“หลิน โรงแรมของพี่พีค จะเปิด Grand Opening วันมะรืน เธอจะไปด้วยกันไหม” แพรวาเอ่ยชวน
“ชื่อโรงแรมอะไรเหรอ” หลินถามด้วยสายตาอยากรู้
“PS Grand Suriwong แถวสุริวงค์นี่เอง และวันเสาร์นี้ ก็จะมีงานเลี้ยงพี่พีคจะขึ้นรับตำแหน่ง MD ด้วยนะ” แพรวาให้ข้อมูลเพิ่ม
"เฮ้ย... แพร เธอจะบ้าหรือฉันไม่ได้สนิทกับพวกพี่เขาเหมือนเธอนะ จะไปได้ไง" หลินโต้แย้ง
"หลินก็หยุดไม่ใช่หรือ เสาร์อาทิตย์นี้ ฉันขออนุญาตพี่พีคแล้ว พี่เขาโอเคนะ บอกไม่มีปัญหา" แพรวาพยักพเยิด
"อย่างน้อยฉันได้มีเพื่อนคุย ในนั้นมีแต่พวกสาว ๆ ไฮโซ ฉันคุยกับเขาไม่เข้าเรื่องกันหรอก" แพรวาพูดพลางทำตาเล็กตาน้อยขอความเห็นใจ
"นะ นะ น้า" แพรวาคะยั้นคะยอ
“อีกอย่างเราไม่เคยไปไหนมาไหนด้วยกันนอกรอบเลย เดี๋ยวเธอเรียนจบ ฉันก็คิดถึงเธอแน่ ๆ แล้วถ้าเธอกลับไปเชียงรายอีก” แพรวาทำหน้าเศร้า
"ก็ได้ ๆ ตกลงคอนเฟิร์ม ว่าแต่ว่าพี่พีคกับทุกคนเขาโอเคแน่นะ แล้วฉันต้องเตรียมชุดอะไรยังไงบ้างเนี่ย"
"คืนนี้ไลน์บอกนะ"
“จ้ะ” หลินยิ้มรับ พร้อมหิ้วกระเป๋า ยกมือโบกลา จะไปทำงานต่อที่สถานี เดินผ่านมายังสามหนุ่ม แล้วยกมือไหว้
"อ้าวจะกลับแล้วหรือ" เสียงกฤษถาม
"ต้องรีบค่ะพี่กฤษ หลินต้องไปทำงานอีกที่หนึ่ง ไว้เจอกันนะคะ"
หลินยิ้มสดใส บอกลาพี่ ๆ แล้วรีบเดินออกไป แพรวาเดินเข้ามารับรายการสั่งอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่มของชายหนุ่ม
"หลินทำไมรีบจัง" กฤษถาม
"อ๋อ... เดี๋ยวตกรถน่ะสิคะ แล้วอีกอย่าง ไปอีกตั้งไกล เวลานี้รถติดด้วยค่ะ" แพรวาตอบ
"ขยันนะ" สามหนุ่มเอ่ยพร้อมกัน มองหน้าแล้วหัวเราะ
"เรื่องมันยาวค่ะ หลินขยันมากนะคะ อยู่ตัวคนเดียว เลี้ยงตัวเอง ส่งเสียตัวเองเรียน เลยต้องทำงานหนักหน่อยค่ะ" แพรวาเล่าเรื่องหลินให้พวกเขาฟัง
พอดีลูกค้าเริ่มเยอะ แพรวาจึงขอตัว
แพรวา ศุภมิตร ลูกสาวเพียงคนเดียวของคุณสมเกียรติและคุณวิมล ทั้งคู่ทำงานที่สมาคมเพื่อเด็กและสตรี แถวบางขุนนนท์ เงินเดือนไม่ได้มากมายเท่าไร แต่ก็พออยู่พอกิน
คุณสมเกียรติและคุณวิมล เป็นเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าทั้งคู่ เมื่อได้เจอและรักกัน จึงอยากสร้างครอบครัวให้อบอุ่น คุยกันว่าจะมีลูกแค่หนึ่งคน และสัญญากันไว้ว่าทั้งสองคนจะเลี้ยงเธอให้ดีที่สุด ทั้งสองยังเช่าบ้านอยู่ นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่แพรวาต้องทำงานพิเศษช่วงปิดภาคเรียน เพื่อแบ่งเบาภาระของครอบครัว
แพรวาถูกเลี้ยงมาอย่างดี มองโลกในแง่บวก และมีความมานะอดทน ทั้งยังเรียนหนังสือเก่งมาก ๆ ซึ่งทำให้คุณสมเกียรติและคุณวิมล เบาใจ และไว้ใจในลูกของตนเสมอ
คุณดิเรกและคุณสุพรรษาพ่อและแม่ของกฤษ คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี กับสมเกียรติและวิมล ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอะไร และทั้งสองครอบครัวได้เจอกันบ่อยเวลาที่คุณดิเรกและคุณสุพรรษาทำบุญเลี้ยงเด็กกำพร้าหรือบ้านพักคนชรา คุณสุพรรษาจะโทรมาชักชวนให้ไปด้วยทุกครั้ง ทั้งสองครอบครัวนี้ก็จะไปด้วยกัน สมเกียรติและวิมลลงแรงช่วยงานด้วยความจริงใจเสมอ
ติ๊ง ๆ เสียงข้อความมือถือของหลินดังขึ้น พร้อมกับแสงไฟแวบ
(วันเสาร์นี้เป็นงานกาล่าดินเนอร์แต่งชุดราตรีสีฟ้า พรุ่งนี้พี่กฤษจะพาไปดูชุด เธอจะไปด้วยกันไหม) แพรวาทักมา
(แถวไหน กี่โมงดีคะ ^_^) หลินทักกลับ
(แถวร้านเราน่ะแหละ บ่ายสอง ชื่อร้านโจโจ้ ตรงหัวมุมถนนไง อีกอย่างพี่กฤษจะมาเจอลูกค้าแถวนั้นด้วย)
(OK) หลินส่งสติกเกอร์
(อิ ๆ ดีจัง เราจะบอกคุณพักตร์ขอแว็บสักสิบนาที) คุณพักตร์เจ้าของร้านคุณบังอร
(วันนี้เหนื่อยอย่างแรงเลย เจอฝนตอนลงรถเมล์มานิ เปียกเป็นลูกหมาตกน้ำเลย ว่าจะกินยาดักไข้สักหน่อย จะนอนแล้วนะ) หลินบอก
(จ้า Good Night) แพรวาตอบพร้อมส่งสติกเกอร์
(ดูแลตัวนะ) หลินตอบ ด้วยสติกเกอร์เช่นกัน
(Thank You)
เสียงมือถือหลินดังขึ้น
"ฮัลโหล ว่าไงแพร"
("ออกมาได้เลยจ้ะ แพรจะถึงร้านโจโจ้แล้ว") แพรวาตอบมาตามสาย
"ได้จ้า เจอกันนะ"
หลินวางโทรศัพท์ รีบเดินไปหาคุณพักตร์ และแจ้งความจำนง ซึ่งเธอก็เกริ่นไว้ก่อนแล้ว
“ไปสิคะ ไม่ต้องรีบ นาน ๆ ได้สวยกันทีจ้า” คุณพักตร์อนุญาต หลินยกมือไหว้ กล่าวขอบคุณ
คุณศิริพักตร์จริง ๆ ยังไม่แก่เพิ่งจะเลยเบญจเพสมาไม่กี่วัน เป็นสาวสวย รูปร่างอวบอั๋น หน้าตาแบบสาวไทยโบราณ ชอบทำอาหารและขนมมาก เรียนจบมาด้านนี้โดยตรง ทั้งยังเก่งหัวการค้า หัวครีเอทีฟ มีความคิดสร้างสรรค์ จัดโปรโมชัน จัดการทั้งงานในร้านได้เป็นอย่างดี ทั้งยังเป็นกันเองและให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคน ที่สำคัญใจดีมาก ๆ ที่ให้หลินและแพรวาได้ทำงานพิเศษที่นี่ทุกปี ตอนปิดภาคเรียน
หลินเดินเข้าร้านมาเจอแพรวาและกฤษนั่งรออยู่แล้ว จึงยกมือไหว้สวัสดีชายหนุ่ม
"สวัสดีค่ะพี่กฤษ"
"สวัสดีครับ ตามสบายนะพี่นั่งรอ" กฤษรับไหว้ และพยักหน้าให้ พร้อมกับผายมือให้กับสองสาวเพื่อไปเลือกชุดที่จะใส่ไปคืนวันงานได้
คุณโจโจ้เจ้าของร้าน ท่าทางกระตุ้งกระติ้ง แต่แต่งตัวเป็นผู้ชายแบบโมเดิร์น ๆ มองสองสาวด้วยสายตาชื่นชม จุ๊ ๆ ปากไม่ขาด
“สาว ๆ จะใส่ชุดสีอะไรคะ” หล่อนถาม
“ราตรีสีฟ้าค่ะ” เสียงหลินและแพรวาตอบออกมาพร้อมกัน เมื่อรู้สีที่ต้องการ คุณโจโจ้แกก็หยิบออกมาแค่สองชุด ยื่นให้ทั้งสองคนละชุด พร้อมเอ่ยปาก
"เจ๊ว่า ต้องนี่เลย ไม่พลาดเป๊ะค่ะ คุณน้อง" คุณโจโจ้พูดพลางจีบปากจีบคอ
"หนูสองคนนี้สวยกันคนละแบบ โอ๊ย....หากเจ๊เป็นผู้ชายบอกเลยว่าเลือกไม่ถูกค่ะ" พร้อมกับหัวเราะครื้นเครง ดันหลังสองสาวให้เข้าห้องแต่งตัวเพื่อลองชุด
"พี่พีคค่ะ เร็ว ๆ สิคะ" หลินเรียกสามียกใหญ่"จ้ะ ๆ ที่รัก" พี่พีคกลายเป็นสามีที่น่ารักกลัวภรรยาเอามาก ๆ หอบหิ้วข้าวของพะรุงพะรังมาเต็มสองมือหลินเข็นรถเข็นของลูกน้อยทั้งสองคนที่ห่างกันหัวปีท้ายปี ซึ่งนอนคู่กันอยู่ในรถเข็นเหมือนของฝาแฝด"โอ๊ย ๆ... พ่อลูกอ่อน" พี่กฤษเดินเข้ามารับเอาข้าวของในมือของเพื่อนชาย"ก็พวกแกมันไร้น้ำยานี่นา ไม่เก่งเหมือน...""หยุดพูดเลยนาย" กฤษดักคอ"ทางนี้ครับ มาทางนี้ครับ" เสียงภุชงค์ดังลั่น กวักไม้กวักมือเรียกเพื่อน ๆแพรวาและคุณศิริพักตร์กำลังง่วนอยู่กับการย่างของทะเลบนเตา"ให้แพรช่วยนะคะพี่กฤษ" แพรวาตรงเข้าไปหาสามี"ไม่เอาน่าแพร ไปนั่งดีกว่า ยิ่งท้องอ่อน ๆ อยู่" กฤษรีบวางถุงแล้วเข้าไปโอ๋ภรรยา"แพร...." หลินรีบเข้ามาหาเพื่อนรัก สองคนกอดกันแน่น"แพ้ท้องบ้างหรือเปล่า"“ไม่เลย ชนะทุกอย่าง แต่พี่กฤษเนี่ยสิ ไม่ให้แพรทำอะไรเลยนะ ตอนอยู่ที่บ้านเฉย ๆ เบื่อจะแย่แล้ว""ก็พี่เป็นห่วงทั้งแพร และก็ลูกนี่นา" กฤษทำโอดครวญ"คุณพักตร์ครับ คืนนี้ผมขอกระแทกคุณหนัก ๆ นะ back to basic 69" ภุชงค์ทำกระซิบกระซาบกับภรรยาให้ได้ยินกันแค่สองคนปึก... เธอเอาศอกใส่ไปที่ท้องของสามีเบา ๆ ทำ
คุณหญิงหันไปหยิบเครื่องเพชรที่เตรียมไว้ยื่นให้หญิงสาว ภุชงค์ยื่นมือมารับแทนแล้วเปิดออกดู ศิริพักตร์ยกมือไหว้กล่าวขอบคุณคุณแม่ของสามี "โอ้สวยมากครับคุณแม่ เข้ากับชุดของพักตร์เลยนะครับนี่" ภุชงค์ร้องออกมาเมื่อเห็นเครื่องเพชรชุดใหญ่ที่คุณหญิงสั่งทำเป็นพิเศษสำหรับลูกสะใภ้ "ชอบไหมลูก" เธอหันไปถามหญิงสาวยิ้มพราวด้วยความภูมิใจ ศิริพักตร์ยกมือไหว้ขอบคุณคุณหญิงอีกครั้งหนึ่ง "เอ่อ อีกเรื่อง ถือว่าแม่ขอร้องนะ แต่งปุ๊บแม่ขอหลานเลย บ้านเราไม่มีเด็ก ๆ มาวิ่งเพ่นพ่านเลย เอาหญิงชายคุณแม่ไม่เกี่ยง แต่ขอสักสามคนนะ" คุณหญิงพูดแบบหน้าตาจริงจัง ส่งยิ้มมาให้คนทั้งคู่ "ได้สิครับแม่ ผมจัดให้" ภุชงค์รับปากทำหน้าตาทะเล้น โผเข้ากอดศิริพักตร์และหอมแก้มไปฟอดใหญ่ เธอตีแขนเขาเบา ๆ หน้าแดงระเรื่อ "คุณภุชงค์ต่อหน้าคุณแม่" เธอเอียงอายที่เขาทำห่ามต่อหน้าคุณหญิง "อ้าวจะไปไหนก็ไป แม่มีนัดต่อจะออกไปข้างนอก" คุณหญิงออกปากไล่ ทำไม้ทำมือโบกให้ภุชงค์ แต่สีหน้ายังยิ้มอย่างมีความสุข สองคนจึงขอตัว ภุชงค์ฉวยข้อมือเธอให้ลุกตามอย่างรวดเร็ว ไม่ลืมคว้ากล่องเครื่องเพชรติดมือมาด้วย คุณหญิงมองตา
เธอยิ้มตอบก่อนจะใช้ริมฝีปากปิดปากผู้ใหญ่ใจร้ายตรงหน้า เขารั้งท้ายทอยเธอเอาไว้ สางสยายผมให้เธอเบา ๆ น้องหนิงเริ่มขยับสะโพกบดโหนกไปมา "เมียเฮียทั้งเก่งทั้งน่าฮัก เอาใจผัวก็เป็น ผัวบ่ฮักเมียจะอี้ จะไล่ผัวไปฮักไผ" เขาทั้งชมและต่อว่าเธอแบบหยอกเย้า สองมือโอบเอวบางหลวม ๆ ลูบไล้ไปทั้งสะโพกกลม ฝังจมูกไปในร่องอก และไล้ลิ้นดูดกินไปทั้งเต้า ทำร่องรอยสัญญาณความรักเป็นจ้ำแดง ๆ ไว้ทั้งสองเต้า ก่อนจะจับสะโพกกลมแน่น บีบเบา ๆ ให้สัญญาณเธอขยับโยกให้เร็วขึ้น เด็กสาวทำตามอย่างว่าง่าย เขาซี้ดปาก เด้งลำรับแรงกระแทกจากร่องหวาน เด็กสาวแหงนหน้าซี้ดปากขยับรัวเร็วขึ้น แหงนหน้าร้องกับความสุขสมตรงหน้า "อ๊าย...”ก่อนร่างบางจะกระตุก และซบหน้าลงกับไหล่กว้าง เขาใช้มือดันหน้าเธอขึ้น ใช้มือรั้งท้ายทอยรั้งใบหน้างามให้จุมพิตกับเขาร่างบางเหนื่อยและหอบตัวโยน เขาผลักร่างเธอเบา ๆ ให้นอนหงาย ก่อนจะขยับสะโพกกระแทกหาความสำราญให้กับน้องชายตัวเองบ้าง เธอได้แต่ขยุ้มมือกับผ้าปูที่นอนแน่น เม้มปากเป็นเส้นตรง แต่ก็แอ่นกายรับร่างเขาอย่างไม่ย่อท้อ ชายหนุ่มดึงท่อนร้อน ๆ ออกอย่างรวดเร็ว ช้อนร
"เป็นเมียเฮียแล้ว ไผจะปล่อยไปลำบาก แล้วเมียน่าฮักจะอี้จะไปหาตี่ไหน" พูดกระซิบเธอที่ใบหน้า พรมจูบซับน้ำตาให้ "ปากนี่กะตี่ว่าเฮียบ่ฮักนิ... ปากนี่กะตี่ไล่ผัวหื้อไปหาเมียใหม่... ปากนี้กะชอบว่าผัวเป็นผีบ้านี่" พูดทุกประโยคก็ฉกจูบลงไป แล้วเงยหน้าขึ้นมาว่าเธออีก ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ "น้องหนิงฮักเฮียก่อ บอกมาก่อน" เขาถามเธอข้างหูเบา ๆ และใช้ฟันขบเม้มติ่งหูเธอ และซุกหน้าไปที่ซอกคอขาว ๆ ของเด็กสาว เธอสยิวขนลุกเกรียวตามริมฝีปากและปลายจมูกที่จรดไปทั่ว น้องหนิงหยุดร้องไห้และโกยลมหายใจเข้าปอดพลางบิดตัวเร่า ๆ ตามรอยสัมผัส "ไหนบอกก่อนว่าฮักเฮียก่อ" เขาถามย้ำดังขึ้น มือสอดเข้าไปใต้เสื้อปลดตะขอบราและเริ่มถอดมันออกพร้อมกับเสื้อตัวนอก "น้องหนิงบ่ฮักลุง" เธอพูดโดยไม่มองหน้า เขาขบไปที่ยอดถันก่อนจะดูดเม้มแบบเมามัน "บ่ฮักก่อบ่ฮัก" เขาพูดตรงร่องอก ก่อนจะฝังจมูกลงไปกลางร่องอก หายใจรดแรง ๆ และลากวนลิ้นตรงไปรอบ ๆ สะดือ และลากไล้ขึ้นมาบนตรงกลางร่องนมอีกครั้ง มือของเขาไล้นิ้วมือบนขอบกางเกง และสอดนิ้วรวบทั้งกางเกงในกางเกงนอก รูดลงปลายเท้าเด็กสาวอย่างรวดเร็ว
"จอดรถเลย น้องหนิงบ่ไห้ละ" เธอบอกเขาแต่เสียงก็ยังขาดเป็นช่วง สะอึกสะอื้นอยู่ในอก "แล้วเฮาใจเย็นลงละก๋ะตอนนี้" เขาถามเธอขึ้นมาอีก ยกหาเหตุ "ใจเย็นกะ เขาบ่ได้ใจฮ้อนเหมือนลุงนิ" เธอว่าเขาน้ำเสียงตัดพ้อ เขาจึงไม่พูดต่อเงียบเสียง และขับรถต่อไปเรื่อย ๆ น้องหนิงเบาใจ และถอนลมหายใจออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นเขาขับรถผ่านปากทางขึ้นไร่ชาและรีสอร์ต "จะพาน้องหนิงไปไหนนิ" เด็กสาวเริ่มใจเสีย เพราะเฉินคงเอาเธอไปส่งที่บ้านจริง ๆ เพราะเชียงแสนขับไปทางแม่สายเลาะแม่น้ำไปก็ได้ "ก็ใครอยากจะปิ๊กบ้าน จะพาไปส่ง" เขาพูดส่ง ๆ ไปลองดูกิริยาของเธอ เห็นน้องหนิงขยับตัวนั่งตรง หน้าเชิด จึงแอบอมยิ้ม ก่อนจะหันหน้ามองไปที่ถนน น้องหนิงแอบหยิกขาตัวเองให้เจ็บ เพราะเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาอีก ในใจตอนนี้มันเจ็บปวดร้าวไปหมด เธอจึงตัดสินใจนั่งนิ่งเงียบ พยายามไม่คิดมาก เฉินเอื้อมมือไปกดเปิดเพลงที่น้องหนิงชอบ และร้องคลอตามเบา ๆ เธอหันมองออกไปนอกหน้าต่าง "เพลงนี้จื่อเพลงอะหยังเกาะ" เขาเอ่ยถาม เธอหน้าตึงไม่ยอมคุยด้วย ก่อนจะหันหน้ากลับไปที่เครื่องเสียง และเอานิ้วไปจิ้ม
ส่วนเฉินตะห้อเหยียบรถมาจากดอยด้วยความเร็วกว่าปกติ มาถึงทางปากทางแม่จัน จอดรถวิ่งลงไปที่ท่ารถโดยสารสองแถวประจำทาง "อ๋ออีน้องคนนั้นกะ หันลงรถ แล้วเดินไปตางเซเว่นปู้นครับ" เขาได้รับคำตอบจากคนแถวนั้น ก่อนจะรีบวิ่งไปถามพนักงานในเซเว่น "อ๋อขึ้นรถไปลงแม่จัน มาถามตางจะไปเจียงแสนครับ เมินก็บ่เมินเต่าได แต่น่าจะขึ้นรถไปถึงแม่จันปู้นละครับ" เขาได้รับคำตอบ แล้วระบายยิ้มออกมาได้ รีบห้อเหยียบรถมุ่งหน้าไปแม่จันทันที ซึ่งก็ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาที กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง เสียงโทรศัพท์ของเฉินดังขึ้น "ครับผมอ้ายบุญชู" เขารีบกดรับ ("บ่ใจ้เจ้าเฮียเฉิน น้องหนิงโทรมาตะกี้ว่าอยู่ที่ศาลาไทยแถว ๆ แม่จัน รอรถอยู่จะปิ๊กมาเจียงแสน รบกวนเฮียไปผ่อหื้อปี่กำเน้อ เป็นห่วงน้องหนิงมัน บ่เกยไปตางใดคนเดียวสักเตี้ย แล้วก็ขี้เมารถต๋วย ไปผ่อหื้อกำเน้อ") เสียงบานชื่นส่งมาตามสาย น้ำเสียงเป็นห่วงลูกสาวจริง ๆ เฉินถอนใจออกมารู้สึกผิด ก่อนจะรับปากออกไป "ครับ ถ้าเจอแล้วผมจะโทรหา" เขาบอกก่อนวางสาย เมื่อมาถึงทางแยกก็ชะลอรถเพื่อมองหาศาลาไทยที่อยู่ฝั่งถนนตรงกันข้าม แล้วสายตาก็ไปเจอกับร่างบางที่ยังคงใ