Home / แฟนตาซี / Undisclosure / เพราะเป็นครอบครัว

Share

เพราะเป็นครอบครัว

last update Last Updated: 2025-02-12 13:28:49

คาเลบรู้สึกเหมือนกับทั้งเดวี่และจูนเอามีดมาแทงหลังของเขาด้วย ความเจ็บปวดของ

อเล็กซิสเป็นความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อด้วย เดวี่อาจเป็นเด็กดีก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ที่จะต้องพบกับความเปลี่ยนแปลง และมีเหตุผลอยู่สองอย่างที่ทำให้คนคนนั้นเปลี่ยนไป หนึ่ง เวลาทำให้คนเปลี่ยน และสอง เราอาจไม่เคยทราบถึงตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้นจนวันที่แสดงออกมา เบียนน่ามองหน้าสามี เร่งให้เขาพูดอะไรก็ได้กับลูก เพราะว่าเธอกลับร้องไห้เสียเอง เมื่อเป็นเรื่องของลูก เบียนน่ากลับอ่อนไหวโดยเฉพาะเวลาที่ลูกของเธอเป็นทุกข์ ผู้เป็นแม่ไม่อาจพูดอะไรออกมาได้ นอกจากแบ่งปันความเจ็บปวดของลูกสาวแทน

“นั่นก็เป็นเพราะว่าลูกสาวของพ่อเป็นเด็กดี ลูกจึงสมควรมีเพื่อนที่ดีกว่านี้ และมีแฟนที่ดีกว่าเขาด้วย พ่อตอบไม่ได้หรอกนะ ว่าทำไมพวกเขาถึงทำร้ายลูกสาวของพ่อ แต่พ่อรู้ว่าชีวิตของลูกต้องดำเนินต่อไป ความรักบางอย่างอาจมีวันหมดอายุ แต่ความรักของพ่อไม่เคยหมด ความรักของครอบครัวก็เช่นกัน พ่อไม่อยากให้ลูกร้องไห้คร่ำครวญที่พวกเขาทรยศลูก แต่ร้องเพื่อระบายมันออกมา การร้องไห้ช่วยบรรเทาความเศร้าได้ เชื่อพ่อสิ พ่ออยากให้ลูกเข้าใจว่ามันไม่ใช่จุดจบ ชีวิตยังมีอีกมาก ลูกจะพบกับความสุข ความผิดหวัง บางครั้งลูกชนะ บางครั้งลูกแพ้ ปะปนกันไป ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ลองคิดว่าลูกโชคดีแค่ไหนแล้วที่เห็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาก่อนที่จะสายเกินไป ลูกมีเพื่อนแท้มากมาย อย่างเอโลดี้แล้วยังคนอื่นอีก พวกเรารักลูกมากนะ เป็นห่วงลูกที่สุดเลย และพวกเราจะอยู่เคียงข้างลูกตลอดเวลา”

พอฟังบิดาพูดจบ อเล็กซิสเงยหน้าขึ้น น้ำตาหยดลงเผาะ ๆ

“พ่อคะ” เด็กสาวพิงศีรษะลงบนอกของคาเลบจากนั้นร้องไห้ออกมาในที่สุด เขาและเบียนน่าถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เธอเปิดเผยความรู้สึกออกมา

“โธ่ ลูกแม่” เบียนน่าหอมแก้มเด็กสาวเบา ๆ

“ตอนนี้หน้าของหนูคงเละหมดแล้วใช่ไหมคะ มาสคาร่าทำหน้าหนูพังแล้ว...”

คาเลบและเบียนน่ายิ้มให้กัน ในเวลาแบบนี้ อเล็กซิสยังมีอารมณ์ขัน “หน้าของลูกไม่เป็นอะไรหรอก เจ้ามาสคาร่าที่ลูกใช้อยู่กันน้ำได้ดีสมราคาคุยแล้ว”

ในอ้อมกอดของพ่อ เด็กสาวหัวเราะทั้งน้ำตา คาเลบหวังว่าความรักของเขาจะส่งผ่านไปถึงเธอ และชำระล้างความเจ็บปวดทั้งหมดออกไป

“พ่อคิดว่าหนูทำให้จูนคิดว่า หนูเลือกคบแต่กับเอโลดี้หรือเปล่าคะ”

คาเลบส่ายหน้า “มันไม่ใช่ความผิดของลูก ถ้าให้พ่อพูดตรง ๆ ช่วงหลังมานี้ ลูกอยู่กับเอโลดี้มากกว่าจูนจริง ๆ จูนอาจรู้สึกอิจฉาหรือน้อยใจไป แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จูนจะทำแบบนี้กับลูก ลูกกับจูนเป็นเพื่อนกัน ก็ควรจะคุยกันตรง ๆ มากกว่า”

“นั่นคือสิ่งที่หนูคิดค่ะพ่อ หนูรักพวกเขามาก แต่พวกเขาใจร้ายกับหนูเหลือเกิน”

พวกเขาคุยกัน ถกเถียงกันต่าง ๆ นานา ทั้งยังปลอบใจอเล็กซิสจนหลับไป ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่รักครั้งแรกจะกลายเป็นรักแท้ แต่อย่างน้อยอเล็กซิสโชคดีที่เห็นว่าเดวี่เป็นคนอย่างไรก่อนที่ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่จะพัฒนาไปไกล พวกเขาจะได้ไม่ต้องใช้ชีวิตคู่กับคนที่ไม่ใช่ หรือแต่งงาน หรือมีลูกด้วยกัน เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นว่าเด็กสาวอ่อนไหวขนาดไหน แม้อเล็กซิสพยายามปล่อยให้เหตุการณ์ผ่านไป แต่การที่ต้องเห็นภาพแบบนั้นคงเป็นเรื่องที่ฝังใจน่าดู ดังนั้น พอพวกเขามองหน้ายามหลับของเธอแล้ว รู้ว่าลูกสาวยังคงฝันเห็นแต่พวกเดวี่และจูนอยู่แน่ ๆ คาเลบและ

เบียนน่าจูบหน้าผากของอเล็กซิสแล้วปล่อยให้ค่ำคืนเยียวยาหัวใจที่แหลกสลายไปเอง

เจสซี่ ไบรซ์ และชาร์ลีนั่งรออยู่บนโต๊ะอาหาร ทั้งหมดรับประทานอาหารเย็นง่าย ๆ ที่ไบรซ์ทำให้ นั่นคือ แซนด์วิช กลิ่นเหม็นไหม้กระจายไปทั่วห้อง แต่ไม่มีใครพูดถึงมัน หรือแม้แต่จะแสดงความรับผิดชอบว่าเกือบทำให้บ้านไฟไหม้ไปแล้ว

“น้องเป็นไงบ้างครับ” เจสซี่ถามพลางส่งสายตาคาดคั้นพ่อและแม่

“หลับแล้ว” เบียนน่าตอบ

“แต่น้องยังไม่ได้กินข้าวเลยนะครับ”

“แล้วจะให้แม่ปลุกน้องมากินหรือไง”

ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ย “ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นสักหน่อย”

“ให้น้องพักผ่อนเถอะจ้ะ”

“แล้วเธอดีขึ้นไหมคับ” ชาร์ลีถาม เขาอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจนักว่าทำไมพี่สาวถึงเศร้าเพราะฝุ่นเข้าตาถึงขนาดนั้น และเดวี่ทำอะไรกับพี่ของเขา แต่เขาขอแค่อยากมีส่วนร่วมบ้าง

คาเลบพยักหน้า ต้องดีขึ้นแน่นอน

เวลาสองทุ่มครึ่ง ช่วงอาหารเย็นดำเนินไปอย่างช้า ๆ พวกเขาต้องนั่งฟังเจสซี่บ่นและสบถใส่เดวี่กับจูน (โดยมีเบียนน่าคอยเอ็ดเวลาเขาใช้คำหยาบ) ถ้าเดวี่อยู่ตรงนี้ เจสซี่คงฆ่าเจ้าหนุ่มเรียบร้อย เจสซี่เป็นพวกหัวร้อน คาเลบยังจำได้เลยว่า เพื่อน ๆ ของเจสซี่แปลกใจแค่ไหนเมื่อเขาตัดสินใจจะเรียนกฎหมาย พวกเขาต่างคิดว่า เจสซี่จะสมัครเข้าสมาคมกีฬาหรือไม่ก็สมัครเรียนคอมพิวเตอร์โปรแกรม เขาอาจจะเป็นนักเรียนแถวหน้าแต่ไม่ใช่พวกหน้าติดหนังสือเหมือนกับไบรซ์ ไม่ใช่แค่นั้น คาเลบกับเบียนน่าทึ่งไม่น้อยที่เขาสามารถเรียนจบด้วยคะแนนดีเยี่ยม อย่างน้อย ทั้งสองชื่นชมความพยายามของเขามากพอสมควร

และสิ่งที่ทุกคนไม่คาดฝันเกิดอีกจนได้ เดวี่มาหาอเล็กซิสที่บ้าน

เสียงกริ่งดังเมื่อตอนเข็มนาฬิกาเลื่อนไปยังเลขสิบเอ็ด คาเลบเห็นเดวี่ยืนอยู่หน้าประตู เขาดึงคอเสื้อเจสซี่ได้ทันก่อนที่ลูกชายจะทำร้ายอดีตแฟนน้องสาว “พ่อคุยกับเขาเอง เจสซี่ ลูกเรียนกฎหมายมาไม่ใช่เหรอ ใช่หรือเปล่า สงบใจบ้างสิ กลับไปที่ห้องเลย” คนเป็นพ่อเตือนและเอ็ดไปด้วย

เพราะเป็นคนหัวดื้อ เจสซี่จึงคำรามออกมาอย่างหงุดหงิดที่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก่อนจะย่ำเท้าหนัก ๆ เดินออกไป คาเลบเปิดประตูออกไปเจอกับเด็กหนุ่ม เขาทำหน้าสำนึกผิดและดูเหมือนจะค่อนข้างเกรงใจคาเลบมากเป็นพิเศษ เพราะรูปร่างแบบนักกีฬา ไหล่กว้าง คิ้วเข้ม ผมสีบลอนด์ออกน้ำตาล และหน้าตาหล่อเอาเรื่องขนาดนี้ คงไม่แปลกที่เขาจะเอาชนะใจสาว ๆ ได้มากมาย เท่าที่คาเลบสังเกตจากอากัปกิริยาของลูกสาวตัวเองที่มีต่อเดวี่ อเล็กซิสคลั่งเขามากเลยทีเดียว เดวี่เคยเป็นเด็กดี แต่ก็เป็นเพียงเด็กผู้ชายและเป็นเพศชาย ยิ่งโต เขายิ่งแข็งแรงและดูดีมากกว่าเมื่อปีที่แล้วเสียอีก คาเลบนึกถึงตอนที่ทั้งเดวี่และอเล็กซิสจูงมือกันมาบอกพวกคาเลบว่า ทั้งสองกำลังคบหากัน มันผ่านมาหนึ่งปีแล้วหรือนี่ ส่วนจูนก็ไม่ใช่เด็กสาวหน้าตาน่าเกลียดเลยสักนิด คนอาวุโสกว่าอย่างคาเลบเข้าใจธรรมชาติของผู้ชายเป็นอย่างดี พวกผู้ชายบางคนสามารถเปลี่ยนใจได้ทันทีเพียงแค่ชายตามองผู้หญิงคนอื่น แต่ผู้ชายอีกจำนวนหนึ่งก็ถือว่าเป็นข้อยกเว้น เขาเคยคิดว่าเดวี่เป็นข้อยกเว้น คาเลบโทษตัวเองเหมือนเคย

“อเล็กซ์เป็นอย่างไรบ้างครับ” เขาถามอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“สบายดี” คาเลบตอบเสียงเย็นชา

แน่นอนว่าเด็กหนุ่มจับน้ำเสียงแสดงความห่างเหินของพ่อแฟนสาวได้ เสียงของเดวี่เบาลงเพราะกลัวคาเลบจะดุ พอเขาพูด จึงฟังแล้วเหมือนเดวี่กำลังพูดงึมงำอยู่คนเดียว

“ผมขอโทษ...ครับ ผะ ผะ ผมรู้ว่ามันดึกแล้ว ตะ แต่ผมขอคุยกับ...อเล็กซ์ได้ไหมครับ” เด็กหนุ่มพูดติด ๆ ขัด ๆ

“ไม่ได้หรอก เธอหลับแล้ว กลับบ้านเถอะเดวี่ ลุงคิดว่าเวลานี้คงไม่สมควรเท่าไรนะ”

ดูเหมือนเดวี่ต้องใช้ความพยายามอยากมาก จึงจะควบคุมตัวเองให้พูดเป็นปกติได้สำเร็จ “ผมเสียใจ ผมเสียใจจริง ๆ คุณยกโทษให้ผมได้ไหม ให้อเล็กซ์ยกโทษให้ผมได้ไหม ผมรักเธอ จริง ๆ นะครับ ได้โปรดอภัยให้ผมเถอะ ได้โปรดบอกเธอว่าผมเสียใจ ผมเสียใจมากที่ทำให้คุณผิดหวัง แล้วยัง...ผมขอโอกาส...จากคุณและอเล็กซ์”

เด็กหนุ่มไม่ขยับ คาเลบเริ่มเห็นใจเขาขึ้นมาเสียอย่างนั้น เท่าที่เห็นตอนนี้ เดวี่รู้สึกผิดจริงและยังห่วงลูกสาวของเขา แถมยังกล้าพอที่จะมาหาอเล็กซิสถึงที่บ้าน เบียนน่าคงพูดว่าทุกคนล้วนทำผิดกันได้ทั้งนั้น ทุกคนควรได้รับโอกาสครั้งที่สองและการให้อภัย

แต่เขาหลอกลวงอเล็กซ์ เขาทำให้ลูกของเราร้องไห้ โทสะของผู้เป็นพ่อเดือดขึ้นมาอีกครั้ง และใจที่อยากจะให้อภัยนั้นมลายหายไป

“อเล็กซ์จะเป็นคนตัดสินเอง กลับบ้านเถอะเดวี่ พ่อแม่ของนายจะเป็นห่วงเอา” เขาเตือนเด็กหนุ่ม โดยที่ไม่ทราบว่าพ่อแม่ของเดวี่ไม่อยู่บ้าน เดวี่รับฟังแล้วเดินกลับไปยังจักรยานของตัวเอง คอตก เศร้าและเสียใจ

คาเลบถอนหายใจ วันนี้อาจไม่ใช่วันที่ดีอย่างที่ควรจะเป็น แต่มันเป็นเพียงแค่วันหนึ่งที่

อเล็กซิสพบว่า ชีวิตย่อมพบเจอกับความผิดหวัง ความรักก็เป็นหนึ่งในเรื่องนั้น แล้วพรุ่งนี้ พายุก็จะหย่อนกำลังลง ลูกสาวของเขาก็จะเข้มแข็งขึ้นในวันต่อไป

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • Undisclosure    บทนำเล่ม 3 จบ

    บราวน์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า วาร์กเนอร์เป็นหัวหน้าทีมคนก่อน“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ แต่นัยน์ตาจับจ้องที่ดวงหน้าผู้ถาม สีหน้าของเดวิสดูซีดลงเล็กน้อย นัยน์ตาหม่นแสงลงคล้ายกับไม่สบายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไปถึงขั้นไหน แต่คงมากพอที่จะให้วาร์กเนอร์พยายามหาข้อมูลไปประเคนชายหนุ่มคนนี้ได้งี่เง่า โดยเฉพาะวาร์กเนอร์ที่ดันผันตัวจากไฟเป็นหิ่งห้อย“พวกเราตกใจนิดหน่อยว่าอาจมีปัญหาอะไรหรือไม่...” ดูเหมือนเขาพยายามจะหาเหตุผลเพื่อไม่ให้ตัวเองดูผิดปกตินัก นายน้อยโวลคอฟคลี่ยิ้มน้อย ๆ “...หรือมีข้อตกลงที่ฝ่ายคุณไม่พอใจเป็นต้น”“ไม่หรอกครับ” บราวน์ตอบทันที “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่คุณวาร์กเนอร์ถูกย้ายไปประจำตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า ทีแรกผมกังวลที่ต้องมาประสานงานต่อ แต่อย่างที่เห็น ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกอย่างการโยกย้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจเบื้องบน มัน...ค่อนข้างจะเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ...” เขาวางมือลงบนโต๊ะ “...งานตรงนี้หรอกครับ”ในห้องเงียบไปสักพัก เค

  • Undisclosure    บทนำเล่ม 3 ต่อ

    ปัญหาไม่ใช่เนื้อหางานหรือรูปแบบของงานแต่อย่างใด แต่มันคือเหตุใดต้องเป็นเขาระแคะระคาย? ก็อาจเป็นไปได้ แต่อย่างที่บราวน์สรุปไปก่อนหน้า เมื่อไม่ลงมือก็แปลว่าขาดหลักฐาน เมื่อไม่จัดการก็แปลว่ายังต้องการอยู่ดังนั้นหากบราวน์จะรู้สึกเสียวสันหลังนิดหน่อยก็ไม่แปลกนัก การประสานงานกับคนภายนอก ทั้งยังต้องระมัดระวังข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ยิ่งบราวน์ตงิดใจว่าถูกจับตามอง หากแม้เขาระวังตัวเพียงใด แต่คนใต้อำนาจเกิดสะเพร่าขึ้นมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างไรเสียเขาก็ต้องโดน...ก็นะ ถ้านี่ไม่ใช่กับดักขอเถอะ อย่างน้อยให้ส่งของก่อนสักพัก เคย์ซี่เข้ามาเสิร์ฟกาแฟ เมื่อเธอหันหลัง บราวน์อดไม่ได้เหลือบมองบั้นท้ายกลมกลึง กระโปรงของเธอยาวพอดีเข่า แต่เพราะมันรัดรูปจนเห็นเป็นทรงสวย...ผลของการสควอทสินะ เขาสังเกตเรียวขาที่มีเส้นกล้ามเนื้อบ่งบอกว่าออกกำลังกายอย่านอกเรื่อง เขาส่ายหัว อย่างไรก็เป็นผู้ชาย มองนิดมองหน่อยไม่เป็นไรแต่อย่าทำให้สมาธิเสียก็เท่านั้น เขายักไหล่ให้ตัวเองแล้วมองข่าวบนจอโทรทัศน์“...กองทัพส่งกำลังเสริมเข้าต้านฝ่ายก่อกา

  • Undisclosure    บทนำเล่ม 3

    เสียงพูดคุยเซ็งแซ่ผสานไปกับเสียงแตรรถ เครื่องยนต์ และประกาศต่าง ๆ ไม่ว่าจะโฆษณาเชิญชวนซื้ออาหารกล่องยามเช้า ไปจนถึงเครื่องดื่มบำรุงกำลัง รณรงค์ให้สวดมนต์เพื่อขอให้พระผู้เป็นเจ้าโปรดประทานอภัยแก่บาปของมนุษย์ บางคนหยุดแวะสนทนากับคนรู้จัก บ้างเดินฝ่าฝูงชนเพื่อรีบเข้าไปแตะบัตรให้ทัน ส่วนเขาเพียงแค่หยุดมองหนังสือพิมพ์ที่แขวนเรียงกันอยู่บนเพิงขาย ชายคนหนึ่งเดินตรงเข้ามาทักคนแปลกหน้าเพียงเพื่อถามเรื่องราวที่ปรากฏอยู่บนข่าวหน้าหนึ่ง“คุณว่าไง” ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปลายกระตุกแขนเสื้อโดยไม่คำนึงถึงมารยาทนอกจากอยากสนทนาล้วน ๆ หากไม่ใช่เพราะเขาอยากสัมผัสชีวิตมนุษย์เงินเดือนครั้งแรก อยากเห็นหน้าค่าตาผู้คนในสำนักงานจึงยอมเสียเวลาให้คนขับรถจอดตรงหัวมุมตึก ก็เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใส่สูท ไม่ใช่เครื่องแบบผ้าหนาและอาวุธครบมือ“ว่าไง จริงไหม คุณว่าเด็กพวกนั้นจะกล้าเผาจริงหรือ”บราวน์เลิกคิ้วพลางชายหางตามองคนดังกล่าว แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจหากแต่ยัดหนังสือพิมพ์ใส่มือเขา “เงียบทำไมเล่า คุณทำงานในนั้นก็ต้องรู้บ้างสิ” สายตาของเขาประเมินมองสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ชายคนนี้จงใจเข้ามาทักเพราะรู้

  • Undisclosure    บทส่งท้ายเล่ม 2 จบ

    “สำหรับคำถามสุดท้ายขอติดไว้ก่อน เรื่องมันยาว” เธอตอบแล้วหันกลับไปเช็กจอมอนิเตอร์อีกครั้ง สักพักมีสัญญาณกะพริบขึ้นมา เธอรีบกดปุ่มหนึ่งบนแผงวงจรแล้วกระชากไมโครโฟนมาจ่อปาก “ฮัลโหล”พวกเขาได้ยินเสียงซ่าอยู่ราว ๆ สามสิบวินาที ต่อจากนั้นเป็นคำด่าหยาบคายล้วน ๆ หญิงสาวผมดำสั่นหัวเล็กน้อยแล้วหันมามองเขา ก่อนจะยื่นไมโครโฟนให้ “บอกชื่อตัวเอง พูดกับพวกเขาที” มันไม่ใช่คำขอร้อง เพราะไมโครโฟนถูกยัดใส่มือจอห์นแล้ว“ฮัลโหล” เขาพูดใส่ไมค์มีเสียงด่ากลับมาอีกรอบ ประมาณว่า ไปตายซะ สารเลว นีโอนาซี และอีกมากมายที่ออกมาราวกับฟังเพลงแร็ป“เอิ่ม” เขากระแอม “ผมชื่อ จอห์น ลีลอยด์ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกคุณ และ...กับผม...”เสียงในสายหยุด เขาได้ยินเสียงผู้หญิงแทรกขึ้นมาว่า “พูดดี ๆ สิ เรมี!”“คุณคือจอห์น ลีลอยด์?” ผู้ถือสายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนลงในพริบตา“ใช่” จอห์นตอบ“ใครวะ” เขาได้ยินเสียงแทรก ผู้หญิงคนเดิมด่าคนที่แทรกขึ้น

  • Undisclosure    บทส่งท้ายเล่ม 2 ต่อ

    เขาส่ายหน้าอีกครั้ง จนปัญญาจะตอบ โรซ่ามองหาวัตถุแข็ง ๆ มาทุบกระจก แต่ก็ไม่มีแถวนั้น จอห์นจึงต้องลองใช้ความสามารถดังกล่าวอีกครั้ง กว่าจะปลุกทุกคนจนครบก็แทบหอบ แถมโรซ่ายังซักถามไม่หยุดว่าเขากลายเป็นกลุ่มเสี่ยงตั้งแต่เมื่อไร แถมยังตะบึงตะบอนงอนที่เขาไม่ยอมบอกอยู่ราวสิบนาทีพวกเขามีกันทั้งหมดยี่สิบเอ็ดคน จอห์นเดินนำทุกคนออกไปจากห้อง ทั้งหมดทำท่าเหมือนเด็กน้อยเล่นซ่อนแอบ ต่างระมัดระวังสุดฤทธิ์ แต่เมื่อเดินไปเรื่อย ๆ ก็พบว่ามันเป็นตึกที่ถูกทิ้ง ยังไม่ถึงกับร้างเพราะระบบไฟฟ้าทำงานปกติ ห้องหับส่วนใหญ่นั้นปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่เลย สถานที่ที่พวกเขาถูกจับมานอนนั้นมีลักษณะเหมือนตึกทดลอง มีส่วนสำนักงานที่ประกอบไปด้วยโต๊ะทำงาน คอมพิวเตอร์จอบางเฉียบ ห้องประชุม ห้องทดลองที่ปราศจากสิ่งของทดลองใด ๆ ทั้งหมดจึงพยายามหาทางออก แต่เพราะไม่รู้เส้นทางก็กลายเป็นเดินสำรวจมากกว่าไม่มีใครรู้ว่าวันนี้วันที่เท่าไร เวลาอะไร ผ่านไปร่วมสามชั่วโมง แต่ละคนเริ่มหมดแรง จนกระทั่งโรซ่าเจอบันไดขึ้นไปอีกชั้น ที่นั่นเอง พวกเขาเห็นว่ามีห้องหนึ่งมีแสงสว่างมันคล้ายกับห้องควบคุมในยานอวกาศ แบบที่เขาเคยแสดงเป

  • Undisclosure    บทส่งท้ายเล่มสอง

    เสียงผู้คนมากมายดังอื้ออึงอยู่รอบตัว แต่หนังตาหนักเกินกว่าจะลืมขึ้นได้ เสียงของใคร เสียงคนพวกไหน ถึงเวลาไปทำงานแล้วหรือยัง นาฬิกาไม่ปลุกสักที วันนี้เขาต้องทำอะไรนะ หรือว่าตอนนี้นอนอยู่ในบ้านหลังเก่า เมืองบลูเบลล์อันแสนสงบสุข เขานึก แต่ดูเหมือนสมองทำงานเชื่องช้าไม่ทันใจ หรือว่าวันนี้มีถ่ายแบบ หรือว่าเข้าฉาก ทำไมคนเยอะขนาดนี้ ใครเข้ามาในรถเทรลเลอร์ หรือว่าเขาแอบงีบหลับ ตื่นสิ ตื่นสักทีตื่น!แสงไฟสีขาวสลัวไม่ได้ทำให้แสบตาเท่าไรนัก แต่สติของเขานี่สิยังหน่วงแปลก ๆ ทันใดนั้นก็รู้สึกแน่นหน้าอกจนไอออกมารัว ๆ มือทั้งสองข้างยื่นออกไปแต่...ติดกระจก อะไรกัน เขาสูดหายใจเข้าลึก ๆ ตัวเขานอนเหยียดยาวอยู่ในโลงแก้วนี่นา คิดแล้วก็มองไปรอบ ๆเขานอนอยู่ในโลงแก้วจริง! แต่จะว่าอย่างไรดี มันไม่ได้อับจนหายใจไม่ออก กลับโล่งจมูกดีด้วยซ้ำ กระจกโค้งมนพอให้คนข้างในพลิกตัวนอนได้ แต่ใช่เวลาพลิกตัวแล้วหลับต่อหรือเปล่า...แน่นอนว่าไม่ใช่ เขาหันไปทางซ้ายจึงเห็นร่างหญิงสาวผมสีทองนอนหลับสนิทราวกับเจ้าหญิงนิทรา เธอสวมชุดสีแขนยางกางเกงขายาวสีขาวสะอาดเหมือนกับเขาเลย หันไปทางขวาก็เจอผู้ชายนอนอยู่

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status