"ทำไมพวกนายไม่คบกันซะที?"
คำถามของเพื่อนสาวมีพลังอานุภาพทำลายล้างรุนแรงยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์ ที่ยิงเข้ากลางเบ้าหน้าสองหนุ่มที่เป็นประเด็น
น้ำมนต์รู้สึกได้ถึงความร้อนที่พุ่งจากปลายเท้าขึ้นมาบนศีรษะ ผิวกายของเขากลายเป็นสีแดงไม่ต่างจากคนไข้ขึ้นสูง ใจหนึ่งเขาอยากจะปฏิเสธสิ่งที่หลินซีเอ่ยถาม แต่ลึกๆ ในใจ เขาเองก็อยากรู้เช่นกันว่าคุณใสจะตอบคำถามนี้อย่างไร
ครั้งนี้น้ำมนต์จึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆ รอให้คุณใสเป็นคนตอบคำถาม
คุณใสเมื่อเห็นว่าคนในอ้อมกอดไม่ปฏิเสธคำถามนั้นถึงกับไปไม่ถูก เขาสัมผัสได้ถึงสายตาของเพื่อนทุกคนที่จับจ้องสร้างแรงกดดันมหาศาล
อ้อมกอดของคุณใสคายออก น้ำมนต์ชะงัก ในความเป็นจริงร่างเล็กควรจะดีใจ ที่ในที่สุดคุณใสก็ยอมปล่อยให้เป็นอิสระ แต่การปล่อยมือในครั้งนี้ มันกลับทำให้น้ำมนต์รู้สึกเหมือนกำลังจะถูกทอดทิ้งเสียมากกว่า
"เธอนี่พูดมากจริง อยู่เงียบๆ ไม่เป็นหรือไง?" คุณใสทำเป็นเปลี่ยนเรื่องและหันไปแว้งกัดหลินซีแทน
คุณใสไม่ทันได้สังเกตเลยว่าการกระทำของตนทำให้น้ำมนต์รู้สึกแย่
คนตัวเล็กส่ายหน้า พยายามไม่คิดมาก
พวกเราเป็นเพื่อนกัน แล้วฉันมีสิทธิ์อะไรไปโกรธกับเรื่องนั้นกันล่ะ
เมื่อคิดได้ น้ำมนต์ก็กลับมายิ้มได้อีกครั้ง ร่างเล็กโผไปดึงแขนคุณใสเอาไว้ก่อนที่คนตัวโตจะมีปากเสียงกับเพื่อนสาว
"หลินซีก็พูดเล่นเหมือนทุกที อย่าโกรธเธอเลยนะ"
แววตาของคุณใสที่มองน้ำมนต์แลดูสั่นไหว น้ำมนต์รู้สึกได้ถึงความประหม่า ซึ่งไม่คิดว่าจะได้พบจากคนอย่างคุณใส
เพียงแค่ครู่เดียวสีหน้านั้นก็แปรเปลี่ยน คุณใสกลับมาทำหน้าก่อกวนอีกครั้ง ราวกับต้องการซ่อนความหวั่นไหวก่อนหน้านี้เอาไว้
"ฉันไม่ได้โกรธ" คุณใสหยิกแก้มนุ่มนิ่มของน้ำมนต์อย่างมันเขี้ยว "ฉันแค่ไม่ชอบให้ยัยนั่นมายุ่งเรื่องของเรา"
หลินซีที่ถูกกล่าวหาได้แต่ส่ายหน้า เธอรู้ได้ทันทีว่าหากไม่มีต้นหนเรือนำทางอย่างเธอ เพื่อนทั้งสองคนนี้คงไม่พูดความรู้สึกจริงๆ ของตนออกมาเป็นแน่
บทสนทนาของพวกเขาถูกหยุดด้วยการมาถึงของอาจารย์หนุ่ม ชายร่างท้วมเดินอาดๆ เข้ามา เมื่อเห็นนักศึกษาสี่คนนั่งหัวโด่อยู่แถวหน้าของห้องจึงก้มลงมองนาฬิกา ก่อนจะพยักหน้า
"มาเร็วดีนี่"
แม้ตอนนี้จะเลยมากว่ายี่สิบนาทีแล้วก็ตาม
คาบเรียนเริ่มต้นขึ้นหลังจากเพื่อนนักศึกษาคนอื่นๆ เริ่มทยอยเดินเข้าห้องเรียน
ระหว่างที่อาจารย์เริ่มบรรยาย คุณใสจะชอบเอาปากกามาจิ้มหลังมือของน้ำมนต์เป็นพักๆ ราวกับต้องการให้คนตัวเล็กสนใจการมีอยู่ของตน
น้ำมนต์พยายามตั้งสมาธิจดตามที่อาจารย์สอน แม้จะถูกก่อกวนตลอดทั้งชั่วโมงก็ตาม
ทันทีที่คาบเรียนจบลง ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายกลับบ้าน
"ฉันจะยกของไปคืนอาจารย์ พวกนายกลับไปก่อนเลยก็ได้นะ" หลินซีกล่าวขณะช่วยเก็บอุปกรณ์การสอนของอาจารย์
"เดี๋ยวฉันรอ" น้ำมนต์เอ่ย
เขารู้สึกไม่ดีที่จะทิ้งให้เพื่อนทำงานที่ถูกอาจารย์เรียกใช้อยู่คนเดียว หลายต่อหลายครั้งที่เขาพยายามเสนอตัวช่วยเหลือ แต่หลินซีก็จะมีเหตุผลมาอ้างเพื่อไม่ให้น้ำมนต์ต้องมาลำบากเพื่อเธออยู่เสมอ
"ทำไมต้องรอด้วยเล่า!" คุณใสงอแง "พวกนายไม่ได้กลับบ้านทางเดียวกันซะหน่อย"
"งั้นนายกลับไปก่อนก็ได้" น้ำมนต์ยังคงยืนยันคำเดิม
"นั่นยิ่งแล้วใหญ่ บ้านของเราอยู่ติดกัน นายก็ต้องกลับบ้านกับฉันสิ!...จะกลับคนเดียวได้ยังไง!"
"ฉันไม่ใช่เด็กนะ กลับบ้านเองได้"
"แต่ฉันเป็นเด็ก กลับเองไม่ได้!" คุณใสพูดอย่างหน้าไม่อาย
เด็กอะไรตัวโตขนาดนี้
หลินซีรู้ดีว่าสองคนนี้ดื้อขนาดไหน แม้เธอจะหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ให้เพื่อนต้องมารับภาระ แต่เธอก็คงปฏิเสธได้ไม่ตลอด
"งั้นฉันจะรีบกลับมาแล้วกัน" หลินซีด่วนสรุปและรีบวิ่งตามหลังอาจารย์ไปติดๆ
"นอกใจอีกแล้ว!" คุณใสตัดพ้อ
แม้ปากจะบ่น แต่คุณใสก็ยังคงยืนรอเป็นเพื่อนน้ำมนต์ คุณใสเป็นเช่นนั้นเสมอมา ชอบทำเป็นบ่นอิดออด และหาเรื่องเพื่อนสาวอยู่เสมอ ถึงกระนั้น น้ำมนต์รู้ดีว่าลึกๆ แล้วคุณใสเองก็เป็นห่วงหลินซีเช่นกัน เรียกได้ว่าการเถียงกันของสองคนนี้ช่วยสร้างสีสันให้กลุ่มของพวกเขาก็ว่าได้
"ขอบคุณที่รอนะ" น้ำมนต์เอ่ย
รอยยิ้มของคนตัวเล็กมีดาเมจรุนแรงยิ่งกว่าคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินซีเสียอีก คุณใสพยายามมองไปทางอื่น ทว่าก็ยังคงถูกนัยน์ตาเป็นประกายคู่นั้นดึงดูดให้หันกลับไปมอง ราวกับต้องมนต์สะกด
เพราะกลัวว่าจะควบคุมความรู้สึกเอาไว้ไม่อยู่คุณใสจึงต้องหาวิธีทำให้รอยยิ้มนั้นหายไป
คุณใสใช้มือทั้งสองข้างดึงแก้มนุ่มนิ่มของน้ำมนต์
"อย่ายิ้มน่าเกลียดได้มั้ย"
น้ำมนต์ชะงักไปเล็กน้อย เมื่อคุณใสปล่อยมือ คนตัวเล็กจับแก้มตัวเองราวกับจะทบทวนว่าตนน่าเกลียดจริงๆ หรือ
ภาพนั้นยิ่งทำให้คุณใสแทบจะเป็นบ้า
เขาอยากจะวิ่งไปที่น้ำพุหน้ามหาวิทยาลัย พร้อมตะโกนว่า น่ารักโว้ยยยย!ดังๆ
"พวกนายสองคนอยู่บ้านติดกันงั้นเหรอ?"
คำถามของยูเรทำให้น้ำมนต์ได้สติ
"อื้ม เพราะงั้นก็เลย..."
"โธ่ น่าเสียดายแฮะ" ยูเรพูดแทรกขณะที่น้ำมนต์พยายามจะอธิบาย "แบบนี้คุณใสคงแวะไปส่งฉันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วสิ"
"ไปส่งเหรอ?" น้ำมนต์หันมองคุณใส
"อ้อใช่ เมื่อก่อนตอนไปเยี่ยมบ้านฝั่งนั้น ฉันเป็นคนไปรับหมอนี้ตอนเรียนพิเศษน่ะสิ" คุณใสเขกหัวยูเรไปทีหนึ่ง "นายไม่ใช่เด็กแล้วนะ ไม่ใช่กลับเองไม่ได้"
"เฮอะ! เมื่อครู่ใครกันบอกว่าตัวเองเป็นเด็ก" ยูเรยอกย้อนทำเอาคุณใสเถียงไม่ออก "คอนโดฉันอยู่ตรงข้ามทางออกมหาลัยนี่เอง...เดินไปส่งหน่อยไม่ได้หรือไง?"
น้ำมนต์สัมผัสได้ถึงความกดดันจากคำพูดนั้น เขาไม่รู้จักยูเรดีพอที่จะตัดสินนิสัยของเพื่อนใหม่คนนี้ ทว่าหลายครั้งที่น้ำมนต์รู้สึกเหมือนยูเรพยายามแสดงให้น้ำมนต์เห็นว่าตนเองก็รู้จักคุณใสดีมากไม่แพ้กัน
คุณใสทำหน้าเจื่อน ลำบากใจที่จะปฏิเสธ นั่นทำให้น้ำมนต์เผลอดึงแขนคุณใสเอาไว้โดยไม่รู้ตัว
"อะไรเหรอ?" คุณใสหันมาถาม
"เอ่อคือ เอ่อ..." น้ำมนต์คิดหาข้อแก้ตัวไม่ทัน ได้แต่ส่งเสียงเงอะงะเพราะกำลังสติแตก
"ฉันกับพี่อยู่คอนโดนั้นเหมือนกัน เดี๋ยวฉันไปกับนายเอง"
เสียงสวรรค์ของหลินซีช่วยทำให้บรรยากาศตึงเครียดกระจายหายไป แม่หญิงแห่งกลุ่มชายฉกรรจ์กลับมาแล้ว!!
"โอ้! บังเอิญจัง เอาแบบนั้นก็ได้" ยูเรเอ่ยและเดินตามหลินซีไป
น้ำมนต์ยังคงจับแขนเสื้อของคุณใสเอาไว้แน่น
"มีอะไรอยากพูดกับฉันใช่หรือเปล่า?" คุณใสกระซิบ
หากเป็นเวลาปกติน้ำมนต์คงทำเฉไฉไม่ตอบคำถามของคุณใส ทว่าในครั้งนี้เขารู้สึกว่าหากไม่พูดให้ชัดเจน จะต้องมานั่งเสียใจทีหลังอย่างแน่นอน
น้ำมนต์เงยหน้าขึ้นและกระซิบตอบคุณใส
"กลับบ้านด้วยกันเถอะนะ"
เสียงกระซิบสั่นเครือของคนตรงหน้าทำเอาหน้าอกของคุณใสหนักอึ้ง หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ไม่บ่อยที่คนตัวเล็กจะเป็นฝ่ายรุกเข้าหาก่อน นั่นยิ่งทำให้ความคิดแผลงๆ ของคุณใสทำงาน
"นี่เป็นคำขอร้องเหรอ?" คุณใสแกล้งเอียงคอถาม "นายรู้ใช่ไหมว่าถ้านายจะขอร้องฉันต้องทำยังไง"
คุณใสแตะปลายนิ้วชี้ที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายเพื่อเตือนถึงผลตอบแทนที่เขาควรได้รับ
แก้มของน้ำมนต์แดงเรื่อ ถึงกระนั้นก็ยังคงพยักหน้าอย่างมุ่งมั่น
"เข้าใจแล้ว ไว้กลับบ้านแล้วค่อย...ค่อย..." น้ำมนต์อายเกินกว่าจะพูดมันออกมา
ภูเขาไฟแห่งตัณหาในสมองของคุณใสระเบิดบึ้ม เขาคว้ามือน้ำมนต์และรีบบึ่งเดินนำหน้าเพื่อนสองคนไปอย่างไว
"รีบไปไหนเนี่ย" หลินซีบ่นอุบอิบเมื่อโดนแซง
"กลับบ้านสิ!"
คุณใสตะโกนตอบ สับขาเดินเร็วกว่าเดิม แผนที่ทางกลับบ้านที่เร็วที่สุดปรากฏในหัว เกรงว่านี่คงเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาอยากกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“หลิน! ฟังก่อนได้ไหม เพราะเธอเอาแต่ปฏิเสธฉันแบบนี้ไงฉันถึงได้ไปมีคนอื่น”คำพูดของคนหน้าด้านหน้าทนทำให้หลินซีเดือดปุดๆทีแรกก็ว่าจะรวมพลังไปหาถึงที่ ใครจะคิดว่าแค่ส่งข้อความพร้อมคลิปหลักฐานไป หมอนี่ก็โผล่มาทันที แล้วยังเอาแต่พ่นคำแก้ตัวปัญญาอ่อนนี่ต่อหน้าเธอไม่หยุด“ได้ งั้นในเมื่อเป็นแบบนี้ก็จบกัน แล้วแยกย้ายซะ” หลินซีตัดบทสรุปอย่างง่ายดาย“ไม่นะหลิน นี่หลิน ฟังฉันสิ!”เมื่อคำออดอ้อนใช้ไม่ได้ผลเหมือนทุกครั้ง ธีร์จึงเริ่มใช้ความรุนแรง เขาจับแขนของหลินซีแน่นเสียจนเป็นรอยเขียวช้ำถ้าคิดว่าหลินซีจะยอมอยู่ฝ่ายเดียวละก็ คิดผิดแล้วทว่าก่อนที่หญิงสาวจะทันได้ใช้วิชาป้องกันตัวที่เรียนมาจากคุณพ่อที่เป็นสารวัตรตำรวจ รองเท้าผ้าใบข้างหนึ่งก็ลอยข้ามหลังหัวของเธอไปกระแทกเข้ากับหน้าหนาๆ ของธีร์เข้าอย่างจังพลั่ก!“โอ๊ย! อะไรวะเนี่ย!”ก่อนที่ธีร์จะทันได้โวยวาย ลูกเตะขาคู่ของคุณใสก็ยันเอาร่างของนักศึกษาแพทย์ลอยปลิวไปชนกำแพงน้ำมนต์รีบวิ่งไปดูหลินซี เธอสะดุ้งเมื
“คิดว่าผู้หญิงคนนั้น จะยังอยากมองหน้าพวกนายต่องั้นเหรอ หลังจากที่โดนคนประเภทนั้นแย่งคนรักไป”“แน่นอน” คุณใสพูดอย่างมั่นใจ “ถึงยัยนั่นจะน่าหงุดหงิดไปบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่ถึงขนาดที่แยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ถ้านายคิดว่าตัวเองยั่วยุให้ยัยนั่นแตกคอกับพวกเราได้สำเร็จแล้วละก็...หึ นายคิดผิดถนัด”นิ้วมือและกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกายของยูเรเกร็งเพราะความเดือดดาล ทั้งที่ยังไม่ได้เห็นกับตา แค่เพียงได้ยินคำพูดนั้นจากปากของคุณใส ยูเรก็รู้สึกว่าตนได้พ่ายแพ้แล้วจริงๆนาฬิกาข้อมือของยูเรหนักอึ้ง ราวกับสวมหินขนาดใหญ่ไว้ที่ข้อมือทำไมถึงเป็นเช่นนี้...มันเป็นความผิดของใครกัน ยูเรนึกคิดในใจ“กลับกันได้แล้ว...อย่าลืมไปขอโทษน้ำมนต์ด้วยล่ะ”น้ำมนต์...แค่เพียงได้ยินชื่อนั้นยูเรก็รู้สึกเกรี้ยวโกรธ ราวกับลาวาปะทุ ใบหน้าเกร็ง คิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปม ชื่อนี้นี่เองที่เป็นตัวการทำลายความสุขของเขาห่างออกไปที่ด้านหลังของคุณใส ชายผู้เป็นตัวการคนนั้นกำลังวิ่งตรงเข้ามา บนใบหน้าเต็มไปด้
คลิปวิดีโอของชายหนุ่มสองคนที่กำลังกอดจูบลูบคลำกันใต้แสงไฟสลัวในสถานเริงรมย์ ทำเอาใบหน้าของหญิงสาวที่ปกติแทบไม่แสดงอารมณ์ บัดนี้กลับบิดเบี้ยวเพราะความเศร้าโศกเสียใจเหตุเพราะยูเรเลือกที่จะเปิดคลิปที่เขาบังเอิญเจอธีร์กำลังมีสัมพันธ์กับชายอื่น ซึ่งเป็นการนอกใจ และนอกกายอย่างไม่น่าให้อภัย“ขอโทษนะหลิน ไม่ได้อยากทำให้เสียใจนะ แต่พอมาคิดดูแล้ว ก็จริงอย่างที่น้ำมนต์พูดเมื่อวาน บางเรื่องมันก็จำเป็นต้องพูดจริงๆ ” ยูเรเอ่ยพลางก้มหน้าก้มตารู้สึกผิดน้ำมนต์มองใบหน้าเศร้าสร้อยของเพื่อนสาวแล้วรู้สึกเจ็บปวด สายตาว่างเปล่าของหลินซีดูน่าเป็นห่วงเอาการ แม้ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร แต่น้ำมนต์ก็จับมือเพื่อนสาวเอาไว้ตลอดเวลา“ไอ้เวรนั่น ว่าแล้วเชียว!” คุณใสกัดฟันกรอด “แค่เห็นหน้าครั้งแรกก็ไม่สบอารมณ์แล้ว นี่หลินให้ฉันไปต่อยมันสักทีดีมั้ย!”หยาดน้ำตาใสไหลอาบแก้มของหญิงสาว!!!น้ำมนต์กับคุณใสแทบช็อก ตั้งแต่รู้จักกันมา นี่เป็นครั้งแรกที่หลินซีแสดงด้านอ่อนแอของเธอให้เห็น ครั้นจะพยายามหยุดน้ำตาของเธอก็ไม่ได้ การร้
“นายมองเห็นดวงวิญญาณเนี่ยนะ” ยูเรเอ่ยถาม เขาดูไม่เชื่อคำพูดของน้ำมนต์เสียเท่าไรเป็นเรื่องปกติที่จะมีคนไม่เชื่อเรื่องนี้ แต่กับคนที่น่าสงสัยว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด ดันออกตัวพูดทำให้เรื่องเล่าของน้ำมนต์ดูไม่มีน้ำหนักเช่นนี้ ยิ่งทำให้ความสงสัยในใจของน้ำมนต์เพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่าหลินซีพิจารณาสิ่งที่ได้ยินด้วยเหตุผล เธอรู้ดีว่าน้ำมนต์ไม่ใช่คนโป้ปด ถึงกระนั้นสิ่งที่เขาพูดก็ยากที่จะเชื่อ เธอจึงตัดสินใจไม่พูดอะไร เพื่อรอคำอธิบายเพิ่มเติม“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ” นิ้วมือของน้ำมนต์ประสานเข้าด้วยกัน“ที่นายไม่สบายครั้งก่อน เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า” หลินซีถามน้ำมนต์พยักหน้า นัยน์ตาเหลือบมองปฏิกิริยาของเพื่อนทั้งสอง“ที่ฉันเล่าให้ฟัง เพราะพวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องนี้เป็นปัญหากับฉันพอสมควร ถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้พวกนาย...”“มั่นใจนะว่านายไม่ได้คิดไปเอง...”คำถามของยูเรทำให้แววตาของคุณใสเย็นเยียบ ร่างสูงกระแอม&ldquo
"มาๆ นั่งตรงนี้เลย" พนักงานหนุ่มลูกชายเจ้าของร้านวาดแขนเป็นการเชื้อเชิญด้านในของร้าน เป็นโต๊ะอาหารที่อยู่ใต้หลังคา ซึ่งแทบจะอยู่ติดกับเวทีการแสดง แม้จะไม่ได้เป็นห้องปิดหรือมีเครื่องปรับอากาศ แต่ก็นับได้ว่าเป็นโต๊ะระดับ VIPกลุ่มนักศึกษาสี่คนนั่งลงที่โต๊ะไม้ใหญ่ ชาร์ปทำงานอย่างกระฉับกระเฉง ทั้งแนะนำเมนูทั้งยกน้ำมาเสิร์ฟ บริการผู้หญิงที่เพิ่งพบหน้ากันเพียงไม่กี่วินาทีได้ดีกว่าบริการเพื่อนสนิทอย่างคุณใสเสียอีกไม่นานอาหารก็ถูกยกมาเสิร์ฟ ทว่าจานอาหารของหลินซีกับถูกตกแต่งอย่างสวยงามราวกับอาหารในร้านหรู ช้อนส้อมก็เงาวับอย่างกับของใหม่แกะกล่อง ที่สำคัญใต้ขวดน้ำดื่มของหลินซียังมีกระดาษโน้ตที่เขียนเบอร์โทรศัพท์ และชื่อของชาร์ปเอาไว้ด้วยคุณใสแทบสำลัก...เขาหันไปกระซิบกับน้ำมนต์ที่นั่งข้างๆ"เมื่อก่อนฉันไม่ได้จีบนายด้วยวิธีเห่ยๆ แบบนั้นใช่ปะ ดูแล้วน่าขนลุก"น้ำมนต์ส่งยิ้มอันตรายจนแฟนหนุ่มถึงกับปากหุบในทันทีใช่สิ...ก่อนหน้านี้อย่าเรียกว่าจีบ คนที่เอาแต่กลั่นแกล้ง ฉวยโอกาส ล่วงละเมิดทางเพศน้ำมนต์อย่างคุณใสน่ะ ไม่มีสิทธิ์มาพู
ยามว่างของหลินซีเป็นอะไรที่แสนเรียบง่ายและน่าเบื่อหญิงสาวพบว่าพี่ชายของเธอไม่กลับบ้านอีกแล้ว เรียกได้ว่าคอนโดห้องนี้แทบจะถูกเธอยึดครองอย่างสมบูรณ์แบบ มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีคือ เธอสามารถทำอะไรก็ได้ตามต้องการ มีพื้นที่ส่วนตัวและห้องเงียบสงบเป็นของตัวเอง ข้อเสียคือ เธอต้องรับหน้าที่เป็นผู้จัดการงานบ้านงานเรือนทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียวเอาเถอะ...ก็สมเหตุสมผลดีหลินซีก้มลงมองข้อความในโทรศัพท์ที่ถูกส่งมาจากคนรักของเธอ'หลินวันนี้ไม่ว่างนะ ต้องติวหนังสือต่อ ไว้วันหลังค่อยไปดูหนังด้วยกันนะ''ได้ พี่อย่าแอบอู้แล้วกัน''ครับผมมมมมมม'การสนทนาสิ้นสุดลงเพียงเท่านั้น เป็นเรื่องปกติสำหรับคู่รักของเธอ ธีร์เรียนแพทย์ บทเรียนต่างๆ ทั้งยากและยังต้องศึกษาอยู่ตลอดเวลา อาจเพราะพี่ชายของเธอเองก็มีพฤติกรรมบ้าเรียนไม่ต่างกัน เธอจึงเข้าใจได้ ไม่ทำตัวงี่เง่าให้คนรักต้องทิ้งสิ่งที่เขาชอบเพื่อมาเอาอกเอาใจเธอหลินซีเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตเอาล่ะ...วันนี้เป็นวันว่างของจริงแล้วเธอกวาดตามองไ