“อ๊ะ...”
มือบางยกขึ้นปิดปากตัวเองก่อนจะหลุดเสียงอุทานออกมาพร้อมก้าวถอยหลัง ตาเธอเหลือบไปสบกับดวงตาคู่คมเข้มเข้าพอดี ขณะที่เสียงแว้ดดังขึ้น
“อ้าย! เข้ามาได้ยังไง นังบ้า!”
ขาเรียวก้าวถอยหลังอย่างไม่เป็นกระบวน ผลุนผลันหันกลับออกประตูมาแล้วรีบปิดลงราวหนีซอมบี้ แผ่นหลังบางทิ้งพิงผนังพร้อมลมหายใจหอบกระชั้น
นอกเหนือจากตกใจแล้วเธอยังหน้าร้อนผ่าวราวขัดเขิน เขินหรือ? ไม่หรอก จะเขินทำไมเธอไม่ใช่คนที่นั่งอยู่บนตักเจ้าของร่างสูงนั่นสักหน่อย
กุลนารีพยายามหลับตาลงระงับอาการอกสั่นขวัญแขวนระคนอายของตน ทว่าสายตาคมดุกลับวาบขึ้นมาในมโนสำนึก คิ้วเรียวสวยขมวดก่อนจะลืมตา
แววตาเจ้านายสื่อถึงอะไรกันแน่?
เธอยืนนิ่งรอคอยอยู่หน้าห้อง ในเมื่อถูกสั่งให้มา แต่มาถึงในเวลาไม่เหมาะไม่ควรก็ยังไม่อาจไปไหนได้ แม้ไม่รู้ว่าธุระส่วนตัวของชายหนุ่มจะเสร็จเมื่อไรกุลนารีก็ไม่กล้าเสี่ยงขัดคำสั่ง
หญิงสาวไม่ได้กลัว ทำงานร่วมกันมานานจนเลยจุดกลัวมาแล้ว ทว่าไม่คิดขัดคำสั่งอีกฝ่าย เพื่องานที่มั่นคงทำให้กุลนารีไม่เคยปริปากบ่นหรือแสดงความไม่พอใจเมื่อเจ้านายหนุ่มเรียกหา ตอนรับหน้าที่เลขาเต็มตัวใหม่ๆ เจ้านายอย่างพศินตั้งแง่กับเธอด้วยความไม่เชื่อมือ เธอต้องเผชิญหน้ากับตาคมกล้าส่งกระแสดุเหมือนไม่พอใจตลอดเวลา ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชานิ่งขรึมไม่ยอมญาติดีด้วย และอารมณ์ร้อนที่เดาไม่ถูกแม้เขาจะวางมาดนิ่ง ทว่านึกจะร้อนก็ร้อนขึ้นมาทันควัน กว่าจะผ่านเวลานั้นมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
‘อะไรของคุณ’
เสียงเข้มดังขึ้นพร้อมกับหันมองเธออย่างไม่พอใจ หลังจากยื่นชาร้อนให้ชายหนุ่มในตอนบ่ายที่เขาสั่งกาแฟ
‘พี่ดาวบอกเอาไว้ว่า ตอนบ่ายต้องเสิร์ฟเป็นชาร้อนค่ะ ถึงเจ้านายจะสั่งกาแฟก็ตาม’
‘กล้าขัดคำสั่งผมเหรอ เอาไปเปลี่ยน’
‘เอ่อ คือว่า...’
เพล้ง!
แก้วชาถูกปัดทิ้งจนล้มหกบนโต๊ะ กุลนารีรีบกระวีกระวาดเข้าไปยกแฟ้มกับของบนโต๊ะมากอดแนบออก หาทิชชูมาซับน้ำพร้อมบอก
‘ดิฉันไม่กล้า แต่ก็ต้องทำตามที่พี่ดาวบอกเหมือนกัน พี่ดาวบอกว่าเลขาต้องเป็นผู้ช่วยที่ดีทั้งเรื่องงานและสุขภาพของเจ้านายค่ะ”
พศินมองเธอด้วยแววตาคมดุดัน หากหญิงสาวก็อธิบายต่อ
“เจ้านายดื่มกาแฟตอนเช้ามาแล้ว ช่วงสิบโมงก็ดื่มไปแล้ว สองแก้วต่อวันพอแล้วค่ะ’
‘คุณดาวบอกอีกสินะ’
‘ค่ะ พี่ดาวห่วงเจ้านายนะคะ เธอฝากฝังเอาไว้ เธอบอกให้ดิฉันใส่ใจเจ้านายเหมือนเป็นพี่ชาย เหมือนคนในครอบครัว ให้สนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้านายอาจลืมหรือมองข้ามไปเพราะงานยุ่ง’
เจ้านายหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะที่เธอค่อยๆ ส่งโน้ตวางบนโต๊ะให้เขาในจุดที่ไม่เลอะชา
‘อะไรอีก’
แม้จะถามเธอทว่าสายตาคมละจากใบหน้าเธอไปมองโน้ตลายมือของรัมภาหรือดาวรุ่นพี่เลขาเก่าของเจ้านายที่เจ้าตัวย้ำเอาไว้ กุลนารีจึงรีบเอ่ย
‘พรุ่งนี้วันเกิดคุณแม่เจ้านายค่ะ ต้องการให้จัดเตรียมของขวัญไว้ไหมคะ’
คิ้วเข้มกระตุกเล็กน้อยราวกับเพิ่งนึกได้ แต่แล้วก็ส่ายหน้า
‘ไม่ต้อง ผมจัดการเอง’
กุลนารีแอบลอบถอนหายใจอย่างโล่งใจที่เจ้านายบอกมาอย่างนั้น ความจริงเธอทั้งใจสั่นขาสั่นตั้งแต่เขาปัดแก้วชาแล้ว และหากเขาสั่งให้เธอจัดการก็ยิ่งกังวลว่าจะถูกใจหรือไม่ แต่ข้อนี้ถามกับรัมภาได้ ทว่าที่ทำเอาเธอตกใจไม่หายคืออารมณ์ดุของเขามากกว่า ไม่อยากดื่มก็ไม่เห็นต้องรุนแรงอย่างนี้เลย
‘เรียกแม่บ้านเข้ามาทำเถอะ คุณออกไปได้แล้ว’
ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบ เธอจึงรับคำแต่ก็ยังไม่ลืมหน้าที่ของตนแม้จะยังกลัวอารมณ์เขาอยู่
‘รับชาใหม่ไหมคะ’
เจ้านายผ่อนลมหายใจออกมายาวราวกำลังระงับความขุ่นใจ แต่ก็เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจนัก
‘ตามใจ’
กุลนารียิ้มบาง รีบวางของไว้อีกด้านหนึ่งแล้วออกจากห้องไปพร้อมแก้วชาเพื่อเรียกแม่บ้าน และชงชาแก้วใหม่ด้วยตนเอง เธอรู้ว่าเจ้านายยังไม่เชื่อใจเพราะเป็นเด็กจบใหม่ ขาดประสบการณ์ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ในเมื่อรัมภาฝึกงานให้กับเธอ โดยตอนที่มาสมัครผู้ช่วยรัมภาก็เป็นคนเสนอชื่อเธอกับเจ้านายหนุ่ม เธอเคยถามเลขาสาวรุ่นพี่ซึ่งอีกฝ่ายก็บอกว่าตอนสัมภาษณ์เธอใจเย็นมาก ไม่ลนลานไม่หลบสายตาเวลาคิดคำตอบ นั่นทำให้มั่นใจว่าเธอจะรับมือกับเจ้านายอย่างพศินได้
รัมภาอายุมากกว่าเจ้านายหนุ่ม ทำงานมาตั้งแต่รุ่นนายใหญ่ไพศาล พศินจึงฟังและให้เกียรติ แต่อีกฝ่ายก็เพิ่งมีลูกตอนอายุสี่สิบเจ้าตัวจึงอยากดูแลลูก ชายหนุ่มเกรงใจก็เลยไม่อาจคัดค้านที่รัมภาลาออก สาวรุ่นพี่ฝากฝังทั้งงานทั้งเจ้านายไว้กับเธอ กุลนารีเองก็รับปากว่าจะทำหน้าที่ต่อจากอีกฝ่ายให้ดีที่สุด เธอไม่อยากเสียงานนี้จึงอุทิศตัวเองอย่างหนักแม้มีเรื่องส่วนตัวของเจ้านายที่ต้องรับรู้และจัดการนอกเวลางานก็ยินดีทำเสมอ
=====
กุลนารีผู้อุทิศกำลังแรงกายให้เจ้านาย เพื่อเกาะงานที่มั่นคงเอาไว้ให้แน่น ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะราบรื่นดี แต่ราบรื่นแน่หรือ? ^-^
เปิดตู้เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มบอกว่าเป็นฝั่งของตนกุลนารีก็ต้องอึ้ง มีชุดนอนแขวนอยู่ราวตั้งใจให้เห็น เป็นชุดเครสสั้นสายเดี่ยวผ้าซาตินสีครีม ไม่แน่ใจว่าพศินเป็นคนจัดการหรือมารดาของเธอกับเขากันแน่ หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคอ ไม่เคยใส่ชุดนอนแบบนี้ แต่เสื้อผ้าที่เธอเอาไปฮันนีมูนก็ใส่ครบแล้ว และตอนนี้ก็ซักเสร็จเรียบร้อยเธอเพิ่งอาบเสร็จ ใส่เสื้อคลุมของชายหนุ่มอยู่ โดยพศินบอกให้ใส่เสื้อผ้าของเขาแทนเหมือนครั้งก่อน แต่เธอก็รู้สึกแปลกๆ ขณะนี้ชายหนุ่มอาบน้ำจึงดูนั่นนี่ไปพลาง แล้วก็มาเจอกับชุดนี้ ปากอิ่มกัดเบาๆ ครุ่นคิด ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจด้านหลังของเจ้าของร่างบางที่ยืนทาครีมอยู่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งทำเอาคนเพิ่งออกมาจากห้องน้ำชะงักกึก ใจร้อนรุมขึ้นมาทันควัน หากก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว แล้วก้าวเข้าไปกอดอีกฝ่าย“ชุดคุณทำผมตื่นเต้นนะเนี่ย”เขาเอ่ยแซว ก่อนจะไล่จูบซอกคอหอมกับบ่าไหล่ขาวผ่องที่แทบจะไม่มีอะไรปกปิดอย่างรุกร้อน“อื้อ อย่าเพิ่งใจร้อนสิคะ”กุลนารีท้วงเบาๆ ทว่าคนเป็นสามีก็ยังแตะไล้เนื้อผิวเธอไม่หยุด ไม่เพียงเท่านั้น มือหนายังเคลื่อนมาหาอกอวบอย่างรวดเร็วอีกด้วย“โอ๊ะ ไม่ใส่เหรอ?”คำถามที่น้ำเสียง
รถตู้คันโตของบ้านพศินมารับทั้งสองคนที่สนามบินหลังกลับจากฮันนีมูน กุลนารีเผลอหลับไปเพราะรถค่อนข้างติด และรู้สึกตัวเมื่อชายหนุ่มปลุก ก้าวลงจากรถตามร่างสูงกำยำก็รู้สึกถึงความผิดปกติ“ที่ไหนคะ”หญิงสาวถามพศินพร้อมสีหน้างุนงง เมื่อเห็นลานจอดรถไม่คุ้นเคยชายหนุ่มยิ้มบาง มือหนาวางลงบนผมเธอแล้วโยกหัวเบาๆ ยื่นหน้ามากระซิบใกล้ๆ“คอนโดของเรา”“คอนโดเรา?”“ใช่ครับ”เขาตอบรับแล้วจับมือเธอให้เดินไปยังหลังรถที่คนขับรถยกกระเป๋าสองใบลงมาให้เรียบร้อยแล้ว“ขอบคุณครับลุงชิต”“ผมขนไปให้นะครับ”“ไม่เป็นไรครับ ที่เหลือผมกับแก้มจัดการได้ ว่าแต่ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ”“ครับผม คุณดารนีกับแม่ของคุณหนูจัดการดูแลทั้งหมดด้วยตัวเองเลยครับ”ลุงชิตคนขับรถตอบแล้วยื่นคีย์การ์ดให้พศิน ชายหนุ่มขอบคุณอีกครั้งก่อนจะบอกให้กลับไปได้ ขณะที่กุลนารีได้แต่ยืนงงงันว่าเรื่องอะไรกันแน่“มีอะไรเหรอคะ”“ไปคุยกันที่ห้องดีกว่า”เธอเดินตามชายหนุ่มอย่างมึนๆ พศินจัดการกับกระเป๋าทั้งสองใบด้วยตัวเอง แม้เธอจะช่วยเขาก็ส่ายหน้ากระทั่งมาถึงหน้าห้องหนึ่งชายหนุ่มก็ให้คีย์การ์ดกับเธอ“เปิดเข้าไปสิ”กุลนารีรับมาเปิด พศินพยักพเยิดให้เธอเดิน
“ไหนให้แก้มเริ่มไงคะ”เสียงหวานพร่าเบาชิดปากเขา ดูเชิญชวนจนคนถูกต่อว่าต้องกลืนน้ำลาย ยากเหลือเกินที่จะยั้งตัวเองได้ในเมื่อทุกสัดส่วนบนเรือนกายสาวที่เขาเคยสัมผัสมางดงามเย้ายวนนัก แม้ยามหลับตาก็ยังตราตรึงอยู่ในหัว ยิ่งคิดถึงก็ยิ่งอยากจับร่างนวลลออกดลงมาด้านล่างแล้วล่วงล้ำโลดแรงเสียเดี๋ยวนี้ปากได้รูปเผยอเปิดรอโดยไม่พูดอะไร หากก็บ่งบอกชัดว่าเขาต้องการให้เธอต่อแล้ว กุลนารีผ่อนลมหายใจยาว รู้สึกคนตรงหน้าช่างยั่วเสียจริง เดี๋ยวเธอจะรุกให้เขาระทวยเลยคอยดูกุลนารีเข่นเขี้ยวก่อนแตะไล้ลิ้นตนบนกลีบปากกระด้าง ตั้งใจยั่วเย้าชายหนุ่มก่อนจะสอดแทรกพัวพันกับปลายลิ้นอุ่นอย่างนุ่มนวลอ่อนหวานซ่านใจ มือบางลูบคลำอกหนากับกล้ามท้องเป็นมัดตามความพอใจ โดยลืมไปว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ได้ทำให้เจ้าของร่างสูงอ่อนระทวยทว่ายิ่งแกร่งกล้าขึ้นเท่าทวีคูณมากกว่าหญิงสาวถอนจูบย้ายมาขบเม้มใบหูอีกฝ่ายเมื่อคิดว่าตนเองน่าจะลองทำอย่างอื่นบ้าง แม้ในอกจะวูบวาบ เนื้อตัวร้อนผ่าว ทว่าก็อยากเดินหน้าปลุกกายหนุ่มต่อให้สำเร็จปลายลิ้นเล็กที่เลียเบาๆ ที่หูทำเอาพศินถึงกับต้องขบกรามแน่น ทั้งเจ้าตัวยังเปลี่ยนมาไล้ซอกคอเขาสลับเม้มแผ่วเบา มือหนา
ร่างบางยืนริมระเบียงกอดอกมองฝนที่โปรยปรายด้านนอกแล้วก็อดลูบแขนตนเองเพราะอากาศค่อนข้างเย็นไม่ได้ แต่เธอก็ชอบมอง ธรรมชาติแห่งขุนเขารอบทิศทางยามฝนตกให้ความรู้สึกชุ่มฉ่ำใจ คนที่แทบไม่มีเวลาได้พบเห็นความงดงามที่ธรรมชาติรังสรรค์ยิ้มบางครู่หนึ่งร่างกายเธอก็ถูกโอบล้อมด้วยความอบอุ่นกับกลิ่นกรุ่นอันคุ้นเคย“อากาศเป็นใจดีจัง”เสียงทุ้มพึมพำ ใบหน้าขาวคมคายแนบแก้มกับเธอขณะวางคาง คมสันมาบนบ่า“คุณวีก็”เธอเพียงท้วงเบาๆ อย่างเขินอายที่ชายหนุ่มวกเข้ามาเรื่องนี้อีกแล้วนับแต่คืนวันแต่งงานพศินไม่เคยปล่อยให้เธอนอนนิ่งๆ จนหลับไปเลยสักคืน ทั้งสองคนแต่งงานเมื่อสองอาทิตย์ก่อนทว่าเพิ่งมีเวลามาฮันนีมูน ซึ่งจริงๆ แล้วชายหนุ่มกับกุลนารีไม่เห็นว่าจำเป็นอะไร แต่บิดามารดาของทั้งสองฝ่ายอยากให้ใช้เวลาส่วนตัวด้วยกัน ทั้งคู่จึงพยายามเคลียร์งานและจองที่พักเป็นจังหวัดทางภาคเหนือ ช่วงปลายฝนเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศกำลังดี และกุลนารีโตที่ชลบุรี เธอได้เห็นทะเลบ่อยครั้งทว่ายังไม่เคยเที่ยวทางเหนือ พศินจึงตามใจ โดยมีญาดาช่วยเธอหาที่พักแสนโรแมนติกเหมาะกับคู่รัก‘บ่นว่าตัวเองไม่มีแฟนสักที สุดท้ายแต่งก่อนพริกอีกนะ’อีกฝ่ายแซ
“อะไรของแก”พ่อเธอสวนขึ้น ท่าทางไม่พอใจแต่มารดาจับแขนท่านแล้วพยักหน้าเล็กน้อย เห็นชัดว่าพ่อหงุดหงิด แต่กุลนารีลุกขึ้นก่อนแล้วเดินนำขึ้นไปชั้นบนเพราะคุยส่วนร้านด้านหน้าก็ต้องได้ยิน บิดายอมเดินตามเธอมาจนถึงชั้นสามซึ่งเป็นห้องของเธอ เป็นพื้นที่ที่กุลนารีคิดว่าน่าจะปลอดภัยเสียงไม่เล็ดลอดไปถึงแขก“แกมาขัดฉันทำไมห๊ะนังแก้ม แกก็เห็นว่าทางนั้นเขากำลังจะตกลงอยู่แล้ว”คุณสรรชัยเอ่ยเสียงเข้มทันทีที่ภรรยาของตนประตูปิดลง“มันมากไป พ่อเกรงใจบ้านคุณวีบ้างสิ แล้วก็พ่อไม่น่าพูดแบบนั้นเลย เรื่องแก้มกับเขามันต่างคนต่างเต็มใจ พ่อไปพูดเหมือนคุณวีล่วงเกินแก้มแบบนั้นได้ยังไง”เธอใส่เป็นชุด โมโหจนเสียงสั่นไปหมด“แกชักเอาใหญ่แล้วนะ ยังไงฉันก็เป็นพ่อแก ฉันมีสิทธิ์จะเรียกสินสอดแกเท่าไรก็ได้”“ไหนพ่อบอกว่าไม่ขายลูกกินไง แล้วนี่มันอะไร ถ้าพ่อเรียกขนาดนี้แก้มจะไม่แต่ง แก้มจะไปอยู่กับคุณวีเลย ไม่ต้องมีงานแต่ง สินสอดทองหมั้นอะไรทั้งนั้น”“นังแก้ม!”ร่างหนาของคุณสรรชัยพรวดเข้ามาหาลูกสาว ขณะที่หญิงสาวยืนนิ่งเชิดหน้าเข้าหา พร้อมรับมือเต็มที่ไม่ว่าจะเจอกับอะไร แต่คุณดวงกมลเข้ามาขวางสามีเอาไว้“อย่าพ่อ พ่อสัญญากับคุณวีเขา
‘แอบเก็บเงียบเลยนะคุณเลขา’ญาดาตัดพ้อมาตามสาย หากก็ไม่ได้ดูโกรธขึ้งวันนี้พศินกลับบ้านของเขา ชายหนุ่มบอกว่าจะไปคุยกับบิดามารดาเรื่องไปคุยกับที่บ้านเธอ ดูเหมือนเขาอยากไปภายในไม่กี่วันนี้ กุลนารียังกังวลว่าทางด้านครอบครัวของชายหนุ่มจะเห็นด้วยหรือไม่ กลัวกับสิ่งที่จะตามมาเมื่อครอบครัวของเขาไปเจอกับครอบครัวเธอ แต่ในใจส่วนลึกเธอมีความสุขกับคำขอแต่งงานจากพศิน“มันเกิดขึ้นเร็วน่ะ แก้มก็ตั้งตัวไม่ติดเหมือนกัน”เธอบอกไปตามตรง เพราะตัวเองก็ยังสับสนกับความสัมพันธ์ที่แปรเปลี่ยนกะทันหันอยู่‘นึกว่าแอบคบกันมานานแล้วเสียอีก’เพื่อนสาวพึมพำราวไม่น่าเชื่อ“เรียกว่าแอบมองล่ะมั้ง แก้มพยายามไม่คิดอะไรกับเจ้านาย แล้วก็คิดว่าตัวเองทำได้มาตลอด แต่มาถึงจุดนึงกลับรู้ว่าไม่ใช่”หากเป็นคนอื่นเธอคงไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจอย่างละเอียด แต่เพราะเป็นญาดา และเรื่องก็มาถึงขั้นที่อาจจะลงเอยด้วยการแต่งงานซึ่งหากเกิดขึ้นจริงเธอก็อยากให้อีกฝ่ายรู้เป็นคนแรก เป็นเพื่อนเจ้าสาวกุลนารีมีฝันหวานๆ เรื่องความรักและการแต่งงานตามประสาผู้หญิงทั่วไป แต่เพราะเธอต้องเลือกครอบครัวก่อน แม้จะอยากได้รับความรักจากใครสักคนมาตลอด ทดแทนทางบ้านที่