ฟรินท์เข้ามาทำงานที่บริษัทเกือบสิบโมงเช้า โดนคนเป็นพ่อที่เจ้าระเบียบในเรื่องเวลาต่อว่าเล็กน้อยที่เขาทิ้งเอกสารกองโตไว้ไม่ดูตั้งแต่เมื่อวาน น่าจะตั้งแต่เรนเดียร์โทรหาเขา หลังจากนั้นเขาก็รีบบึ่งรถไปรับเธอจนลืมเรื่องอื่นไปเสียสนิท
ทำให้วันนี้ทั้งวันเขาก็วุ่นเซ็นเอกสารและอนุมัติงานแผนกต่าง ๆ จนไม่มีเวลาแม้แต่ออกไปกินข้าวเที่ยง ได้เงยหน้าขึ้นตอนที่เลขาหน้าห้องเดินเข้ามาแจ้งภารกิจในช่วงบ่ายของวัน “บ่ายโมงแล้ว คุณฟรินท์ไม่ทานข้าวเหรอคะ ให้ดิฉันไปซื้ออะไรมาให้ทานดีกว่าค่ะ” อรปรียาเลขาส่วนตัวเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเจ้านายหนุ่มไม่ออกจากห้องทำงานเลยตั้งแต่สิบโมงเช้า “ช่วงบ่ายมีอะไรบ้าง เผื่อว่าผมจะไปกินช่วงนั้น” “บริษัทอัศวรักษ์จะเข้ามาเซ็นสัญญาโครงการก่อสร้างรีสอร์ทที่ระยองค่ะ ท่านประธานมอบหมายให้คุณฟรินท์เป็นคนจัดการแทน” ฟรินท์ยิ้มกริ่มนึกขอบใจคนเป็นพ่อ หลังจากถูกท่านต่อว่าเมื่อเช้าก็รู้สึกคุ้มค่าขึ้นมาทันที เมื่อท่านส่งโครงการนี้มาให้เขาทำ ก็เพราะบริษัทที่ว่าก็คือบริษัทของลุงเสือ และถ้าให้เขาเดาไม่ผิดโครงการนี้ต้องเป็นเรนเดียร์ที่ดูแลแน่นอน เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ใกล้ชิดเธอนอกเหนือจากในคอนโดบ้าง “งั้นผมรอเซ็นสัญญาเสร็จก่อน ค่อยออกไปกินข้าวทีเดียว” พูดจบเขาก็เร่งเซ็นเอกสารที่เหลือให้เรียบร้อยก่อนที่เรนเดียร์จะมา พอมีแรงจูงใจงานทุกอย่างก็เสร็จเร็วขึ้น และก็เป็นไปตามคาดคือคนของอัศวรักษ์ที่รับผิดชอบโครงการนี้คือเรนเดียร์จริง ๆ “ไม่คิดว่าจะเป็นเธอ”เสียงทุ้มพูดลอดไรฟันตอนที่เห็นหน้าเธอ เพราะเธอมากับเลขาส่วนตัว เขาเลยต้องทำเหมือนไม่ได้สนิทสนมกับเธอเป็นพิเศษ “แน่ใจว่าไม่คิด ฉันเห็นนายยิ้มกริ่มมาแต่ไกล” หญิงสาวเองก็พูดเสียงเบากลับมา ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขา ซึ่งตอนนี้เลขาของชายหนุ่มกำลังเตรียมเอกสารทุกอย่างกางไว้บนโต๊ะ “อันนี้เป็นข้อเสนอของบริษัทนะครับ ท่านประธานกำชับมาว่าให้ทางคุณฟรินท์อ่านให้ละเอียดก่อนนะครับ” อัทธ์เลขาส่วนตัวของเรนเดียร์ยื่นแฟ้มเอกสารให้ฟรินท์ ตอนแรกเขาก็ไม่คิดจะอ่านเพราะเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจร่วมกันมานาน แต่เมื่อโดนพูดใส่แบบนี้ก็จำต้องรับมาอ่านด้วยความไม่พอใจ ยิ่งเมื่อเห็นความสนิทสนมของเรนเดียร์กับเลขาคนนั้น เขาก็ได้แต่นั่งข่มอารมณ์ตัวเอง ไม่เคยรู้เลยว่าเธอมีเลขาส่วนตัวเป็นผู้ชายที่ดูดีขนาดนี้ อายุน่าจะมากกว่าเธอหลายปีอยู่ แต่ความหล่อของผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดาเลย เมื่ออ่านจบเขาก็ปิดเอกสารทันที ก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นในส่วนของตัวเองเรียบร้อย ก็ดันแฟ้มไปตรงหน้าหญิงสาวข้าง ๆ จนเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฟรินท์ก็เอ่ยปากชวนหญิงสาวไปทานข้าวต่อหน้าเลขาทั้งสองคน “ไปทานข้าวเที่ยงกันนะครับ” เรนเดียร์ไม่คิดว่าเขาจะพูดโพล่งออกมาแบบนี้ เลยถลึงตาใส่เขาไปหนึ่งที ก่อนจะหันไปหาอัทธ์เลขาส่วนตัว“เดี๋ยวเรนกลับบริษัทเองค่ะ พี่อัทธ์กลับไปจัดการเอกสารโครงการให้เรียบร้อยนะคะ” เลขาหนุ่มพยักหน้า รวบเอกสารทุกอย่างและเดินออกจากห้องทันที ส่วนอรปรียาก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน เมื่อทุกคนเดินออกไปหมดและเหลือแค่เขาสองคนยืนอยู่ ฟรินท์ก็เดินเข้าไปรวบกอดหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมานั่งบนตักทันที หอมแก้มเธอแรง ๆ หลายฟอด “ปล่อยนะฟรินท์ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็น” “ไม่มีใครเข้ามาหรอก จะทำมากกว่านี้ก็ยังได้”แววตากรุ่มกริ่มของคนตัวสูงทำให้คนตัวเล็กรู้สึกนึกกลัวว่าเขาจะทำแบบนั้นจริง ๆ “พอเลยฟรินท์ นายมันคนเจ้าเล่ห์ เมื่อเช้าก็เพิ่งทำไปหยก ๆ” “เมื่อเช้าก็ของเมื่อเช้าสิ ตอนนี้มันบ่ายแล้ว สักรอบเอาหรือเปล่า” เมื่อเห็นว่าเขาดูไม่ได้พูดเล่น เธอก็พยายามสะบัดตัวออกจากตักแกร่งของเขา ย่นคอหนีการรุกรานจากจมูกโด่งที่เอาแต่ไซร้ซอกคอของเธอ มันทำให้เธอรู้สึกจักจี๋และอยากหัวเราะออกมา “พะ พอ ดะ ได้แล้ว ฉันหิวข้าว” ฟอด! ฟอด! คนตัวสูงแกล้งหอมแก้มเธอไปอีกหลายฟอด ก่อนจะซบลงตรงไหล่บางของเธอ“เพิ่งรู้ว่าเธอมีเลขาเป็นผู้ชาย” “พี่อัทธ์เป็นเลขาของพ่อที่ยกให้ฉันเมื่อเดือนที่แล้ว พี่เขาทำงานเก่งเหมาะที่จะช่วยงานฉัน” “แล้วทำไมต้องเรียกเสียสนิทขนาดนั้นด้วย ฉันยังเรียกเลขาว่าคุณอรเลย ทำไมเธอไม่เรียกว่าคุณอัทธ์เหมือนฉัน” เรนเดียร์จับน้ำเสียงคนตัวสูงได้ว่ากำลังออกอาการหึงเธออีกแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมาฟรินท์มักเป็นแบบนี้เสมอ จะหึงหวงเวลามีผู้ชายคนไหนเข้าใกล้เธอ และจะหาเรื่องลงโทษเธอทุกครั้ง ทั้งที่เธอพูดไปหลายครั้งแล้วว่าไม่มีอะไร เธอไม่ได้คิดอะไรกับผู้ชายพวกนั้น “ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้วนะฟรินท์ ไม่ว่าผู้ชายคนไหนในโลกนี้ ก็ไม่เคยมีใครได้ใกล้ชิดกับฉันนอกจากนายคนเดียว แค่นี้นายยังไม่พอใจอีกเหรอ” “ฉันจะพอใจก็ต่อเมื่อเธอบอกเรื่องของเราให้คนอื่นรู้สักที”เสียงทุ้มพูดพึมพำเสียงเบา แต่ทว่าคนตัวเล็กได้ยินอย่างชัดเจน คราวนี้เธอใช้มือจับใบหน้าหล่อเหลาของเขาให้เงยขึ้นมามองหน้าเธอตรง ๆ “เรื่องนี้ก็เหมือนกัน ฉันคิดมาตลอดว่านายเข้าใจ แต่นายก็เอาแต่พูดแบบนี้” “…..” “ตอนนี้เราก็มีความสุขกันดีนะฟรินท์ หรือที่ผ่านมานายไม่มีความสุขกับสถานะนี้ของเรา” คนตัวสูงถอนหายใจ เขาไม่มีคำโต้แย้งเรื่องที่เธอถาม แต่มันคนละเรื่องกับสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อกี้ เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่พอเขาพูดเรื่องนี้เธอก็จะหาเหตุผลเรื่องอื่นมาหักล้าง จนเขาไม่สามารถเถียงเธอออกไปได้ เพราะเขากลัวว่าหากเขาพูดบางอย่างออกไป แล้วเรื่องของเราสองคนจะไม่เหมือนเดิมอีก “มีความสุขสิ แค่อยากมีความสุขตอนอยู่ข้างนอกกับเธอบ้าง อยากพาไปกินข้าว ไปดูหนัง ไปเดินห้าง เธอไม่อยากมีช่วงเวลาแบบนั้นกับฉันหรือไง” จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขามีข้อเสียอะไร ที่ทำให้เธอไม่ยอมเปิดตัวเขาสักที ทั้งที่พ่อกับแม่ของเธอก็เอ็นดูเขามากอยู่ ท่านทั้งสองคนยังชมเขาว่าเก่งอยู่หลายครั้ง แต่คนตรงหน้ากลับให้เขาเป็นได้แค่คนในความลับของเธอมาสามปีเต็ม “ก็ตอนนี้ไง ที่ได้ทำโครงการนี้ เราก็น่าจะได้เจอกันบ่อย มีไปออกไซต์งานที่ระยองด้วยกัน ค่อยถือโอกาสนั้นเที่ยวกันก็ไม่แปลก”แววตาชายหนุ่มเป็นประกายขึ้นมาทันที เมื่อเธอพูดแบบนี้ “จริงนะ เราไปเช่ารีสอร์ทสวย ๆ แล้ว…” “เอากัน”เรนเดียร์พูดออกมาเพราะแค่มองตาเขา เธอก็รู้ว่าเขาจะพูดอะไรออกมา แต่เขากลับหัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะตลกที่เธอพูดออกมาแบบนั้น “ฮ่า! ฮ่า! ใครบอกว่าฉันจะพูดแบบนั้น แค่เอากันที่คอนโดก็พอแล้วมั้ง” “….” “ที่ฉันจะพูดก็คือเช่ารีสอร์ทสวย ๆ ไว้พักผ่อน นอนเล่นริมทะเล หรือไม่ก็เล่นน้ำทะเลต่างหาก” “สาบานว่านายคิดแบบนั้น เมื่อกี้จะยังจะเอาฉันอยู่เลย” ฟอด! ฟอด! เขาก้มลงหอมแก้มป่องของเธอด้วยความหมั่นเขี้ยว“ก็ใครใช้ให้เธอน่าเอาขนาดนี้ รู้ตัวหรือเปล่าว่าทุกวันนี้ฉันเอาแต่คิดถึงเวลาที่เธอโยกอยู่บนตัวฉัน” “ลามกที่สุด ลุกขึ้นไปกินข้าวได้แล้ว ถ้านายไม่กินฉันจะกลับไปกินที่บริษัทกับพี่อัทธ์”เธอแกล้งเอ่ยชื่อเลขาส่วนตัวออกมา ซึ่งก็ได้ผลเมื่อชายหนุ่มจับตัวเธอให้ลุกขึ้น แล้วเขาก็ลุกขึ้นเดินนำหน้าเธอออกนอกห้องทันทีโดยไม่พูดอะไร แต่แค่เห็นเสี้ยวหน้าหล่อของเขา เธอก็รู้ว่าเขากำลังออกอาการหึงเธออีกแล้ว"ทำอะไรเรน?" ฟรินท์เลิกคิ้วถามเมื่อเห็นคนตัวเล็กเดินกรีดกรายเข้ามาหาเขาที่โต๊ะทำงาน ไม่ใช่แค่ยืนเฉย ๆ แต่เธอฉวยโอกาสนั่งลงบนตักเขาเลยต่างหาก "นั่งไง...เห็นหรือเปล่าว่ามันไม่มีเก้าอี้" "ไม่กลัวน้องชายเธอกลับมาเห็นหรือไง" "ถ้ากลัวจะลงทุนขับรถมาถึงนี่ทำไม บอกมาดีกว่าว่านายเป็นอะไร" ชายหนุ่มหลับตาข่มความรู้สึกตัวเอง เขาเองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังเป็นอะไรอยู่กันแน่ รู้แค่ว่าสองสามวันมานี้เขาเครียดเรื่องความสัมพันธ์ของเราสองคนมากจนเก็บเอามาคิดทั้งวัน "เมื่อคืนเมาจนกลับคอนโดไม่ไหว วันนี้ฉันโทรไปนายก็ไม่รับ แค่นี้ก็รู้แล้วไหมว่านายกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่" "....." "วันนี้ทั้งวันฉันก็เอาแต่คิดมาก อย่าทำแบบนี้เลยฟรินท์" "เธอนะเหรอคิดมากเรื่องฉัน?"ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามอย่างสงสัย ปกติไม่เคยเห็นเรนเดียร์เป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าเธอแคร์เขาตั้งแต่ต้น คงไม่ปล่อยให้เรื่องของเรากลายเป็นความลับมานานขนาดนี้"ทำไมฉันไม่รู้สึกเลยเรน ว่าเธอแคร์ความรู้สึกฉัน" "นายหมายความว่าไง?" "เรื่องของเรา...มันยากเกินไปแล้วหรือเปล่า" สิ้นสุดประโยคนั้น ทั้งเขาและเธอก็เงียบ มีเพียงแววตาที่มองสบกันเท่านั้น เรนเดียร์
ฟรินท์รีบเหยียบคันเร่ง ขับรถกลับคอนโดในตอนเช้าตรู่ หลังจากตื่นนอนอยู่ในห้องพักที่ผับของธันเดอร์ นานมากแล้วที่ไม่ได้เมาจนจำอะไรไม่ได้ขนาดนี้ จำได้ลาง ๆ ว่าก่อนที่จะหลับไปเขากำลังคุยโทรศัพท์กับเรนเดียร์อยู่ และเมื่อเอาโทรศัพท์มาเช็คดูก็เป็นจริงอย่างที่คิด มือหนาข้างหนึ่งยกขึ้นนวดขมับแรง ๆ อีกข้างก็กำพวงมาลัยแน่น มีเรื่องเครียดรออยู่ข้างหน้าอีกแล้ว วันนี้หากเขาบริษัทสายอีกวัน มีหวังโดนพ่อตัดเงินเดือนแน่ เห็นกลัวแม่เขาหงอแบบนั้น แต่ท่านเป็นคนเจ้าระเบียบและเคร่งครัดเรื่องงานมาก สุดท้ายแล้วก็กลัวพ่อด่าเลยตัดสินใจขับรถตรงมาที่บริษัทเลย เปลี่ยนเสื้อจากในรถที่เขาทิ้งเอาไว้หลายตัว "คุณฟรินท์คะ" มาถึงหน้าห้องทำงาน อรปรียาเลขาหน้าห้องก็เรียกเขาเอาไว้ พร้อมกับทำสีหน้าไม่ค่อยดี "มีอะไร?" "คือท่านประธานกับคุณปิ่นรออยู่ในห้องค่ะ" ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมา ยกข้อมือดูนาฬิกาเป็นเวลาเกือบเก้าโมงแล้ว อย่างน้อยวันนี้เขาก็ไม่ได้สาย มาก่อนเวลาตั้งห้านาที แกร๊ก!!! "ว่าไงจ๊ะเจ้าลูกชาย" เสียงหวานของคนเป็นแม่ดังขึ้นก่อนตัว ส่วนคนเป็นพ่อกำลังนั่งอ่านเอกสารที่กองอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาเหมือนทุกวัน "มาแต่เ
หลังจากไปสูบบุหรี่เสร็จ ฟรินท์ก็เดินเข้าไปในห้องวีไอพี คราวนี้ไม่ได้มีแค่เพื่อนสนิทสองคนที่นั่งอยู่ แต่มีหญิงสาวสองคนนั่งอยู่ในห้องนี้ด้วย น่าจะเป็นเด็กเสิร์ฟที่ธันเดอร์เรียกมาให้บริการชงเหล้าเหมือนทุกครั้ง “ไปบริการเพื่อนพี่หน่อยครับ วันนี้มันเครียดเรื่องงาน”ไทเกอร์สะกิดหญิงสาวชุดเกาะอกสีแดงให้พร้อมพยักเพยิดใบหน้ามาทางเขา ซึ่งเขาก็ถลึงตาใส่เพื่อนทันที เพราะทุกครั้งเขาไม่ชอบให้ผู้หญิงที่เพื่อนเรียกมาถึงเนื้อถึงตัวเขา “เหอะน่า มึงจะถือศีลหรือไงว่ะ กูเห็นไม่ยุ่งกับใครมานานแล้วนะ ทำอย่างกับ….” “ทำอย่างกับอะไร?”ธันเดอร์ถามต่อทันที เมื่อเห็นไทเกอร์เว้นจังหวะการพูด “ทำอย่างกับมึงมีใครในใจอยู่แล้ว” “มึงก็รู้กูไม่ชอบ พวกมึงชอบก็พอดีแล้วนี่หว่าคนละคนไงว่ะ” เขาเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แต่ทว่าขนาดเขาพูดไปแบบนั้นแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ยังเดินมานั่งลงใกล้กับเขา เธอยิ้มทักทายเขาพร้อมกับทำท่าทางยั่วยวน “พี่ชื่ออะไรคะ” “จะอยากรู้ไปทำไมครับ” “หนูจะได้เรียกถูกไงคะ” “ฉันไม่ชอบให้ใครเรียกนอกจากคนที่สนิท ไม่รู้จักก็ไม่ต้องเรียกเข้าใจไหม”เสียงทุ้มห้วนบ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังไม่พอใจ ทำ
หลังจากไปกินข้าวที่ร้านอาหารหรู ฟรินท์ก็ขับรถไปส่งเรนเดียร์ที่บริษัท ส่วนเขาที่เคลียร์เอกสารเรียบร้อยหมดแล้ว และเห็นว่าเป็นเวลาสี่โมงกว่า เลยขับรถไปที่สนามแข่งรถที่เขาเป็นหุ้นส่วนกับไทเกอร์ เพื่อนสนิทของเขาและเป็นน้องชายฝาแฝดของเรนเดียร์ ที่สนามแข่งเขามีหน้าที่คล้ายกับที่บริษัทของคนเป็นพ่อคือจัดการเรื่องเอกสารสำนักงานต่าง ๆ เนื่องจากเรียนจบมาสายนี้โดยตรง ส่วนไทเกอร์ที่เรียนจบวิศวะยานยนต์ รายนั้นจัดการทุกอย่างหมดยกเว้นดูแลเอกสารที่ไม่ถนัด "วันนี้ทำไมเข้ามาเร็วนักว่ะ" เมื่อเข้ามาในส่วนของออฟฟิศ เสียงทักทายของไทเกอร์ก็ดังขึ้น เห็นเพื่อนยกข้อมือดูนาฬิกา คงจะสงสัยเพราะปกติเขาจะเข้ามาที่นี่ห้าโมงเกือบหกโมงทุกวัน "ไปกินข้าวกับพี่มึงมา" "พี่เรนไปบริษัทมึงเหรอ?" เขาพยักหน้าและเดินไปนั่งประจำที่โต๊ะของตัวเอง"อืม...โครงการสร้างรีสอร์ทที่ระยอง" "อ๋อ...กูได้ยินแม่พูดถึงอยู่ เห็นบอกว่าสร้างเสร็จจะส่งพี่เรนไปอยู่ที่นู่น" กึก!!! มือหนาที่กำลังเปิดแฟ้มเอกสารหยุดชะงักไปทันที เขาไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนว่าจะต้องเป็นเธอที่ไปดูแลที่นั่น "ทำไมไม่จ้างคนอื่นว่ะ พี่มึงอยู่ที่นี่ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ"
ฟรินท์เข้ามาทำงานที่บริษัทเกือบสิบโมงเช้า โดนคนเป็นพ่อที่เจ้าระเบียบในเรื่องเวลาต่อว่าเล็กน้อยที่เขาทิ้งเอกสารกองโตไว้ไม่ดูตั้งแต่เมื่อวาน น่าจะตั้งแต่เรนเดียร์โทรหาเขา หลังจากนั้นเขาก็รีบบึ่งรถไปรับเธอจนลืมเรื่องอื่นไปเสียสนิท ทำให้วันนี้ทั้งวันเขาก็วุ่นเซ็นเอกสารและอนุมัติงานแผนกต่าง ๆ จนไม่มีเวลาแม้แต่ออกไปกินข้าวเที่ยง ได้เงยหน้าขึ้นตอนที่เลขาหน้าห้องเดินเข้ามาแจ้งภารกิจในช่วงบ่ายของวัน “บ่ายโมงแล้ว คุณฟรินท์ไม่ทานข้าวเหรอคะ ให้ดิฉันไปซื้ออะไรมาให้ทานดีกว่าค่ะ” อรปรียาเลขาส่วนตัวเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นเจ้านายหนุ่มไม่ออกจากห้องทำงานเลยตั้งแต่สิบโมงเช้า “ช่วงบ่ายมีอะไรบ้าง เผื่อว่าผมจะไปกินช่วงนั้น” “บริษัทอัศวรักษ์จะเข้ามาเซ็นสัญญาโครงการก่อสร้างรีสอร์ทที่ระยองค่ะ ท่านประธานมอบหมายให้คุณฟรินท์เป็นคนจัดการแทน” ฟรินท์ยิ้มกริ่มนึกขอบใจคนเป็นพ่อ หลังจากถูกท่านต่อว่าเมื่อเช้าก็รู้สึกคุ้มค่าขึ้นมาทันที เมื่อท่านส่งโครงการนี้มาให้เขาทำ ก็เพราะบริษัทที่ว่าก็คือบริษัทของลุงเสือ และถ้าให้เขาเดาไม่ผิดโครงการนี้ต้องเป็นเรนเดียร์ที่ดูแลแน่นอน เป็นโอกาสดีที่เขาจะได้ใกล้ชิดเธ
"อื้อ~ อ๊าสส"เสียงร้องครางของหญิงสาวที่ช่องทางรักกำลังโดนตอกอัดจากด้านหลังอย่างหนักหน่วง "ซี้ด แน่นมากเลยเรน อ๊าสส"สะโพกหนาของฟรินท์สะบัดอย่างรุนแรงเพื่อให้ท่อนเนื้อเสียดสีเข้าออกโพรงอ่อนนุ่มที่ขมิบตอดรัดถี่รัว กรอบหน้าหล่อเหลาชื้นเหงื่อ หลับตาแหงนเงยใบหน้า ส่งเสียงครางทุ้มต่ำออกมาทุกจังหวะ ส่วนเรนเดียร์ที่กำลังนอนอยู่ในท่าคลานเข่า มือเล็กของเธอขยุ้มผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ทุกการตอดอัดจากคนด้านหลัง ทำให้ท้องน้อยของเธอปั่นป่วน เสียดเสียวถึงที่สุด ฟรินท์ยังคงเป็นผู้ชายที่ทำให้เธอมีความสุขเรื่องบนเตียงมากที่สุดเสมอ ทั้งที่เราแอบมีความสัมพันธ์กันมาเกือบสามปีแล้ว แต่ทว่าเธอไม่เคยเบื่อเขาเลยแม้แต่น้อย เวลาไหนที่ต้องการแค่เธอส่งข้อความหา เขาก็จะรีบมาหาเธอโดยทันที หรือไม่เธอก็มาหาเขาเหมือนวันนี้ ปึก! ปึก! ปึก! ปึก! เสียงตอกอัดยังคงเพิ่มจังหวะอย่างหนักหน่วง ยิ่งก่อนถึงช่วงสุดท้ายของปลายทาง ร่องรักของเรนเดียร์จะขมิบตอดรัดเอ็นร้อนของเขาถี่รัวเพราะความเสียวซ่าน ก่อนที่อยู่ ๆ ฟรินท์จะดึงเอ็นร้อนออกจากร่องรักของเธอ แล้วพลิกกลับร่างเล็กให้อยู่ในท่านอนหงาย"อะไรอ่ะฟรินท์" เรนเดียร์ส่งเสียงออก