คาเลบรู้สึกเหมือนกับทั้งเดวี่และจูนเอามีดมาแทงหลังของเขาด้วย ความเจ็บปวดของ
อเล็กซิสเป็นความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อด้วย เดวี่อาจเป็นเด็กดีก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง และมีเหตุผลอยู่สองอย่างที่ทำให้คนคนนั้นเปลี่ยนไป หนึ่ง เวลาทำให้คนเปลี่ยน และสอง เราอาจไม่เคยทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้นจนวันที่แสดงออกมา เบียนน่ามองหน้าสามี เร่งให้เขาพูดอะไรก็ได้กับลูก เพราะว่าเธอกลับร้องไห้เสียเอง เมื่อเป็นเรื่องของลูก เบียนน่ากลับอ่อนไหวโดยเฉพาะเวลาที่ลูกของเธอเป็นทุกข์ ผู้เป็นแม่ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ นอกจากแบ่งปันความเจ็บปวดของลูกสาวแทน“นั่นก็เป็นเพราะว่าลูกสาวของพ่อเป็นเด็กดี ลูกจึงสมควรมีเพื่อนที่ดีกว่านี้ และมีแฟนที่ดีกว่าเขาด้วย พ่อตอบไม่ได้หรอกนะ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำร้ายลูกสาวของพ่อ แต่พ่อรู้ว่าชีวิตของลูกต้องดำเนินต่อไป ความรักบางอย่างอาจมีวันหมดอายุ แต่ความรักของพ่อไม่เคยหมด ความรักของครอบครัวก็เช่นกัน พ่อไม่อยากให้ลูกร้องไห้คร่ำครวญที่พวกเขาทรยศลูก แต่ร้องเพื่อระบายมันออกมา การร้องไห้ช่วยบรรเทาความเศร้าได้ เชื่อพ่อสิ พ่ออยากให้ลูกเข้าใจว่ามันไม่ใช่จุดจบ ชีวิตยังมีอีกมาก ลูกจะพบกับความสุข ความผิดหวัง บางครั้งลูกชนะ บางครั้งลูกแพ้ ปะปนกันไป ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ลองคิดว่าลูกโชคดีแค่ไหนแล้วที่เห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก่อนที่จะสายเกินไป ลูกมีเพื่อนแท้มากมาย อย่างเอโลดี้แล้วยังคนอื่นอีก พวกเรารักลูกมากนะ เป็นห่วงลูกที่สุดเลย และพวกเราจะอยู่เคียงข้างลูกตลอดเวลา”
พอฟังบิดาพูดจบ อเล็กซิสเงยหน้าขึ้น น้ำตาหยดลงเผาะ ๆ
“พ่อคะ” เด็กสาวพิงศีรษะลงบนอกของคาเลบจากนั้นร้องไห้ออกมาในที่สุด เขาและเบียนน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธอเปิดเผยความรู้สึกออกมา
“โธ่ ลูกแม่” เบียนน่าหอมแก้มเด็กสาวเบา ๆ
“ตอนนี้หน้าของหนูคงเละหมดแล้วใช่ไหมคะ มาสคาร่าทำหน้าหนูพังแล้ว...”
คาเลบและเบียนน่ายิ้มให้กัน ในเวลาแบบนี้ อเล็กซิสยังมีอารมณ์ขัน “หน้าของลูกไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ามาสคาร่าที่ลูกใช้อยู่กันน้ำได้ดีสมราคาคุยแล้ว”
ในอ้อมกอดของพ่อ เด็กสาวหัวเราะทั้งน้ำตา คาเลบหวังว่าความรักของเขาจะส่งผ่านไปถึงเธอ และชำระล้างความเจ็บปวดทั้งหมดออกไป
“พ่อคิดว่าหนูทำให้จูนคิดว่า หนูเลือกคบแต่กับเอโลดี้หรือเปล่าคะ”
คาเลบส่ายหน้า “มันไม่ใช่ความผิดของลูก ถ้าให้พ่อพูดตรง ๆ ช่วงหลังมานี้ ลูกอยู่กับเอโลดี้มากกว่าจูนจริง ๆ จูนอาจรู้สึกอิจฉาหรือน้อยใจไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จูนจะทำแบบนี้กับลูก ลูกกับจูนเป็นเพื่อนกัน ก็ควรจะคุยกันตรง ๆ มากกว่า”
“นั่นคือสิ่งที่หนูคิดค่ะพ่อ หนูรักพวกเขามาก แต่พวกเขาใจร้ายกับหนูเหลือเกิน”
พวกเขาคุยกัน ถกเถียงกันต่าง ๆ นานา ทั้งยังปลอบใจอเล็กซิสจนหลับไป ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รักครั้งแรกจะกลายเป็นรักแท้ แต่อย่างน้อยอเล็กซิสโชคดีที่เห็นว่าเดวี่เป็นคนอย่างไรก่อนที่ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะพัฒนาไปไกล พวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตคู่กับคนที่ไม่ใช่ หรือแต่งงาน หรือมีลูกด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าเด็กสาวอ่อนไหวขนาดไหน แม้อเล็กซิสพยายามปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไป แต่การที่ต้องเห็นภาพแบบนั้นคงเป็นเรื่องที่ฝังใจน่าดู ดังนั้น พอพวกเขามองหน้ายามหลับของเธอแล้ว รู้ว่าลูกสาวยังคงฝันเห็นแต่พวกเดวี่และจูนอยู่แน่ ๆ คาเลบและ
เบียนน่าจูบหน้าผากของอเล็กซิสแล้วปล่อยให้ค่ำคืนเยียวยาหัวใจที่แหลกสลายไปเองเจสซี่ ไบรซ์ และชาร์ลีนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหาร ทั้งหมดรับประทานอาหารเย็นง่าย ๆ ที่ไบรซ์ทำให้ นั่นคือ แซนด์วิช กลิ่นเหม็นไหม้กระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน หรือแม้แต่จะแสดงความรับผิดชอบว่าเกือบทำให้บ้านไฟไหม้ไปแล้ว
“น้องเป็นไงบ้างครับ” เจสซี่ถามพลางส่งสายตาคาดคั้นพ่อและแม่
“หลับแล้ว” เบียนน่าตอบ
“แต่น้องยังไม่ได้กินข้าวเลยนะครับ”
“แล้วจะให้แม่ปลุกน้องมากินหรือไง”
ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย”
“ให้น้องพักผ่อนเถอะจ้ะ”
“แล้วเธอดีขึ้นไหมคับ” ชาร์ลีถาม เขาอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมพี่สาวถึงเศร้าเพราะฝุ่นเข้าตาถึงขนาดนั้น และเดวี่ทำอะไรกับพี่ของเขา แต่เขาขอแค่อยากมีส่วนร่วมบ้าง
คาเลบพยักหน้า ต้องดีขึ้นแน่นอน
เวลาสองทุ่มครึ่ง ช่วงอาหารเย็นดำเนินไปอย่างช้า ๆ พวกเขาต้องนั่งฟังเจสซี่บ่นและสบถใส่เดวี่กับจูน (โดยมีเบียนน่าคอยเอ็ดเวลาเขาใช้คำหยาบ) ถ้าเดวี่อยู่ตรงนี้ เจสซี่คงฆ่าเจ้าหนุ่มเรียบร้อย เจสซี่เป็นพวกหัวร้อน คาเลบยังจำได้เลยว่า เพื่อน ๆ ของเจสซี่แปลกใจแค่ไหนเมื่อเขาตัดสินใจจะเรียนกฎหมาย พวกเขาต่างคิดว่า เจสซี่จะสมัครเข้าสมาคมกีฬาหรือไม่ก็สมัครเรียนคอมพิวเตอร์โปรแกรม เขาอาจจะเป็นนักเรียนแถวหน้าแต่ไม่ใช่พวกหน้าติดหนังสือเหมือนกับไบรซ์ ไม่ใช่แค่นั้น คาเลบกับเบียนน่าทึ่งไม่น้อยที่เขาสามารถเรียนจบด้วยคะแนนดีเยี่ยม อย่างน้อย ทั้งสองชื่นชมความพยายามของเขามากพอสมควร
และสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันเกิดอีกจนได้ เดวี่มาหาอเล็กซิสที่บ้าน
เสียงกริ่งดังเมื่อตอนเข็มนาฬิกาเลื่อนไปยังเลขสิบเอ็ด คาเลบเห็นเดวี่ยืนอยู่หน้าประตู เขาดึงคอเสื้อเจสซี่ได้ทันก่อนที่ลูกชายจะทำร้ายอดีตแฟนน้องสาว “พ่อคุยกับเขาเอง เจสซี่ ลูกเรียนกฎหมายมาไม่ใช่เหรอ ใช่หรือเปล่า สงบใจบ้างสิ กลับไปที่ห้องเลย” คนเป็นพ่อเตือนและเอ็ดไปด้วย
เพราะเป็นคนหัวดื้อ เจสซี่จึงคำรามออกมาอย่างหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก่อนจะย่ำเท้าหนัก ๆ เดินออกไป คาเลบเปิดประตูออกไปเจอกับเด็กหนุ่ม เขาทำหน้าสำนึกผิดและดูเหมือนจะค่อนข้างเกรงใจคาเลบมากเป็นพิเศษ เพราะรูปร่างแบบนักกีฬา ไหล่กว้าง คิ้วเข้ม ผมสีบลอนด์ออกน้ำตาล และหน้าตาหล่อเอาเรื่องขนาดนี้ คงไม่แปลกที่เขาจะเอาชนะใจสาว ๆ ได้มากมาย เท่าที่คาเลบสังเกตจากอากัปกิริยาของลูกสาวตัวเองที่มีต่อเดวี่ อเล็กซิสคลั่งเขามากเลยทีเดียว เดวี่เคยเป็นเด็กดี แต่ก็เป็นเพียงเด็กผู้ชายและเป็นเพศชาย ยิ่งโต เขายิ่งแข็งแรงและดูดีมากกว่าเมื่อปีที่แล้วเสียอีก คาเลบนึกถึงตอนที่ทั้งเดวี่และอเล็กซิสจูงมือกันมาบอกพวกคาเลบว่า ทั้งสองกำลังคบหากัน มันผ่านมาหนึ่งปีแล้วหรือนี่ ส่วนจูนก็ไม่ใช่เด็กสาวหน้าตาน่าเกลียดเลยสักนิด คนอาวุโสกว่าอย่างคาเลบเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายเป็นอย่างดี พวกผู้ชายบางคนสามารถเปลี่ยนใจได้ทันทีเพียงแค่ชายตามองผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้ชายอีกจำนวนหนึ่งก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้น เขาเคยคิดว่าเดวี่เป็นข้อยกเว้น คาเลบโทษตัวเองเหมือนเคย
“อเล็กซ์เป็นอย่างไรบ้างครับ” เขาถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“สบายดี” คาเลบตอบเสียงเย็นชา
แน่นอนว่าเด็กหนุ่มจับน้ำเสียงแสดงความห่างเหินของพ่อแฟนสาวได้ เสียงของเดวี่เบาลงเพราะกลัวคาเลบจะดุ พอเขาพูด จึงฟังแล้วเหมือนเดวี่กำลังพูดงึมงำอยู่คนเดียว
“ผมขอโทษ...ครับ ผะ ผะ ผมรู้ว่ามันดึกแล้ว ตะ แต่ผมขอคุยกับ...อเล็กซ์ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ
“ไม่ได้หรอก เธอหลับแล้ว กลับบ้านเถอะเดวี่ ลุงคิดว่าเวลานี้คงไม่สมควรเท่าไรนะ”
ดูเหมือนเดวี่ต้องใช้ความพยายามอยากมาก จึงจะควบคุมตัวเองให้พูดเป็นปกติได้สำเร็จ “ผมเสียใจ ผมเสียใจจริง ๆ คุณยกโทษให้ผมได้ไหม ให้อเล็กซ์ยกโทษให้ผมได้ไหม ผมรักเธอ จริง ๆ นะครับ ได้โปรดอภัยให้ผมเถอะ ได้โปรดบอกเธอว่าผมเสียใจ ผมเสียใจมากที่ทำให้คุณผิดหวัง แล้วยัง...ผมขอโอกาส...จากคุณและอเล็กซ์”
เด็กหนุ่มไม่ขยับ คาเลบเริ่มเห็นใจเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น เท่าที่เห็นตอนนี้ เดวี่รู้สึกผิดจริงและยังห่วงลูกสาวของเขา แถมยังกล้าพอที่จะมาหาอเล็กซิสถึงที่บ้าน เบียนน่าคงพูดว่าทุกคนล้วนทำผิดกันได้ทั้งนั้น ทุกคนควรได้รับโอกาสครั้งที่สองและการให้อภัย
แต่เขาหลอกลวงอเล็กซ์ เขาทำให้ลูกของเราร้องไห้ โทสะของผู้เป็นพ่อเดือดขึ้นมาอีกครั้ง และใจที่อยากจะให้อภัยนั้นมลายหายไป
“อเล็กซ์จะเป็นคนตัดสินเอง กลับบ้านเถอะเดวี่ พ่อแม่ของนายจะเป็นห่วงเอา” เขาเตือนเด็กหนุ่ม โดยที่ไม่ทราบว่าพ่อแม่ของเดวี่ไม่อยู่บ้าน เดวี่รับฟังแล้วเดินกลับไปยังจักรยานของตัวเอง คอตก เศร้าและเสียใจ
คาเลบถอนหายใจ วันนี้อาจไม่ใช่วันที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันเป็นเพียงแค่วันหนึ่งที่
อเล็กซิสพบว่า ชีวิตย่อมพบเจอกับความผิดหวัง ความรักก็เป็นหนึ่งในเรื่องนั้น แล้วพรุ่งนี้ พายุก็จะหย่อนกำลังลง ลูกสาวของเขาก็จะเข้มแข็งขึ้นในวันต่อไป“บอกแล้วไงเอดี้ ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์ ไม่เข้าใจหรือไง” อเล็กซิสโต้ตอบกับเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์บ้าน“ไปเถอะนะ เธอต้องเจอเพื่อนบ้างนะอเล็กซ์ จะเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่กับบ้านไม่ได้เด็ดขาด นะ ๆ ฉันไปด้วยเหมือนกัน” เพื่อนสาวขอร้องมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชนะนิสัยช่างตื๊อของเอโลดี้ อเล็กซิสจึงจำเป็นต้องตอบตกลงไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของเวด มิลเลอร์ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจอยากไป เพื่อนกับเหล้า อันไหนจะช่วยให้ฉันเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ ในหัวได้ดีกว่ากันนะหลังจากวันนั้น วันที่อเล็กซิสจับได้ว่าเดวี่นอกใจเธอ เขาคอยโทรมาหาเธอเกือบทุกชั่วโมง ในวันถัดมา เดวี่มาหาที่บ้านอีกครั้ง อเล็กซิสจึงตัดสินใจบอกเลิกอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยอมฟังคำขอโทษเพื่อจบทุกอย่างให้สมบูรณ์ แม้ยังรักเดวี่มากอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ไม่เหลือความไว้วางใจในตัวเขาแล้ว หนำซ้ำอาการช้ำในยังสาหัสอยู่มาก เธอทำใจคบต่อกับเขาไม่ได้ ทว่าทั้งที่บอกเลิกเดวี่ไปแล้ว เขากลับยังปรากฏตัวในความฝันของเธอเสมอ มันน่าสมเพชที่เธอยังอยากที่จะฝันถึงเขา เพราะในความฝัน เธอลืมไปว่าทั้งสองเลิกกันไปแล้ว เธอชอบฝันเรื่องคืนงานพรอมที่ผ่านมา อเล็กซิสคิดว่ามันอาจจะ
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเลย อย่าซีเรียสดิ” อเล็กซิสรีบบอกทันที รู้สึกผิด เพราะเดวี่เป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เจ้าเล่ห์ “จริง ๆ ชวนแล้ว แต่สองคนนั้นไม่มาเอง จูนน่ะไม่แปลกหรอก ยัยนี่แทบไม่อยากจะไปบ้านใคร แต่ตอนแรกเดวี่ก็ว่าจะมา แต่พอรู้ว่าทุกคนรู้เรื่องแล้ว เขาก็เลยเปลี่ยนใจ”เขาอวดรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ถ้าหากว่าเดวี่ไม่ได้ยิงประตูแห่งชัยชนะจนทำให้ทีมฟุตบอลคว้าถ้วยรางวัลไป เวดอาจจะได้เป็นราชางานพรอมก็ได้ เวด มิลเลอร์เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียน แล้วยังเป็นคู่แข่งชิงทุนรัฐบาลกับเธอด้วย เขามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับเดวี่ ทั้งส่วนสูง ผมสีบลอนด์ หุ่นล่ำแบบนักกีฬา บวกกับรอยยิ้มที่น่าหลงใหล แต่เวดไม่ใช่เด็กหนุ่มขี้อายเหมือนเดวี่ ตรงกันข้าม เขาเป็นคนพูดเก่ง พูดเสียงดังฟังชัด ชอบเข้าสังคม ส่วนเดวี่ชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า เวดมักจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านของตัวเองเป็นประจำ“นายนี่มัน...” “เอ้า เข้าไปได้แล้ว เร็ว ๆ” เขาเร่งเธอเมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เด
เมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง พวกเราจะสั่งสอนเจ้าเดวี่ให้ แล้วเราจะส่งคืนตัวเขากลับมาให้ถึงมือเธอเลยนะ”เธอรู้ว่าพวกเขาพยายามจะให้กำลังใจ แต่อเล็กซิสก็อดรู้สึกอายไม่ได้ที่พวกเขาพูดเหมือนกับว่าทั้งสองจะกลับมาคบกันได้อีกขณะเดียวกัน เมื่อเธอเจอกับเพื่อนคนอื่น ๆ อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเดวี่ไม่มา เอโลดี้น่าจะประกาศเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนในเมืองรู้กันถ้วนหน้า เพราะเมื่อเธอเจอกับทีมนักบาสของตัวเอง สาว ๆ พร้อมใจกันพูดด่าเดวี่ “หมอนั่นมันไอ้งั่งชัด ๆ อเล็กซ์ เธอจะหาแฟนที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน”ยังมีทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ทุกคนเปรียบเสมือนกับลูกน้องของเอโลดี้ ตะโกนด่าจูนให้เธอฟังอย่างออกรส “อย่าสนใจยัยสารเลวนั่นเลย! ถ้าเราเจอยัยนั่น เราจะจัดการให้เธอเอง”ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงอารมณ์เดือดดาลก็มักจะน่ากลัวกว่าเวลาปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเธอพร้อมใจกันเกลียดคนคนเดียวกัน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็ไม่ต่างไปจากไฟป่าที่ลุกโหมอเล็กซิสรู้ว่าชื่อเสียงของจูนมีทั้งกระแสบวก
“โอ๊ะ ขอโทษนะ” เสียงแหบ ๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นจากความทรงจำเก่า ๆ เด็กหนุ่มผมแดงสวมเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงยีนเก่า ๆ พยายามทรงตัว เขาถือเบียร์สองแก้ว “มันมืด...คือ”“ไม่เป็นไร ๆ ไม่เจ็บหรอก” เธอบอก ปัดน้ำตาออกจากแก้มเขามองหน้าอเล็กซิสที่มีคราบน้ำตา แววตาบ่งบอกว่าเห็นใจ“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะนายชนหรอก อย่าคิดมาก” เธอบอก กะจะเดินออกจากสถานที่หลบภัยชั่วคราวแห่งนี้“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ” เขาถามโดยไม่ยอมสบตา มันเป็นบุคลิกของเขาเอง ออสโล่ค่อนข้างขี้อาย“ไม่เลย ทำไมนายมาคนเดียว คริสติน่าอยู่ไหนล่ะ” เธอถาม ออสโล่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิชาเลข และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนเหมือนกัน“ก็...ฉันมากับคริสติน่านั่นแหละ แต่คนที่เธอแอบชอบมาคุยกับเธอ ฉันก็เลย....” พวกเขายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ เขาจึงไม่ต้องอธิบายต่อ ออสโล่เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัด เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าตกกระ“ฉันได้ยินมาว่าเธอสอบติดที่เดลฟี ยินดีด้วยนะ” เขาว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเดวี่และจูน ไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงมัน“ขอบใจ แล้วนายล่ะ”“ติดวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่อีสท์แลนด์”“เจ๋งนะนั่นนะ” เธอมอ
เวลาตีสอง คาเลบและเบียนน่าไม่อาจข่มตานอนหลับได้สนิท เพราะลูกคนที่สามยังไม่กลับบ้าน พวกเขาพยายามโทรหาเอโลดี้อยู่หลายรอบ แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติดสักที เพราะสายโทรศัพท์ที่บ้านเอโลดี้มีคนถือสายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพื่อนของลูกสาวก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ทั้งสองเริ่มวิตกกังวลและกลัวไปต่าง ๆ นานา จินตนาการว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอเล็กซิสก็เป็นไปได้ ทำไมโทรศัพท์ไม่ว่างเลยสักที เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องที่บ้านมิลเลอร์แน่นอน เขาลองโทรเข้าบ้านมิลเลอร์เพื่อเช็กว่ายังมีงานปาร์ตี้จัดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าติดสายเหมือนกับบ้านเอโลดี้ คาเลบจึงคิดอยากขับรถไปคฤหาสน์หลังนั้นให้รู้แล้วรู้รอด“ทำไมพ่อกับแม่ไม่นอนกันอีกคะ” ไบรซ์เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เธอคงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่นอน และคงได้ยินเสียงคนในห้องรับแขกเจสซี่ก็เดินลงมาจากห้องตัวเองเหมือนกัน “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมยังไม่นอนกัน”“น้องสาวของพวกเธอยังไม่กลับมาเลย” เบียนน่าบอก “พวกเราโทรหาเพื่อน ๆ อเล็กซิสไม่ได้เลย สายยุ่งอยู่ตลอดเวลา”คาเลบที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเบอร์มือถือของคุณมิลเลอร์บ่นออกมา “ไม่มี ผมไม่มีเบอร์เขา ไปบ้านเขาเลยดีกว่า ให้ตายเถอะ
คาเลบสาบานได้เลยว่าเห็นเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกล้ำกลืนคำพูดและโทสะที่สาดเข้ามาราวกับห่ากระสุนลงไปเฮือกใหญ่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะคงสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดตาม หญิงสาวที่ตะโกนอยู่นั้นชื่อ แมรี่ คาร์เตอร์ เป็นแม่ของเบลินดา คาร์เตอร์ ประธานสภานักเรียนและหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนรัฐบาล ลูกสาวของเธอสอบติดวิทยาลัยเดียวกับอเล็กซิส และตอนนี้ คุณนายคาร์เตอร์กำลังเบี่ยงประเด็น ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะเคยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ความจริงก็คือ หากลูกสาวของเธอเป็นแขกในงานนั้นก็เป็นเหตุผลที่ตำรวจจับเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็นะ ทุกคนก็อยากจะช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น“เราคุมตัวลูกสาวของคุณเพื่อสืบสวนค่ะ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณรายงานพวกเราว่า มีการกระทำที่บ่งบอกว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามรัฐบัญญัติปี 2966 พวกเราภูมิใจที่เธอทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ตามกฎหมาย เรายังต้องสอบสวนเธอเพื่อขอข้อมูลและสืบหาความจริงอีก โปรดเข้าใจพวกเราด้วยค่ะ ขอให้คุณใจเย็น ๆ แล้วนั่งรอนะคะ”คาเลบและเจสซี่มองหน้ากันทันที พวกเขาบังเอิญทราบตัวการของเรื่องยุ่ง ๆ นี้แล้วสิ“แล้วทำไมถึงจับลูกฉันไว้ในคุก!”ผู
อเล็กซิสหยุดพูดครู่หนึ่ง ทำหน้าเจ็บปวดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “แล้วก็เรื่องทุน...ได้ยินว่าคนที่เข้าชิงทุนทุกคนถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว” เด็กสาวดูเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าข้อหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เมื่อเธอเห็นว่าคาเลบและเจสซี่ทำหน้าสงสัยว่าเธอทราบได้อย่างไร อเล็กซิสจึงอธิบายต่อ “ไรอันเป็นคนบอกพวกเราค่ะ พ่อของเขาทำงานที่ซานโบซ่า โพสต์ และก็เป็นผู้ปกครองคนแรกที่มาถึงสถานีตำรวจด้วย ไรอันบอกว่า หนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ ไม่สิ ที่จะออกวันนี้จะลงข่าวว่า พวกเราถูกจับด้วยข้อหาใช้ยาเสพติด และในกลุ่มคนที่ถูกจับ มีเด็กที่เข้าชิงทุนรัฐบาลด้วย ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกคัดออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิทันที”คาเลบไม่สนใจเรื่องทุนการศึกษาแล้ว เขาเอาแต่ภาวนาให้ลูกได้รับอิสรภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด เพียงแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าอเล็กซิสเศร้าใจ เขาเข้าใจดีว่าลูกคงผิดหวังที่ตัวเองถูกถอนชื่อออกด้วยข้อหาเท็จ“ฉันอยากได้ทุนนะพี่ แล้วจะไม่คิดมากถ้าไม่ได้รับทุน แต่ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้...”“เบลินดา คาร์เตอร์เป็นคนรายงานตำรวจ” เจสซี่เผย “หวังว่าจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นนะ ถ้าพวกกรรมการ...เอาเป็นว่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชื่
พอเจสซี่บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ อเล็กซิสคลายใจลง สุดท้ายเธอสามารถข่มตานอนหลับได้สนิท แม้ต้องนอนบนพื้นที่ทั้งแข็งและเย็นก็ตาม เธอหลับไปไม่นานมากนักและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความมั่นใจว่าจะถูกปล่อยตัวในวันนี้ อเล็กซิสเห็นว่ายังมีเพื่อนบางคนที่ยังหลับไม่ลง แม้ทุกคนทราบแล้วว่าเบลินดา คาร์เตอร์ เป็นคนแจ้งความกับตำรวจว่ามีกลุ่มเสี่ยงปะปนอยู่ในงานปาร์ตี้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะนิ่งนอนใจว่าขั้นตอนการตัดสินจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว บางคนรู้สึกเฉย ๆ บางคนยังลุกลี้ลุกลน อาจเป็นเพราะกฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับเคสเอชโอวันโดยตรง ทางการจึงมองกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต้องสงสัยเป็นตัวอันตรายต่อสหพันธรัฐ ดังนั้น ถึงแม้ยังไม่มีคำตัดสิน คนที่ถูกจับก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองพวกเขาอย่างจับผิด ทว่าในทางกลับกัน เพราะพวกอเล็กซิสถูกจับกุมตัวอันเนื่องจากมีการแจ้งความเท็จ ถ้าหากกฎหมายเข้มงวดแต่คงไว้ซึ่งหลักยุติธรรม ทางการจะไม่ปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับอาชญากรแน่นอน อเล็กซิสเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของกฎหมายและเจสซี่ พี่ชายของตัวเองต้องขอบคุณโชคหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ช่วยให้เธอไม่ต้องอยู่
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้