“จูน!”
ยัยหุ่นบึ้มที่มีปากยิ่งกว่าหมาแม่ลูกอ่อนเพิ่งจะหันหลังให้ผมแล้วก็เดินจากไป หลังจากที่เมื่อกี้เธอเดินถือขวดไวน์แดงราคาแพงหลักหมื่นมาวางกระแทกใส่หน้าผม แถมยังฝากคำพูดที่พูดด้วยเสียงเซ็กซี่ของเธอให้ผมจำไม่ลืม
“รบกวนนายช่วยเก็บเงินที่เลี้ยงไวน์ฉันไว้จ่ายค่าโสเภนีเถอะ”
“เฮ้ยใจเย็นไอ้ซันจะเสียงดังทำเหี้ยไรวะ”
“มึงไม่ได้ยินที่ยัยนั่นบอกกูเหรอ ผู้หญิงอะไรวะปากโคตรดี” ผมตวาดใส่ไอ้ไบรท์เพื่อนของผมเอง เพื่อนสนิทเวลาล่าเหยื่อนะครับไม่ใช่เพื่อนรักเพื่อนตาย
“ก็มึงไปทำวีรกรรมอะไรกับน้องเขาไว้ล่ะไอ้ห่า”
“เหอะ! อย่าให้ถึงทีกูนะรับรองจะเอาให้ครางจนสลบคาเตียง” ผมได้แต่กระดกเหล้าเข้าปากแล้วก็มองตามผู้หญิงคนนั้นไป ยัยหุ่นบึ้มที่มีสะโพกสวยฉิบหาย เห็นแล้วอยากจับมา...
“แต่น้องจูนแม่งโคตรแซบเลยว่ะ เห็นกี่ครั้งหัวใจกูก็พองโต” ไอ้ไบรท์ทำหน้าเคลิ้ม แต่ไม่รู้ว่าหัวใจมันพองโตอย่างที่ปากมันว่าหรืออวัยวะส่วนไหนในร่างกายที่พองโตกันแน่
“แล้วไงเจอปากยัยนั่นแล้วมึงยังพองโตอยู่ไหม”
“เขาด่ามึงคนเดียวไม่ได้ด่ากูว่ะไอ้ซัน” มันทำหน้าเย้ยใส่ผมเพื่อให้ผมรู้สึกเสียหน้า ซึ่งผมก็เสียหน้าจริง ๆ นั่นล่ะเพราะไม่เคยโดนผู้หญิงปฏิเสธแบบนี้มาก่อน
“เออแล้วคืนนี้ว่าไงครับไอ้ซัน จะไปต่อกับกูไหมกูนัดสาว ๆ เอาไว้แล้ว”
“ฮึ ๆ ไปสิวะกูไม่ได้สนุกมาเป็นอาทิตย์แล้ว ถามทำเหี้ยไรก็ตกลงกันแล้วว่าคืนนี้จะจัด” เวลาผมกับมันนัดเจอกันมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละครับ กิจกรรมมสนุก ๆ ที่ผมชอบเป็นพิเศษ
“กูก็นึกว่าอารมณ์เสียจากน้องจูนจนไม่อยากจัดใคร เออมีคนหนึ่งรับรองเด็ด เสียงครางนะมึง อ่าส์~ ได้ยินแล้วมึงจะหลง”
“ฮึ ๆ ไม่ต้องโม้เยอะเดี๋ยวกูไปพิสูจน์เอง” ผมกระดกเหล้าแก้วสุดท้ายเข้าปากก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“อ้าวมึงจะไปไหน”
“ไปสวิงไงวะ ไปได้รึยังกูอยากจัดหนักให้สาว ๆ แล้ว”
#SUN END
#JUNE TALK
“อี๋~ สัพเพ สัตตา สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น อะเวราโหนตุ จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย... / อีจูนอีบ้า! แผ่เมตตาทำไม”
“มาโนชกูแผ่เมตตาอยู่ มึงเป็นไทยพุทธรึเปล่าฮะถึงได้กล้ามาขัดจังหวะตอนกูสวด” ฉันที่ตอนนี้พนมมือค้างถึงกับต้องหันหน้าไปถามอีเก้งมาร์กี้ด้วยความเซ็ง
“กูเป็นแต่กูไม่เข้าใจว่ามึงมาแผ่เมตตาทำห่าอะไรในบาร์ของกูคะ”
“มึงไม่เห็นที่ไอ้บ้านั่นมองกูก่อนออกไปเหรอ” ฉันถามทั้งที่รู้ว่าอีมาร์กี้มันเห็น มันเห็นก่อนฉันแน่นอนเพราะมันเป็นคนชี้ให้ฉันดูด้วยท่าทางกระดี้กระด้าเหมือนปลากะหรี้ เอ๊ย! ปลากระดี่ได้น้ำ ว่าไอ้บ้านั่นจ้องฉันไม่วางตาตอนเดินออกไป
“ก็เห็น เห็นเต็มสองตาด้วยแต่แล้วยังไง มึงไม่พอใจเขาก็เลยแผ่เมตตา?” อีเก้งมาร์กี้มันก็แบบนี้แหละถ้าทำท่าทางไม่ชอบผู้ชายหล่อ ๆ ให้มันเห็นอีมาร์กี้ก็จะกลายเป็นองค์รักษ์พิทักษ์บุรุษหล่อขึ้นมาทันที
“ใช่ ไม่ใช่แค่ไม่พอใจแต่กูเกลียดจบนะคะ”
“อ้าวอีนี่ มึงไปเกลียดอะไรเขาหรือเมาแล้วพาลที่เขาเสนอเลี้ยงเหล้าแต่ไม่เลี้ยงไวน์ตั้งแต่ทีแรก” โอ้ย! อีเก้งไร้เดียงสามึงก็คิดได้นะมาโนช หน้าเพื่อนจูนดูจะเกลียดใครแค่เพราะเรื่องสิ้นคิดแบบนั้นเนี่ยนะ
“เหอะ! มึงประเมินกูต่ำไปรึเปล่า หรือมึงเป็นยูนิคอร์นคะมาโนชถึงคิดเหตุผลได้โลกสวยมากขนาดนี้”
“อีจูน! ตอบมามึงเกลียดเขาเพราะอะไร” มันถลึงตาใส่ที่ฉันไม่ยอมตอบดี ๆ ฮึ! แค่คิดเรื่องนั้นก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาแล้วสิ หงุดหงิดทีไรต้องกระดกไวน์เข้าปากแล้วอมไว้ใต้ลิ้นค่อย ๆ ละเลียดชิมรสสัมผัสเบา ๆ จากนั้นก็ค่อยกลืนลงลำคอสวย ๆ ให้อารมณ์คงที่แล้วค่อยมองเพื่อนเก้งอย่างมีจริตจะก้าน
“มึงไม่ต้องอยากรู้หรอก รู้แค่กูเกลียดไอ้ลูกกระเดือกนั่นก็พอค่ะอีเก้ง” จูนพูดจบก็กระพริบตาใส่อีเก้งสวย ๆ หนึ่งครั้ง และนั่นเองก็คงทำให้มันรู้ว่าเซ้าซี้สู่รู้ไปก็ไม่มีประโยชน์
“ถ้างั้นก็เชิญมึงนั่งเป็นอนุสาวรีย์ชะนีสวยผู้ยากไร้ผัวต่อไปได้เลยค่ะอีจูน เดี๋ยวเพื่อนมาร์กี้จะไปล่าลูกค้ามาทำผัว! ก่อน!”
“ไปเถอะจ้ะมาร์กี้ ไปหาคู่มาสมสู่ให้สุขสมเถอะนะ” ฉันโบกมือไล่มันด้วยความเอือม แล้วก็หมุนเก้าอี้บาร์ไปทางอื่นเพื่อไล่อีเก้งเจ้าของกาลกิณีบาร์อีกหนึ่งสเต็ป
สงสัยกันใช่ไหมคะว่าทำไมน้องจูนคนสวยถึงได้ด่าผู้ชายคนนั้นตั้งแต่ได้ยินแค่ชื่อแถมยังเห็นหน้าไม่ค่อยชัดด้วยซ้ำ ทั้งที่ไอ้ผู้ชายคนนั้นหล่อมาก สูงมาก หุ่นแซ่บมาก ขาวมาก รวยมาก ทุกอย่างในร่างกายและสภาพแวดล้อมทางสังคมของเขาเข้าขั้นโคตรเพอร์เฟ็ค
แต่!
จิตใจที่ต่ำตม จิตใต้สำนึกที่ใฝ่ต่ำโคตรไร้คุณธรรมของเขาต่างหากที่มันทำให้ฉันเกลียด เกลียดยิ่งกว่าไส้ติ่งที่มันเกิดมาเป็นภาระให้หมอต้องลำบากตัดทิ้ง!
เขามันเป็นผู้ชายที่สมควรตายด้วยสองโรคร้ายคือโรคเอดส์กับมะเร็งองค์ชาติ!
เขาสมควรตายด้วยสองโรคนี้ เป็นสองโรคพร้อมกันไปเลยเอาให้ทรมานตาย ให้สาสมกับการที่เขาเพิ่งรู้จักฉันครั้งแรกเมื่ออาทิตย์ก่อน รู้จักเพราะฉันและผองเพื่อนไปฉลองเรียนจบที่ผับของเขา ทีแรกอีจูนก็สบสายตาปิ้ง ๆ ใส่เพราะเห็นหล่อแถมยังเป็นเพื่อนกับพี่ฟรังซ์ผู้ชายของเพื่อนเลิฟอีกต่างหาก สบตากันอยู่นานจนปวดฉี่ฉันก็เลยเดินไปเข้าห้องน้ำไอ้บ้านั่นกลับเดินตามมาติด ๆ ตอนแรกกูก็นึกว่าจะมาขอเบอร์แต่ที่ไหนได้...มันเดินตามมาเพื่อชวนอีจูนไปสวิงกิ้ง!
“อื้อ~ พี่ซัน~ ซี๊ด~ เสียว~” จูนร้องครางเพราะผมกำลังดูดหน้าอกเธอพร้อมกับกดนิ้วกลางเข้าไปในร่องรักช้า ๆจ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~ผมดูดนมสองข้างสลับกันไปมา และการดูดนมแม่ลูกอ่อนสิ่งที่ตามมาก็คือน้ำนมที่เข้าไปในปากผมด้วย มันมีรสคาวนิด ๆ แล้วก็ออกหวานหน่อย ๆ รวม ๆ แล้ว...อร่อยดีครับ นมเมียจะรสไหนก็อร่อยทั้งนั้นนั่นแหละ ต่อให้มันมีแต่กลิ่นคาวไม่มีรสหวานเลยถ้าให้กินผมก็พร้อมกินด้วยความเต็มใจ“อื้อ~ มันคาวนะคะ” จูนลูบหัวผม เธอสอดนิ้วเข้ามาขยุ้มผมที่เปียกชื้น ปากบอกคาวแต่แอ่นอกให้ผมเต็มที่จ๊วบ จ๊วบ จ๊วบ~ผมไม่สนใจว่าเธอจะบอกว่าคาว ลูกกำลังหลับถึงตื่นกลางดึกจุ๊บแจงก็มีน้ำนมที่จูนปั๊มไว้ให้กินอยู่ดี เพราะฉะนั้นคืนนี้เมียผมจะคัดนมจนปวด ถ้าผมไม่ช่วยเมียผมก็คงนอนคัดนมทั้งคืน ทรมานแย่เลยครับ“อื้อ~ ที่รักขา เสียว ซี๊ด~” ยิ่งดูดเธอยิ่งครางดัง แล้วก็เป็นคนเอื้อมมือไปปิดน้ำด้วยตัวเอง ผมก็เลยอุ้มเธอขึ้นแล้วพาออกไปด้านนอก ก่อนที่จะยกเธอให้นั่งบนเค้าเตอร์ในห้องน้ำ“นมเมียพี่หวานมากรู้ตัวรึเปล่า” ผมบีบหน้าอกเธอเบา ๆ ส่วนจูนก็นั่งสูดปากมองผมแล้วก็ตั้งเข่ายกเท้าขึ้นวางบนขอบเค้าเตอร์เองโดยที่ผมไม่ต้องบอก ทำให้ตอนนี้
“ว่าไงครับหมูน้อยของคุณพ่อ” ผมกลับจากบริษัทก็พุ่งเข้ามาหาเจ้าหมูของผมทันที เด็กน้อยของผมชื่อว่าน้องเซนส์ครับชื่อนี้มาจากพ่อล้วน ๆ คุณแม่มือใหม่เธอเป็นคนตั้ง เธอบอกว่ายืนพื้น ซ.โซ่ มาจากชื่อพ่อ เป็นพยัญชนะต้น ส่วนสระ วรรณยุกต์ และตัวสะกดที่ตามมาแม่หมูเอามาจากเซนส์ของพ่อนี่ล่ะครับ เซนต์ที่จุ๊บท้องแล้วโดนลูกถีบปากก็มั่นใจบวกกับโมเมเอาว่าเป็นลูกชาย เซนส์มั่ว ๆ ของพ่อดันกลายเป็นเรื่องจริง ไอ้เจ้าหมูน้อยของผมก็เลยมีชื่อน่าหยิกว่า น้องเซนส์“วันนี้ไม่ยอมนอนกลางวันเลยค่ะ” จูนเดินเข้ามาแล้วก็บอกผมด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่จะเดินมานั่งที่พื้นข้างผม“แล้วเหนื่อยไหมครับ ไปนอนพักผ่อนนะเดี๋ยวพี่ดูลูกต่อเอง” ผมทัดหูให้จูนที่ยิ่งมีลูกก็ยิ่งสวยขึ้น มีน้ำมีนวลขึ้น“แค่เหนื่อยคุยค่ะ เด็กอะไรจ้อได้ทั้งวัน” จูนตอบแล้วก็หันไปทำหน้าหมั่นเขี้ยวลูกที่นอนอยู่บนเบาะ ไอ้หมูน้อยอายุได้สามเดือนแล้ว แถมตัวก็โคตรโต“ถ้างั้นเดี๋ยวคุณพ่อจะพาลูกหมูคุยต่อเองครับ คุณแม่ไปงีบนะดูแลเจ้าหมูน้อยมาทั้งวันแล้ว”“ไม่เป็นไรค่ะพี่ซันทำงานมาเหนื่อย ๆ จูนไม่ได้เลี้ยงคนเดียวซะหน่อย มีจุ๊บแจงช่วย”“พี่ก็ไม่เหนื่อยจ้ะวันนี้งานไม่ได้เยอะ ไ
“จูน”“คะ?”“วันนี้ปวดท้องอีกรึเปล่า”“ก็มีปวดเตือนนะคะ แต่แค่นิดหน่อย” พี่ซันถามแบบนี้ทุกวันตั้งแต่ฉันปวดท้องเตือนครั้งแรก เฮียแกก็ถามแบบถามนั่นล่ะค่ะ ถามจริง ๆ ถามร่ำไร ถามด้วยสีหน้าทั้งตื่นเต้นทั้งเครียด อารมณ์เวลาถามเรื่องนี้จะสวิงมาก“ทำหน้าเครียดอีกแล้วค่ะ” ฉันจับหน้าพี่ซันแล้วเอานิ้วคลึงหัวคิ้วที่ขมวดเป็นปมของเขา“พี่กลัวจูนเจ็บ”“เรื่องธรรมดาของผู้หญิงนี่คะเวลาคลอดลูก”“ไม่รู้สิครับ พี่เห็นจูนปวดเตือนแล้วพี่สงสาร ขนาดปวดเตือนยังร้องไห้แล้วถ้าคลอดจริงจูนจะเป็นยังไง” ตอนนี้ทั้งเสียงทั้งสีหน้าของเขามันดูเครียดมาก จนฉันอดยิ้มเอ็นดูไม่ได้“ใคร ๆ เขาก็คลอดลูกกันค่ะ ไม่ต้องกังวลเลยค่ะพี่ซัน”“แต่พี่ไม่อยากให้เมียพี่เจ็บ เปลี่ยนใจผ่าคลอดไหมที่รัก” คำถามนี้ถูกถามมารอบที่สิบห้าภายในระยะเวลาตลอดสามวันที่ผ่านมา เขากังวลกับการเจ็บปวดของฉันจนแทบจะไม่เป็นอันทำอะไรแล้ว ยิ่งใกล้ถึงวันคลอดก็ยิ่งกังวลหนัก“พี่ซันคะพี่กำลังทำให้จูนกลัวนะ จากที่จูนพร้อมจะคลอดธรรมชาติแต่คุณพ่อกำลังทำให้คุณแม่กลัวความเจ็บ แล้วเดี๋ยวคุณแม่ก็จะเอาเก็บไปคิดจนนอนไม่หลับ”“เฮ้อ! พี่ขอโทษครับ เอาเป็นว่าวันคลอดพี่จะบีบม
“จูน ๆ จูนครับ”“คะ ฮ้าว~ มีอะไรคะ” ฉันลืมตาตื่นด้วยความสะลึมสะลือเพราะพี่ซันที่ปลุกฉันด้วยเสียงตื่นเต้นหรืออะไรสักอย่างฉันเองก็ยังจับใจความน้ำเสียงเขาไม่ได้“ลูก”“คะ? เป็นอะไรพี่ซันจูนง่วง”“ลูกครับ ลูก...ลูกถีบพี่” พี่ซันหน้าตื่นพูดไปยิ้มไปแต่ลูกอยู่ในท้องจะถีบพี่เขาได้ยังไง“ถีบได้ไงคะ ฮ้าว~” ฉันทั้งถามทั้งแคะขี้ตา มันสว่างรึยังก็ไม่รู้ อยากจะตีคุณพ่อจริง ๆ ที่ใจกล้ามาปลุกคุณแม่แต่เช้าแบบนี้“ถีบปากครับ”“หือ? ถีบได้ไงลูกอยู่ในท้อง พี่ซันฝันเหรอนอนต่อได้แล้วจูนง่วง” ฉันบอกแล้วก็หันไปกอดพี่ซันให้เขานอนสักที“ไม่ ๆ เมื่อกี้ลูกถีบพี่จริง ๆ นะจูน”“อื้อ~ พี่ซันนี่ยังไงจูนจะนอน” ฉันลืมตามองเขาพร้อมกับส่งสายตาให้รู้ว่าฉันต้องการนอนอย่าเพิ่งกวน“เหอะ! ก็แค่ตื่นเต้นที่ลูกดิ้น นอนไปเลยขี้เซา” พี่ซันบ่นฉันเบา ๆ แต่ก็ยอมนอนลงแล้วก็ขยับตัวให้ฉันนอนหนุนไหล่เหมือนที่ฉันชอบทำอยู่ทุกวัน แต่เมื่อกี้พี่เขาบอกว่ายังไงนะ...“ลูกดิ้นเหรอคะ?” นี่มันเข้าเดือนที่หกแล้วนี่คุณหมอก็บอกว่าเบบี๋จะเริ่มดิ้นแต่ฉันยังไม่รู้สึกว่าลูกดิ้นเลยสักครั้ง พอพี่ซันบอกคุณแม่ก็เลยตื่นเต้นจนแทบจะตื่นเต็มตา“ครับ”“อื้อ~ ทำ
“อ้วก!!!”“พี่ซัน ไหวรึเปล่าคะ”“อื้อ~ อุ๊! อ้วก!!!” ตั้งแต่ตื่นเช้าขึ้นมารอบนี้รอบที่สามแล้วที่คุณพ่อวิ่งเข้าห้องน้ำ น่าสงสารจริง ๆ หน้าซีดหมดแล้ว“น้ำค่ะ ล้างปากก่อนนะ” ฉันยื่นแก้วน้ำให้คนที่นั่งพิงผนังห้องน้ำข้างชักโครกด้วยท่าทางหมดแรง“ครับ”“ไหวรึเปล่าจูนว่าไปหาหมอดีกว่าไหม อ้วกเยอะมากเลย”“เคยไปแล้วครับ หมอตรวจแล้วไม่เจอโรค พอหมอรู้ว่าเมียท้องหมอไล่กลับบ้านเลย”“ฮ่า ๆๆ แล้วนี่ไปทำงานไหวเหรอคะ” ไม่รู้ว่าจะสงสารหรือจะขำดีนะ“ช่วงนี้คุณพ่อท่านไปดูแลบริษัทแทนน่ะ ตั้งแต่จูนหนีนั่นแหละ ช่วงเช้ากับกลางวันพี่จะแพ้ท้องแทนเมียหนักเลยไปไหนไม่ค่อยไหว” ฉันค่อย ๆ พยุงเขาให้ลุกขึ้น สภาพคุณชายสวิงมานั่งหมดแรงเกาะชักโครกแบบนี้มันดูไม่จืดจริง ๆ“คนเดียวพอนะคะสงสารคุณพ่อ ถ้าแพ้ท้องแทนจูนทุกครั้งพี่ซันได้ตายพอดี”“ไม่เอาพี่ไหว ขอลูกสักสามคนนะที่รัก คนเดียวลูกเหงาแย่” คนจะตายเพราะอ้วกรีบส่ายหน้า แถมมองหน้าเมียตาละห้อย“เลี้ยงไหวเหรอคะ” ฉันพยุงคนเก่งแต่ปาก แต่สังขารไม่ให้เลยสักนิดมานั่งที่เตียง“ผมเคยแสดงความยินดีกับคุณจูนแล้วนี่ครับที่มีผัวรวย”“จูนหมายถึงเลี้ยงให้เขาเป็นคนดีอ่ะ เลี้ยงไหวสั่งสอนไห
“ว่าไงครับเมีย ไม่อยากอาบน้ำก่อนแล้วเหรอ หืม~”“อื้อ~”“ถ้างั้นพี่พาไปอาบน้ำก่อนดีกว่า ไม่อยากขัดใจเมีย” พี่ซันพูดแล้วก็ทำท่าจะดึงนิ้วมือออกจากตัวฉัน“อื้อ~ จูน อ๊ะ! จูนขอ ซี๊ด~ ขอ...อาบน้ำพี่ซันก่อนได้ไหม”“จูน...รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา” พี่ซันหยุดขยับนิ้วแล้วก็ถามฉันเสียงนิ่ง พอเห็นท่าทางของเขาฉันก็เกิดความรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมา หรือเราหื่นจนเกินพอดี แต่เมื่อกี้อารมณ์มันพาไปจริง ๆ ก็เลยพูดแบบนั้นออกไป“คือ...”“พูดแบบนี้ไม่อยากนอนเหรอครับ หืม~” พี่ซันยิ้มให้ฉันจากนั้นเขาก็ก้มหน้าลงมาที่คอแล้วดูดเม้มเต็มแรงอีกครั้ง จากที่ใจเสียเลยแทบกรี๊ดกับการโดนจู่โจม“อืม~ เสียว~” ฉันจับหัวของเขาเอาไว้แล้วแหงนหน้าสูดปาก มันจะล้มแล้วจริง ๆ สยิวจนขาสั่น“ฮึ ๆ เมียพี่ก็เสียวทุกครั้งที่ผัวทำนั่นแหละ” พี่ซันขำเบา ๆ จากนั้นเขาก็ดึงนิ้วออกแล้วจับฉันให้หันหน้าไปหาเขาพอเราเผชิญหน้ากันตรง ๆ ต่างฝ่ายก็รีบผวากอดแล้วก็จูบกันด้วยความเร่าร้อนทันที พี่ซันดูดปากสอดลิ้นเข้ามากระหวัดเกี่ยวไล่ต้อนลิ้นของฉัน มือของเขาก็ทำหน้าที่จัดการกับเสื้อผ้าฉัน ส่วนฉันเองก็จัดการกับชุดที่มันเกะกะและบดบังหุ่นแน่น ๆ ของพี่ซันทั