ้านทุกวัน แถมการเล่นแต่ละอย่างของมันก็ไม่ใช่จะสนุกสนานสำหรับผม แต่กับมันก็คงจะใช่ ผมคิดพลางขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว เมื่อคิดถึงการละเล่นในสมัยก่อน“ไอ้เบส มึงดูนี่! แม่งโคตรน่ารักอ้ะ!”“ออกไปนะ!!! ซัน!! เบสไม่เล่น!!” เขาตะโกนร้องบอกคนที่ด้านหลัง วิ่งหนีสุดชีวิต เมื่ออีกฝ่ายจับคางคกตัวตะปุ่มตะป่ำ พยายามจะยื่นมาตรงหน้าให้เขาได้ดู เพราะเจ้าตัวนั้นดันไปเห็นมันกระโดดเข้ามาในบ้านของตัวเอง และจับมาอวดให้เขาดูตรงหน้า ซึ่งทันทีที่เขาได้เห็นก็ร้องลั่น วิ่งหนีอย่
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า พอเวลา 8 โมงก็ให้คนขับรถไปส่งที่มหาลัย โดยไม่ลืมที่จะแวะรับเอาเพื่อนสนิทไปด้วย เพราะไหนๆ ก็ต้องไปที่คณะด้วยกันอยู่แล้ว หากแต่...“อ้าว เบส มาทำอะไรแต่เช้าละลูก”“อ๊ะ ก็วันนี้พวกรุ่นพี่เขานัดให้ไปทำกิจกรรมรับน้องนี่ครับ”“อ้อ งั้นแม่ฝากขึ้นไปปลุกซันทีนะ ยังไม่ลงมาเลย” ผมได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์ เดินมุ่งตรงขึ้นไปที่ห้องนอนของเพื่อนสนิท พอเปิดประตูเข้าไปทำให้กำหมัดจนแขนสั่นระริกอย่างอดทน เชื่อได้เลยว่าถ้าหากในมือผมมีไม้เรียว มันคงจะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ อยากจะฟาดลงไปที่ผิวเนื้อขาวๆ ของคนที่กำลังนอนเปลือย สวมใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์นั้นอย่างไม่ยั้งมือ“ซัน!! มึงจะไปไหม รับน้องน่ะห๊ะ!!”โครม!!ฝ่าเท้างามๆ ขาวๆ ยันโครมเข้าที่สีข้างของคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว จนมันกลิ้งตกเตียงในสภาพที่มึนๆ งงๆ สับสนกับชีวิตว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง“ไปอาบน้ำ กูให้เวลา 15 นาที ไม่เสร็จกูจะทิ้งมึงไว้นี่” ผมพูดพร้อมๆ กับพลิกข้อมือตรวจดูเวลา ในตอนที่กำลังจะหันหลังออกจากห้อง ไอ้คนหัวไฟมันก็ชูมือขึ้นน้อยๆ บอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตาปรือปรอยจะปิดลงอีกครั้ง“
วันนี้วันรับน้องวันสุดท้ายแล้วครับ ผมกับไอ้ซันไอ้วุฒิก็ยังคงเกาะกันเหนียวแน่นเช่นเดิม ไอ้ซันมันก็ไล่คุยไล่ถาม สนิทกับคนนั้นทีคนนี้ที แต่ก็ได้แค่คุยแหละครับ ไม่ได้คนในกลุ่มเพิ่มมาเลยสักคน ผมก็อยู่เรื่อยๆ เอื่อยๆ ของผมไป ส่วนไอ้ซันก็ม่อสาวไปเรื่อย งานรับน้องวันสุดท้ายก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายซักเท่าไหร่ มีประกวดดาวเดือน ซึ่งพวกผมทั้ง 3 คนก็ถูกทาบทามตัวไปประกวดนะ แต่ไม่มีใครยอมตกลงประกวดเลยนี่สิอ้อ มีการโหวตเลือกประธานรุ่นด้วย และเพราะไปซันมันไปเต๊าะเขาไว้ทั่ว ทำให้เป็นที่รู้จักของทั้งรุ่น หวยก็เลยออกที่มันเต็มๆ พอได้เป็นประธานรุ่นแล้วมันก็โดนพวกพี่ๆ เขาบังคับให้เป็นสมาชิกสโมต่อด้วยเลย เพื่อที่ว่าเวลามีงานอะไรจะได้กระจายข่าวให้เพื่อนๆ ในรุ่นรับรู้ โดยที่มันเองก็ออกไปพูดประโยคหล่อๆ เพื่อขอบคุณเพื่อนๆ ที่เลือกมันให้ทำหน้าที่นี้ ด้วยคำพูดที่ว่า“ขอบคุณนะครับพวกเพื่อนเอี้ย ที่หาภาระมาให้กูครับ” พูดพร้อมฉีกยิ้มหวานๆ ก้มหัวลงหน่อยๆ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้ดี ไม่มีใครถือโทษโกรธมันแม้แต่น้อยหลังจากนั้นจึงเป็นกิจกรรมบายศรี รับขวัญน้องๆ เข้าสู่ครอบครัวบริหาร ก็ผูกข้อไม้ข้อมือ ขอพรกันไป แ
อ่า ช่างเป็นฝันที่แสนดี....หรอว่ะ?!?!ภาพเด็กชายตัวเล็กจ้ำม้ำ นั่งเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ โดยที่มีเพื่อนตัวเล็กอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน ในขณะที่เขานำดอกไม้ชนิดต่างๆ มาบีบคั้นน้ำสีสวยออกมาจากดอกไม้แต่ละชนิด แล้วใช้มันต่างสีวาดบนกระดาษสีขาวนวล แต่เพื่อนอีกคนกลับนั่งจับเอาหนอนและแมลงนั้นใส่รวมกันไว้ในแก้วใบเล็ก อย่างสนุกสนาน“เบสๆ มึงดู” เด็กชายตัวเล็กยื่นแก้วมาตรงหน้า ทำให้เด็กชายตัวกลมใบหน้าซีดเผือดสี เมื่อเห็นไส้เดือนดิ้นไปมา หนอนไต่อยู่ที่ขอบแก้ว ตัวด้วงเดินเหยียบย้ำอยู่ด้านบน และมดที่ถูกกัดกินจากแมลงชนิดต่างๆ ที่เขาไม่รู้จัก“ซัน ไม่เอา คุณเบสไม่เล่น” เด็กน้อยร้องปฏิเสธ พร้อมกับดันมือเพื่อนออกไปให้ห่างๆ ตัว“มึงดูดิ น่ารักจะตายเนี้ย ดูๆ” อีกฝ่ายคะยั้นคะยอ ชี้ชวนให้มองลงไปในแก้วอีกครั้ง หากแต่เขาเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองดูอีกต่อไป“ไม่เอา”“น่า ดูหน่อย อีกนิดหนึ่ง”“ไม่เอา”“นิดหนึ่งก็ได้ ดูดิ”“คุณเบสบอกว่าไม่เอาไง!!!”เด็กชายตัวกลมร้องบอกพร้อมกับปัดแก้วใบเล็กนั้น จนหลุดจากมือของเพื่อนสนิทที่กำลังถืออยู่ และแมลงเหล่านั้นก็ร่วงลงสู่ตัวเขาจนหมด เขาจึงก้มลงช้าๆ เห็นแมลงตัวจิ๋ว หนอน และไส้เดือน
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ