ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 2 -สำนักเจี๋ยเอิน(ภาคต้น)-

ทุกหนี้แค้นล้วนแล้วมีเจ้าของ เล่ม 2 -สำนักเจี๋ยเอิน(ภาคต้น)-

last update최신 업데이트 : 2025-09-25
에:  TheXang789방금 업데이트되었습니다.
언어: Thai
goodnovel12goodnovel
평가가 충분하지 않습니다.
15챕터
7조회수
읽기
서재에 추가

공유:  

보고서
개요
목록
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.

หลังจากที่จ้าวเซินฝูได้ตัดขาดจากตระกูลเดิม กลายเป็นคนไม่มีแซ่ เซินฝูได้ผ่านบททดสอบเข้าสำนักเจี๋ยเอินได้สำเร็จอย่างที่เคยทำในชีวิตก่อน การกลับมาครั้งนี้ทำให้เซินฝูได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว ตนได้ย้อนเวลากลับมาเป็นเพราะอะไร

더 보기

1화

ตอนที่ 1

                  การเดินทางข้ามแคว้นของเซินฝูและพรรคพวกเป็นไปอย่างราบรื่น ตอนนี้ก็เดินทางมาจนถึงตีนเขาที่เป็นที่ตั้งของสำนักเจี๋ยเอินแล้ว

                  เส้นทางที่จะต้องไปต่อเป็นการเดินขึ้นเขาด้วยเท้า ไม่สามารถให้รถม้าพาขึ้นไปส่งได้ เพราะหนทางรกชัฏและไม่มีเส้นทางสำหรับรถม้า หรือให้พูดคือนอกจากสำนักเจี๋ยเอินที่ตั้งอยู่บนยอดเขาแล้ว ไม่มีที่ใดสามารถเดินเหินได้อย่างสะดวกแม้แต่คืบเดียว

                  เซินฝูทำหน้าปลาตายเมื่อเห็นทางขึ้นสำนักที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ดูคล้ายกับครั้งสุดท้ายที่ลงเขาด้วยเส้นทางนี้เมื่อชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน แต่ก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่พัฒนา เพราะครั้งนี้เป็นเซินฝูที่ย้อนกลับมา

                  ส่วนค่ายกลที่ใช้เดินทางไปยังสำนักนั้น ถูกติดตั้งไว้ที่เขตป่าชั้นกลาง และทุกครั้งที่มีการเปิดใช้ค่ายกลโดยคนนอก จะต้องเปลี่ยนที่ติดตั้งค่ายกล เพื่อปกป้องเหตุไม่คาดฝันต่างๆที่จะตามมา

                  ดังนั้นสถานที่ติดตั้งค่ายกลนั้นย่อมไม่แน่นอน และยังมีค่ายกลสำหรับหลอกล่อให้คนนอก หรือผู้ไม่ประสงค์ดีหลงทิศหลงทางอีกด้วย

                  "ต้องเดินอีกไกลหรือไม่ขอรับ"

                  เสี่ยวเมิ่งหอบจนลิ้นห้อย หลังจากที่เดินมากว่าครึ่งชั่วยามแล้ว สภาพของพ่อบ้านหยางก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่นัก ชายวัยกลางคนที่มีพลังเท่าๆกับเสี่ยวเมิ่งยืนพิงต้นไม้อย่างเหนื่อยอ่อน

                  เพราะการเดินขึ้นเขานั้นไม่เหมือนกับการเดินบนพื้นเรียบๆ พื้นที่มีความชัน และมีพลังที่คอยหน่วงเอาไว้ทำให้เหนื่อยมากกว่าปกติ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วเซินฝูจึงบอกให้หวังซิ่นเจียหยุดพักสักครู่หนึ่งก่อน

                  ทั้งหกคนพากันนั่งล้อมวงดื่มน้ำแก้กระหาย และทานอาหาร เสี่ยวเมิ่งที่บอกว่าเหน็ดเหนื่อยกว่าเพื่อนนั้นสวาปามอย่างไม่สนใจใคร หวังซิ่นเจียมองภาพตรงหน้าอย่างปลงตก ไม่รู้ว่าต้องสั่งสอนเรื่องมารยาทกันอีกเท่าไหร่

                  ในตอนที่อยู่กันเอง ไม่ว่าจะทำกริยามารยาทอย่างไรก็ไม่มีใครว่ากล่าว แต่หลังจากนี้ การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสำนักนั้นเป็นการเข้าสังคมกับผู้คนที่มาจากหลากหลายที่ หากไม่สั่งสอนกันเลย อาจเกิดปัญหาได้

                  ไม่เพียงแค่เสี่ยวเมิ่งที่เป็นปัญหา แต่เสี่ยวเล่อเองก็เช่นกัน ใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์เช่นนั้น หากใครสนทนาด้วยอาจจะเข้าใจผิดได้

                  ยิ่งโดยปกติแล้วเด็กทั้งสองเป็นคนเก่งกาจ หากทำตัวเช่นนี้คงได้โดนเขม่นเอา หวังซิ่นเจียขบคิดหาวิธีเปลี่ยนลิงให้เป็นคนอยู่คนเดียวเงียบๆ

                  "คุณชายขอรับ หากเข้าสำนักแล้ว พวกข้ายังได้อยู่กับคุณชายใช่หรือไม่ขอรับ"

                  เสี่ยวเล่อถามด้วยความสงสัย เพราะดูเหมือนว่าเซินฝูนั้นจะไม่ได้เป็นศิษย์ของหวังซิ่นเจียดังเช่นพวกตน เซินฝูส่ายหน้าปฏิเสธ

                  แม้ว่าเสี่ยวเมิ่งและเสี่ยวเล่อนั้นเดิมทีจะมีศักดิ์เป็นบ่าวของเซินฝู แต่เด็กทั้งคู่เข้าสำนักมาในฐานะลูกศิษย์ของหวังซิ่นเจีย ดังนั้นเด็กทั้งสองคนต้องติดสอยห้อยตามไปอยู่กับหวังซิ่นเจีย

                  พ่อบ้านหยางเองก็ติดตามมาในฐานะผู้ติดตามของหวังซิ่นเจียเช่นเดียวกัน ในภายหลังจึงจะมีการเปลี่ยนให้เป็นผู้ติดตามของโจวหมิงเพื่อคอยดูแลเซินฝูแทน แต่ในระหว่างนี้ต้องไปอยู่กับหวังซิ่นเจียก่อนสักพัก พ่อบ้านหยางในตอนแรกที่รู้ว่ายังต้องเจอเจ้าลูกลิงทั้งสามก็ทำหน้าเหมือนถูกบังคับให้กลืนเข็มพันเล่มโดยไม่ได้ทำความผิด

                  ต่างกับสามแสบที่เมื่อรู้ว่าพ่อบ้านหยางยังต้องติดอยู่กับพวกตนอีกเป็นเดือน เสี่ยวเมิ่งลอบทำหน้าชั่วร้าย สบตากับเสี่ยวซื่อและเสี่ยวสุ่ยอย่างมีเลศนัย

                  เซินฝูไว้อาลัยให้พ่อบ้านหยางสามวินาที

                  "ข้าต้องไปอยู่กับอาจารย์ของข้า"

                  "อาจารย์ของคุณชาย?"

                  "ไว้ไปถึงสำนักก็คงจะรู้เอง หายเหนื่อยหรือยัง"

                  เสี่ยวเมิ่งพยักหน้า พ่อบ้านหยางเองก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วจึงได้พยักหน้าพร้อมออกเดินทางต่อ

                  ทั้งห้าคนเดินฝ่าป่าชั้นต้นเข้าไปเรื่อยๆ เสี่ยวซื่อและเสี่ยวสุ่ยที่เห็นสมุนไพรมากมายอยู่รายทางก็พากันไล่กินไล่เก็บไปด้วยตลอดทาง หวังซิ่นเจียจนใจจะห้ามปราม

                  กระทั่งเข้าใกล้ป่าชั้นกลางมากขึ้นเรื่อยๆ รอบข้างยิ่งมีไม้รกมากกว่าเดิม เซินฝูเดินฝ่ามันไปพรอมกับถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน หากเป็นชาติก่อนเซินฝูคงยอมขึ้นมาโดยไม่คิดอะไร

                  แต่ในชาติก่อน ตอนที่เซินฝูได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์หลักแล้วนั้น สามารถขี่กระบี่กลับสำนักได้ แทบจะลืมไปแล้วว่าป่าชั้นต้นนั้นรกชัฏถึงเพียงนี้

                  "อีกไกลหรือไม่ขอรับ"

                  "สักเกือบๆชั่วยาม"

                  หวังซิ่นเจียตอบคำถามโดยไม่หันกลับไปมองเสี่ยวเมิ่งที่ทำหน้าเหมือนจะขาดใจแม้แต่เสี้ยววินาที

                  "เหตุใดจึงไกลนักล่ะขอรับ"

                  "เหตุใดเจ้าจึงบ่นมากนัก"

                  "ก็เหนื่อยนี่ขอรับ"

                  ที่จริงแล้วสามารถใช้วิชาฝ่าเท้าได้ แต่หวังซิ่นเจียไม่ยอมให้ใช้ แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ดังนั้นจึงมีสองเด็กหนึ่งชายวัยกลางคนบ่นกระปอดกระแปดมาตลอดทาง

                  อันที่จริงเขตของสำนักเจี๋ยเอินนั้นคือเขาทั้งลูกนี้ เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาก็เข้าเขตสำนักเจี๋ยเอินเป็นที่เรียบร้อย แต่ว่าทางขึ้นที่แตกต่างกันจะนำพาไปยังประตูทางเข้าที่แตกต่างกัน แต่การเข้าประตูที่แตกต่างกันไม่ได้มีผลอะไร เพียงแค่ทำทางเข้าไว้หลายทางเท่านั้น

                  ส่วนใหญ่แล้ว ทางขึ้นที่รกชัฏและลำบากลำบนเช่นนี้ มีไว้เพื่อทรมานศิษย์ใหม่เล่นๆเท่านั้น และคนในสำนักส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีอื่นในการขึ้นเขา

                  หวังซิ่นเจียเองก็ไม่ได้เหน็ดเหนื่อยเพราะแอบใช้วิชาฝ่าเท้าอยู่ตลอดๆ เช่นเดียวกันกับเซินฝูและหยางฉี

                  แต่หากเป็นคนนอกสำนักนั้น มักจะไม่รู้ความจริงข้อนี้

                  คนนอกที่ต้องการขึ้นมาที่ยอดเขานั้นมีด้วยกันสองประเภท หากไม่นับรวมคนในสำนัก

                  ประเภทแรก คือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ ถ้าหากว่าสายลับที่คอยเฝ้าอยู่ในป่าแห่งนี้ เมื่อเห็นเจตนาของผู้มาเยือนแล้วก็จะส่งขึ้นไปโดยง่าย

                  และประเภทที่สอง คือประเภทที่มาร้าย โดยประเภทนี้ส่วนมากจะโดนกำจัดออกจากพื้นที่โดยการเชื่อมค่ายกลที่ทำให้หลงป่า และสุดท้ายก็ไม่สามารถขึ้นไปบนยอดเขาได้

                  หลายครั้งหลายคราที่สำนักเจี๋ยเอินนั้นต้องรับมือกับเหล่านักฆ่าที่ถูกจ้างวานมาเพื่อกำจัดบุคคลสำคัญในสำนัก แต่สายลับของเจี๋ยเอินนั้นก็เก่งกาจหากไม่ส่งกลับไปดีๆ ก็สามารถส่งกลับไปแบบไร้ลมหายใจ หรือส่งกลับไปแบบแยกชิ้นส่วนได้เช่นกัน อย่างเลวร้ายที่สุดคือไม่ส่งกลับไปให้ฝังด้วยซ้ำ

                  ดังนั้นแล้ว แม้จะกล่าวว่าเผชิญหน้าอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่บ่อยขนาดนั้น เพราะเมื่อมีคนเห็นแบบอย่างแล้วจึงไม่มีใครกล้าเสี่ยงเสียเท่าไหร่

                  การที่มือสังหารถูกว่าจ้างให้มาจัดการคนของสำนักเจี๋ยเอินจึงไม่ต่างกับการว่าจ้างให้มาตาย ดังนั้นค่าจ้างของการจัดการคนของสำนักเจี๋ยเอินจึงสูงลิบลิ่ว ยิ่งเป็นบุคคลสำคัญมากเพียงใด ยิ่งค่าจ้างสูงเท่านั้น แม้ว่าค่าจ้างที่ต้องเสียนั้นจะไม่ได้การันตีความสำเร็จก็ตาม

                  ระหว่างที่เดินทางมายังสำนัก หวังซิ่นเจียรับรู้ว่ามีคนไล่ตามมาโดยตลอด เช่นเดียวกันกับเซินฝู ทั้งคู่จึงลอบสบตากันอยู่บ่อยครั้ง

                  เสี่ยวซื่อและเสี่ยวสุ่ยเองก็พอรู้เพราะได้ยินเสียงฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่ไล่ตามมา ดังนั้นตลอดการเดินทางโดยรถม้าเมื่อครู่ พวมันจึงนั่งอยู่บนหลังคารถม้าเพื่อระวังภัย

                  แต่จนแล้วจนรอด กลุ่มคนเหล่านั้นก็ไม่ปรากฏตัวเสียที กระทั่งจะเข้าเขตป่าชั้นกลางอยู่แล้ว

                  "ที่ตั้งเอาไว้ลึกถึงเพียงนี้ก็เพื่อระวังภัยอย่างไรล่ะ"

                  "ระวังภัย?"

                  "สำนักเจี๋ยเอินเป็นหนึ่งในเจ็ดสำนักที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง ย่อมมีคนคิดจะทำลายเพื่อแทนที่เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นจึงต้องระวังให้มากหน่อย"

                  "แต่คนในสำนักก็เก่งกาจมากไม่ใช่หรือขอรับ"

                  เสี่ยวเล่อถามหน้าซื่อ เสี่ยวเมิ่งพยักหน้ารับเป็นลูกคู่

                  "เจ้าเด็กโง่ เก่งกาจแล้วอย่างไร จะให้เตรียมรับมือกันสิบสองชั่วยามเลยหรือ"

                  หวังซิ่นเจียขมวดคิ้วตอบ หากไม่ติดว่าเด็กทั้งสองคนนี้ยังต้องใช้เรี่ยวแรงอีกมาก เพราะไม่อาจผ่านจุดนี้ไปอย่างราบรื่นแล้วล่ะก็ หวังซิ่นเจียจะจับเขกหัวให้ปูดทั้งคู่

                  ก่อนที่จะได้เดินไปไกลกว่านี้เสี่ยวซื่อก็กลับร่างเดิม อีกทั้งยังขู่คำรามในลำคอ เสี่ยวเล่อหันมองสัตว์อสูรของตนเองที่อยู่ๆก็เปลี่ยนท่าทีด้วยความประหลาดใจ

                  เสี่ยวสุ่ยรีบวิ่งไปเกาะที่ไหล่ของเสี่ยวเมิ่ง มองซ้ายมองขวา ดูเหมือนว่าสัตว์อสูรทั้งคู่จะจับสังเกตได้ถึงความผิดปกติ

                  "เกิดอะไรขึ้น..."

                  เสี่ยวเล่อที่ทำท่าจะเดินเข้าไปใกล้เสี่ยวซื่อแต่เซินฝูยกแขนกันไม่ให้เดินเข้าไปสุ่มสี่สุ่มห้า

                  "ระวังตัว"

                  แม้จะไม่รู้ว่ากลุ่มคนที่สะกดรอยตามกันตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ขึ้นเขา จู่ๆเหตุใดถึงนึกอยากจะโจมตีกันตอนที่กำลังจะเดินเข้าค่ายกลแล้วก็ตาม แต่ทั้งเซินฝูและหวังซิ่นเจียก็เตรียมพร้อมจะจัดการแล้ว

                  หวังซิ่นเจียเหลือบมองเสี่ยวเมิ่งและเสี่ยวเล่อที่ดูงงๆยังไม่เข้าใจสถานการณ์เท่าไหร่นัก และมีท่าทีหวาดกลัวให้เห็น

                  แม้ว่าเด็กทั้งสองคนจะผ่านการทดสอบในม่านมิติมาแล้ว แต่เหตุการณ์จำลองนั้นไม่เหมือนกับเหตุการณ์จริง อีกทั้งเด็กทั้งสองคนยังไม่มีอาวุธที่สามารถใช้ป้องกันตัวได้เลย

                  จากฝีเท้าจำนวนมือสังหารคงไม่น้อกว่าสิบคน และแถวนี้ก็ไม่มีสายลับของสำนักแม้แต่คนเดียว คงเป็นเพราะว่าไว้ใจในฝีมือของหวังซิ่นเจียที่เป็นถึงหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักเดินทางมาด้วย จึงไม่ได้ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด และตอนนี้ก็ได้เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นแล้ว

                  หรืออีกอย่างก็คือที่มือสังหารเหล่านี้ผ่านเข้ามาง่ายดายปานนี้เป็นเพราะว่าสายลับของสำนักนั้นถูกจัดการไปแล้ว

                  "ทุ่มเสียจริง มาจากฝั่งไหนกันนะ"

                  หวังซิ่นเจียพูดพลางถอนหายใจ ในวันที่ทดสอบทุกคนต่างก็รู้ดีว่ามีหลายสำนักที่ต้องการตัวของเซินฝู กระทั่งราชวงศ์เองก็ยังอยากได้ตัวของเซินฝูไปด้วย

                  "ข้าว่าคงเป็นคนแซ่เจิ้ง"

                  หยางฉีหันหน้ามาทำตาเหลือกใส่เซินฝูที่พูดออกมาราวกับเป็นเรื่องง่ายดาย การเอ่ยถึงราชวงศ์อย่างน้อยๆควรให้เกียรติมากกว่าคนทั่วๆไป แต่การเรียกคนในราชวงศ์ว่าคนแซ่เจิ้งนั้น ต่อให้เป็นแค่องค์ชายปลายแถวก็อาจโดนโทษประหารได้

                  "คนแซ่เจิ้ง ไม่ว่ากี่ชาติต่อกี่ชาติก็ไม่ลดราวาศอกสินะ"

                  "หน้าด้านเสมอต้นเสมอปลาย"

                  หวังซิ่นเจียและเซินฝูกล่าวกันเหมือนเป็นเรื่องตลก ในขณะที่หยางฉีแทบจะน้ำลายฟูมปากตายตรงนั้น หากตนเองยังเป็นองครักษ์อย่างก่อนหน้านี้ล่ะก็ เกรงว่าจะได้ปะทะกันสักรอบ

                  เซินฝูหันมามองหยางฉีที่ทำหน้าไม่ถูก ก่อนจะเอ่ยปลอบใจ

                  "อีกหน่อยก็คงชิน"

                  เซินฝูสนใจหยางฉีเพียงแค่ชั่วครู่ ก่อนจะหันไปทางต้นทางที่เกิดเสียง อีกไม่กี่อึดใจต่อไป ที่ตรงนี้คงเรียกได้ว่าเป็นสงครามขนาดย่อมๆ

                  "กรรรร"

                  เสี่ยวซื่อคำรามดังขึ้น พยายามเอาตัวบังเสี่ยวเล่อที่ยืนอยู่ด้านหลังของมัน ในหัวของมันตอนนี้คิดแต่เรื่องที่จะต้องปกป้องลูกน้อยของมันให้ดีมากที่สุด

                  เช่นเดียวกันกับเสี่ยวสุ่ย แต่น่าเสียดายที่เสี่ยวสุ่ยคงไม่โตไปมากกว่านี้แล้ว...

                  พ่อบ้านหยางถอยไปอยู่กองหลังตามคำสั่งของหวังซิ่นเจีย หากกองหน้าอย่างหวังซิ่นเจียและเซินฝูไม่ตึงมือจริงๆ กองหลังอย่างพ่อบ้านหยางก็ไม่ต้องเหนื่อยอย่างแน่นอน

                  ไม่นานมือสังหารหลายคนก็ประจัญหน้ากับกองหน้าของกลุ่ม กระบี่ของหัวหน้ากลุ่มมือสังหารนั้นถูกยกขึ้นชี้มาทางเซินฝู

                  "ไปกับเรา แล้วคนอื่นจะไม่ต้องเจ็บตัว"

                  เซินฝูยกพัดขึ้นมาปิดใบหน้าช่วงล่าง ใช้สายตาเฉยชามองไปยังกลุ่มของมือสังหารอย่างไม่แยแสอะไรนัก

                  เพียงแค่อ้าปากก็รู้แล้วว่าเป้าหมายคืออะไร

                  ทางกลุ่มของมือสังหารเองก็รู้ดีว่าหากปะทะกันจริงๆคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างไรแล้วหากเซินฝูยอมไปด้วยกันแต่โดยดีจะได้ไม่มีฝั่งไหนต้องเสียเลือด แต่ดูเหมือนว่าเซินฝูไม่ใช่คนสุขนิยมเช่นนั้น

                  ตั้งแต่ตอนที่ได้รับงานนี้มา ทางกลุ่มมือสังหารเองก็มีเตรียมใจไว้บ้างแล้วว่างานนี้คงไม่ได้ราบรื่นนัก อย่างน้อยก็อาจสูญเสียพวกพ้องไปสักคนสองคน หรืออย่างที่เลวร้ายที่สุดก็คือไม่มีใครรอดไปเลย

                  แต่งานนี้จะปฏิเสธก็ไม่ง่าย เพราะผู้ว่าจ้างเป็นคนใหญ่คนโต อีกทั้งกลุ่มของตนเองก็มีแต่คนที่มีพลังระดับสูงๆ คิดเข้าข้างตนเองว่าอาจมีโอกาสที่จะทำสำเร็จอยู่

                  กระทั่งเห็นเซินฝูยกมือกรีดกรายกับอากาศราวกับร่ายรำ ในตอนนี้กลุ่มมือสังหารคิดว่าตนเองประมาทเกินไปแล้ว

                  แม้ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบห้าหนาว แต่ก็เป็นผู้ครอบครองพลังระดับนภา อีกทั้งยังเป็นผู้ใช้สองปราณธาตุ

                  อัจฉริยะในรอบพันปีที่อยู่ในร่างของเด็กอายุสิบห้าเท่านั้น จริงๆแล้วคงเก่งกว่ามือสังหารที่ทำงานแบบหมาลอบกัดอย่างพวกตนด้วยซ้ำไป

                  หัวหน้ามือสังหารเมื่อเห็นท่าไม่ดีจึงลอบส่งสัญญาณให้เปลี่ยนแผนทันที

                  ในเมื่อเซินฝูไม่ยอมไปด้วยกันโดยง่าย เช่นนั้นก็ต้องหาวิธีอื่นที่จะทำให้เซินฝูยอมไปกับพวกตนให้ได้

                  "กรรรรร"

                  ทันทีที่สายตาของมือสังหารคนหนึ่งมองตรงมายังเสี่ยวเล่อที่ดูเหมือนว่าจะมีพลังต่ำที่สุดในกลุ่ม เสี่ยวซื่อที่ยืนขวางอยู่ก็คำรามออกมาเสียงดัง               

                  หมาป่าตัวใหญ่หมอบลงต่ำในท่าเตรียมโจมตี

                  เซินฝูเห็นอย่างนั้นก็เข้าใจจุดประสงค์

                  ในเมื่อเซินฝูเป็นคนที่โค่นได้ยาก เช่นนั้นก็ต้องจับตัวประกันเพื่อใช้เป็นการต่อรอง พวกมันคงได้ข้อมูลมาว่าในกลุ่มของเซินฝูมีบ่าวตัวน้อยคนหนึ่งที่มีระดับพลังต่ำกว่าใครเพื่อน ดังนั้นจึงได้เล็งไปที่เสี่ยวเล่อเป็นอันดับแรก

                  แต่ว่า...

                  "เสียใจด้วย เจ้าเด็กนั่นน่ะบิดาหวงน่าดู"

            เล็งผิดคนแล้วล่ะ

펼치기
다음 화 보기
다운로드

최신 챕터

더보기

댓글

댓글 없음
15 챕터
ตอนที่ 1
การเดินทางข้ามแคว้นของเซินฝูและพรรคพวกเป็นไปอย่างราบรื่น ตอนนี้ก็เดินทางมาจนถึงตีนเขาที่เป็นที่ตั้งของสำนักเจี๋ยเอินแล้ว เส้นทางที่จะต้องไปต่อเป็นการเดินขึ้นเขาด้วยเท้า ไม่สามารถให้รถม้าพาขึ้นไปส่งได้ เพราะหนทางรกชัฏและไม่มีเส้นทางสำหรับรถม้า หรือให้พูดคือนอกจากสำนักเจี๋ยเอินที่ตั้งอยู่บนยอดเขาแล้ว ไม่มีที่ใดสามารถเดินเหินได้อย่างสะดวกแม้แต่คืบเดียว เซินฝูทำหน้าปลาตายเมื่อเห็นทางขึ้นสำนักที่ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย ดูคล้ายกับครั้งสุดท้ายที่ลงเขาด้วยเส้นทางนี้เมื่อชาติก่อนไม่มีผิดเพี้ยน แต่ก็ไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่าไม่พัฒนา เพราะครั้งนี้เป็นเซินฝูที่ย้อนกลับมา ส่วนค่ายกลที่ใช้เดินทางไปยังสำนักนั้น ถูกติดตั้งไว้ที่เขตป่าชั้นกลาง และทุกครั้งที่มีการเปิดใช้ค่ายกลโดยคนนอก จะต้องเปลี่ยนที่ติดตั้งค่ายกล เพื่อปกป้องเหตุไม่คาดฝันต่างๆที่จะตามมา ดังนั้นสถานที่ติดตั้งค่ายกลนั้นย่อมไม่แน่นอน และยังมีค่ายกลสำหรับหลอกล่อให้คนนอก หรือผู้ไม่ประสงค์ดีหลงทิศหลงทางอีกด้วย "ต้องเดินอีกไกลหรือไม
last update최신 업데이트 : 2025-09-20
더 보기
ตอนที่ 2
"เสียใจด้วย เจ้าเด็กนั่นบิดาหวงน่าดู" ทันทีที่เสี่ยวซื่อเข้าใจถึงเจตนาของมือสังหารที่ประจัญหน้ากันอยู่ก็เริ่มโจมตีทันที เสี่ยวซื่อพ่นลูกไฟยักษ์ใส่กลุ่มมือสังหารที่ยืนอยู่ตรงหน้าในเวลาเพี้ยงเสี้ยวอึดใจ ในจังหวะที่ทุกคนกำลังชุลมุน เสี่ยวซื่อคาบเสี่ยวเล่อและแสี่ยวเมิ่งวิ่งไปอีกทาง เพื่อเปิดทางให้หวังซิ่นเจียและเซินฝูได้ต่อสู้อย่างเต็มที่ ส่วนเสี่ยวซื่อเอง แม้ว่าจะเก่งกาจมากเพียงใด แต่การปกป้องลูกน้อยของมันนั้นสำคัญกว่าเป็นไหนๆ อย่างไรตรงนั้นก็มีผู้เก่งกาจอยู่มากมาย อบ่างไรแล้วก็คงไม่คณามือหรอก กลุ่มมือสังหารแบ่งออกเป็นสองกลุ่มเช่นเดียวกันเมื่อเห็นว่าหมาป่าดำตัวเมื่อครู่คาบบ่าวเด็กหนีไปคนละทาง อย่างน้อยฝั่งใดฝั่งหนึ่งอาจทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จได้ หวังซิ่นเจียจิ๊ปากอย่างขัดใจ ไอ้หมารู้มากนั่น มันไม่คิดจะให้เสี่ยวเมิ่งกับเสี่ยวเล่อได้ลองสู้ในสถานการณ์จริงแม้แต่น้อย แทนที่จะได้สั่งสอนจากเหตุการณ์นี้เสียหน่อย มือสังหารที่ยังอยู่ประจัญหน้ากันตรงนี้มากกว่าสิบคน ดังนั้นในต
last update최신 업데이트 : 2025-09-20
더 보기
ตอนที่ 3
ในคราแรกนั้นคาดการณ์เอาไว้ว่าคงจะเดินทางถึงสำนักก่อนตะวันคล้อย แต่เป็นเพราะว่าหยางฉีมือหนักไปหน่อยทำให้มือสังหารนั่นฟื้นขึ้นมาช้ากว่าปกติ เมื่อมือสังหารคนนั้นลืมตาขึ้นมาเห็นว่าคนที่นั่งล้อมตนเองอยู่เป็นใครก็สะดุ้งตัวโยน แต่เมื่อหาทางรอดก็พบว่าไม่มี ในตอนนี้ตนกำลังถูกเชือกมัดเซียนรัดอยู่ อีกทั้งยังมัดคนติดกับต้นไม้ไม่ให้มีทางหนี ยาพิษที่ซ่อนเอาไว้สามจุด ก็ถูกเอาออกไปหมด "พวกเจ้าต้องการอะไร?" หยางฉีทำหน้าปลาตายเป็นคำตอบ ตนเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม่จึงไม่ลงมือสังหารแล้วรีบเดินทางเข้าสำนักเสียที และในตอนที่มีโอกาสสังหารก่อนหน้าหนีหยางฉีก็เพียงรู้สึกว่าเซินฝูยังไม่ต้องการสังหารคนในตอนนี้เท่านั้น จึงได้ลงมือจัดการทำให้สลบไปก่อนที่จะประมวลผลได้ แต่หากหยางฉีตัดสินใจลงดาบแทนสันมือในตอนนั้น เซินฝูอาจจะส่งสายตาน่ากลัวมาให้ก็ได้ "ใครส่งพวกท่านมา?" "คิดว่าข้าจะปริปากง่ายๆหรืออย่างไร" จุดจบของการที่ทำภารกิจไม่สำเร็จ อย่างไรแล้วโทษก็คือตา
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 4
"ยินดีต้อนรับกลับ" สถานที่ที่คุ้นเคยปรากฏสู่ครรลองสายตา เซินฝูแทบจะหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความปลื้มปิติ เหมือนเวลาช่างเนิ่นนานเหลือเกิน ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้กลับมายังที่แห่งนี้อีกครั้ง... สำนักเจี๋ยเอิน เป็นสำนักฝึกตนที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังติดอันดับหนึ่งในเจ็ดสำนักที่แข็งแกร่ง หรือหากจัดอันดับกันจริงๆแล้ว สำนักเจี๋ยเอินอยู่ในลำดับที่สอง ตั้งอยู่แคว้นสวี เขาหลันอวิ๋น โดยตัวสำนักนั้นตั้งอยู่บนยอดเขาทอดเป็นทางยาวขึ้นไป ยอดเขาย่อยต่างๆก็มีบรรดาผู้อาวุโสได้ครอบครอง ผู้อาวุโส หรืออาจารย์ในสำนักเก่งกาจไม่เป็นรองสำนักอื่นๆ และมีหลายแขนงวิชาให้ได้เลือกเรียน โดยส่วนมากแล้วศิษย์นอกที่เพิ่งเข้ามาจะได้เรียนรวมกับผู้อื่น และหากแสดงผลงานได้ดี ในตอนที่ได้เข้าไปเป็นศิษย์ใน จะมีการยื่นป้ายเชิญโดยอาจารย์ที่ชื่นชอบเด็กคนนั้น หรือเล็งเห็นความสามารถ หากทำได้ดี อาจารย์ท่านนั้นจะรับเข้าเป็นศิษย์หลัก และจะได้ขึ้นไปอยู่อาศัยกับอาจารย์ของตนเองที่ยอดเขา และยิ่งไปกว่านั้น หา
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 5
เส้นทางเบื้องหน้าช่างคุ้นตา ราวกับว่าใช้ชีวิตอยู่จนเคยชิน การเดินที่เส้นทางนี้เป็นดั่งการเดินกลับจวนตามปกติ ไม่ใช่การมาเยือนครั้งแรกอย่างไรอย่างนั้น ทัศนียภาพรอบด้านคุ้นตา เหมือนกับเห็นมานับครั้งไม่ถ้วน แม้ว่าอากาศจะเริ่มเย็นลงตามเวลา แต่ก็ยังรู้สึกอบอุ่นราวกับได้กลับมาหาครอบครัว โง่เขลาเหลือเกินเซินฝูที่ทรยศต่อคนที่เป็นดั่งครอบครัวจริงๆเพียงคนเดียวของตนเอง ศาลาไม้แกะสลักปรากฏในครรลองสายตา ในศาลามีร่างของคนๆหนึ่งกำลังนั่งจิบชาชมบรรยากาศอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ทุกสิ่งอย่างล้วนคุ้นตา ทุกสิ่งอย่างช่างคุ้นเคยจนเซินฝูไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้ ในตอนที่เซินฝูกลับเข้าร่างของตนเอง เซินฝูจำได้ว่าไม่มีน้ำตาจะเสียให้กับความทรงจำใดๆของตระกูลจ้าวแม้แต่น้อย กลับกันเพียงแค่มองเห็นทางเดินที่คุ้นตาก็พาลน้ำตาไหลออกมาแล้ว จวนตระกูลจ้าว ไม่มีสิ่งใดให้อาลัยอาวรณ์ ต่างจากยอดเขาที่สองของสำนักเจี๋ยเอิน... ที่แห่งนี้จึงจะเรียกได้ว่าเป็นครอบครัวเดียว
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 6
ในตอนนี้เซินฝูนั่งทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอยู่ที่โถงเรือน มือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยเชือกเซียน และขาข้างหนึ่งถูกล่ามเอาไว้กับเสาเรือนโดยเชือกเซียนเช่นกัน ส่วนตัวต้นเรื่องอย่างโจวหมิงนั้นกล่าวว่าจะไปหาสำรับเย็นมาให้ ในขณะที่โจวหมิงเดินไปจัดการเรื่องตามที่บอก เซินฝูก็ได้ยินเสียงคนคุยกันดังมาจากหน้าเรือน "เจ้าว่าอย่างไรนะ?" "ข้ามัดเอาไว้" "เจ้าบ้านี่!" ก่อนที่โจวหมิงจะเดินเข้ามาก็เป็นหวังซิ่นเจียที่พุ่งเข้ามาก่อน เมื่อเห็นสภาพของเซินฝูที่โดนล่ามเอาไว้แล้วก็แทบจะออกไปตบตีโจวหมิงสักหลายๆที "เจ้าบ้าไปแล้วจริงๆสินะ" โจวหมิงที่เดินตามเข้ามาทำหน้าไม่รู้สึกรู้สา ในขณะที่เซินฝูส่งสายตาอ้อนวอนขอความช่วยเหลือกจากหวังซิ่นเจียสุดฤทธิ์ ในตอนนี้คงมีแค่ขาทองคำผู้นี้เท่านั้นที่จะช่วยได้ "ปลดพันธนาการเสีย โจวหมิง" "ไม่" โจวหมิงไม่สะทกสะท้านกับสายตาของสหายสนิทที่ส่งมาอย่างข่มขู่ วางสำรับเย็นของลูกศิษย์ตัวน้อยลงตรงหน
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 7
หลังจากที่โจวหมิงกล่าวว่าจะออกไปส่งหวังซิ่นเจียก็ไม่ได้กลับเข้ามาหาเซินฝูอีก มีเพียงบ่าวของโจวหมิงเท่านั้นที่เข้ามาจัดการเรื่องที่นอนให้กับเซินฝู ในคืนแรกที่ได้กลับมายังสำนักเจี๋ยเอิน เซินฝูแทบไม่อยากจะหลับไปด้วยซ้ำ เพราะเกรงว่านี่จะเป็นเพียงแค่ฝันหนึ่งตื่น อีกทั้งยังคิดเรื่องที่ตนเองได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง โจวหมิงและหวังซิ่นเจียต้องรู้เงื่อนไขของมันอย่างแน่นอน แต่ในตอนนี้ถามหวังซิ่นเจียนั้นหวังซิ่นเจียไม่คิดจะตอบ ได้แต่บอกปัด หากเป็นอย่างที่เซินฝูคิดเอาไว้ อาจจะเป็นโจวหมิงที่ทำเรื่องนี้ขึ้นมา... แต่ด้วยวิธีใดกัน... ในความเป็นจริงแล้ว การชุบชีวิตคนๆนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ในทางปฏิบัติแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้ หากนั่นไม่ใช่การเรียกวิญญาณกลับมาเพื่อเอาไว้ใช้งาน การกลับมาของเซินฝูนั้นเป็นการย้อนเวลา และกายเนื้อที่ได้รับก็ไม่ผิดเพี้ยนไปจากเซินฝูในตอนอายุสิบสองหนาว อีกทั้งยังเติบโตได้ตามวัย รวมถึงความทรงจำจากชาติก่อนด้วย วิธีการใดกันที่โจวหมิงใช้เพื่อ
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 8
'อ๊ากกกก!!' โจวหมิงทรุดตัวหมอบกับพื้นกอดร่างไร้วิญญาณนั้นเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ไม่อาจทำใจยอมรับได้ว่าจ้าวเซินฝูนั้จากไปแล้วจริงๆ ความวุ่นวายเกิดขึ้นหน้าจวนตระกูลจ้าว จนบ่าวตระกูลจ้าวต้องออกมาดู เมื่อบ่าวคนหนึ่งเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าจวนแล้ว จึงรีบวิ่งเข้าไปตามจ้าวจวิ้นซาน โจวหมิงได้ยินเสียงวุ่นวายตรงหน้าจึงได้เงยหน้ามอง ประตูจวนตระกูลจ้าวเปิดออกแล้วและมีบ่าวคนหนึ่งยืนมองเหตุการณ์ด้วยความตกตะลึง ในขณะที่อีกคนวิ่งเข้าไปตามผู้เป็นใหญ่ของจวน โจวหมิงค่อยๆหยัดตัวขึ้นยืน อุ้มเอาร่างไร้วิญญาณของจ้าวเซินฝูเดินเข้าไปในจวนตระกูลจ้าวโดยไม่ต้องรอคำเชิญ ในใจร้อนรุ่มเสียยิ่งกว่าโดนไฟสุม หากเป็นไปได้ โจวหมิงอยากจะฆ่าคนตระกูลจ้าวทิ้งเสียให้เหี้ยน หวังซิ่นเจียและเหล่าผู้อาวุโสรีบเดินตามเข้าไป ลูกศิษย์จำนวนหนึ่งยืนปิดทางไม่ให้ชาวบ้านเข้ามามุงดู เสียงโหวกเหวกโวยวายดังขึ้นจากทิศทางหนึ่งของบ้าน หวังซิ่นเจียคิดว่าโจวหมิงจะต้องอยู่ที่นั่นอย่างแน่นอนจึงเร่งตามไป
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 9
'จ้าวเซินฝูควรจะยินดีมากกว่าที่ข้าทำเพื่อเขาขนาดนี้!!' 'ผู้อาวุโสโจว!!' ฉัวะ! 'หยางจิน!' ในขณะที่โจวหมิงใช้กระบี่ฟันฉับลงมาอย่างไร้ความปราณี พ่อบ้านหยางที่มาจากไหนก็ไม่รู้พุ่งพรวดเข้ามาขวางคมกระบี่ไว้ โจวหมิงเองก็นึกไม่ถึงจึงได้ยั้งมือไว้เพราะเห็นเป็นคนคุ้นเคย และพ่อบ้านหยางก็ไม่ใช่หนึ่งในบุคคลที่โจวหมิงคิดจะฆ่าทิ้ง 'อึก..พะ พอเถอะขอรับผู้อาวุโสโจว...' 'เจ้าไม่คิดจะแก่ตายหรืออย่างไร ถอยไป' พ่อบ้านหยางเข้ามาขวางไม่ให้โจวหมิงจัดการจ้าวจวิ้นซาน แลกกับการที่ใบหน้าของตนเองถูกฟันเป็นทางยาว 'ผู้อาวุโสโจว ได้โปรด...' 'หยางจิน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!? อาหมิง พอได้แล้ว!!' แม้จะมีคนฝ่ายของตนเองบาดเจ็บอยู่ต่อหน้า โจวหมิงก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านแต่อย่างไร จะให้ทำเช่นไรเล่า ในเมื่ออีกฝ่ายวิ่งเข้ามาขวางวิถีกระบี่เอง ยั้งมือได้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่ หากเมื่อครู่ไม่ทันยั้งมือล่ะก็ พ่อบ้านหยางได้เห
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
ตอนที่ 10
โจวหมิงหนีกลับสำนักไปพร้อมกับร่างไร้วิญญาณของจ้าวเซินฝูหลังจากที่อาละวาดจนพอใจ ทิ้งปัญหามากมายเอาไว้ให้ผู้อาวุโสที่เหลือ โดยเฉพาะหลิ่วป๋ายซื่อผู้เป็นเจ้าสำนัก ความเสียหายที่โจวหมิงทิ้งเอาไว้นั้นมากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะจัดการกับเรื่องใดก่อน ทั้งความเสียหายของราชวงศ์เจิ้ง ที่ต้องสูญเสียทั้งฮ่องเต้ ฮองเฮาคู่บัลลังก์ รวมถึงองค์รัชทายาท เรียกได้ว่าภายในวุ่นวายไม่แพ้ภายนอก หรือจะเป็นความเสียหายของตระกูลจ้าว ประมุขตระกูลคนปัจจุบันกลายเป็นคนพิการ อีกทั้งยังต้องสูญเสียฮูหยินรอง และบุตรสาวคนโตไปด้วย แน่นอนว่าในส่วนของสำนักเจี๋ยเอินก็เสียหายไม่แพ้กัน และเรื่องทั้งหมดนั้นเกิดจากการตายของคนเพียงคนเดียว เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถยอมความกันได้โดยง่าย ดังนั้นจึงได้มีตัวแทนของราชวงศ์มาเจรจาให้ส่งมอบตัวโจวหมิงเพื่อรับการลงโทษ ซึ่งหลิ่วป๋ายซื่อเองก็ไม่ได้ตอบปฏิเสธแต่อย่างใด สิ่งที่ตอบกลับไปมีเพียง... 'เอาสิ แต่พวกท่านต้องไปพาคนมาเอ
last update최신 업데이트 : 2025-09-25
더 보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status