หลินหลับไม่ลงคิดถึงคำพูดของเตี่ย ที่ตอกย้ำเสมอมาตั้งแต่โตเป็นสาว
"อาหลินลูกบ่ต้องกึดนะเรื่องฟงเรื่องแฟน เตี่ยได้อู้กับท่านพินิจเปิ้นไว้แล้ว ตกปากฮับคำท่านไปว่า จะหื้อหลินลงเอยกับหลานท่านคนหนึ่ง ฮู้ก่อ... ว่าตี่ครอบครัวเฮาอยู่เย็นเป็นสุขมาทุกวันนี้ก็เพราะเปิ้น"
พินิจ จิรตระการ เจ้าสัวใหญ่ ที่เตี่ยของหลินนับถือ หลินรู้แค่ว่ามีพระคุณ แต่ไม่รู้ว่ามีกิจการอะไรมากมาย ท่านช่วยเหลือเตี่ยทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กไปจนถึงเรื่องใหญ่
"ครั้งที่เฮาโดนฟ้องเรื่องตี่ดินครั้งนู้น ถ้าบ่ได้ท่านช่วยครอบครัวเฮาก็คงแย่เหมือนกัน และตี่ล่าสุดนะ... เตี่ยก็ไปรบกวนเงินท่านมาอีก เอาเป็นว่าเตี่ยขอร้องละนะ ทำเพื่อเตี่ยและครอบครัวเฮาเรื่องนี้เรื่องเดียว"
หลินในตอนนั้นไม่เข้าใจในเรื่องราวทั้งหมด แต่ก็ได้พยักหน้ารับคำเตี่ยไป
เมื่อหลินจบมัธยมศึกษาปีที่หก ทางท่านพินิจก็ได้ทวงถามสัญญามา และส่งสินสอดทองหมั้นมาจำนวนหนึ่ง ตอนนั้นในใจหลินไม่ได้รู้สึกว่าอยากรู้จักมักจี่กับทางฝ่ายหนุ่มคู่หมั้น อีกทั้งยังตัดสินใจเดินทางมากรุงเทพฯ เลย เธอไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของคู่หมั้น และไม่คิดจะถามด้วยซ้ำไป
หลินอยู่ได้ด้วยเงินเก็บสะสมมาตั้งแต่เล็ก ๆ เนื่องจากมาจากครอบครัวคนจีน เตี่ยและแม่จะสอนเสมอเรื่องการออมเงินก่อนใช้ ซึ่งตัวเลขในบัญชีของหลินก็มากโขอยู่ แต่หลินมาอยู่ที่กรุงเทพฯ ใช้ชีวิตแบบกระเบียดกระเสียร
เธอมักจะคุยกับตัวเองเสมอว่า เราไม่รู้อนาคตไม่รู้วันพรุ่งนี้ เราต้องประหยัด ฉะนั้นหลินจึงได้เช่าห้องพักขนาดเล็ก กว้างสองเมตร ยาวสองจุดห้าเมตร บนตึกติวเตอร์แถวหน้ามหาวิทยาลัย เป็นหอพักหญิงห้องน้ำรวม ราคาไม่แพงมากนัก รวมค่าน้ำค่าไฟเรียบร้อย
เด็กบางคนที่มาจากต่างจังหวัดส่วนใหญ่จะพักห้องละสองคน แต่หลินคิดว่าอยู่คนเดียวดีกว่า เพื่อให้มีสมาธิในการอ่านหนังสือ และทำกิจกรรมส่วนตัว หลินขออนุญาตหอพักติดเครื่องปรับอากาศ และขอติดมิเตอร์ไฟฟ้าเพื่อจ่ายเงินค่าไฟฟ้าในการติดแอร์เพิ่ม เธอไม่เคยย้ายหอพักและไม่สะสมสิ่งของใด ๆ เลย ใช้ชีวิตแบบพอเพียงจริง ๆ
‘ไหนแพรวาว่าจะมาก่อนเวลา ชิ...’ หลินนั่งมองนาฬิกา ทำหน้าเง้างึมงำอยู่ในใจ
"แหมมาสายแค่นาทีสองนาที ใจจะขาดหรือไงจ๊ะคนสวย" เสียงแพรวาดังมาแต่ไกล ส่งเสียงเย้าเพื่อนสาว ส่งยิ้มหวานมาพร้อมหิ้วถุงพะรุงพะรัง
หลินรีบวิ่งเข้าไปเพื่อที่จะช่วยแพรวาถือของ แต่ชะงักเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอไม่ได้เดินมาคนเดียว เธอเดินมาพร้อมกับกฤษแฟนหนุ่ม และเพื่อนชายอีกสองคน ซึ่งหลินเคยเจอสามสี่หนแล้วที่ร้านแห่งนี้ หลินยกมือไหว้ทั้งสามคนแล้วกล่าวทักทาย
"สวัสดีค่ะ" สามหนุ่มรับไหว้ กฤษยื่นถุงใบหนึ่งให้หลิน
"นี่ของฝากหลินจ้า" หลินยกมือไหว้อีกครั้งพร้อมกล่าว
"ขอบคุณค่ะพี่กฤษ" แล้วส่งยิ้มให้แพรวา
ขณะนั้นมีเด็ก ๆ กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในร้าน หลินจึงหยิบเมนูให้สามหนุ่มแล้วออกตัว
"เดี๋ยวหลินมานะคะ พี่เลือกเมนูไปก่อนค่ะ" เธอเดินไปทักทายเด็กกลุ่มนั้น
"รับอะไรดีคะ"
กฤษ ธรรมรัตน์ สถาปนิกหนุ่มนิสัยดี หน้าตาคมเข้ม ออกสไตล์ชายไทย สูงโปร่ง หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส อัธยาศัยดี ฐานะทางครอบครัวถือว่าดี เพราะมีหอพัก และอะพาร์ตเมนต์ให้เช่าอยู่หลายโครงการ ครอบครัวของเขา คุณพ่อดิเรกและคุณแม่สุพรรษาธรรมะธัมโมทั้งคู่ ทั้งสองเปิดร้านสังฆภัณฑ์ ใต้อะพาร์ตเมนต์ทุกแห่ง และเวลาว่างของทั้งคู่ คือ การไปปฏิบัติธรรมนั่นเอง กฤษเปิดบริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน เพราะเรียนมาด้านนี้โดยตรง และกำลังไปได้ดี เพราะมีเพื่อนดีทั้งพีคและภุชงค์คอยสนับสนุนและแนะนำลูกค้าให้
กฤษกับแพรวาเป็นแฟนกันตั้งแต่แพรวาเข้าปีหนึ่ง กฤษเป็นพี่ในคณะของแพรวา ซึ่งขณะนั้นกฤษเรียนปีสี่แล้ว กฤษเป็นสุภาพบุรุษไม่เคยล่วงเกินแพรวาเลย แค่จับมือและหอมแก้ม เขาบอกกับแพรวาว่า "พี่จะรอจนถึงวันที่เราแต่งงานกัน" ซึ่งฟังเรื่องนี้จากแพรวาทีไร หลินออกอาการฟินทุกที อยากมีความรักแบบนี้บ้าง
เพื่อนสนิทสองคนของกฤษ คือ พีค และ ภุชงค์ สามหนุ่มอายุเท่ากัน คือ ย่างเข้ายี่สิบเจ็ดปี
พีค หรือ พีระ สุขประเสริฐ หนุ่มเนื้อหอมหน้าตาดี พูดน้อยแต่ปากหวาน ไม่ต้องส่งตาหวานให้ใคร สาว ๆ ก็วิ่งตามกันตรึม รูปหล่อพ่อรวย
จากที่แพรวาเล่า ครอบครัวพีคเปิดร้านจิวเอลรีมีสาขา ทั้งในกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ และภูเก็ต และยังทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใหญ่โต และตอนนี้ได้สร้างโรงแรมเสร็จแล้วสองแห่ง ที่กรุงเทพฯ และที่ภูเก็ต ซึ่งที่กรุงเทพฯ จะเปิดตัวเร็ว ๆ นี้
ภุชงค์ ศิริพัฒนยางกูร หรือเพื่อนในกลุ่ม จะเรียก คุณชาย เพราะเป็นลูกคนเล็กของตระกูลนักการเมืองชื่อดังหลายสมัย ร่ำรวยมาแต่ดั้งเดิม ติดหรู ขี้เล่น อารมณ์ดี รักสนุก เป็นหนุ่มหล่อครบเครื่อง เล่นดนตรีเป็นทั้งกีตาร์ กลอง เปียโน ร้องเพลงเก่ง เสียงเพราะชวนหลงใหล สาว ๆ ก็ติดกันตรึมเหมือนกัน
ทั้งสองหนุ่มไม่คบใครจริงจัง ใช้ชีวิตแบบสนุกไปวัน ๆ และเปลี่ยนผู้หญิงไม่เลือกเป็นว่าเล่น
หลินเคยถามแพรวา ได้ความว่า สองหนุ่มจะให้เวลาผู้หญิงที่คบด้วย แค่คนละหนึ่งอาทิตย์เท่านั้น ถ้าครบอาทิตย์ก็จะเลิกทันที จะตกลงกับผู้หญิงที่เข้ามาก่อน ว่ารับเงื่อนไขนี้ได้ไหม ซึ่งสาว ๆ เหล่านั้นก็ยินดี เพราะได้ควงกับหนุ่มหล่อพ่อรวย แถมยังจ่ายไม่อั้นเวลาพวกหล่อนอยากได้อะไร ภุชงค์หากถูกใจใครจริง ๆ ก็จะยืดขยายเวลาได้ แต่พีคไม่เลย เขายึดกฎ หนึ่งอาทิตย์ แบบไม่สนว่าผู้หญิงคนนั้นจะสวยแค่ไหน หรือเป็นใคร
ดูแล้วสามหนุ่มมีกฤษคนเดียวที่แตกต่างจากทั้งสองคน แต่ทั้งสามเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล และไม่เคยแยกกันเลย ถึงสองหนุ่มจะเถลไถล แต่เรียนดีระดับต้น ๆ เชียวแหละแล้วสามคนก็รักกันมาก เวลามาที่ร้านทีไร ก็หิ้วกันมาทั้งสามคนหลินยังคิดในใจว่า ‘แปลกดี’ และอย่างไรเธอก็ไม่ควรคิดไปยุ่งกับสองคนนี้
เธอเดินมาหยุดที่ขาเตียง ใช้มือลูบไม้ที่ทำตั้งเป็นราว แกะสลักอย่างสวยงาม แขวนมุ้งผ้าเป็นมุ้งสีชมพูขาวจาง ๆ "ใครเป็นคนเลือกผ้าผืนนี้คะ สวยจัง" ถามเสร็จหันมามองชายหนุ่ม เห็นเขากำลังใช้มือลูบข้อเท้าตัวเอง รู้สึกผิด นั่งลงตรงหน้าเขา คุกเข่าลง ใช้มือตัวเองจับไปที่ข้อเท้าของเขา พลิกซ้ายพลิกขวา "โอ๊ย" ภุชงค์ร้อง "เจ็บมากหรือคะ" เธอถาม แต่จริง ๆ เขาไม่ได้เจ็บมากหรอก แค่นึกอยากแกล้งเธอเท่านั้น ดูว่าเธอเป็นห่วงเขาจริง ๆ หรือเปล่า "ในตู้เย็นมีน้ำแข็งไหมคะ เดี๋ยวพักตร์หาผ้าประคบเย็นให้" เธอลุกขึ้น ทำท่าจะเดินออกไปในครัว ชายหนุ่มดึงแขนเธอไว้ ด้วยจังหวะที่จะก้าวขาไปข้างหน้า ทำให้เธอเซล้มเข้าหาเขา นอนทับร่างเขาอยู่บนเตียง "เอ๊ะ... วันนี้เป็นอะไรก็ไม่รู้ค่ะ แข้งขาอ่อนจัง"เธอแก้เก้อ นึกอายที่ล้มทับเขาอีกเป็นครั้งที่สอง ชายหนุ่มจับเธอพลิกให้นอนหงายหมุนตัว เกยทับขึ้นมาด้านบนตัวของหญิงสาว ศิริพักตร์จ้องหน้าเขา ตาสบกัน เธอนึกถึงเรื่องความเป็น Playboy ของเขาหญิงสาวใช้มือผลักดันตัวเขาให้ลุกขึ้น เขาดันขืนตัวเองไว้ไม่ยอมลุก ชายหนุ่มจ้องมองห
ศิริพักตร์ยกมือไหว้ คุณหญิงพิมพ์ใจ และท่าน สส. พร้อมผู้ใหญ่อีกหลายคนในนั้น ภุชงค์ยกมือไหว้ ลาแขกผู้ใหญ่บางคนที่เขามาทักและชื่นชม "ช่างหาแฟนนะ สวยอ่อนหวาน" "เหมาะสมกันดี" "น่ารักจริง ๆ นะคะคู่นี้ คุณ" "แต่งเมื่อไร บอกป้าด้วยนะ" "หมั้นกันหรือยัง" "ขยันเติมความหวานกันหน่อยนะ" และอีกหลายประโยคที่ตามมา หญิงสาวยิ้มเจื่อน ๆ จนเมื่อยแก้ม แต่ก็ไม่ได้แสดงกิริยาที่เสียมารยาทแต่อย่างใด "โอ๊ย.. นี่มันอะไรกัน" จนคนเริ่มซาลง เธอสะกิดเอวภุชงค์ "คุณคะ ห้องน้ำไปทางไหน" ชายหนุ่มหันมาทางหญิงสาว หัวเราะให้เบา ๆ "ขอโทษด้วยนะครับคุณพักตร์ ผมนี่เสียมารยาทจริง ๆ ไม่ได้เทกแคร์คุณให้ดี" ว่าแล้วก็ฉวยข้อมือเธออีกครั้งให้เดินตามเขา ชายหนุ่มพาเธอไปที่เรือนหลังเล็กของเขาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งทะลุได้อีกทางหนึ่ง และมีทางเข้าจากอีกซอยหนึ่งได้ พีคและภุชงค์จอดรถไว้ด้านหลังนี้ เพราะกลัวรถติดเนื่องจากคนมาร่วมงานเยอะ บริเวณบ้านเขากว้างจัง ต้นไม้ใหญ่ก็เยอะ ถ้ามาคนเดียวหลงแน่ ๆ เธอคิดในใจ เขาพาเดินอ้อมตึกหลังใหญ่ มายังเ
สิ้นเสียงเพลง แขกผู้มีเกียรติต่างปรบมือ เอ่ยชมกันกราว นักแสดงทั้งหมดลุกขึ้นมายืนรวมกันที่ด้านหน้าเวที ภุชงค์เดินมายืนเคียงข้างกายศิริพักตร์ นักแสดงทุกคนโค้งคำนับให้กับแขกผู้มีเกียรติเป็นการขอบคุณ "คุณหญิงคะ ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมนะคะ" เสียงท่านผู้หญิงคนเดิม กล่าวชื่นชม คุณหญิงสุพัตรา และท่านสมภพ และคุณหญิงพิมพ์ใจ ยิ้มพึงใจกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า "อย่าลืมนะแม่พิมพ์ ให้ตาภุชงค์พาแม่หนูคนนั้นมาเจอกับแม่ด่วนเลยนะ" น้ำเสียงคุณหญิงสุพัตรา พูดด้วยความยินดี ดีใจเมื่อได้พบสิ่งที่ถูกใจ ภุชงค์ยื่นมือให้เธอจับขณะก้าวลงจากเวที เธอเดินตรงเข้าไปหาอาจารย์ประสิทธิ์ "ฝีมือยังไม่ตกนะ หนูพักตร์" ท่านกล่าวชม "มิเสียชื่ออาจารย์ จริงไหมครับคุณภุชงค์" แล้วหันไปถามชายหนุ่ม "ครับ เป็นการตีขิมที่ไพเราะจริง ๆ อย่างที่ไม่เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลยครับ" เขากล่าวชมหญิงสาว หยอดคำหวานพ่วงไปด้วย "ขอบคุณค่ะ" เธอส่งยิ้มหวานให้เขา ช่างไม่รู้อะไรซะเลย รอยยิ้มนั้นช่างเชิญชวนยิ่งนัก ทั้งสองร่ำลาอาจารย์ ชายหนุ่มชักชวนให้เธอไปรับประทานอาหารเพราะเธอยังไม่
ทั้งสี่คนเดินลงจากเวที ไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ กฤษและพีคอาสาไปตักอาหารมาให้จากบุฟเฟ่ต์ เพราะหิวมาก ๆ แล้วตอนนี้ มีบริกรเดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่ม “รับอะไรดีครับ” เขาถามเธออย่างอาทร รู้สึกทึ่งและประทับใจผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้านี้จริง ๆ “ขอเป็นน้ำเปล่าได้ไหมคะ” บริกรยกน้ำเปล่าให้เธอ และวางไว้ให้ทุกคนที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วย ภุชงค์สั่งให้บริกรเสิร์ฟไวน์แดงให้ทั้งหมดสี่แก้ว “รับเป็นไวน์แดงสักแก้วก่อนนะครับ ไวน์แดงนี่เป็นรสชาติที่อ่อนลงมาเล็กน้อย เป็นไวน์แดงจากองุ่นพันธุ์ พิโนนัวร์ (Pinot Noir) รสนุ่มลิ้นดีมาก ๆ ครับ ดื่มก่อนทานซีฟู้ดสักหน่อย” เขายกแก้วของตัวเองยื่นตรงมาที่หน้าของหญิงสาว ประมาณเชิญชวนให้เธอชนแก้วกับเขา เธอยกแก้วของตัวเอง ขึ้นไปชนกับเขา นักข่าวซุบซิบสายบันเทิงมาจากไหนก็ไม่รู้ กดชัตเตอร์รัว ขณะที่ทั้งสองชนแก้ว มองตากัน ภุชงค์หันไปยิ้มให้กล้องด้วยความเคยชิน[1]หอมกว่าใคร ในหล้า ดอกฟ้าพี่ขออย่ามี ภมรภู่ มาสู่สันต์หากแม้นมี พี่นี้ จะปกกันกลีบบางอัน อ่อนหวาน จะอยู่คงพิกุลเอ๋ย พิกุลเจ้า เย้ายวนนักหิ่งห้อยรัก แต่มิอาจ จะเอื้อมส่งได้แ
กฤษเริ่มจำได้เพราะเป็นคนที่ไปที่ร้าน "คุณบังอร" บ่อยที่สุดเขาส่งเสียงทัก "คุณศิริพักตร์ ใช่ไหมครับ" ศิริพักตร์ดีใจที่กฤษจำเธอได้ "แหม... พักตร์นึกว่าคุณกฤษจะจำพักตร์ไม่ได้เสียแล้วค่ะ" กฤษหันไปอธิบายให้พีคฟังว่า "คุณศิริพักตร์ไง เจ้าของร้านที่แพรทำงานไงล่ะ" "โห... คุณพักตร์ สวยจนผมจำไม่ได้จริง ๆ ต้องขอโทษด้วยครับ" พีคทำท่าตกใจ พอสิ้นคำว่า "สวย" ภุชงค์ก็รีบมาทำตัวขวางหน้าสองเพื่อนไว้ทันที เพราะกิตติศัพท์ เรื่องทำให้ผู้หญิงปิ๊งนายพีคก็ไม่น้อยหน้าเขาเช่นกัน "ผมว่า เราสี่คนไปกราบอวยพร คุณยายก่อนดีกว่าครับ" ภุชงค์เอ่ยปากชวน และหันไปทางพีคส่งสายตา "คนนี้ ของผมครับ" พีคส่งยิ้มแบบกวน ๆ ตอบกลับไป แกล้งภุชงค์ โดยเอามือลูบหัวตัวเอง ภุชงค์หันไปเอาข้อศอกกระทุ้งไปที่ท้องของพีคเบา ๆ รู้ว่าพีคคิดมิดีมิร้ายกับผู้หญิงของเขา "คนนี้... มีเจ้าของแล้ว" เขาพูดออกมาจากไรฟัน "ก็ OK, I ได้อยู่แล้ว" พีคทำท่าแบมือ เบ้ปาก กฤษรู้ว่าพีคแกล้งแหย่ภุชงค์เล่น ตบหลังภุชงค์เบา ๆ "ไปได้ยังขอรับ" "เชิญทางนี้ครับ คุณพักตร์" เขาใช้มือแตะข้อศอก
"คุณชายครับ คนนี้จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ให้ตายก็ไม่ยอมรับขอรับ" กฤษสำทับด้วยคำพูด ว่าพีคตรง ๆ "ใครครับ กระผมนี่อยากรู้เสียจริง ๆ ขอรับคุณหลวงกฤษ" ชายหนุ่มสองคนเปลี่ยนกันส่งเล่นมุขอย่างสนุกสนาน "หยุดเลยนายทั้งสองคน บอกว่าไม่มีอะไรก็ไม่มีอะไรสิ" พีคพูดจบ รีบเดินหลบไปที่ระเบียง เพื่อยกหูคุยกับหลิน เพราะวันนี้เขาพยายามโทรหาเธอถึงสองครั้ง สายว่างแต่เธอไม่ได้รับสาย มีแต่ข้อความส่งมาบอกว่า "ที่งานหมั้นยุ่งมาก ๆ ค่ะ หลินปิดเสียงมือถือเอาไว้น่ะค่ะ ไม่อยากให้เสียบรรยากาศในพิธีค่ะ" “กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ” เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น หลินยกน้ำขึ้นมาดื่มหลังทานอาหารเย็นเสร็จพอดี เห็นเป็นเบอร์ของเขา รีบรับสาย เพราะวันนี้เธอไม่ได้รับสายเขาเลย สงสัยเขาคงจะโกรธแน่ ๆ แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น "กินข้าวแล้วรึยังคะ" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลมาตามสาย "ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ พี่พีคทานข้าวหรือยังคะ" เธอตอบและถามเขาไป นึกแปลกใจ คิดว่าจะโดนเขาดุเสียแล้ว "ยังค่ะ...คืนนี้พี่จะพยายามไม่กลับดึกนะ มีงานเลี้ยงวันเกิดคุณยายของภุชงค์ พี่อยู่กับภุชงค์ และกฤษที่งาน ง
ศิริพักตร์เข้าไปใน Google และลองหาข้อมูลของภุชงค์ดู แค่พิมพ์ชื่อเขาลงไป ก็ขึ้นรูปหน้าอันหล่อเหลา ดูเป็นผู้ดีของชายหนุ่มหราขึ้นมา เธอจำหน้าตาเอาเรื่องของเขาได้ และยิ้มตรงมุมปากนิด ๆ หญิงสาวกดไปที่รูปของชายหนุ่มเข้าไปดูตามลิงก์ที่อยู่ในภาพ เนื้อหาในเว็บไซต์ซุบซิบชื่อดัง ที่นักเลงคีย์บอร์ดเข้าไปอ่านกัน พาดหัว “นางเอกสาว อักษรย่อ จ. ควงหนุ่มทายาทนักการเมืองชื่อดัง ภุชงค์ ศิริพัฒนยางกูร เดินชิลเอาท์ชมวิวเขาใหญ่ และร่วมปาร์ตี้สุดเก๋ของเหล่านางฟ้าช่องน้อยสี เป็นที่ฮือฮาว่าหวานหยดจนมดตามเป็นขบวน” “เห้อ... พ่อ Playboy ต้องจัดการยังไงเนี่ย” ศิริพักตร์ แบะปากนิด ๆ คิดพลางลุกขึ้นไปเพื่อเตรียมกระเช้าขนมตามที่ชายหนุ่มร้องขอมา ให้เธอนำไปส่งให้ที่ในงาน แล้วยังเชื้อเชิญให้เธออยู่ร่วมงานเลี้ยงอีกด้วย ศิริพักตร์จัดขนมไทยที่ทำไว้หลากหลายในแต่ละวัน วันนี้เธอเลือกขนมที่สามารถเก็บไว้ได้นาน เลือกขนมไทยที่ล้วนมีชื่อเป็นมงคลทั้งนั้นมี ทองเอก สัมปันนี เสน่ห์จันทร์ จ่ามงกุฎ กลีบลำดวน หน้านวล และกระเช้าสีดา จัดขนมต่าง ๆ ลงไปในกระเช้าเรียบร้อยอย่างสวยงาม โดยไม่ลืมเพิ่มตุ๊
“นับตั้งแต่วันนี้ไป เราจะไม่แยกจากกันค่ะ” เธอพูดขึ้นมาบ้าง ชายหนุ่มก้มลงมาทาบริมฝีปากลงไป เติมความหวานละมุนส่งถึงกันและกัน กริ๊ง ๆ กริ๊ง ๆ เสียงโทรศัพท์ของแพรวาดังขึ้น เบรกเรื่องราวต่าง ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้ยุติลงเพียงแค่นี้ “ไม่รับไม่ได้หรือครับ” เขาเอ่ยถามแบบอ้อน ๆ แต่ก็คลายวงแขนกอดเธอเอาไว้หลวม แพรวาหมุนตัวเอื้อมมือไปหยิบมือถือที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ “หลินโทรมาน่ะค่ะ” เธอบอกและรีบรับกดโทรศัพท์ “หลินหายไปไหนมา แพรโทรหาตั้งหลายรอบ ทำไมไม่รับสาย รู้ไหมว่าเป็นห่วงนะ” เธอต่อว่าเพื่อนสาวไปตามสาย (“ขอโทษนะจ๊ะแพร เรามีเรื่องด่วนจริง ๆ วันศุกร์นี้จะสอบสัมภาษณ์งานรีเสิร์ชและวิทยานิพนธ์ด้วย”) หลินให้เหตุผล “แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” แพรถาม (“เรามางานหมั้นพี่สาวที่บางใหญ่ เตี่ย เฮีย และมีมี่ก็มาด้วยจ้ะ”) หลินเล่าให้แพรวาฟัง “เอ้อ... ค่อยโล่งอก นึกว่าไม่สบายหนัก” แพรวาถอนหายใจ หมดห่วง “เอ่อ... อีกเรื่อง วันอาทิตย์ที่ผ่านมาพี่พีคไปหาเธอที่หอพัก เจอกันหรือเปล่า มีเรื่องอะไรกันกับพี่พีคหรือเปล่า หลิน” เธอถามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
ที่ดินติดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ตรงอำเภอเชียงของ เปิดให้บริการเมื่อ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556 เมื่อสองปีก่อน เขานึกถึงอนาคตข้างหน้าที่สดใสรออยู่ “ถ้าอยู่ไม่ได้ก็ หย่าวะ” ชายหนุ่มคิดในใจ พีคได้รับข้อความที่ภุชงค์ส่งเข้ามาให้ เรื่องไปร่วมงานวันเกิดคุณยายที่บ้านของเขา จึงส่งข้อความถามเรื่องเสื้อผ้า เพราะเขาไม่อยากย้อนกลับไปมา “ชุดไทยครับ ที่บ้านกันมีชุดผู้ชายหลายชุดมาเลือกเอา” ภุชงค์ส่งข้อความกลับมา “กันจะไปคนเดียวนะ แพรยังต้องไปทำงานอีกสามวัน งานเริ่มกี่โมงครับ” กฤษส่งข้อความมา “หนึ่งทุ่มตรง” ข้อความจากภุชงค์ “OK ไว้เจอกัน” กฤษตอบ “งดรับของขวัญ ขอเป็นเงินบริจาคเพื่อการกุศลนะครับ” ภุชงค์ส่งข้อความมาย้ำอีกที “รับทราบครับ คุณชาย” พีคส่งข้อความไปล้อเลียน “ถึงบ้านแล้วรึครับคุณชาย” เขาส่งข้อความถามต่อ “ถึงได้สักพักแล้ว จะนอนสักงีบ แค่นี้ก่อนนะ เมื่อคืนหนักไปหน่อย”แล้วส่งสติกเกอร์น้ำลายย้อยไปให้ พีคขับรถออกจากบ้านสวนที่จันทบุรี มุ่งตรงไปที่บ้านของภุชงค์เลย กฤษดูนาฬิกาแวะไปรับแพรวาตามที่นัดหมาย เมื่อถึงเขาได้โทร