ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....
ใครวะ!!!
คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อน
ผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่นแล้วหรืออย่างไร หรือเป็นไปอัตโนมัติกันแน่
และผมก็ได้คำตอบในไม่ช้า เมื่อลมหายใจนั่นยังคงสม่ำเสมอพร้อมอ้อมกอดที่กระชับขึ้น ไม่ปล่อยให้หลุดออกจากอ้อมอกโดยง่าย เพราะวันนี้เป็นวันอาทิตย์ผมนอนคิดทบทวนอยู่ในหัวว่าวันนี้จะไปทำอะไรบ้าง ก่อนจะค่อยๆ ปิดเปลือกตาอีกครั้ง
ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในช่วงสายๆ ของวัน ไอ้ซันไม่ได้อยู่บนที่นอนแล้ว แต่เสียงของสายน้ำที่ตกกระทบกับพื้นห้องน้ำก็ทำให้เดาออกได้ไม่ยาก ผมตวัดผ้าห่มออกจากตัว แล้วเริ่มต้นทำอาหารเช้าสำหรับสองคน พอทำเสร็จก็เดินทำความสะอาดห้อง ชักจะรู้สึกว่ามันใหญ่เกินความจำเป็นไปสักหน่อย เพราะต้องทำความสะอาดคนเดียว รวมไปถึงห้องที่ไม่ได้ใช้งานด้วย ในตอนที่กำลังก้มหน้าก้มตากวาดพื้นอยู่นั้น ไอ้ซันก็โถมตัวเข้าใส่ ยืนกอดผมนิ่งๆ จนต้องหันหน้าไปถาม
“อะไรของมึง”
“หายแล้วหรอ” ไอ้ซันกระซิบถามเสียงเบา ผมก็กวาดพื้นต่อไม่ได้สนใจมากมายเท่าไหร่
“อืม ดีขึ้นเยอะแล้ว”
“คิดว่าคงจะป่วย หรือเจ็บจนลุกไม่ไหว อึดกว่าที่กูคิดนะ ทั้งๆ ที่.... ทำแรงตั้งขนาดนั้น” มันกระซิบข้างใบหู ท้ายเสียงสั่นพร่าจนทำให้ใจผมสั่นไหวรุนแรง ใบหน้าเริ่มร้อนขึ้น ก่อนจะหันไปผลักอกมันออก
“เกะกะน่ะ ทำงานอยู่ไม่เห็นรึไง” สองมือของผมยันอกมันไว้ หันหน้าหนีไปอีกทาง ไม่รู้ว่าทำไม ถึงไม่กล้ามองหน้ามันตรงๆ ไอ้ซันเอื้อมมือมาจับข้อมือของผมไว้ จับให้แยกออกทั้งสองข้าง ก่อนจะโน้มตัวกดจูบเบาๆ ที่ข้างแก้ม ทำให้ผมชะงักนิ่ง
“ไปอาบน้ำไป เดี๋ยวกูทำต่อเอง หรือถ้าไม่ไหว..... อยากให้ช่วยก็บอก” ในประโยคก็ยังเป็นการพูดคุยปกติ แต่ท้ายประโยคนั้นกลับกระซิบข้างใบหู จนชวนให้เข้าใจผิดว่า คำว่า
ช่วย
ที่มันบอกนั้นหมายถึงเรื่องไหนกันแน่ ผมรีบสะบัดตัวออกห่าง ดึงข้อมือจนหลุดจากการเกาะกุม เดินหนีเข้าห้องนอนให้เร็วที่สุด แม้จะยังขัดๆ ที่ช่องทางด้านหลังก็ตามที ได้ยินเสียงหัวเราะแผ่วๆ ดังขึ้นที่ด้านหลัง แล้วมันก็ก้มตัวไปหยิบไม้กวาดที่ล้มอยู่ที่พื้นขึ้นมาทำงานต่อ ผมก็ไม่ได้สนใจเดินเข้าไปจัดการตัวเอง แล้วกลับออกมาจากห้องอีกครั้ง
“ห้องนั้น มันล็อกอยู่ เลยไม่ได้ทำนะ” ไอ้ซันพูดพลางชี้ไปที่ประตูห้องเก็บของ ผมพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มต้นกินข้าว
“เดี๋ยวกูทำเอง ขอบใจมาก” เราพูดคุยกันอีกนิดหน่อย แล้วต่างคนต่างทานอาหาร
“วันนี้มึงจะไปไหนรึเปล่า”
“สภาพแบบนี้กูจะไปที่ไหนได้” ผมตอบกลับคำถามของไอ้ซันไป แต่ไม่ได้โกรธมันนะครับ ผมรู้ว่าตัวเองคงจะไปทำอะไรมันก่อนนั่นแหละ เพราะมันไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน บวกกับตอนที่ผมเมา ก็ไม่รู้ว่าไปพูดหรือทำอะไรกับมัน เรื่องมันถึงได้ลงเอ่ยแบบนี้ แต่คิดว่าความรู้สึกของผมมันคงจะปะทุละมั้ง?
“กูจะกลับไปหาแม่สักหน่อย มึงจะไปด้วยกันไหม?” ผมนั่งนิ่งคิด ก่อนจะส่ายหัวไปมา
“ถึงกูกลับไปก็ไม่มีใครอยู่หรอก”
“ไม่คิดถึงพี่คม คิดถึงพวกป้าๆ เขารึไง” เพราะคำทักของไอ้ซันทำให้ผมนิ่งอีกครั้ง ผมยังคง.... งอนพี่คมอยู่ แต่ว่าพวกป้าๆ ก็ ไม่ใช่ว่าจะไม่คิด เพราะผมเงียบนานเกินไป ไอ้ซันจนบอกปัดให้แทน
“เอาเถอะ สภาพมึงไม่เต็มร้อย ไปก็ลำบากเปล่าๆ อยู่นี่แหละ” พูดจบมันก็นั่งกินข้าวต่อ ผมจึงเริ่มทานอาหารบ้าง
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
เสียงนั้นทำให้ผมชะงักกึก ผมกับไอ้ซันเงยหน้ามองกัน
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
ในคราวนี้ผมวางช้อนลง ใบหน้าเริ่มเผือดสี ต่างจากไอ้ซันที่กระตุกยิ้มเหมือนได้เจอเรื่องสนุก
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
ผมนั่งรออยู่เฉยๆ ที่โต๊ะ ไอ้ซันก็เริ่มภารกิจตามหาต้นเสียงที่ว่า มันเดินไปทั่วๆ ห้องอย่างตั้งใจฟัง จนไปหยุดอยู่ที่ประตูบานหนึ่ง
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
“เหมือนจะออกมาจากห้องนี้นะ” ผมหันไปมองบานประตูที่ไอ้ซันมันกำลังชี้นิ้วบอก นิ่งไปชั่วครู่ ผมไม่ได้เข้าไปเกือบเดือนแล้ว ถ้ามันจะมีก็คงไม่แปลก
“งั้นไม่เป็นไร ช่างมัน” ไอ้ซันขมวดคิ้วมองผมอย่างแปลกใจ
“มึงกลัวหนูกลัวแมลงยิ่งกว่าอะไร จะทนอยู่กับพวกมันได้สักกี่วัน”
“เดี๋ยวค่อยให้พี่คมมาจัดการ มากินข้าวได้แล้ว”
“ทำไมต้องรอพี่คมด้วย กูก็อยู่เนี้ย กูจับให้ก็ได้”
“ไม่เป็นไร” พูดจบก็เริ่มทานข้าวต่อทันที
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
มึงจะขยันร้องไปไหนวะ!! อยู่แต่ในห้องนั้นไปเลยนะมึง ห้ามออกมาเด็ดขาด ห้ามทำข้าวของเสียหายด้วย! คิดพลางสะดุ้งเป็นพักๆ จนไอ้ซันมันโยนช้อนทิ้ง มือยีหัวอย่างหงุดหงิด
“มึงไม่รำคาญรึไง”
“รำคาญ”
“รำคาญก็เปิดห้องสิวะ จะได้จับให้มันจบๆ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวรอพี่คม”
“ในห้องนั้นมีอะไรนักหนา” ไอ้ซันพูดอย่างหงุดหงิด มือลูบหน้าตัวเองแรงๆ ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง ก่อนจะเสนอความคิด
“กูจะยืนรอหน้าห้อง มึงเข้าไปต้อนมันมาแล้วกัน”
“ห๊ะ? ไม่เอา!”
“แล้วมึงจะเอายังไง!” เหมือนไอ้ซันมันจะเริ่มหงุดหงิดจริงๆ ที่ผมดื้อดึง ผมจึงบอกคำตอบออกไป
“ไปเยี่ยมน้าพิมพ์กับมึง แต่ไม่เข้าบ้าน ส่วนห้องนั้น ให้แม่บ้านคอนโดมาจัดการให้” พูดแล้วทานข้าวต่อไป สาเหตุที่กลัวก็ไม่ใช่เพราะใครเลยครับ ไอ้คนที่มันนั่งตรงหน้าผมนี่แหละ มันเป็นปกติใช่ไหมล่ะที่คนจะกลัว หนู งู แมลงสาบ ตะขาบ อะไรพวกๆ นั้น ผมก็กลัวนะครับ ในระดับปกตินะ แต่มันรุนแรงขึ้นเพราะมันนี่แหละ
จี๊ด จี๊ด จี๊ด
“เบส มึงช่วยกูหาหน่อยดิว่ะ”
“ไม่เอา คุณเบสไม่ชอบ” ผมร้องตอบกลับ พร้อมกับมองรอบๆ ห้องอย่างระแวง ห้องของเพื่อนสนิทของผม ซึ่งตอนนี้กำลังมีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้รับเชิญเข้ามาอยู่อาศัยด้วย และเพราะเจ้าตัวทนรำคาญไม่ไหว รื้อห้องออกมาจนหมด เพื่อตามหาต้นต่อ ทั้งๆ ที่พวกเราพึ่งจะ 10 ขวบต้นๆ เท่านั้นเอง
“ช่วยหาหน่อย!!!” เจ้าตัวพูดอย่างหงุดหงิด ในอ้อมแขนมีข้าวของเต็มไปหมด เด็กชายตัวอ้วนจึงต้องจำใจเดินตามหาด้วยเช่นกัน เราหากันอยู่พักใหญ่ จนสุดท้ายก็มีเสียงร้องตะโกนโวยวายดังขึ้น
“เฮ้ย!! เจอแล้ว!! เยอะฉิบหายเลยยยยย อ้ะ ไอ้เบส!!!!”
“หือ?”
“มันกำลังไปหามึง!!! จับไว้!!” เด็กชายตัวกลมได้แต่ยืนนิ่งกับที่ ขาก้าวไม่ออก เมื่อหนูตัวใหญ่ๆ ถึง 5 ตัว กำลังวิ่งพล่านไปทั่วห้อง และวิ่งข้ามเท้าของเขาไป สัมผัสขนที่สากระคาย และรอยเล็บที่จิกบนหลังเท้า ทำให้ตัวสั่นสะท้าน ต่างจากเพื่อนสนิท ที่กำลังวิ่งวุ่น ทั้งหนีทั้งจับ ในเวลาเดียวกัน และโวยวายออกมาอย่างอดไม่อยู่
“มึงจะยืนอีกนานไหม!!! จับสิโว้ยยยยยย”
“คะ คะ คุณเบสไม่เอา!! ไม่จับ!!” จนสุดท้ายแล้วเพื่อนสนิทก็จับหนูที่กำลังวิ่งหนีไปไม่ได้สักตัว ได้แต่กระทืบเท้าตึงตังอย่างโมโห ก่อนจะเดินไปดูที่รังของมันอีกครั้ง
“ถึงว่าสิ ทำไมร้องทั้งวันทั้งคืน มาเป็นรังเลยนี่หว่า” พูดพลางหยิบเอาหนูตัวเล็กๆ สีแดงๆ ใส่กล่องเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้ามาหา เพราะว่าตั้งใจจะเอาไปทิ้ง แต่ห้องที่รกรุงรังเพราะเจ้าของมันทำการรื้อค้น จนสะดุดกับของที่วางอยู่บนพื้น
ราวกับภาพสโลโมชั่น เมื่อลูกหนูตัวเล็กๆ เกือบ 10 ตัว กำลังลอยละลิ่วเข้ามาหาเด็กชายตัวอ้วน และเพื่อนสนิทที่กำลังล้มลงด้วยใบหน้าที่ตกอกตกใจ
“หวะ หวะ เหวออออออ”
“ฮะ ฮึก ฮึก แง้งงงงงงงงงงงงงง” ทั้งสองเสียงร้องออกมาพร้อมกัน ด้วยอารมณ์ที่ตกใจเหมือนกัน แต่คนละสาเหตุ เพราะคนหนึ่งกำลังจะล้มหน้ากระแทกพื้น ส่วนอีกคน... ลูกหนูตัวเล็กกำลังพุ่งเข้าหา
เมื่อพวกลูกหนูแตะโดนตัว ทำให้เกิดเสียงแผดร้องทันที ก่อนจะทรุดตัวนั่งร้องไห้อย่างตกอกตกใจ ตัวสั่นทิ่ม และมีลูกหนูกำลังไต่ไปตามตัวสะเปะสะปะ เพราะยังเดินได้ไม่คล่องดีนัก
“ฮือออออออออ ฮืออออออออ” เพื่อนสนิทของเขารีบผุดตัวขึ้น ตามไล่จับลูกหนูใส่กล่องเอาไว้ดังเดิม พร้อมๆ กับมารดาของเพื่อนที่เปิดประตูเข้ามาดู ก่อนจะตกใจกับสภาพห้องที่เหมือนกับทำสงครามมา
“กะ เกิดอะไรขึ้น”
“ซันจับหนูอะแม่ มันอยู่เต็มห้องเลย มาเป็นครอบครัวเลย แม่ดูๆ ๆ” พูดพร้อมยกกล่องลูกหนูไปอวดมารดาตัวเอง
“แล้วเบสร้องไห้ทำไมละลูก”
“ฮึก หนู หนู หนู ฮึก”
“อ้อๆ หนูกลัวสินะ มาๆ แม่กอดปลอบนะ” แต่เด็กชายกลับส่ายหน้า ก่อนจะพยายามพูดอีกครั้ง
“หนู หนูมันไต่ ฮือออ บนตัวคุณเบส ฮึก ฮึก ซัน เทลูกหนูใส่คุณเบส ฮือออออออ”
และนั่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ผมกลัวหนูขึ้นสมอง สะดุ้งทุกครั้งที่ได้ยินเสียง หัวใจเต้นเร็วระรัว และเหมือนว่าไอ้ซันมันจะรำคาญจึงพยายามที่จะเข้าห้องนั้นเพื่อจัดการหนูให้ แต่สุดท้ายผมก็ดึงดันเช่นเดิม คืออย่างไรก็ไม่ยอม จนทานข้าวเสร็จอะไรเสร็จ เตรียมตัวออกจากห้อง ก็ไปติดต่อกับเจ้าหน้าที่ของคอนโด มอบคีย์การ์ดและกุญแจประตูห้องนั้นไว้ให้ บอกให้ขึ้นไปจัดการให้ด้วย พร้อมเงินว่าจ้างจำนวนหนึ่ง แล้วจึงพากันออกจากคอนโด ครั้งนี้ผมนั่งที่เบาะข้างคนขับ เพราะอาการไม่หนักเท่าเมื่อวาน พอทนไหวอยู่
“ทำไมกูไม่ค่อยเห็นมึงเอา.... อะไรนะ รถมึงน่ะ ชื่ออะไรนะ”
“ไท่หยาง”
“เออ นั่นแหละ ทำไมไม่เห็นเอามาขับเท่าไหร่เลย”
“ทำไม ขี้เกียจขับให้กูนั่ง??”
“เปล่า ป๊ามึงลงทุนซื้อรถใหม่ให้มึงใช้ แต่มึงกลับเอาแต่นั่งรถกูนี่นะ”
“กูนั่งรถมึงไม่ได้รึไง ถ้าไม่ได้ก็จอดแถวนี้ละ เดี๋ยวขึ้นแท็กซี่กลับเอา” พูดพร้อมปลดสายเข็มขัดนิรภัยแต่ไอ้ซันเอื้อมมือมากุมเอาไว้ กดให้ลงล็อกดังเดิม
“ก็แค่ถาม เดี๋ยวลูกมึงน้อยใจ”
“ก็ใช้อยู่ตลอดนั่นละ เอาไปมหาลัยบ่อยจะตาย”
“อ้อ นั่นสินะ” ผมนั่งเฉยๆ พยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด ส่วนไอ้ซันก็ขยับโยกตัวตามเสียงเพลง ร้องไปพลางอย่างเมามัน เป็นเพลงอีสานแหละครับ เพียงแต่ผมไม่รู้ความหมายของมันเท่าไหร่
ควายบักเถิกตัวใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่
ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่, ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่ ใหญ่
โอ้แม่ทรามวัย น้องเห็นควายอ้ายไหม
ตัวดำคู่ลู่ หลุดกกหลักไปไส
สงสัย สงสัย ไปหากินน้ำท่า
นานานา นางน้องหนองน้ำใหญ่แท้
จอกแหนกะหลายพันควายอ้ายเป็นหายวา
หญ้ากะฮกอึ้งตึ้ง อึ้งตึ้ง อึ้งตึ้ง อึ้งตึ้ง อึ้งตึ้ง
แท้ละหนอกานดา
ควายอ้ายมันอ่อนล้า ทางเขากะหนักหลาย
หอยหนีบควายอ้าย หอยหนีบควายอ้าย
หอยหนีบควายอ้าย หอย หอย หอย หอย
หนีบ หนีบ หนีบ หนีบ, หนีบ หนีบ หนีบ หนีบ
หนีบ หนีบ หนีบ หนีบ, หอยหนีบหัวควายอ้าย
โอ้แม่เนื้อกลอย ล่ะฮอย ฮอย ฮอย ฮอย
ล่ะฮอย ฮอย ฮอย ฮอย ควายอ้ายล่องลอย
หอยกะมึเอาฮ้าย หนีบหัวควายอ้ายเป็นตาหน่าย
ควายอ้ายมันสะหวอย ส่อยเอาหอย ส่อยเอาหอย
เอาหอย เอาหอย เอาหอย หอย หอย หอย หอย
ออกจากควายอ้ายแน
เพลง หอยหนีบควายอ้าย : วงตลาดแตก
“ฮึฮึ” ผมหลุดขำออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ปากกระตุกเมื่อคำที่ไอ้ซันมันร้องเพลงออกมาส่อให้มองไปอีกทางที่ออกแนวทะลึ่งตึงตัง เจ้าตัวหันหน้ามามอง ยักคิ้วนิดๆ ยกยิ้มมุมปาก
“ฟังรู้เรื่องรึไงเรา”
“ฮึ ไม่รู้”
“แล้วขำอะไร”
“ก็มันส่อ แถมมึงยังร้องจากควายเป็น คว-” ผมกัดริมฝีปากเอาไว้ ไม่ให้เผลอหลุดคำที่ไม่ควรออกมา
“หื้มมมมม ทะลึ่งนะเราเนี้ย คุณหนูเบส”
“เปล่าสักหน่อย มึงอย่ามาใส่ร้ายกู”
“หรอออออ” ไอ้ซันแกล้งพูดออกมา ก่อนจะร้องเพลงอีกครั้ง ทำให้ผมหัวเราะลั่น
อ้ายเฮ็ดมัน อ้ายเป็นคนเฮ้ดมัน
หมู่เขาพากัน ละเฮ้ดข้าวเฮ้ดอ้อย
อ้ายกะสิสู้ อ้ายสิสู้บ่ถอย
คนดู๋คนหมั๊น ทางสู้นั้นบ่มีถอย
ขอให้เจ้าซ่อย....
ฮักกับข้อยคนเฮ้ด..... มัน
เกิดมาแต่น้อยเท่าใหญ่
อ้ายบ่ไปไสเฮ้ดแต่ไฮ่มัน
เทิ่งไถ เทิ่งปลูกเสียหญ่า
พอถึงเวลาเฮากะได้ขายกัน
คันได้เจ้ามาเฮ็ด.... ซ่อย
อ้ายกะสิคอย สอนเฮ้ดไฮ่มัน
มามักกับอ้ายบ่หล่า
มาเอ๊า... กับอ้ายบ่อหล่า
บ่จ่มดอกหนา....
มามักหนุ่มเฮ้ด....มัน
เพลง อ้ายเฮ็ดมัน : เต้ย ปลายนา
“มึงไปรู้จักเพลงพวกนี้ได้ไง ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไปตามผับตามบาร์นั่นแหละ เพลงพวกนี้มีเยอะแยะไป บางทีก็เอาขึ้นไปร้องบ้างบางครั้ง เรียกความสนุก” ผมพยักหน้ารับน้อยๆ ผมนั่งฟังเพลง พร้อมๆ กับเสียงร้องของไอ้ซันไปพลาง จนมาถึงบ้านน้าพิมพ์ ผมก็เข้าไปทักทายสวัสดี นั่งมองสองแม่ลูกเดี๋ยวกอดเดี๋ยวหอม บ้างก็แหย่แม่ของมันไปพลาง และจบลงที่นั่งทานข้าวเย็นด้วยกัน แล้วจึงพากันกลับ พอมันมาส่งผมที่หน้าคอนโดเสร็จ ก็ขับรถออกไป ผมมองตามหลังของมันไป ก่อนจะถอนสายตากลับ แล้วเดินมุ่งตรงเข้าห้อง ไปดูห้องที่ถูกล็อกไว้ถาวร พอเปิดเข้าไปแล้วก็นิ่งเงียบ รอฟังเสียง
ไม่มีแล้ว.....
ผมจึงเดินไปทั่วๆ ห้อง มองตามผนังห้อง และที่โต๊ะมุมหนึ่ง สำรวจความเสียหาย พบว่าไม่มีอะไรที่พังหรือขาดไป ก่อนจะหยิบสิ่งๆ หนึ่งขึ้นมา มองด้วยแววตาอ่อนโยนปะปนกับความเจ็บปวดอยู่ในที มันทั้งสุขทั้งเศร้าคู่กัน ก่อนจะปิดประตูล็อกห้อง เอากุญแจไปเก็บเอาไว้ ก่อนจะอาบน้ำแต่งตัว แล้วมานอนดูซีรีส์บนโซฟาจนกระทั่งเผลอหลับไป......
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
เพี้ยะ!“ถ้าไม่รักจะมาคบกันทำไมว่ะ!!!” ใบหน้าหล่อร้าย มาดนิ่ง หันสะบัดตามแรงตบกระทบ จนใบหน้าขาวๆ นั้นขึ้นรอยฝ่ามือชัดเจน เขาทำเพียงมองตอบกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆ เฉยชา และไร้ความรู้สึก แตกต่างจากหญิงสาวตรงหน้าที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ มือกำแน่น ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า มองจ้องอย่างเจ็บแค้นและโกรธเคือง“เสียชาติเกิด!! ไอ้หน้าตัวเมีย!!” อีกฝ่าตะโกนด่าดังลั่นอีกครั้ง ซึ่งเขาเองก็ทำเพียงยืนมองอยู่เฉยๆ ยอมรับคำกล่าวหา ไม่เถียงอะไรออกไปสักคำ“จบแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปสักที” พูดพลางหันหลัง ก้าวเดินจากมา ไม่มีความอาลัยอาวรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ต่างจากคนที่ด้านหลังกรีดร้องเป็นเจ้าเข้า“ไอ้เบส!! กูขอให้มึงอกหัก!! ไม่สมหวังในความรัก!!! น้ำหน้าอย่างมึงเขาไม่เอามึงหรอก!! อีวิปริต!! อีผิดเพศ!!! ขอให้มึงตกนรกทั้งเป็น!!! กรี้ดๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” เขาเดินก้าวจากมาช้าๆ พร้อมๆ กับคิดในใจไปด้วยว่าไม่ต้องแช่งกูหรอก แค่ตอนนี้กูก็ตกอยู่ในสถานะนั้นแล้ว....ย้อนกลับไปเมื่อ 12 ปีก่อน.....“ไอ้อ้วน!!! ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ไอ้ลูกหมู!!! ไอ้ขี้มูกกรัง!!” เด็กชายตัวน้อยนั่งลงกับพื้นทรายในสวนสาธารณะ ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่กับที่ ยกแขนป้อมๆ นั้นขึ้นปาดน้ำตาตั
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก”“อึก แฮ่ก แฮ่ก”ตุ้บ!ผมนอนทิ้งตัวบนพื้นที่มีเสื่อโยคะปูเอาไว้อยู่ ใบหน้าหันมองออกไปที่ผืนน้ำสีฟ้าสดใส ลมหายใจหอบกระชั้นถี่ระรัว เป็นผลพวงที่มาจากการฟิตออกกำลังกาย อย่างที่รู้กันว่าแต่เดิมผมนั้นเป็นเด็กอ้วนคนหนึ่ง จะให้ทำยังไงได้ละ ก็อาหารการกินของที่ต่างประเทศนั้นมันไม่เหมือนที่ไทยนี่ ส่วนใหญ่ที่ได้ทานอยู่บ่อยๆ ก็เป็นพวกแป้ง เนื้อ นม ไข่ และขนมปัง มันก็คงไม่แปลกที่ผมจะตัวอ้วนกลมตุ้ยนุ้ยตั้งแต่เด็กถ้าถามว่าผมกลับมามีหุ่นที่ฟิต กระชับ และเฟิร์มทั้งตัวได้ยังไง ก็ต้องยกความดีความชอบให้เพื่อนคนสำคัญ ที่มันจับผมลากออกไปเล่นนอกบ้านทุกวัน แถมการเล่นแต่ละอย่างของมันก็ไม่ใช่จะสนุกสนานสำหรับผม แต่กับมันก็คงจะใช่ ผมคิดพลางขนลุกชันไปทั่วทั้งตัว เมื่อคิดถึงการละเล่นในสมัยก่อน“ไอ้เบส มึงดูนี่! แม่งโคตรน่ารักอ้ะ!”“ออกไปนะ!!! ซัน!! เบสไม่เล่น!!” เขาตะโกนร้องบอกคนที่ด้านหลัง วิ่งหนีสุดชีวิต เมื่ออีกฝ่ายจับคางคกตัวตะปุ่มตะป่ำ พยายามจะยื่นมาตรงหน้าให้เขาได้ดู เพราะเจ้าตัวนั้นดันไปเห็นมันกระโดดเข้ามาในบ้านของตัวเอง และจับมาอวดให้เขาดูตรงหน้า ซึ่งทันทีที่เขาได้เห็นก็ร้องลั่น วิ่งหนีอย่
วันนี้ผมตื่นแต่เช้า พอเวลา 8 โมงก็ให้คนขับรถไปส่งที่มหาลัย โดยไม่ลืมที่จะแวะรับเอาเพื่อนสนิทไปด้วย เพราะไหนๆ ก็ต้องไปที่คณะด้วยกันอยู่แล้ว หากแต่...“อ้าว เบส มาทำอะไรแต่เช้าละลูก”“อ๊ะ ก็วันนี้พวกรุ่นพี่เขานัดให้ไปทำกิจกรรมรับน้องนี่ครับ”“อ้อ งั้นแม่ฝากขึ้นไปปลุกซันทีนะ ยังไม่ลงมาเลย” ผมได้แต่สูดลมหายใจเข้าออกอย่างพยายามข่มกลั้นอารมณ์ เดินมุ่งตรงขึ้นไปที่ห้องนอนของเพื่อนสนิท พอเปิดประตูเข้าไปทำให้กำหมัดจนแขนสั่นระริกอย่างอดทน เชื่อได้เลยว่าถ้าหากในมือผมมีไม้เรียว มันคงจะสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ อยากจะฟาดลงไปที่ผิวเนื้อขาวๆ ของคนที่กำลังนอนเปลือย สวมใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์นั้นอย่างไม่ยั้งมือ“ซัน!! มึงจะไปไหม รับน้องน่ะห๊ะ!!”โครม!!ฝ่าเท้างามๆ ขาวๆ ยันโครมเข้าที่สีข้างของคนที่กำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องรู้ราว จนมันกลิ้งตกเตียงในสภาพที่มึนๆ งงๆ สับสนกับชีวิตว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้าง“ไปอาบน้ำ กูให้เวลา 15 นาที ไม่เสร็จกูจะทิ้งมึงไว้นี่” ผมพูดพร้อมๆ กับพลิกข้อมือตรวจดูเวลา ในตอนที่กำลังจะหันหลังออกจากห้อง ไอ้คนหัวไฟมันก็ชูมือขึ้นน้อยๆ บอกด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ดวงตาปรือปรอยจะปิดลงอีกครั้ง“
วันนี้วันรับน้องวันสุดท้ายแล้วครับ ผมกับไอ้ซันไอ้วุฒิก็ยังคงเกาะกันเหนียวแน่นเช่นเดิม ไอ้ซันมันก็ไล่คุยไล่ถาม สนิทกับคนนั้นทีคนนี้ที แต่ก็ได้แค่คุยแหละครับ ไม่ได้คนในกลุ่มเพิ่มมาเลยสักคน ผมก็อยู่เรื่อยๆ เอื่อยๆ ของผมไป ส่วนไอ้ซันก็ม่อสาวไปเรื่อย งานรับน้องวันสุดท้ายก็ไม่ค่อยมีอะไรมากมายซักเท่าไหร่ มีประกวดดาวเดือน ซึ่งพวกผมทั้ง 3 คนก็ถูกทาบทามตัวไปประกวดนะ แต่ไม่มีใครยอมตกลงประกวดเลยนี่สิอ้อ มีการโหวตเลือกประธานรุ่นด้วย และเพราะไปซันมันไปเต๊าะเขาไว้ทั่ว ทำให้เป็นที่รู้จักของทั้งรุ่น หวยก็เลยออกที่มันเต็มๆ พอได้เป็นประธานรุ่นแล้วมันก็โดนพวกพี่ๆ เขาบังคับให้เป็นสมาชิกสโมต่อด้วยเลย เพื่อที่ว่าเวลามีงานอะไรจะได้กระจายข่าวให้เพื่อนๆ ในรุ่นรับรู้ โดยที่มันเองก็ออกไปพูดประโยคหล่อๆ เพื่อขอบคุณเพื่อนๆ ที่เลือกมันให้ทำหน้าที่นี้ ด้วยคำพูดที่ว่า“ขอบคุณนะครับพวกเพื่อนเอี้ย ที่หาภาระมาให้กูครับ” พูดพร้อมฉีกยิ้มหวานๆ ก้มหัวลงหน่อยๆ แต่ก็เรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้ดี ไม่มีใครถือโทษโกรธมันแม้แต่น้อยหลังจากนั้นจึงเป็นกิจกรรมบายศรี รับขวัญน้องๆ เข้าสู่ครอบครัวบริหาร ก็ผูกข้อไม้ข้อมือ ขอพรกันไป แ
อ่า ช่างเป็นฝันที่แสนดี....หรอว่ะ?!?!ภาพเด็กชายตัวเล็กจ้ำม้ำ นั่งเล่นอยู่ที่สวนดอกไม้ โดยที่มีเพื่อนตัวเล็กอีกคนนั่งอยู่ข้างกัน ในขณะที่เขานำดอกไม้ชนิดต่างๆ มาบีบคั้นน้ำสีสวยออกมาจากดอกไม้แต่ละชนิด แล้วใช้มันต่างสีวาดบนกระดาษสีขาวนวล แต่เพื่อนอีกคนกลับนั่งจับเอาหนอนและแมลงนั้นใส่รวมกันไว้ในแก้วใบเล็ก อย่างสนุกสนาน“เบสๆ มึงดู” เด็กชายตัวเล็กยื่นแก้วมาตรงหน้า ทำให้เด็กชายตัวกลมใบหน้าซีดเผือดสี เมื่อเห็นไส้เดือนดิ้นไปมา หนอนไต่อยู่ที่ขอบแก้ว ตัวด้วงเดินเหยียบย้ำอยู่ด้านบน และมดที่ถูกกัดกินจากแมลงชนิดต่างๆ ที่เขาไม่รู้จัก“ซัน ไม่เอา คุณเบสไม่เล่น” เด็กน้อยร้องปฏิเสธ พร้อมกับดันมือเพื่อนออกไปให้ห่างๆ ตัว“มึงดูดิ น่ารักจะตายเนี้ย ดูๆ” อีกฝ่ายคะยั้นคะยอ ชี้ชวนให้มองลงไปในแก้วอีกครั้ง หากแต่เขาเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองดูอีกต่อไป“ไม่เอา”“น่า ดูหน่อย อีกนิดหนึ่ง”“ไม่เอา”“นิดหนึ่งก็ได้ ดูดิ”“คุณเบสบอกว่าไม่เอาไง!!!”เด็กชายตัวกลมร้องบอกพร้อมกับปัดแก้วใบเล็กนั้น จนหลุดจากมือของเพื่อนสนิทที่กำลังถืออยู่ และแมลงเหล่านั้นก็ร่วงลงสู่ตัวเขาจนหมด เขาจึงก้มลงช้าๆ เห็นแมลงตัวจิ๋ว หนอน และไส้เดือน
ในเช้าวันถัดมาผมก็ขับรถไปเรียนในวันแรก ซึ่งพี่ๆ เขาก็นัดใต้ตึกเหมือนเดิมแหละครับ เห็นบอกว่าจะพาไปดูห้องเรียน สอนดูรหัสห้องอะไรพวกนั้น มันก็มีบ้างบางวิชาที่เราต้องเรียนกับคนอื่นต่างคณะ ผมกับไอ้ซันมาถึงในเวลาไล่เลี่ยกันครับ โดยที่ผมมาถึงก่อน ส่วนมันก็ไปนั่งต่อแถวข้างหลัง หันไปกระซิบกระซาบกับเพื่อนคนหนึ่งที่ผมไม่เคยเห็นหน้า คนๆ นั้นหน้าตาน่ารักเลยทีเดียว ดวงตากลมโต เส้นผมสีน้ำตาลอ่อน สีเดียวกับนัยน์ตาของเขา ตัวเล็กผอมบาง เหมือนเด็กอายุ 14 15 ทั้งๆ ที่พวกเราทุกคนต่างอายุ 18 19 กันทั้งนั้นพวกพี่ๆ เขาพาเราไปเดินดูห้องเรียนเมื่อเวลา 9 โมง ส่งเราเข้าห้อง กลุ่มของเราก็ได้สมาชิกใหม่มาเพิ่ม 1 คน คือนายน่ารักคนนั้นนั่นเอง ชื่อเจ้านายครับ เห็นบอกว่ามาไม่ทันช่วงรับน้อง พวกเราก็เลยไม่เคยเห็นเขามาร่วมกิจกรรมเลยสักครั้ง เขาน่ารักนะ เข้ากับคนง่าย ขี้อาย หน้าตาน่ารัก พวกเพื่อนๆ มองกันเป็นแถว แถมยังชอบออดอ้อนอีกด้วย เหมือนเด็กเลยครับสิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ง่ายคือไอ้วุฒิครับ อาการแปลกไปตั้งแต่ที่เห็นหน้าของเจ้านายแล้ว ขอจับจองพื้นที่ข้างตัวของเจ้านาย ไม่ค่อยได้คุยอะไรมากหรอก เอาแต่จ้องหน้าเจ้านายอยู่น
เอ๋?“อื้อ”ฮะ?“อืม”หืออออออ?“อ่า”หน่าหนิ!?!?!?!?พั่บ! พั่บ! พั่บ! พั่บ!อะ อะไร?? มันเป็นแบบนี้ได้ไง?? งงไปดิครับ!!!“ร้องสิ...... เหมือนวันนั้น”“อะ มะ มึง จะให้ อึก กูร้อง อะ อะไร”“อ่า สงสัย กูคงต้องกรอกเหล้าเข้าปากมึงบ้างแล้วมั้ง? ซี้ดดดด”“อ๊ะ อะไรของมึงเนี้ย” ตอนนี้ผมถูกกดให้นอนอยู่ใต้ร่างของไอ้ซันครับ หัวเข่าทั้งสองข้างโดนมันจับดันจนชิดอก ทำให้ช่องทางรักลอยเด่น และมีแก่นกายของมันกระแทกกระทั้นเข้าออกอย่างเมามัน ต่างจากผมเนี้ย อ๋อแดกและใบ้กินโดยสมบูรณ์ จับต้นชนปลายไม่ถูกเลยทีเดียว“เหนื่อยว่ะ ขยับดิ๊” ไอ้ซันว่าพร้อมกับยกตัวผมขึ้นทั้งๆ ที่ยังเชื่อมติดกัน จัดให้ผมนั่งทับแก่นกายของมัน และมันเองก็จับขยับโยกเอวผมไปด้วยเบาๆ“อะ หะ หะ เหี้ยเถอะ กูจุก อยากก็ทำ
ผมตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนด้วยนาฬิกาชีวิต มึนงงเล็กน้อย มองออกไปรอบๆ ห้องๆ อย่างแปลกใจ ก่อนจะกระเด้งตัวขึ้นจากที่นอน วิ่งไปที่ห้องนั่งเล่น แย่ละ…แต่พอวิ่งไปถึงแล้วก็ต้องชะงัก ไฟถูกปิดทั้งหมด ทีวี แอร์ ทุกอย่างหยุดการทำงาน ความอบอุ่นของห้อง ทำให้รู้ว่ามันถูกปิดไปนานมากแล้ว ผมยืนกะพริบตาปริบๆ อยู่กลางห้อง ก่อนจะค่อยๆ เดินไปนั่งลงบนโซฟา ครุ่นคิดเรื่องเมื่อคืน ผมดูซีรีส์อยู่ ผมจำได้ ผมอาจจะง่วงมาก ถึงได้เข้าไปนอนในห้อง แต่มั่นใจมากพอว่าตัวเองไม่ได้เดินปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าพวกนี้แน่“หรือจะมีผีว่ะ?” บ่นพึมพำเบาๆ กับตัวเอง ไม่หรอก นี่มันตึกพึ่งสร้างนะ ห้องก็ราคาแพง ใช่ห้องถูกๆ ซะที่ไหน ไม่น่าใช่หรอก หรือผมละเมอไปปิดว่ะ ขมวดคิ้วครุ่นคิดอย่างหนัก ก่อนที่จะ ช่างแม่ง....พอคิดได้ดังนั้นก็เลยลุกขึ้น ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมไปเรียน ออกมาทำอาหารเช้าทาน พอทานเสร็จก็จัดการล้างเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะขับรถไปที่มหาลัย พอไปถึงผมก็ยังคงนั่งครุ่นคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ จะช่างแม่งมันก็ได้แหละ แต่สงสัยไง เออ ช่างแม่งก็ได้.... คิดพลางสะดุ้งเมื่อมีคนตบลงที่บ่าหนักๆ จน
ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วทั้งแผ่นหลังทำให้ผมบดเบียดกายเข้าหาอย่างวางใจ จนลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารินรดบนกระหม่อมทำให้ต้องปรือตามอง เมื่อคืนผมนอนคนเดียว.....ใครวะ!!!คิดพลางลืมตาโตหันกลับไปมองคนที่นอนซ้อนอยู่ข้างหลังในทันที จนใบหน้ามีระยะห่างเพียงลมหายใจกั้น ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดพริ้ม ริมฝีปากหนา สันกรามชัดเจน ราวกับภาพวาดของเทพบุตร แสงสีทองของดวงอาทิตย์ตกกระทบกับเส้นผมสีส้ม จนส่องประกายยิ่งกว่าเหมือนกับเจ้าชายในเทพนิยายที่กำลังหลับใหล นอนหลับพักผ่อนผมกะพริบตามองอย่างุนงง เมื่อไม่รู้ว่าคนตรงหน้านี้เข้าห้องมาได้ยังไง เข้ามาตั้งแต่ตอนไหน แล้วทำไมถึงเลือกที่จะมานอนกับผม แทนที่จะนอนห้องของตัวเอง แต่ก็ปัดความคิดนั้นทิ้งไป ขยับเข้าไปใกล้อีกนิด แตะริมฝีปากเข้าหากันเล็กน้อย แล้วจึงซุกตัวลงในอ้อมแขน ด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ และหัวใจที่เต้นกระหน่ำรัว ซุกหน้าเข้ากับอกกว้างนั้นอีกนิด คนที่กำลังกอดอยู่ขยับแขนเข้ามากอดรัดให้มากขึ้น พร้อมกับจับผ้ามาห่มให้ โดยที่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง แต่มันกลับทำให้ผมสงสัย ว่ามันตื่น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrr“อืมมมม”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“หนวกหู.......”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“อื้อออออ”Rrrrrrrrrrr Rrrrrrrrr“โว้ยยยยยยย รำคาญจริง!!!”ติ้ด![ไอ้ซัน! ไอ้สัส! มึงอยู่ไหนเนี้ยยยย]“โอ้ยยย เสียงดังฉิบหาย มึงจะโวยวายทำไมวะ”[ไอ้ควาย! มึงนัดเพื่อนมาทำงานเนี้ย แล้วมึงพึ่งตื่นหรอวะ!!!] เสียงไอ้วุฒิพูดด้วยความโมโหดังลอดออกมาจากโทรศัพท์แผ่วๆ“.......”“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยย” คนที่กำลังนอนก่ายกอดอยู่ที่ด้านหลัง เด้งตัวออกแล้วผุดลุกขึ้นนั่งทันที ทำให้ช่องทางรักที่ถูกเชื่อมติดเอาไว้เมื่อตอนก่อนจะหลับฝันไป หลุดออกอย่างรุนแรง จนเกิดเสียงร้องดังออกมาจากคนที่กำลังนอนอยู่ข้างกัน“โอ๊ย!!!” เพราะความเจ็บนั้นปลุกผมให้ตื่นขึ้นจากนิทรา แต่ความรู้สึกแรกที่ลืมตาข
สุดท้ายผมก็พาตัวเองเข้ามาอยู่ในที่อโคจรจนได้ สายตากวาดมองไปรอบๆ หามุมสงบๆ สักที่นั่งลง ก่อนจะสั่งเหล้ามา 1 ขวด และกับแกล้มอีกนิดหน่อย ระหว่างที่นั่งรอก็ปลดกระดุมเสื้อสูทออกจากตัว โยนพาดไว้ที่พนักพิง ดึงรั้งเนกไท ก่อนจะโยนไปในทิศทางเดียวกัน ปลดกระดุมคอบนออก 2 เม็ด ยกฝ่ามือขึ้นเสยเส้นผมสีดำสนิทของตัวเองพอแก้วใบเล็กถูกวางลงตรงหน้าพร้อมกับขวดเหล้าราคาแพง ผมก็จัดการเทลงใส่แก้ว ยกดื่มขึ้นทันที ไม่มีอารัมภบทใดๆ ทั้งสิ้น นั่งดื่มเพียงลำพัง ในมุมมืดของร้าน อาหารที่สั่งมาไม่มีการแตะต้องใดๆ สิ่งที่ขยับเคลื่อนไหวมีเพียงแก้วใบเล็ก ขวดเหล้า และผู้ที่เป็นเจ้าของซึ่งครอบครองโต๊ะในมุมอับสายตาเท่านั้นผมนั่งดื่มไปเรื่อยๆ จนดวงตาฉ่ำเยิ้ม เนิ่นนานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้ แต่ก็นานพอให้ปริมาณแอลกอฮอลล์ในร่างกายพุ่งขึ้นสูงจนเกินขีดจำกัดในการควบคุมสติสัมปชัญญะ ในตอนนี้ปริมาณน้ำสีอำพันในขวดเหล้าใบสวยลดลงมากกว่าครึ่งขวด ทำให้คนที่เดินเข้าร้านมาด้วยมาดที่หล่อ เนี๊ยบ และดูดี กลายเป็นคนที่ดูขี้เมาในทันที ใบหน้าหล่อคมคายฟุ้บลงกับโต๊ะ นอนอย่างเกียจคร้าน แต่มือก็ยังคงรินเหล้าใส่แก้วอย่างต
ร้อน....อึดอัด....ขยับไม่ได้.....ผมปรือตาขึ้นช้าๆ เมื่อความรู้สึกราวกับร่างทั้งร่างถูกตรึงไว้อยู่กับที่ แสงสว่างที่ส่องผ่านหน้าต่างบานใส ทะลุผ้าม่านสีขาวเข้ามา ทำให้ต้องหรี่ตามอง ก่อนที่จะพยายามหันหน้าหลบอีกครั้ง แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อตัวของผมถูกกักเอาไว้ภายใต้วงแขนของใครบางคน ทำให้ผมยกมันขึ้นช้าๆ ก่อนจะหันหน้าไปมองชายรูปร่างสูงใหญ่ รูปกายกำยำสมกับความเป็นบุรุษเพศ นอนซ้อนอยู่ที่ด้านหลัง วงแขนกอดก่ายผมเอาไว้ จนรัดแน่น ผิวเนื้อที่สัมผัสแนบชิดทำให้เกิดความรู้สึกร้อนผะผ่าว เส้นผมสีส้มอิฐนั้นแลดูยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง ที่โคนเส้นผมถูกแซมด้วยสีดำสนิทขึ้นมาอีกเล็กน้อย แสดงถึงความแตกต่างของสีที่ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน ดวงตาคมเข้มกำลังปิดสนิท หลับตาพริ้มอย่างสบายใจ จมูกโด่งเป็นสันรับเข้ากับใบหน้าที่เรียวยาว ริมฝีปากหนา ที่พอรวมเข้ากับใบหน้ากลับดูดีจนน่าตกใจมือของผมไล้ไปบนอากาศตามโครงหน้า โดยที่ไม่ได้โดนผิวเนื้อของคนที่กำลังหลับอยู่แม้แต่น้อย ไม่กล้าที่จะสัมผัส หวาดกลัวความรู้สึก กลัวว่ามันจะปะทุออกมา
วันนี้ผมมีเรียนช่วงบ่ายครับ ตื่นสายได้เต็มที่ พอตื่นแล้วก็นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน จนเมื่อเหลือเวลาอีก 2 ชั่วโมง ก็ลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว ขับรถตรงไปมหาลัย แวะทานข้าวอีกนิดหน่อย แล้วจึงเข้าห้องเรียนของตัวเองพอไปถึง ไอ้ซันมันก็ฟุ้บหน้านอนหลับอยู่ก่อนแล้ว ผมก็นั่งลงที่ข้างๆ มัน เท้าคางนั่งมองเส้นผมสีส้มที่ระไปกับพื้นโต๊ะเรียน ก่อนที่ผมจะนอนตะแคงหันข้าง นอนมองมันนิ่งๆกรี้ดดดดดดดดดดดดดเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากที่เบาๆ คนสองคน กลับกลายเป็นกลุ่มก้อน และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ไอ้ซันหลุดออกจากนิทรา ผมเองก็ผุดตัวไปดูที่หน้าต่างเช่นกัน อยากรู้ว่าสาวๆ เขากรี้ดอะไร อย่างไม่รู้ตัว ไอ้ซันเองก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เช่นกัน จุดประสงค์เดียวกับผม เพราะแขนของมันค้ำยันขอบหน้าต่างเอาไว้ ยืนซ้อนหลังของผมอีกชั้น จนเหมือนว่ามันกำลังโอบกอดผมจากด้านหลัง และผมกำลังมองหน้ามันในระยะประชิด ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันที ต่างจากไอ้ซันที่ไม่ได้สนใจอะไร สายตามองลงไปที่เบื้องล่าง จนเมื่อคนๆ หนึ่งเดินเข้าตึกมา เสียงกรี้ดเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อฝั่ง
K : สวัสดีครับS : ใครครับ?K : ไม่บอกได้ไหมครับ แต่ผมมีเรื่องจะขอรบกวนคุณนะS : ผมหรอ ให้ช่วยอะไรครับ?K : ไม่ทราบว่าเพื่อนสนิทของคุณชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ ผมเป็นพี่เทคของเขาS : คนไหนละครับ เพื่อนผมมีเยอะแยะK : น้องเบส.....S : อ้อ มันชอบของอร่อยครับ เท่านั้นแหละ ผมดีใจนะที่คุณเริ่มหันมาสนใจมันบางK : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ พอดีผมยุ่งๆ อยู่ ถ้ายังไง ผมอาจจะขอรบกวนคุณเพื่อสอบถามนะครับ แล้วก็อาจจะฝากของผ่านคุณ ไปให้น้องเบสด้วยS : ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีK : แล้วคุณชอบทานอะไรไหมครับ ถือว่าผมติดสินบนก็แล้วกัน....หลังจากที่พี่ท็อปบอกว่าจะตามหาพี่เทคให้ มันก็มีความคืบหน้าจริงๆ นะครับ เพราะหลังจากนั้น 2 – 3 วัน ไอ้ซันก็เดินถือกล่องขนมอะไรสักอย่างมาด้วย ยื่นให้ผมตรงหน้า ผมก็มองมันอย่างงงๆ พร้อมกับถามออกไปเบาๆ ว่าให้เนื่องในโอกาสอะไร มันก็บอกว่ามีคนฝากเอามาให้ เป็นของที่มาจากพี่เทคพอผมถามว่ามันรู้จักคนๆ นั้นไหม มันก็บอกว่าไม่รู้จัก พร้อมกับนั่งลงข้างๆ แล้วหยิบกล่องขนมแบบเดียวกันออกมานั่งทานไปพลาง“อร่อยไหมว่ะ”“ลองแดกดูสิครับ” ผมยู่ปากอย่างขัดใจนิดๆ ก่อนจะเปิดกล่องของตัวเองออกดูบ้าง มากา
“สวัสดีครับ” ผมยกมือสวัสดี ก่อนจะไล่สายตามองไปที่บุคคลที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว มีป๊า ม๊า และอีกฝั่งคือ......อ้าว?“สวัสดีครับ” ผมเอ่ยทักอีกครั้ง พร้อมกับผงกหัวไปด้วย ยกมือสวัสดีคุณลุงและพี่ท็อป รุ่นพี่ที่คณะของผมเอง“นั่งสิ” ป๊าของผมเอ่ยบอกเบาๆ ทำให้ผมทรุดตัวลงนั่งอย่างงงๆ จะไม่งงได้ไงครับ ปกติมันต้องเป็นงานดูตัวอะไรแบบนี้ไม่ใช่หรอ ผมต้องพบกับหญิงสาวที่ส่งสายตาหยาดเยิ้ม หรือไม่ก็ก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอายไม่ใช่หรอ ไม่ใช่สายตาที่มองมาด้วยความเอ็นดูแบบนี้??? พอผมนั่งลงได้ ลุงจรัญก็เอ่ยชวนคุยทันที“ลุงคงทำให้ตกใจสินะ ถึงได้ตั้งใจหนีแบบนั้นน่ะ” ลุงจรัญพูดยิ้มๆ ต่างจากผมที่ผงกหัวขึ้น เงยหน้ามองทันที เลยไปทางพี่คม แล้ววกกลับมาที่ป๊าของตัวเอง“ฮึฮึ ตาท็อปก็อยู่ในรถด้วยนะ ตั้งใจจะรับมาทีเดียวนั่นแหละ เห็นตาท็อปบอกว่าพอเจอหน้าพี่เลี้ยงก็วิ่งหนีเลยหรอ”“อ่อ” ป๊าไม่ได้พูดอะไรออกมา ยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบนิดๆ ต่างจากม๊าที่หัวเราะเบาๆ“พี่ไม่คิดจะชวนเบสมาดูตัวหรอกนะครับ” พี่ท็อปพูดขึ้น แล้วยกยิ้มเอ็นดูส่งมาให้“อ่อ แหะๆ ครับ”“พอดีพี่ได้ข่าวมาว่าตอนรับน้อง เบสไม่มีพี่เทคมาสนใจเลยใช่ไหมครับ ให้พี่ช่วยหาใ