“ไม่น่าเชื่อ พ่อกับลูกโคตรเหมือนกันเลย”
“ก็ต้องตาลูกพ่อตามขานิคะอาบอล”
เสียงนี่ดังขึ้นเรียกเสียงหัวเราะพร้อมกับส่งรอยยิ้มเยาะไปสมน้ำหน้าเพื่อนปากหมาของตัวเอง เห็นไหมขนาดต้องตายังเข้าข้างพ่อตัวเองคงทนไม่ไหวกับความกวนตีนมั้ง
“ค่ะ อาบอลไม่เถียงเลยค่ะ ลูกพ่อตามขาจริงๆ”
“มา ติมหมดแล้วมานั่งตักพ่อดีกว่า” ว่าแล้วผมก็ขยับตัวเลื่อนถ้วยไอศกรีมไปด้านหน้าไอ้บอลแล้วจัดการช้อนโอบอุ้มร่างเล็กของต้องตาเข้ามานั่งตรงกลางระหว่างขาของตัวเองซึ่งมีพื้นที่เล็กน้อยแต่พอดีกับลูกก่อนคว้าแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาป้อนลูกสาวเป็นการตบท้าย ไอ้คำว่าติมผมได้ยินต้องตาพูดมานานแล้วนะไม่รู้ว่าเลียนแบบใคร ใครสอนใช่แม่ของต้องตาหรือเปล่าอันนี้ก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก “อร่อยมั้ย?”
“ติมอร่อยค่าพ่อตามขา มาอีกๆ”
มือเล็กเกาะขาผมทั้งสองข้างไว้แน่นหลังจากที่ดื่มน้ำเสร็จไปตอนก่อนหน้า ใบหน้ากลมมนมีแก้มยุ้ยหน่อยๆ สีแก้มแดงเล็กน้อยโดยธรรมดาเงยขึ้นจนสุดลำคอก่อนฉีกยิ้มแฉ่งอวดฟันเพื่อมองหน้าผมที่ก้มหน้าถาม
“คราวหน้าเดี๋ยวพ่อมาอีกเนาะ”
“เย้! พ่อตามขาใจดีที่สุดในโลกเล้ย....”
“อ้อนพ่อตามเข้าไว้นะคะต้องตา มาคราวหน้าทานเยอะๆ”
“ไอ้บอล”
ผมเอ่ยแค่นี้ทั้งที่ประโยคต่อมาอยากด่าแหลกใส่คำหยาบแบบซัดยับมากเหลือเกินแต่ต้องเก็บเอาไว้ยังไงก็อยู่ต่อหน้าต้องตา แค่คำว่ากู มึง หนักสุดก็แค่คำว่าเสือกก็พอแล้วอย่างอื่นโตขึ้นให้เรียนรู้เองดีกว่าอย่าพึ่งชี้โพลงให้กระรอกเลย
“คิกๆ อาบอลโดนพ่อตามขาดุ คิกๆ”
“พ่อตามขาของต้องตาดุน่ากลัวมาเลยค่ะ อาบอลกลัวๆ”
“คิกๆ อาบอลกลัวพ่อตามขา...”
ต้องตาพูดขึ้นในขณะที่ยังหัวเราะตามประสาเด็ก ไม่นานนักมือเล็กอวบชี้จิ้มจึกๆ เข้ามาตรงกระเป๋ากางเกงที่มีโทรศัพท์และกุญแจรถอยู่นูนอยู่ ผมรู้ดีว่าลูกสาวต้องการอะไรจึงล้วงเข้าไปเอาโทรศัพท์ให้ตั้งแต่นาทีนั้นมาลูกผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะได้แต่เลื่อนดูวีดีโอของเจ้ากระเป๋า
“ว่าแต่มึงมีอะไรไอ้บอล?”
ลงทุนตามมาจากไอจีที่ผมลงมันต้องไม่มีอะไรธรรมดาแน่นอนยิ่งคนอย่างไอ้บอลถ้าได้ชีพจรลงเท้าเมื่อไหร่เรื่องที่มันกำลังจะพูดก็ต้องสำคัญ
“เที่ยว”
“คงไม่เที่ยวแค่อย่างเดียว?”
“รู้ใจฉิบ”
ถ้าบอกว่าไม่ได้รู้ใจแต่ผมรู้จักสันดานของมันมากกว่า
“ไอ้บอล...” คราวนี้เสียงที่ผมใช้ค่อนข้างแข็งกระด่างผสมกับความจริงจังเพราะได้ยินคำหยาบออกมาเพิ่มรู้สึกไม่ค่อยชอบใจนัก “กูเคยบอกมึงว่าไง”
“กูขอโทษ”
“เออ”
พอเห็นมันขอโทษก็โอเคไม่ได้คิดอะไรมากมายจนทำให้ซีเรียสขนาดนั้นอีกอย่างมันก็มีบางเวลาพลั้งเผลอแต่อย่าให้มีบ่อยแล้วกัน
“วันนี้วันศุกร์”
ก็ใช่ไงวันนี้วันศุกร์พอผมไปรับต้องตาที่โรงเรียนก็ตรงมาร้านไอศกรีมแล้วมันแปลกตรงไหน
หรือว่า...
“ศุกร์หรรษาไงไอ้ตาม”
พูดจบไอ้บอลก็ยักคิ้วส่งมาให้เป็นอันว่ารู้กัน วันศุกร์สุดหรรษาสำหรับใครต่อใครไม่ว่าอาชีพไหนคืนนี้ก็คงต้องท่องราตรียาวหรือไม่ก็ไม่เมาไม่เลิก
“ศุกร์นี้คงไม่ใช่ของกู”
ว่าแล้วสายตาของผมก็มองก้มไปยังต้องตาเป็นเชิงบอกไอ้บอลว่าต้องดูแลลูกและยังไม่วายเอามืออีกข้างมาโอบกอดรอบตัวต้องตากันตกเก้าอี้เพราะเวลาดูโทรศัพท์ชอบไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
ดื้อเหมือนใครวะ
ไอ้บอลเข้าใจผมดีถ้าวันไหนต้องอยู่กับต้องตา ทุกอย่างมันจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงไม่ว่าจะเรื่องใดๆ ก็ตาม การเปลี่ยนแปลงของผมใช้ได้เฉพาะกับคนที่ตัวเองรักเท่านั้น
คนอื่นไม่มีทางเห็นหัวมัน
“งั้นกูก็มาเสียเที่ยวดิ” เสียงถอนหายใจของไอ้บอลดังขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้น่าเห็นใจสักนิดเดียวเพราะอาจมีประโยคต่อที่เหมือนจะเจาะจงกัดผมโดยเฉพาะ “มึงโคตรเป็นผัวดีเด่น นี่ถ้าเมียไม่ติดสอบก็คงไม่ปฏิเสธแน่”
“ใช่ไม่จำเป็นต้องสนใจคู่วิจัยแต่บางครั้งคนอย่างนายควรสนใจแยกแยะผิดชอบชั่วดีบ้าง ปีนต้นงิ้วไม่สนุกหรอชอบแย่งของชาวบ้านหรือไง” การเปิดเพลงดังเต็มหูก็ไม่ช่วยให้ความใจร้อนของจ๋าดีขึ้นเมื่อเพื่อนฉันคนนี้ยังได้ยินอีกทั้งตอนนี้ถอดหูฟังออกพร้อมหัวร้อนเต็มที่ “ส่วนแกยัยตูนบอกชาวเสือกรับรู้บ้างจะได้หายเสือกสักที!”Rr...แต่แล้วในขณะที่ฉันอยู่คั่นกลางสนามรบระหว่าเพื่อนรักกับรุ่นน้องโทรศัพท์ก็ดันดังขึ้นมาพอดีสองคนนี้ถึงหยุดทะเลาะกัน“แป๊บนะ”ว่าแล้วฉันก็ลุกขึ้นจากโต๊ะเดินไปอีกช่วงหนึ่งซึ่งระยะห่างพอสมควรจากนั้นก็ปัดหน้าจอรับสาย“ค่ะพี่ตาม”[ตูนนี่มันอะไร กิจกรรมบ้าเหี้ยอะไร?]เอ้า... จู่ๆ ก็ถูกเป็นที่รองรับอารมณ์เฉยอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร พี่ตามเห็นฉันรับสายก็พูดใส่ๆ รัวแบบนี้ได้ด้วยหรือไง“นี่มันเรื่องอะไรค่ะ กรุณาเกริ่นหัวข้อด้วย”[ก็อาทิตย์ก่อนไงที่เธอกับลูกไปงานกิจกิจกรรมโรงเรียน]“แล้ว?”ก็ไปทำกิจกรรมร่วมกับผู้ปกครองคนอื่นๆ กับต้องตาด้วยก็ไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเทอมหนึ่งก็เหมือนมีการจัดครั้งหนึ่งด้วย กิจกรรมส่วนมากก็เป็นกิจกรรมสร้างสรรค์ในด้านความสัมพันธ์กับผู้อื่นเพื่อเ
“ถ้าเป็นแบบนั้นจริงพี่ตามคงแอบรักแกมาปีหนึ่งแล้วล่ะเพื่อน เขาถึงได้นับอีกปีหนึ่งรวมด้วยอีกทั้งยังให้เกียร์แล้วด้วยโชคดีอะไรขนาดนี้จ๊ะแม่ตูนขา” จ๋าจ้องมองที่ข้อมือของฉัน เครื่องประดับชิ้นแรกที่ฉันยังไม่ได้ถอดตั้งแต่วันนั้น “แต่ทำไมพึ่งให้เกียร์ อันนี้ไม่เข้าใจ”“พึ่งนึกออกมั้งว่าควรให้ฉัน”ใช่ที่พูดออกไปฉันประชดผสมกับความหงุดหงิด“อยากได้เกียร์พี่เขาตั้งนานแล้วดิถึงพูดพร้อมกับแสดงอาการแบบนี้ออกมาให้เพื่อนอย่างฉันเห็นได้ ตูนฉันจะบอกอะไรให้นะบางครั้งคนเราก็มีเหตุผลส่วนตัวกันทุกคนอยู่แล้วเปล่า บางคนก็พูดออกมาให้คนอื่นรับรู้แต่บางคนก็เลือกแสดงออกทางการกระทำดีกว่าเหมือนผัวแก พี่ตามเป็นผู้ชายพูดไม่เก่งเท่าไหร่แต่สิ่งที่ฉันเห็นชัดในแววตาเขาคืนนั้นหรือแม้ตอนที่เจอทุกครั้งเขาชัดเจนกับแกและต้องตามาก อยู่กันมาตั้งหลายปีแกไม่เคยเห็นเหรอบอกเลยว่าคนรอบข้างเขาเห็นหมดแล้ว”“รู้”ไม่งั้นฉันจะรักผู้ชายคนนั้นทำไมส่วนบางอย่างก็เลือกสงสัยแต่ไม่ถามก็เท่านั้น“สงสัยก็ถามมีอะไรก็ถามเปิดใจพูดไปเลยจะได้มีความสุข ชีวิตมันสั้นนะหาความสุขใส่ตัวไม่ดีกว่าคว้าความทุกข์เข้ามาไม่ใช่ แกมีครบทุกอย่างแล้วนะตูนอย่าปล่อยหลุ
“จะมีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าวิจัยในตอนนี้บอกเลยไม่มีอีกแล้ว” มันก็จริงเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมารวมไปถึงอาทิตย์นี้ทั้งฉันและจ๋าเข้าออกมอเป็นว่าเล่นทุกวัน แบกคอมมาเพื่อแก้งานใต้ตึกเพื่อความรวดเร็ว “หมดกันแพลนเที่ยวที่วางไว้ก่อนจบ”“อย่าบ่นรีบทำจะได้รีบจบ”“เห้อ” ไม่วายจ๋ากรอกตาบนพร้อมกับเสียงถอนหายใจราวกับชีวิตนี้วอดวายไปหมดโดยมีวิจัยจบเป็นตัวการสำคัญมาก “กูถามจริงเถอะตูน เราสองคนจะจบมั้ยวะ”“จะไม่จบก็ตรงวิจัยนี้แหละ”เอาความจริงเลยนะฉันก็โคตรเบื่อหน่ายมากมายเพียงแค่ไม่แสดงออกมากเหมือนจ๋าเพื่อนตัวเอง เราสองคนทำงานอยู่ใต้ตึกคณะตัวเองซึ่งมีคนอื่นๆ ด้วยประปรายเพราะปีอื่นสอบเสร็จปิดภาคเรียนไปหมดเหลือแค่ปีสุดท้ายอย่างพวกฉันเท่านั้น ถ้าส่งวิจัยตัวนี้เสร็จก็เป็นอันว่าทั้งฉันและจ๋าก็จบอย่างเป็นทางการแต่มันติดตรงที่ได้แก้แล้วแก้อีกจนไม่มีอะไรจะแก้นี่สิ!“นั่นดิ คนเก่งๆ ก็ผ่านกันหมดแล้ว”“พูดขนาดนี้ด่าว่าเราสองคนโง่เลยมั้ยอีจ๋า!”ฉันขึ้นอีแล้วนะส่วนจ๋าจากที่ทำหน้าโง่บัดนี้เปลี่ยนมาเป็นใบหน้าแดงกร่ำเพราะถูกฉันตอกหน้ากลับ วิจัยจบอาจารย์ให้ทำเป็นคู่ไงผมมันต้องตกแบบนี้อยู่แล้ว ทั้งจ๋าและฉันไม่มีใครคบหรอก
อ๋อเรื่องนี้เองลืมเสียสนิทเลยใช่อะไรที่เกี่ยวกับตูนไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีไม่ดี โดนรักแกโดยใครผมไม่เคยไม่รับรู้แต่ทำเป็นเฉยไม่คิดใส่ใจนั่นมันก็แค่ฉากหนึ่งที่ผมแสดงออกไปแต่สิ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งมันคือความไม่พอใจต่างหาก ทุกคนล้วนมีมุมนี้ต่อหน้ายิ้มแย้มใจดีเหมือนโง่ไม่มีพิษภัยแต่ลับหลังไม่ใช่ ผมเอาคืนทุกคนเก็บมันทุกเม็ดทุกดอกคนแรกว่าให้ตูนแรดร่าน ผมทำให้ลูกมันแรดร่านคูนสอง คนที่สองว่าให้ตูนให้ผู้ชายดีกว่าครอบครัว ผมทำให้ลูกมันหนีไปกับผัว คนที่สามว่าให้ตูนเป็นเสนียด ผมทำให้ลูกมันไม่มีใครคบ คนที่สี่ว่าให้ตูนเป็นผู้หญิงเลวท้องคามหาลัย ผมทำให้คนอื่นทำลูกมันท้องคามัธยม คนสุดท้ายว่าให้ตูนทำให้ครอบครัวอับอายเดินทีแทบเอาปี๊บมาคุมหัว ผมจึงทำให้ครอบครัวมันอับอายหนักหน่วงเดินทีคงเอาปิ๊บมาคุมอย่างที่ปากหมาๆ เคยพูดจริงทุกอย่างคือฝีมือของผมที่ทำทิ้งไว้ก่อนย้ายจากกระบี่ทำมันด้วยอำนาจของเงิน“...”“เงียบอย่างงี้แสดงว่าลืม”“ด่าเมียกูทำไมล่ะ สมอยู่ดีไม่ว่าดีขี้เสือกนัก” ใช่ผมเข้าข้างเมีย เข้าข้างตูนตั้งแต่ต้นแต่ไม่ช่วยเหลือต่อหน้าคอยหนุนหลังมากกว่า “ตูนเป็นคนแรกเลยนะที่กูทำให้แบบนี้”“กูเชื่อมึงเลยจริ
“กูไม่อยากมาที่นี่ไง ไม่อยากมาตั้งแต่แรก” อีกครั้งหนึ่งกระเป๋ากางเกงสั่นรัวด้วยเครื่องมือสื่อสาร ผมล้วงออกมาหน้าจอก็บอกว่าปลายสายคือใคร “แม่ง... ซวยแล้วไง”“ถ้าไม่กลัวเมียก็บอกไปตามตรงไอ้ตาม ไหนพิสูจน์ให้เพื่อนรักมึงคนนี้เห็นหน่อย” การโดนหลอกจากไอ้เฮียติมันเป็นแบบนี้เองผมพึ่งรู้ซึ่งถึงหลายคำด่าของไอ้บอลที่มันเคยด่าไอ้ห่าตรงหน้าผม คำสัญญาบ้าบอพวกนั้นก็แค่ข้ออ้างความเป็นจริงมันต้องการแก้แค้นที่ผมทำกับญาติมันต่างหาก การที่มันไม่ห้ามแต่ก็ใช่จะไม่เอาคืนแค่การเอาคืนมีวิธีต่างกันออกไปต่างหาก “เอาเลยเพื่อนบอกเมียเต็มที่กูรอฟังอยู่ถ้าแน่จริงบอกอยู่ซ่อง บอกจริงกูไม่ล้อมึงเลย”“...”ควาย ความคิดควายล้วนๆ ไม่มีวัวผสมสักนิด“แต่ถ้ามึงโกหกไอ้ตูนเกิดรู้ทีหลังแม่งความรู้สึกพังนะเว้ยคิดดีๆ และกูล้อมึงยันลูกบวชอ่ะเอาดิ”Rrrr...“ฮัล...”[พี่ตามอยู่ไหน ทำไมกลับช้าขนาดนี้เกือบชั่วโมงครึ่งแล้วนะไม่ถึงบ้านสักที แอบไปทำอะไรไม่ดีมาอีกแล้วใช่มั้ยหรือว่าแอบเที่ยวอีก!] ยังไม่ได้โหลเลย ช่องว่างเต็มไปด้วยประโยคคำถามของตูน“อืม...”[อืมอะไร ถามว่าอยู่ไหน?]“อยู่ซ่อง...”คำหลังเสียงผมเบาหวิวเช่นเดียวกับปรายสาย ที่
ดูแลดวงใจของแม่ให้ดีนะลูก แม่ขอให้รักตูนเท่าครึ่งที่แม่รักแค่นี้ก็พอใจแล้วกระทั่งวันเวลาผ่านไปปีกว่าตอนนี้ผมย้ายจากระบี่เข้ามาในเมืองใหญ่เพื่อเปิดธุรกิจของตัวเองรวมไปถึงดูแลธุรกิจของครอบครัวพ่วงท้ายด้วยธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งที่บางครั้งต้องบินไปกระบี่การมาบ้านในครั้งนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงผมแยกออกมาจากบ้านใหญ่แน่นอนว่าตูนก็มาด้วยส่วนความสัมพันธ์ของผมกับตูนก็มีดีบ้างแย่บ้างปะปนกันไป ผมพยายามทำให้เธอเป็นผู้หญิงเข้มแข็งกับทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิตแล้วความฉลาดก็เริ่มขึ้นจากที่มีอยู่น้อยก็สะสมขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นมากตูนระเบิดอารมณ์ออกมาเป็นครั้งแรกผ่านสายโทรศัพท์กับผมคืนนั้นผมจำจนตายเพราะเธอมีไพ่เหนือกว่าวันนั้นดึกแล้ว... ผมกำลังจะกลับบ้านก็พบไอ้เฮียติมันยืนพิงรถตัวเอง มันเอ่ยทวงสัญญาจากผมทั้งที่หายไปเกือบปีกว่าจนผมนึกว่ามันลืม“หวังว่ามึงยังไม่ลืมว่าสัญญาอะไรกับกูไว้ไอ้ตาม”“ต้องการอะไรว่ามา จะได้จบๆ นี่อะไรมาทวงเกือบจะสองปีแล้วใครไม่ลืมก็บ้าแล้ว” ผมทำหน้าที่ขับรถไม่มองหน้ามันแต่ก็ตอบรับทุกประโยค “รีบหน่อยดึกแล้วกูต้องไปหาลูกเมีย”“เป็นคนรักลูกรักเมียเข้ามาทันทีเลยว่ะ”“ลูกกูก็หลานมึง