“บ้านฉันอยู่ไกลค่ะ”
“โอเค”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ”
“อื้ม ถ้างั้นก็มีสองทางเลือกจะ ให้ฉันไปส่งที่บ้านเธอหรือเธอจะไปนอนบ้านฉัน”
ผมถามไปด้วยน้ำเสียงกดดันเพราะต้องการแกล้งเธอ เด็กมันน่าแกล้ง พอผมพูดแบบนั้นก็ยิ่งดูเหมือนจะทำให้เธอทำตัวไม่ถูก
“...ก็ได้ค่ะถ้าไม่เป็นการรบกวนนะคะ” เธอตอบผมมาด้วยน้ำเสียงสั่นแล้วก็หลบสายตา
“อื้ม ไม่รบกวนหรอกที่บ้านฉันมีหลายห้อง หรือจะนอนห้องฉันก็ได้”
“ฮะ! ไม่ใช่นะคะฉันไม่ได้ตกลงแบบนั้น” พอผมพูดจบเธอก็เบิกตาโพลงแล้วก็ร้องออกมาเสียงดังด้วยความตกใจจนกล้าที่จะสบตากับผมแล้ว
“ฮ่า ๆๆ ฉันล้อเล่นน่า ไปเถอะขึ้นรถ” ผมหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ แกล้งยัยเด็กนี่สนุกดีว่ะ
พอพูดแบบนั้นจบเธอก็ยืนนิ่งอยู่สักพั ผมเลยพยักหน้าเป็นเชิงบอกให้เธอขึ้นรถ คำพูดซูกัสดังแว่วเข้ามาในหัวผม ถ้าเธอพยายามทำตัวให้ดูธรรมดาที่สุดเพื่ออัพราคาจริง ๆ ผมว่าเอารางวัลตุ๊กตาทองให้ได้เลยครับ ท่าทางเธอไม่ได้เฟคเพราะฉะนั้นตัดคำพูดของซูกัสออกไปจากสมองได้เลย
“คุณคะ...” ผมนั่งในรถแล้วส่วนเธอพอเปิดประตูรถเสร็จก็ยืนมองที่เบาะแล้วก็เรียกผมเสียงเบา
“ว่าไง ขึ้นมาสิ” ผมถามขึ้น ส่วนยัยเด็กหน้าสวยก็เอานิ้วชี้มาที่เบาะอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“เก็บให้หน่อยได้ไหมคะ” อ้อ ปืนครับผมลืมว่าโยนมาที่เบาะด้านข้าง
“อ้อขอโทษที กลัวเหรอ” ผมพูดแล้วก็หยิบปืนไปเก็บที่ลิ้นชักหน้ารถให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ” เสียงหวานตอบกลับมาแล้วก็ค่อย ๆ เข้ามานั่งในรถของผมด้วยความเกร็ง จะเกร็งอะไรนักหนาก็ไม่รู้เพราะปกติผู้หญิงของผมทุกคนแทบจะกระโดดขึ้นมานั่งด้วยซ้ำ
“อื้ม ตามสบายนะไม่ต้องนั่งเกร็ง เอาปืนออกให้แล้วมันไม่ยิงก้นเธอแน่ ๆ” ผมบอกยัยเด็กหน้าสวยที่หันขวับมามองผม แว็บหนึ่งผมเห็นแววตาเอาเรื่องของเธอ แต่ก็แค่แว็บเดียวเท่านั้นล่ะครับ
ผมเห็นเธอเกร็งก็เลยพยายามทำให้บรรยากาศมันดีขึ้นเท่านั้นไม่ได้ตั้งใจจะทะลึ่งอะไรหรอก บอกแล้วไงครับ น้องเขาดูเป็นเด็กดี ปล่อยให้น้องเขาไปมีอนาคตที่สดใสดีกว่า
“บ้านอยู่แถวไหนล่ะ”
“แถว XXX ค่ะ”
“ไหนว่าไกลไง ใกล้ ๆ แค่นี้เอง” พอเธอตอบกลับมาผมถึงได้รู้ว่าใกล้แค่นี้เอง แค่ 4-5 กม. จากที่นี่
“ก็ไกลนะคะ ยิ่งคนที่ไม่รู้จักกันต้องมารบกวนแบบนี้ต่อให้กิโลเดียวก็ไกลอยู่ดี” เธอตอบมาแบบเกร็งไม่เลิก แต่ก็ยังดีที่ประโยคคำพูดมันยาวขึ้นมาบ้าง
“งั้นก็รู้จักกันเลยสิจะได้ใกล้ขึ้น”
“คะ?”
“เธอชื่ออะไร” ผมถามต่อ เห็นหน้าเธอบ่อย ๆ เรียกได้ว่าเจอทุกครั้งที่มาผับนี้นั่นแหละครับ ผมก็พอจะรู้จักพวกพนักงานเสิร์ฟของร้านนี้อยู่บ้างแต่กับเธอที่มาเสิร์ฟโต๊ะผมบ่อยอยู่เหมือนกันผมกลับไม่เคยรู้จักชื่อเลย
“ชื่อนับเงินค่ะ” นับเงินเหรอ
... ชื่อน่ารักว่ะ
“ชื่อเธอแปลกดี ฉันชื่อคริช จะเรียกพี่ก็ได้นะ” ผมหันไปบอกเธอทำให้อีกฝ่ายทำหน้าเหวอ ยัยเด็กนี่เคยมีแฟนมาบ้างไหมวะทำไมดูเกร็งต่อหน้าผมจังเลย
“ค่ะ เรียกคุณคริชดีกว่าค่ะ คุณเป็นลูกค้า”
“พวกพีอาร์ที่ร้านก็เรียกว่าพี่ ไม่เห็นจะเป็นไร” ผมแย้งกลับไป มีคนเรียกคุณคริชแล้วนึกไปถึงไอ้คุณพอร์ชครับ ไอ้อดีตเสี่ยที่กลับใจไปเป็นแมว เลี้ยงเด็กไว้อึ๊บแล้วให้เด็กเรียกคุณพอร์ชทุกคน ผมกลัวคนคิดว่าผมสันดานเหมือนมัน อันที่จริงผมยกเว้นให้เรียกคุณได้นะ แต่สำหรับสาว ๆ ที่เป็นคู่นอนผมไม่ให้เรียกแน่นอน
“ก็นั่นพีอาร์แต่ฉันเป็นเด็กเสิร์ฟนี่คะ” เธอยิ้มบาง ๆ แล้วก็ตอบผม แต่คำตอบโคตรขัดหูขัดใจ
“เด็กเสิร์ฟไม่มีสิทธิเรียกใครว่าพี่รึไง?” ผมหันไปถามในทันที
“เปล่าค่ะ แค่คิดว่าไม่ควรทำตัวเทียบลูกค้า ต้องให้เกียรติลูกค้าน่ะค่ะ”
“ถ้างั้นอยู่นอกร้านก็เรียกพี่ โอเคไหม” ผมหันไปบอกเธอ ทำให้เธอมองหน้าผมอึ้ง ๆ ก็โอเคครับผมหล่อและยัยเด็กนี่ก็มองผมด้วยแววตาที่แอบชอบมานานแล้ว แต่พอได้อยู่ใกล้ก็ควรจะเลิกเกร็งแล้วก็พยายามทำให้ผมสนใจเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่นสิวะ
“จะดีเหรอคะ” เฮ้อ! ทำไมดูเงียบ ๆ แต่มีความดื้อแอบแฝงอยู่แบบนี้นะยัยเด็กน้อย จากที่จะปล่อยให้ไปมีอนาคตที่สดใสใจผมก็เริ่มจะเขวแล้วครับ สารภาพตรง ๆ ว่าผมกำลังพยายามห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลย ผมเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าเธอน่าฟัดยิ่งน่าฟัดอยู่ด้วย
“ไม่เรียกพี่ก็ได้ แต่รู้ไหมว่าพี่มีเด็กในสต็อกเยอะ แล้วทุกคนก็เรียกว่าคุณคริชเหมือนกันหมด อยากเรียกแบบนั้นก็แล้วแต่นะ เหมือนเราเป็นเด็กพี่ดี” ผมหันไปบอกด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้นับเงินหน้าเหวอแล้วก็มองผมด้วยแววตาอึ้ง
“เรียกพี่ก็ได้ค่ะ” นับเงินตอบกลับมาแล้วก็มองผมไม่วางตา ซึ่งเธอจะมองผมด้วยแววตาแบบไหนก็ไม่เป็นไรหรอกครับขอแค่อย่าเรียกผมว่าคุณคริชก็พอ ผมไม่อยากโดนเรียกคุณแบบไอ้ห่าพอร์ช
“จะถึงแล้วซอยไหนล่ะ” ขับมาแค่ไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงบริเวณที่นับเงินบอกผมแล้ว แต่มันมีซอยเยอะไปหมด
“จอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ” นับเงินชี้บอกให้ผมจอดข้างทางตรงด้านหน้าผมเลยชะลอรถ
“แล้วบ้านหลังไหนล่ะ”
“ต้องเข้าซอยไปอีกร้อยเมตรค่ะ”
“เดี๋ยวพี่เข้าไปส่งหน้าบ้านเลย ซอยไหนซ้ายหรือขวา”
“ไม่เป็นไรค่ะ พอดีซอยมันแคบ เขาจอดรถสองฝั่งเลย เป็นซอยตันไม่มีที่กลับรถด้วย เดี๋ยวฉันเดินเข้าไปเองค่ะ ถึงแล้วค่ะจอดตรงนี้ได้เลย”
“มันอันตรายเดี๋ยวเดินเข้าไปส่ง” พอเธอบอกแบบนั้นผมก็จอดเทียบที่ข้างทาง
“ไม่เป็นไรค่ะ เดินเข้าไปแค่ร้อยเมตรเอง ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” เธอรีบห้ามผมไว้แล้วก็ยกมือไหว้ขอบคุณ
“แน่ใจเหรอ มันมืดมากเลยนะ” ต่อให้เธอบอกแบบนั้นผมก็ไม่วางใจอยู่ดี ซอยมันมืดครับ ไม่มีไฟจากเสาไฟฟ้าเลยสักดวง
“แน่ใจค่ะ ฉันเดิน...”
“แทนตัวดีๆ หน่อย ฉันแบบนี้มันแสลงหู” ผมยกมือห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ เพราะผมไม่ชอบให้ใครมาพูดกับผมแล้วแทนตัวว่าฉัน มันระคายหู
“ค่ะ...นับเดินเข้าทุกวันค่ะ ตั้งแต่เด็กแล้วไม่มีอะไรน่ากลัวแน่นอนค่ะ” พอเธอบอกแบบนั้นผมก็เลยพยักหน้ารับ
“โอเคเข้าบ้านดีๆ ล่ะ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ ทั้งเรื่องที่มาช่วยแล้วก็ยังอุตส่าห์มาส่งอีก ขอบคุณนะคะ” นับเงินยกมือไหว้ผมอีกครั้ง
“อื้ม แล้วเจอกัน ไปพักผ่อนเถอะมันดึกมากแล้ว” ผมบอกเธอนับเงินก็เลยลงจากรถก่อนที่เธอจะก้มหัวให้แล้วก็หันหลังเดินเข้าซอย
#KRICH END
#NUB NGERN TALK
ใจสั่นจนแทบจะหัวใจวาย กรี๊ด~ นับเงินเอ๊ย! แทบจะคุมสติตัวเองไม่อยู่ทุกครั้งที่ได้คุยแล้วก็สบตากับคุณคริช ฮือ~ พวกพีอาร์ที่ได้นั่งคุยนั่งเทคแคร์เขาแต่ละคืนมีชีวิตรอดมาได้ยังไง คนบ้าอะไรทำไมกร้าวใจขนาดนี้ >///<
“ไงมึงอีนับ”
“...” เฮ้อ! ไม่หลับไม่นอนเหรอวะ พอฉันก้าวผ่านประตูรั้วบ้านน้ำเสียงที่โคตรไม่น่าฟังที่สุดตั้งแต่มีชีวิตเกิดมาเป็นคนก็ดังเข้ามาทักทายโสตประสาท
“เตรียมของไปขายเหรอคะป้าจันทร์” ฉันพยายามไม่สนใจน้ำเสียงแย่ ๆ แล้วก็เอ่ยทักไปตามมารยาท
“เออ! กูเตรียมของไปขาย ต้องตื่นตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่มานั่งเสียบหมูปิ้งไปขายมาจุนเจือครอบครัวเพราะอีเด็กทรพีมันไม่เคยช่วยเหลือ เลี้ยงเสียข้าวแดงแกงร้อน!” มาอีกแล้วค่ะ คำพูดทวงบุญคุณที่ฉันยังงงจนทุกวันนี้ว่าป้าจันทร์มาเลี้ยงฉันตอนไหนวะ
“นับก็ช่วยค่าน้ำค่าไฟอยู่ทุกเดือนนี่ป้า” ฉันตอบกลับป้าจันทร์ด้วยความรู้สึกที่เริ่มจะไม่พอใจขึ้นมา
“โอ๊ย! เศษเงินแค่หยิบมือมันจะไปพออะไรฮะ!” ฉันถอนหายใจเบา ๆ เดือนละ 3,500 ที่ฉันช่วยค่าน้ำค่าไฟบ้านหลังนี้ ทั้งที่ฉันต้องนอนห้องเล็ก ๆ หลังบ้านที่มีแค่พัดลมเก่า ๆ ทีวีเก่า ๆ ซึ่งฉันใช้จริง ๆ ก็มีแค่พัดลม เพราะทีวีฉันไม่เคยมีเวลาดูเลยสักวัน แต่ป้าจันทร์ ลุงทศ แล้วก็นรินทร์ลูกสาวป้าแกนอนห้องแอร์เย็นสบายกันทุกคืน
“นับมีให้เท่านี้แหละป้า นับไม่ได้มีเงินมากมายนะ” เมื่อไหร่ป้าจันทร์รวมถึงทุกคนในบ้านหลังนี้จะเข้าใจและเห็นใจฉันบ้างนะ ฉันต้องดูแลตัวเอง ต้องอดหลับอดนอนหาค่าข้าวค่าเรียนทุกวัน ถ้าฉันมีเงินเยอะฉันคงไม่ทนลำบากแบบนี้หรอก
“ไม่มีห่าอะไร เงินที่มึงไปเสิร์ฟล่ะ ไหนจะทิปอีกผับคนรวยทิปหนักจะตาย ที่สำคัญรายได้พิเศษของมึงอีก อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ น้ำหน้าอย่างมึงไม่มีทางไปเดินเสิร์ฟงก ๆๆ หรอกอีนับ มึงไปนอนกับเสี่ยได้เงินมาท่าทางจะไม่น้อยมึงก็เจียดมาเชื่อเหลือกูบ้างสิวะ!” ป้าจันทร์ชี้หน้าแล้วก็พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงตะคอก
คำพูดที่พ่นออกมาจากปากผู้หญิงที่เป็นพี่สาวของพ่อทำให้ฉันตัวสั่น คำพูดดูถูกที่พูดกล่าวหาลอย ๆ มันจะมีมาเป็นประจำ ซึ่งมันก็ทำให้ฉันโกรธจนไม่รู้จะโกรธยังไงแล้ว
“ไม่ให้ เงินนี่ฉันหามาด้วยความยากลำบาก อ้าขาตั้งนานนะป้า ถ้าป้าอยากได้ก็บอกให้รินทร์มันไปนอนอ้าขาบ้างสิ ได้เงินง่ายนี่” ฉันพูดจบก็เดินผละออกมาทันทีแต่ก็ตามมาด้วยเสียงตะโกนด่าสาปแช่งฉันไล่หลังที่บังอาจไปแตะต้องลูกเทวดาของนางอย่างไม่เกรงใจเพื่อนบ้านที่กำลังนอนหลับพักผ่อนกันอยู่
#NUB NGERN END
#KRICH TALK
ผมจอดรถรออยู่สักพักแต่เพราะในซอยที่เธอเดินเข้ามามันไม่มีไฟข้างทางเลยสักดวงด้วยความเป็นห่วงเพราะผมเห็นมีขี้เมาอยู่ตรงต้นซอยก็เลยเดินตามเข้ามาดูว่าเธอเข้าบ้านรึยัง แต่พอกำลังเดินส่องว่าหลังไหนที่น่าจะเป็นบ้านของเธอก็ดันได้ยินเสียงคนกำลังทะเลาะกัน แล้วก็อย่างที่ได้ยินนั่นล่ะครับ ซูกัสจะพูดว่าเธอยังไงผมไม่เชื่อแค่ฟังหูไว้หู แต่นี่ผมมาได้ยินเธอพูดออกจากปากเองเต็มสองหู
เหอะ!
...นึกว่าใส แต่ที่ไหนได้เน่าเฟะ
ผู้หญิงแม่งก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ เหมือนผู้หญิงคนนั้น...
เล่นละครเก่ง เลว ร่าน!
“ไงเรา ปลุกเพื่อนบ้านแต่เช้าเลยนะ”“พี่อาร์ต! ได้ยินเหรอคะ” เสียงทักทายจากเพื่อนบ้านที่มีรั้วติดกันดังขึ้นระหว่างที่ฉันกำลังตากผ้าอยู่ บ้านแถวนี้เป็นชุมชนเก่าค่ะอยู่ติดกันแล้วรั้วก็ไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ก็เลยทำให้พวกเราสนทนากันแบบนี้ประจำ พี่อาร์ตเป็นพี่ชายข้างบ้านที่เพิ่งเรียนจบได้ไม่นาน เป็นพี่ชายแสนดีที่คอยช่วยเหลือฉันอยู่ประจำ“อื้ม ย้ายไปอยู่ที่อื่นไหมนับ” พี่อาร์ตพยักหน้ารับ ซึ่งก็ประจำนั่นล่ะค่ะสมาชิกในบ้านหลังนี้ชอบทะเลาะกันเสียงดังฉันอายจนไม่รู้จะอายยังไง แล้วพี่อาร์ตก็ถามคำถามที่ชอบถามฉันบ่อย ๆ ด้วยน้ำเสียงจริงจัง“ไม่เอาหรอกพี่อาร์ต นับอยากอยู่บ้านของพ่อแม่” ฉันตอบเขาด้วยรอยยิ้ม ในใจมันอ่อนแอนะคะแต่ไม่อยากให้ใครต้องเป็นห่วง ไม่อยากทำตัวน่าสงสาร“เฮ้อ! พี่ไม่รู้จะพูดยังไงกับเราแล้ว มาอยู่บ้านพี่ก่อนไหมอย่างน้อยก็ดีกว่าห้องนั้น”“โหย~ ขืนไปอยู่ป้าจันทร์คงได้โพนทะนาว่านับใจแตกยิ่งกว่าเดิมแน่นอน แล้วก็ต้องตะโกนด่าให้พี่อาร์ตเอาสินสอดมาขอนับ เชื่อเหอะ” ฉันบอกแล้วก็ขำไปด้วยเพราะมั่นใจว่าสิ่งที่พูดไปไม่ผิดจากนี้แน่นอน“ฮ่า ๆๆ พี่ก็ลืมนึกถึงข้อนี้ไปเลย แต่ก็ได้อยู่นะเอาไหมล่ะ” พี่อา
ถ้าคนที่ชื่นชอบความเร็วของรถซุปเปอร์คาร์แล้วมาเจอ Aston Martin คันนี้ในเวลานี้ต้องรู้สึกเสียเซลฟ์แน่นอน ช้ากว่าจักรยานก็ซุปเปอร์เต่าคันนี้นี่ลjะค่ะ T_T“เธอ~ ขับเร็วๆ ไม่เป็นเหรอวะ~” เสียงคุณคริชดังขึ้น มาขับเองไหมล่ะ ฉันกลัวชนเพราะมันไม่คุ้นมือคุ้นเท้าเลยค่ะ เหยียบนิดเดียวก็พุ่งเหมือนจรวดแล้วเลยไปช้า ๆ แต่ชัวร์ดีกว่า“นับไม่เคยขับนี่คะ” ฉันตอบด้วยเสียงเกร็ง อย่าเพิ่งมากวนสมาธิได้ไหม ขับรถครั้งล่าสุดก็เมื่อปีที่แล้วนะ ตอนที่พี่อาร์ตสอนขับรถที่สนามโรงเรียนแถวบ้านแล้วก็พาฉันขับออกถนนไม่กี่ครั้งหลังจากนั้นนับเงินก็ไม่ได้แตะต้องรถยนต์อีกเลย พอมาขับอีกครั้งก็เจอของยากจะให้ขับเร็วขึ้นก็ทำไม่ได้หรอก“มันมีประกันน่า~” เสียงคุณคริชดังขึ้น เป็นคนรวยทำไมทุกอย่างมันดูง่ายจังเลยวะ รถราคาเป็นสิบ ๆ ล้านยังไม่ต้องห่วง“ประกันเคลมรถได้ แต่เคลมชีวิตคนไม่ได้ค่ะ นับกลัวขับชนคน” ฉันบอกเสียงแผ่วเพราะพ่อแม่ฉันเสียจากอุบัติเหตโดนรถชนวันนั้นพวกท่านไปซื้อของที่ตลาดกำลังเดินจูงมือกันข้ามถนนเพื่อกลับไปที่รถแล้วก็จะไปรับฉันที่โรงเรียนแต่แล้วฉันกลับต้องเป็นคนไปรับพ่อกับแม่เอง ฉัน...ต้องไปทำเรื่องพาพ่อกับแม่กลับบ้า
“ไม่ทำจริง ๆ บอกว่าเมาแล้วเละไงวะ~”“มันเกี่ยวอะไรกับเมาเละล่ะ ยิ่งเมานี่แหละตัวดีเลย!”“น้องชายเละจนไม่แข็งเข้าใจไหม~ อึก~ เขาแล้วนกเขาไม่ขันน่ะ ได้ยินชัดรึยัง~”คุณคริชพูดมาแบบนั้นมันเลยทำให้ฉันเอี้ยวหน้าไปมองเขาในทันที พูดอะไรออกมาเนี่ย นกเขาไม่ขัน เรื่องจริงเหรอคะ? ทำไมฟังแล้วมันทั้งขำทั้งสงสาร หล่อ รวย แบดบอยซะขนาดนี้ มองยังไงก็เพอร์เฟคไปทุกอย่างแต่มาตายที่นกเขาไม่ขันนี่นะ!“นอนได้ยัง หรือจะพิสูจน์~” เขาปรือตามองหน้าฉันแล้วก็พูดออกมา แต่ใครจะบ้าลองคะ เปลืองเนื้อเปลืองตัวเปล่า ๆ“ไม่ค่ะ นอนค่ะ” ฉันยอมนอนแต่โดยดีเพราะร่างกายฉันมันก็เริ่มไม่ไหวแล้วเหมือนกัน ตั้งแต่เช้าเมื่อวานยันกำลังจะสว่างของอีกวัน ส่วนเรื่องที่เขาถามว่าจะพิสูจน์ไหม ไม่ต้องพิสูจน์ฉันว่าฉันก็เชื่อค่ะ เพราะคนเมามักจะพูดความจริงเสมอ“อืม~ ตัวเธอหอมจัง” เขาหลับตาพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่จะดึงฉันให้พลิกตัวหันไปหาเขาแล้วก็ดึงฉันให้ไปซุกที่อก ใจสั่นมาก~ นอนกอดกับผู้ชายที่แอบชอบนะคะบอกตรง ๆ ว่าถ้าไม่มีความแรดอยู่ในตัวบ้างจะไม่มีใครทำแบบนี้แน่นอนจุ๊บ!พอพูดจบคุณคริชก็จุ๊บลงที่หน้าผากฉันแล้วมันก็ทำให้ฉันตกใจจนต้องเงยหน้ามองเขา
“อืม~ ฮ้าว~” กี่โมงแล้ววะ เมื่อยตัวฉิบ ปวดหลังปวดเอวไปหมด เมื่อคืนไม่น่าเมาหนักเลยไอ้คริชหมับ~“หือ?” ผมค่อย ๆ ดึงสติและหัวที่หนักอึ้งจากอาการแฮงค์เหล้าให้มันทำงาน ห้องมืดสนิทจนไม่รู้เวลาข้างนอกแต่ผมสัมผัสได้ว่าผมนอนกอดใครบางคนอยู่ ตัวโคตรนุ่ม ผิวโคตรเนียน ที่สำคัญ...หอมกูลากผู้หญิงมานอนกอดเหรอวะ หวังว่าเมื่อคืนผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้พยายามปลุกน้องชายผมตอนเมาหรอกนะครับไม่งั้นเธอรู้ความจริงแน่ กิติศัพท์เรื่องบนเตียงของผมยิ่งเลื่องชื่อ ถ้าเธอเอาไปพูดว่าผมไม่ขันตอนเมาผมคงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน“ตัวหอมจังวะ” ผมลูบผิวเธอคนนั้นแล้วก็ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อยากเห็นหน้าแล้วครับ มากกว่านั้นคืออยากปลุกเธอมาคุยว่าเมื่อคืนพยายามทำอะไรผมรึเปล่าถ้าเธอรู้เรื่องหวังว่าเงินคงจะปิดปากเธอได้ผมเอื้อมมือไปกดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียงแล้วพอหันมามองคนที่นอนข้าง ๆ ผมก็...แทบช็อก“เฮ๊ย!” นับเงิน...นับเงินมานอนกับผมได้ยังไง“อื้อ~ อ๊ะ!” เธอครางออกมาเหมือนอารมณ์เสียที่โดนรบกวนเวลานอนแล้วก็ขยับร่างกายพร้อมอุทานและขมวดคิ้วเบา ๆ“นับเงิน ตื่น เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ผมเขย่าแขนเธอเพื่อปลุก แม่งเอ๊ยอุตส่าห์จะไม่ยุ่งกับเธอ
ชีวิตบัดซบ!มีใครรันทด ดวงตก เทวดาไม่รักหนักเท่าฉันบ้างไหม? คงมีสินะคะ บนโลกนี้มีคนเป็นล้านคนฉันก็แค่คนหนึ่ง แค่ชีวิตเล็กๆ ที่ต้องเจอบททดสอบของชีวิตใช่ไหม“ฮึก! ฮื่อ~” ฉันนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ในห้องนอนเล็กๆ ของตัวเอง ฉันเกลียดการร้องไห้ ฉันไม่ชอบการร้องไห้ที่สุด เพราะไม่ว่าฉันจะร้องด้วยความเจ็บปวดเสียใจแค่ไหน ร้องเป็นชั่วโมงหรือร้องทั้งวัน สุดท้ายก็มีแค่ฉันที่ต้องปลอบใจตัวเอง...สุดท้ายก็มีแค่สองมือของฉันที่ต้องเช็ดน้ำตาของตัวเอง“อีนับโว้ย! มึงไม่ไปทำงานทำการรึไงฮะ 2 ทุ่มแล้วนะ ถ้าไม่ไปทำก็เชิญเสด็จออกมาช่วยกูทำงานหน่อยเถอะอีคุณนาย! ว่างก็มาช่วยงานบ้านกูบ้าง!” เสียงคนที่ดังอยู่หน้าห้องทำให้ฉันต้องกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ให้ทำงานบ้านอะไรตอน 2 ทุ่มกัน ถ้าไม่ใช่มาเรียกให้ฉันทำกับแกล้มไปให้วงไพ่ของแก“นับกำลังจะไปทำงานป้า” ฉันตะโกนตอบไปด้วยเสียงที่พยายามให้มันปกติ ป้าจันทร์ไม่ใช่คนที่จะหวังดีกับฉันมาแต่ไหนแต่ไร เพราะฉะนั้นฉันไม่ควรที่จะให้ป้าจันทร์รู้ว่าฉันร้องไห้ ไม่งั้นคงได้ตีความว่าฉันร้องไห้เพราะโดนผู้ชายทิ้งโดยที่ยังไม่ได้ถามความจริงจากปากฉัน ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็เถอะนะฉันฝืนตัว
ตอนนี้นับเงินเด็กนักศึกษาปี 3 มหาวิทยาลัยรัฐบาลแห่งหนึ่งได้พาตัวเองในชุดนักศึกษาปกติบ้าน ๆ เสื้อพอดีตัวกับกระโปรงทรงเอยาวระดับเข่าและคัทชูสีดำมาหยุดอยู่หน้าตึกสำนักงานใหญ่ของโรงแรมหรูที่มีสาขาอยู่ทั่วประเทศ ยืนตรงนี้ฉันเหมือนมดตัวเล็กกระจี๊ดริ๊ดไม่มีผิด“เฮ้อ! ใครจะบ้าให้เด็กนักศึกษาเข้าไปสัมภาษณ์แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยวะ” ฉันถอนหายใจออกมา ความหวังริบหรี่ค่ะ ถึงจะรู้ว่าต้องมาสัมภาษณ์ใครแต่ความตื่นเต้นตรงนั้นมันหายไปแล้วเพราะรู้ดีว่าการเข้าไปขอสัมภาษณ์มันยากกว่า“ติดต่ออะไรคะ” เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้าถามฉันด้วยรอยยิ้ม สูดลมหายใจเข้าลึกๆ นับเงิน“สวัสดีค่ะ คือหนู...” ฉันแจ้งรายละเอียดให้พี่ประชาสัมพันธ์คนสวยฟังซึ่งมันดีมากที่พี่เขารับฟังฉันด้วยรอยยิ้ม ไม่มีอาการเหวี่ยงเพราะฉันไม่ใช่ลูกค้าของบริษัท“พี่ไม่แน่ใจนะคะว่าท่านประธานจะสะดวกให้สัมภาษณ์รึเปล่า” พี่เขาตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงความเห็นใจ หนูรู้ค่ะพี่ หนูรู้อยู่แล้ว“หนูรู้ค่ะพี่ อาจารย์โยนงานยากให้จริง ๆ ค่ะ” ฉันบอกพี่เขาด้วยน้ำเสียงเศร้า เอา F หรือ D ไปกินเถอะนะนับเงิน“แต่ยังไงน้องลองขึ้นไปยื่นเอกสารที่เลขาท่านประธานก่อนเนอ
ฉันมานั่งรอที่โซฟาตัวเดิมตั้งแต่ 7 โมงครึ่งตอนนี้บ่าย 2 ฉันยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้าของบริษัทที่เป็นคนพูดเองว่าให้มาแต่เช้า ไม่มีแม้แต่เงา มีแต่กรุ่นไอนางมารร้ายที่ลุกโชนออกมาจากตัวยัยเจ้เลขาเนี่ย“กลับได้แล้วมั้ง!” เสียงนางดังลอย ๆ กระแทกใส่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้หันไปสนใจหรอกค่ะ ว่าจะกลับอยู่เหมือนกัน แล้วพรุ่งนี้ก็จะไปพบอาจารย์แล้วก็บอกไปซะว่ามานั่งรอตามที่เขานัดแต่เขาไม่มาให้สัมภาษณ์ แค่นี้ก็มีเหตุผลให้เปลี่ยนคนสัมภาษณ์แล้วแต่เสียงของยัยเจ้เลขามันดังกระทบประสาทมาขัดจังหวะก็เลยยังไม่ไปดีกว่า ขอนั่งกวนอารมณ์นางต่อสัก 10-20 นาทีแล้วกัน“ท่านประธาน มาแล้วเหรอคะ” เสียงยัยเลขาที่เสียงอ่อนเสียงหวานดังขึ้นทำให้สันหลังฉันรู้สึกเย็นวาบขึ้นมา“ครับ บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ” ผู้ชายคนนั้นตอบกลับด้วยน้ำเสียงทุ้มแล้วก็เดินเข้าไปในห้องทำงาน บอกเขาตามผมเข้าไปได้เลยนะ ชิส์ นั่งอยู่ตรงนี้เรียกเองไม่เป็นรึไง“นี่เธอ” เสียงเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นส้นตีนเชียวนะยัยเลขา ฉันก็เลยหันไปพูดกับนาง“ไม่ต้องบอกค่ะ ได้ยิน” พูดจบฉันก็เดินไปที่ประตูแล้วก็ผลักมันเข้าไปในทันที ไม่ต้องหวั่นอะไรหรอกนับเงินกับคนชั่วในห้องนี้ ร
“นับเงินอยู่เฉย ๆ” ผมบอกยัยขี้เมาที่ผลักมือผมที่กำลังเช็ดหน้าให้เธอเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ดิ้นจังวะ“อื้อ! มันเย็น~” เสียงคนเมาครางตอบในลำคอผมเลยทำได้แค่ยิ้มให้กับความงอแงของเธอแล้วก็เปลี่ยนเป็นเช็ดตามคอให้แทน“ปวดฉี่~” หือ? ปวดฉี่เหรอ“เดี๋ยวพี่พาไป” ผมบอกเธอแล้วก็อุ้มนับเงินขึ้นแนบอกเพื่อพาไปห้องน้ำ ผู้หญิงคนแรกแล้วก็คนเดียวเลยนะครับที่ผมยอมดูแลแบบนี้ แต่ผมทำเขาไว้เยอะดูแลแค่นี้อาจจะน้อยไปด้วยซ้ำ“ถอดกางเกงไหวไหมครับ” ผมวางนับเงินให้ยืนข้างชักโครก ถามไปก็ภาวนาให้เธอทำเองได้เถอะเพราะผมไม่อยากเห็นของดีในตอนนี้ไม่งั้นสติผมคงกระเจิงแน่“หึ~ ถอดให้หน่อย~” นับเงินส่ายหน้าแล้วก็เอามือมากอดเอวผมไว้เหมือนจะล้ม ถ้าเป็นเวลาปกติผมก็คงดีใจเนื้อเต้นแล้วเพราะถอดเสื้อผ้าผู้หญิงมันงานถนัด แต่ต้องไม่ใช่ในเวลาที่ผมเห็นแล้วทำอะไรไม่ได้แบบนี้สิวะ“เร็ว~ ฉี่จะราด~” นับเงินยืนบิดเหมือนจะทนไม่ไหวผมเลยต้องกลั้นใจถอดกางเกงให้เธอ เอาวะถ้ามันตื่นก็ใช้มือไปก่อนแล้วกันไอ้คริช แต่สิ่งหนึ่งที่ผมต้องจำไว้ให้ขึ้นใจเลยก็คือ อย่าปล่อยให้นับเงินไปกินเหล้าจนเมาอีกเป็นอันขาด เมาแล้วไม่มีสติ ดูสิครับขนาดจำไม่ได้ว
“ว่าไงครับ แต่งงานกับพี่ได้ไหม เราแต่งงานกันนะ” พี่คริชกอดฉันพร้อมกับจูบที่ผมแล้วก็พูดออกมา น้ำเสียงของเขามันมีแต่ความอบอุ่น ฉันอุ่นใจทุกครั้งที่ได้ยิน เฮียเร่งให้ตอบน้องก็อยากตอบ อยากตอบตั้งแต่เฮียพูดคำแรกแล้วแต่มันมัวแต่ตะลึงตื่นเต้นดีใจร้องไห้น้ำตาไหลพรากเลยไม่ทันได้ตอบไงคะ“แต่งค่ะ นับจะแต่งงานกับพี่คริช” ฉันตอบชัดถ้อยชัดคำ ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าชีวิตโชคดีเท่ากับการได้มีเขาคนนี้เข้ามาในชีวิตอีกแล้ว“ถ้างั้นก็มาปั๊มน้องรอเลยไหม~”“พี่คริช! หวานเกิน 10 นาทีก็ได้นะคะ” ฉันผละออกแล้วก็ตีเข้าที่แขนล่ำ ๆ ของพี่คริชด้วยความหมั่นไส้ เพิ่งตกลงก็จะชวนปั๊มลูกแล้ว ไม่เห็นใจจิตใจที่อ่อนไหวของฉันเลย“ฮ่า ๆๆ ไม่ปั๊มก็ได้ครับ ไม่อยากให้เมียกับลูกโดนคนนินทาเหมือนกัน ทำให้คนอื่นอิจฉาหนูที่มีสามีโคตรดีดีกว่า”“ขอบคุณนะคะ”“ขอบคุณเหมือนกันครับที่รักพี่” พี่คริชส่งยิ้มมาให้แล้วก็เอามือปัดปอยผมไปทัดหูให้ช้าๆ หล่อ~ มองยังไงก็หล่อทั้งกายและใจ“ขอบคุณนับทำไมคะ มีแต่นับสิคะที่ต้องขอบคุณ ขอบคุณที่ให้อภัยนับ ขอบคุณที่ถึงนับจะทำตัวไม่น่ารักแค่ไหนแต่พี่คริชก็ไม่เคยทิ้งนับไปไหนเลย”“พี่ทำผิดกับหนูก่อนจำไ
เมียผมเป็นตัวร้าย! นอกจากความคิดความอ่านจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแล้วสกิลการยั่วยังก้าวกระโดด ตอนแรกที่ก้มหน้าลงมาจูบผมก็ไม่ได้ว่าหรอกนะครับ อยากจูบแฟนอยู่เหมือนกัน แต่ใครจะคิดว่าจะกล้าขนาดล้วงเข้าไปจับลูกชายของผมคลึงเล่นขนาดนั้น พอห้ามเหมือนทุกครั้งก็นึกว่าจะฟัง ที่ไหนได้ดันเอานมมายัดปากแทน แล้วผมจะปฏิเสธการดื่มนมก่อนนอนได้เหรอครับในเมื่อมันเข้าปากไปแล้ว เวลานี้สภาพสุดที่รักของผมก็เลยเละ ไม่ได้เละแค่เธอแต่หมายถึงผมด้วย ห่างหายการมีเซ็กส์ไปตั้งหลายเดือนมีแต่แม่นางทั้ง 5 ที่คอยช่วยพอไอ้นกเขาลูกรักได้กลับไปหาแม่มัน มันก็เลยคึกทั้งคืน กว่าจะสงบก็ปาไปเกือบสว่างยิ่งรักมากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งแสดงออกไปเท่านั้น ใส่ไม่ยั้งไม่มีออมแรง เดี๋ยวน้องหาว่าผมรักน้อยลง อีกอย่างก็คือเอาให้สมกับที่กล้ามายั่วแล้วก็รุกผมก่อนซะหน่อยจุ๊บ!“อื้อ~ อย่าเพิ่งกวนค่ะ” ผมก้มลงไปจูบไหล่เนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกม แล้วก็ไล้จมูกตามไหล่ขึ้นไปหาต้นคอขาว ๆ แต่นับเงินกลับเอามือมาผลักหัวผมออก ยัยขี้เซาตัวแสบ“กล้าผลักหัวพี่เหรอ หืม~” ผมกระซิบถามข้างหู โคตรมันเขี้ยวเธอเลย ผู้หญิงบ้าอะไรวะสวยฉิบหาย ไม่ต้องแต่งหน้าก็หลงหัวปักหัวปำ
Line...แก๊งนางฟ้ากับเมียมโนMilan : พี่คริชทำแสบ!Mintra : ใช่ ใช่ไหม?Milan : ชัวร์! ไอ้บ้าแอลบอกมาWahn-Wahn : ฮือ~ หวานโดนคุณพอร์ชบ่นหูชา ยังบ่นไม่จบแต่หวานแกล้งปวดอึ๊วิ่งเข้าห้องน้ำก่อน T_TKaNom : พี่คริช! น้องนับแฟนหนูขี้ฟ้อง!Milan : คราวหลังนับเงินต้องหัดโกหกเฮียเขาบ้างนะลูก!!!!!Manny : เกิดอะไรขึ้นคะชะนี ผัวรู้ผัวเห็นแล้ว?Nub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง ขอโทษนะคะแต่อย่าด่าเฮียเลย เฮียแค่ไม่อยากให้หนูไปManny : โอ๊ย สรุปชะนีอดทุกนางเพราะผัวรู้ทันแล้ว ลำไยพวกมีผัวหล่อ!Nub-nuB : คุณแม่อย่าว่าพี่คริชนะคะ ผิดที่หนูอ้อนไม่เก่งเอง T_TManny : ปกป้องผัวมากค่าMintra : สุดฤทธิ์ค่ะบอกเลย อิอิMilan : เป็นคนแรกในแก๊งที่ไม่โขกสับพ่อบ้านWahn-Wahn : เด็กดีของเฮียคริช ทีหลังอย่ารายงานทุกเรื่องนะลูกพี่หวานขอร้อง~KaNom : โกรธพี่คริชมากตอนนี้ อุตส่าห์หลอกพี่วินได้ T_TNub-nuB : ฮือ~ หนูผิดเอง อย่าว่าพี่คริช หนูรักของหนู หนูไม่อยากโกหกเฮีย หนูขอโทษนะคะกลุ่มไลน์ร้อนเป็นไฟเพราะความหวังดีของเฮียที่กลัวน้องจะอดไปนั่งเม้าท์กับเจ้ ๆ อยู่คนเดียวเลยทำให้พวกอาเฮียหนุ่มหล่อที่เหลือรู้ทันแผนของบรรดาเมีย จั
ชีวิตนับเงินหลังจากโดนแทงจนต้องไปนอนแอ้งแม้งในโรงพยาบาลก็จะงง ๆ หน่อยนะคะ โดนลดสถานะก็เลยวางตัวไม่ถูก ไม่ได้วางตัวลำบากกับเฮียนะคะ แต่มันยังงง ๆ ว่าต้องวางตัวแบบไหน นี่ก็ผ่านมา 1 เดือน หมดเวลาพักฟื้นและย้ายจากบ้านพี่คริชมาอยู่ที่คอนโดแล้วเพราะต้องกลับไปฝึกงานฉันกลับมาอยู่ที่คอนโดเหมือนเดิมค่ะ นอนห้องเดิมที่แตกต่างไปจากเดิมก็คือพี่คริชย้ายไปนอนอีกห้อง ตอนที่พักฟื้นที่บ้านใหญ่พี่คริชก็ไปนอนเฝ้า นอนที่โซฟาในห้องเขานั่นแหละ คนอะไรบทจะใจแข็งก็หักดิบได้สุด ๆ ไปเลย จากที่เคยหื่นตลอดเวลากลับกลายเป็นเหมือนคนตายด้านพี่คริชทำมากที่สุดแค่กอด หอม จุ๊บแก้ม จุ๊บปาก แต่ถ้าน้องนับเงินคนนี้เกิดคิดใจกล้าบ้าบิ่นจะไปจูบปากนุ่ม ๆ ของเฮียก็จะโดนมือผลักหัวให้ไสหัวไปไกล ๆ ในทันที รู้สึกวางตัวลำบากกับเรื่องนี้มาก ๆ อยากจูบ อยากนอนกอดแต่เฮียไม่อนุญาต T_T“อ้าว! ยังไม่นอนอีกเหรอครับ” พี่คริชเปิดประตูออกมาจากห้องนอนด้วยสภาพกางเกงนอนขายาว และอกแกร่งที่เปลือยเปล่าแถมผมที่เพิ่งสระมันเปียกหมาด ๆ ยิ่งเพิ่มความเซ็กซี่ให้เฮียเป็นล้านเท่าตัว“ออกมาดื่มน้ำค่ะ พี่คริชล่ะคะ” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็พยายามไม่มองไปที่หุ่นทรมานใจ
“ร้องไห้ทำไมเจ็บแผลเหรอครับ หรือว่าเสียใจเรื่องไอ้อาร์ต”“...เปล่าค่ะ แค่เจ็บแผล” พอเห็นความเย็นชาจากพี่คริชนับเงินคนนี้ก็เลยต้องรีบเช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว“ให้เรียกหมอให้ไหม” พี่คริชเดินมาหยุดที่ข้างเตียงแล้วก็มองหน้าฉันแบบที่ไม่หลงเหลืออารมณ์พิศวาสใด ๆ ในสายตา ขอพับเก็บการขอโอกาสจากเฮียเลยแล้วกันนะคะเพราะดูทรงเฮียคงไม่มีอารมณ์มาฟังนับเงินอ้อนวอนขอโอกาสหรอก“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหมอก็ให้ยาแก้ปวดหลังอาหาร” ฉันตอบพี่คริชแล้วก็ส่งยิ้มบาง ๆ ไปให้ ไม่รู้จะวางตัวยังไง อยู่ในสถานะแฟนเก่าที่อยากกระโดดกอดเฮีย อยากกอด อยากจุ๊บแต่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง ขนาดจะมองหน้าสบตาที่คุ้นเคยยังไม่กล้าเลย...“ครับ จะกินข้าวเลยไหม คุณแม่ให้คนทำอาหารมาให้ ขนมไปบ่นว่าอาหารโรงพยาบาลไม่น่ากิน เมื่อกี้เขาเอาอาหารมาเสิร์ฟพอดีแต่พี่ให้เอากลับไปแล้วล่ะ” พี่คริชถามฉันแล้วก็หันหลังเดินไปตรงเค้าเตอร์ก่อนที่จะหยิบกล่องอาหารออกมา“ค่ะ ทานเลยก็ได้ค่ะ” ฉันพยักหน้าอย่างว่าง่าย เลิกดื้อไปเลยค่ะ ไม่เอาแล้วจริง ๆ เข็ด ถึงเขาจะไม่รักแล้วก็จะเลิกดื้อ จะเปลี่ยนนิสัยของตัวเองฉันนั่งกินอาหารที่มาจากบ้านพี่คริชเงียบ ๆ
“ไหนมาคะอีแมนนี่”“ไปจัดการอีเกย์ไร้คุณธรรมนำจิตใจมาค่ะ อีอาร์ตี้นั่นแหละกูจัดหนักให้แล้ว”“อีแมน! มึงไปทะลวงมาเหรอ”“แมนนี่ค่ะอีมิ! อีผี! แล้วใครว่ากูจะไปทะลวงมัน กูสาวรับค่ะ! หรือต่อให้กูรุกกูก็ไม่เอาเวอร์จิ้นของกูไปเปื้อนราคีมันหรอก!” สวัสดีค่ะลูกสาวทุกคน นี่คุณแม่เองค่ะ คุณแม่แมนนี่คนดีหน้าหล่อหุ่นแมนแต่ใจเป็นหญิง หญิงทั้งสี่ห้องหัวใจเองค่ะลูกสาว“แล้วมึงไปจัดการมันยังไง” อีมิลานคนดี อีชะนีที่ปากหมาที่สุดในกลุ่มถามขึ้นอีกครั้ง แต่นังลูกสาวที่เหลือก็ทำหน้าเหมือนว่าเปิดต่อมรับรู้ทุกอณูในร่างกายเอาไว้แล้ว ยกเว้นลูกนับคนงามของคุณแม่ที่นอนแอ้งแม้งไม่ยอมตื่นคนเดียวที่ดูจะไม่อยากรู้อยากเห็นกับเรื่องนี้“ที่จริงกูไม่ได้ไปจัดการหรอกแค่ไปแอบดูพี่คริชจัดการ สยองมากค่ะกูบอกเลย” คุณแม่ตอบยัยพวกชะนีน้อยแล้วก็ทำหน้าผะอืดผะอม คิดแล้วสยองไม่หาย“ยังไงคะพี่แมนนี่” ยัยลูกหวานคนสวยชะโงกหน้ามาถามก่อนใคร“ก็เริ่มจากไปพลิกฟ้าตามจิกหัวมันมาภายในเวลาแค่ 3 ชั่วโมง แล้วก็จับมันขึง 4 มุมเมือง เสร็จแล้วก็กรอกยาปลุกเซ็กส์ชนิดต้องการมีผัว 10 คนใน 5 นาทีให้มัน แล้วก็ปล่อยมันมันทุรนทุรายร้องโหยหวนต้องการราคะตั้ง
“ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ”“คะ? อะไรนะคะ”“จะถามซ้ำทำไมในเมื่อได้ยินชัด! ทำไมคุณคริชถึงมาส่งนับ!”“พี่อาร์ตเป็นอะไร ออกไปนะคะ”“ตอบสิ! เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วเขามาส่งนับทำไม อยากให้พี่คลั่งใช่ไหม!”“พี่อาร์ต...พี่อาร์ตอย่า! กรี๊ด!!!”ฉันกรี๊ดออกมาลั่นบ้านเพราะพี่อาร์ตตรงเข้ามากระชากแขนฉันเต็มแรง“พี่อาร์ตจะทำอะไรคะ” ฉันถามด้วยความกลัวลนลานไปหมดเพราะไม่รู้ว่าพี่อาร์ตต้องการกันแน่“ไปยุ่งวุ่นวายกับคุณคริชอีกทำไม เลิกกันแล้วไม่ใช่เหรอ! แล้วจะไปวุ่นวายกับเขาอีกทำไม!”“พี่อาร์ตปล่อย!” ฉันไม่ตอบคำถามเพราะมันไม่ใช่เรื่องของพี่อาร์ตสักหน่อย ตอนนี้ฉันโกรธมากกว่าที่เขาเข้ามาอาละวาดฟาดงวงฟาดงาใส่ฉันเพี๊ยะ!“...พี่อาร์ต~” ฉันโดนพี่อาร์ตตบจนล้มลงไปกองที่พื้น ฉันหันกลับไปมองพี่อาร์ตช้า ๆ ทั้งงงทั้งกลัวไปหมดแล้ว“พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมว่าพี่พลาดโอกาสจากความรักมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วพี่ก็จะไม่ยอมพลาดอีกครั้ง!” ไม่ใช่การหึงฉันแน่นอน ไม่มีทาง ฉันมั่นใจว่าพี่อาร์ตไม่ได้คิดเกินเลยกับฉัน ไม่อย่างนั้นพี่เขาไม่หายไปเลยตอนที่ฉันโสดหรอก นอกซะจาก...“พี่อาร์ตชอบพี่... / ไม่ได้ชอบแต่กูรัก!” ฉันยังถามไม่จบพี่อาร์ตก
“อย่าให้ผมเห็นพวกคุณสองคนมาทะเลาะกันที่บริษัทผมอีก ไม่งั้นผมจะแจ้งมหาลัยของพวกคุณแล้วส่งตัวกลับ!”ฉันยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเพราะไม่มีแรงจะทำอะไร ส่วนซิลเวียร์ก็รีบเผ่นไปตั้งแต่ที่พี่คริชพูดจบแล้ว“น้องนับ”“พี่ขนม...ฮึก” ฉันหันไปตามเสียงที่เรียกชื่อถึงได้เห็นว่าเป็นพี่ขนมที่ยืนมองฉันอยู่ พอเห็นพี่ขนมเท่านั้นฉันก็กลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่อยู่“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” พี่ขนมรีบเดินเข้ามากอดฉันเอาไว้แล้วก็ปลอบพร้อมกับลูบหัวฉันไปด้วย มันเจ็บมากนะคะ เจ็บจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากกอดใครสักคนเอาไว้#NUB NGERN END#KRICHB TALKใครคิดว่าคนที่เย็นชาจะไม่เจ็บ ผมโคตรเจ็บเลยที่เห็นเธอโดนทำร้าย โคตรโกรธที่ซิลเวียร์กล้าทำร้ายคนดีของผม ยิ่งเห็นเลือดที่มุมปากผมยิ่งอยากเข้าไปกอดเธอให้แน่นที่สุดแล้วถามว่าเจ็บมากไหม ขอโทษที่ปล่อยให้คนอื่นกล้ามาทำร้ายเธอแบบนี้แต่จะให้ผมเสนอตัวไปทำแบบนั้นด้วยสถานะไหน?ตื๊ดดดดด ตื๊ดดดด“อืมว่าไง”(ไปผับไอ้ตินไหมเฮีย)“ไม่ว่ะ เหนื่อยวันนี้ประชุมทั้งวัน ไม่ต้องมากวนเฮียด้วยเฮียอยากนอน” ไอ้เควินโทรมาชวนผมให้ออกไปเปิดหูเปิดตาแบบนี้หลายครั้งแล้วแต่ผมไม่อยากไป บางครั้งพอผมปฏิเสธมันก็เป็นฝ่าย
“อย่าพูดเหมือนจะเลิกกับพี่นับเงิน”“พี่คริชก็น่าจะรู้ว่าที่นับพูดมามันหมายความว่ายังไง แต่ถ้าไม่อยากสรุปเอาเองก็ใช่ค่ะ เราเลิกกัน ถ้าโกรธจะฆ่านับให้ตายตอนนี้ก็ทำได้เลย แต่รู้เอาไว้นะคะไม่ว่าพี่คริชจะทำยังไงกับนับ นับก็ไม่มีวันกลับไป”ฉันพูดจบแววตาของพี่คริชก็ลดความแข็งกร้าวลงกลายเป็นสั่นไหว พร้อมกับความเจ็บปวดที่มันออกมาทางสายตานี่ฉัน...พูดบ้าอะไรออกไป“พี่คริช.../ หึ! ตลกว่ะนับเงิน” พี่คริชแค่นยิ้มออกมาก่อนที่จะมองฉันแค่เสี้ยววินาทีเดียวแล้วเขาก็หันหลังให้ฉันทันที“พี่คริช นับ... / พี่เคยบอกว่าจะไม่ปล่อยมือเราเด็ดขาด ยกเว้นเราจะเป็นคนปล่อยมือพี่เองนับเงิน” พี่คริชหยุดนิ่งตอนที่ฉันเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับคำพูดประโยคนี้ที่น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเจ็บปวดฉันไม่กล้าเรียกเขาอีกครั้งได้แต่มองเขาเดินออกไป ค่อย ๆ ไกลออกไปทีละนิด จนตอนนี้ฉันมองไม่เห็นเขาแล้วฉันทำอะไรลงไป ฉันปล่อยให้ความโกรธที่เขาหึงหวงฉันเพราะรักฉันมากมาเป็นต้นเหตุทำให้เราต้องเลิกกัน ทั้งที่พี่คริชพยายามบอกให้ฉันกลับห้องอยู่หลายครั้ง ความจริงถ้าฉันค่อย ๆ พยายามขอร้องเรียกสติพี่คริชให้เขาเย็นลงมันก็ทำได้ แต่ฉันกลับเลือกที่