“บอกแล้วไงเอดี้ ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์ ไม่เข้าใจหรือไง” อเล็กซิสโต้ตอบกับเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์บ้าน
“ไปเถอะนะ เธอต้องเจอเพื่อนบ้างนะอเล็กซ์ จะเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่กับบ้านไม่ได้เด็ดขาด นะ ๆ ฉันไปด้วยเหมือนกัน” เพื่อนสาวขอร้อง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชนะนิสัยช่างตื๊อของเอโลดี้ อเล็กซิสจึงจำเป็นต้องตอบตกลงไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของเวด มิลเลอร์ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจอยากไป เพื่อนกับเหล้า อันไหนจะช่วยให้ฉันเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ ในหัวได้ดีกว่ากันนะ
หลังจากวันนั้น วันที่อเล็กซิสจับได้ว่าเดวี่นอกใจเธอ เขาคอยโทรมาหาเธอเกือบทุกชั่วโมง ในวันถัดมา เดวี่มาหาที่บ้านอีกครั้ง อเล็กซิสจึงตัดสินใจบอกเลิกอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยอมฟังคำขอโทษเพื่อจบทุกอย่างให้สมบูรณ์ แม้ยังรักเดวี่มากอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ไม่เหลือความไว้วางใจในตัวเขาแล้ว หนำซ้ำอาการช้ำในยังสาหัสอยู่มาก เธอทำใจคบต่อกับเขาไม่ได้ ทว่าทั้งที่บอกเลิกเดวี่ไปแล้ว เขากลับยังปรากฏตัวในความฝันของเธอเสมอ มันน่าสมเพชที่เธอยังอยากที่จะฝันถึงเขา เพราะในความฝัน เธอลืมไปว่าทั้งสองเลิกกันไปแล้ว เธอชอบฝันเรื่องคืนงานพรอมที่ผ่านมา อเล็กซิสคิดว่ามันอาจจะมาจากความรู้สึกผิดที่คอยหลอกหลอนตัวเธออยู่ แต่มันเป็นความรู้สึกผิดที่เกิดจากการตัดสินใจบนความพอใจของตัวเอง เพราะอเล็กซิสพร้อมใจที่จะทำในสิ่งนั้น ทั้งที่รู้ว่าพ่อและแม่ไม่มีทางเห็นด้วย
สิ่งที่ทำให้อเล็กซิสรู้สึกแย่ยิ่งกว่าการเลิกกับเดวี่ก็คือ จูน เพื่อนสาวเลือกที่จะเงียบหายไป อดีตเพื่อนรักไม่โทรหา ไม่มาขอโทษ ไม่แม้แต่สารภาพผิด หรือทำอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่วันนั้น จูนที่
อเล็กซิสรู้จักหายเข้าไปในหลุมดำ ลอยไปไกลสู่สุดขอบจักรวาลอันไกลโพ้น มีเพียงหนึ่งคำถามที่ติดอยู่ในใจของอเล็กซิสเสมอ นั่นคือ ทำไมจูนถึงทำแบบนี้ ทำไมจูนถึงให้คุณค่ากับมิตรภาพที่แสนยาวนานของพวกเธอราวกับมันเป็นเพียงเศษขยะ“ลูกจะไปไหนจ๊ะ” แม่ของเธอถาม ถึงแม้วันนี้เป็นวันศุกร์ แต่คาเลบและเบียนน่าไม่ได้ไปทำงานวันนี้
“ปาร์ตี้ที่บ้านเวดค่ะ หนูจะกลับมาก่อนสี่ทุ่มนะคะ”
เบียนน่าพยักหน้า หมายความว่าอนุญาต “ดีจ้ะ เห็นลูกออกไปข้างนอก เจอเพื่อน ๆ บ้างก็ดี ขอให้สนุกนะลูกรัก”
“ทำไมไม่ชวนเจสซี่ไปด้วยล่ะ” พ่อของเธอผละจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ เขาหรี่ตามองตามประสาคนขี้เป็นห่วง
อเล็กซิสหัวเราะเมื่อแม่ตีแขนพ่อเบา ๆ “ลูกไปบ้านมิลเลอร์มากี่รอบแล้ว ไปเถอะลูก อย่าฟังเสียงคนแก่เลย” เธอจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะร่วน
“ค่ะ เดี๋ยวหนูกลับมานะ” อเล็กซิสโบกมือและเดินออกจากบ้านไป
“คุณเห็นลูกหยิบมือถือของผมไปแล้วเหรอยัง” คาเลบยังคงเป็นห่วงอยู่ดี
**********
ตะวันใกล้ลาลับทอแสงระบายสีลงบนก้อนเมฆจนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มประกายทอง ลมเย็นอ่อน ๆ พัดผ่านร่าง อเล็กซิสขี่จักรยานผ่านร้านสปาตะวันออก หน้าประตูร้านมีโปสเตอร์โฆษณาแปะติดทับกันมากมาย เมื่อก่อน เธอจะเห็นโปสเตอร์หนังวัยรุ่นของจอห์น ลีลอยด์ติดเด่นหราเป็นตัวดึงดูดสายตาคนทุกคนที่เดินผ่าน แต่ตอนนี้โปสเตอร์ใบนั้นหายไปแล้ว และอาจจะอยู่ในก้นถังขยะสักใบ ชื่อของเขาหายไปตามที่เจสซี่สันนิษฐานไว้ทุกประการ
การที่เธอครุ่นคิดแต่เรื่องของจอห์นช่วยดับเพลิงโมโหที่มีต่อเดวี่และจูนได้ช่วงหนึ่ง แต่ความคิดนี้มาพร้อมกับความกลัวเมื่อรู้ว่าเพื่อนคนหนึ่งหายตัวไป และอาจจะเรียกได้ว่า ‘ตลอดกาล’ สิ่งที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตัวตนของจอห์นหายไปด้วย ทางการลบตัวตนของเขาออกไปจนหมด สิ่งที่เจสซี่สันนิษฐานฟังดูมีเหตุผลมากขึ้นทุกที แม้อเล็กซิสจะยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ในใจเริ่มเชื่อไปแล้วว่าจอห์นถูกจับและถูกนำตัวเข้าโปรแกรมบำบัดที่ไม่เคยมีใครกลับออกมา อันเนื่องมาจากสามวันที่ผ่านมา อเล็กซิสไม่สามารถค้นหาชื่อ ‘จอห์น ลีลอยด์’ ในเสิร์ชเอนจีนใด ๆ ได้เลย เว็บไซต์ของเขาและของแฟนคลับถูกปิดลง หากจะพูดถึงข่าวการหายตัวไป ผู้คนจะกระซิบกันเบา ๆ ไม่กล้าพูดเสียงดัง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน สุดท้าย คนก็จะสรุปเอาง่าย ๆ ว่า เขาตายไปแล้ว อเล็กซิสเป็นห่วงครอบครัวของเขามากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะเมื่อเธอคิดว่าหากใครสักคนในครอบครัวมีชะตากรรมแบบเดียวกับจอห์น เธอจะจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองอย่างไร เมื่อเธอจะไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอรักอีกต่อไป และแค่เพียงคิดถึงยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายและน่ากลัวเกินกว่าที่จะทำ
คฤหาสน์ของเวดตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางคฤหาสน์หลังอื่นในเขตตอนเหนือของเมือง ห่างจากใจกลางเมืองพอสมควร บ้านของเขาใหญ่โตและหรูหราเหมือนกับบ้านของจูน (เฮ้อ เธอห้ามตัวเองไม่ให้เลิกคิดถึงสองคนนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ) เวดจัดงานปาร์ตี้ริมสระน้ำ แต่อเล็กซิสไม่ได้ใส่ชุดบิกินี่ หรือนำชุดมาเปลี่ยน เพราะเธอตั้งใจจะมาดื่ม ดื่ม และเมาให้ได้มากที่สุดมากกว่า
“หวัดดี อเล็กซ์”
ลูกชายเจ้าของคฤหาสน์ปรี่เขามาทักทายแขก อเล็กซิสมองเวด มิลเลอร์ที่ดูฮอตมากกว่าเวลาปกติเพราะเขาอยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีกากี เปลือยอกล่ำท่อนบน เขายืนโบกมืออย่างร่าเริงให้กับเธอ มีแขกในงานเยอะกว่าที่คิดไว้เสียอีก อเล็กซิสเห็นทีมเชียร์ลีดเดอร์ทั้งกลุ่มยกเว้นแต่ว่าไม่มีเงาของหัวหน้าทีมอย่างเอโลดี้เลย
“อ้าว เอดี้อยู่ไหน”
“เอดี้มาไม่ได้แล้ว ยัยนั่นเพิ่งโทรบอกฉันเมื่อกี้นี้เอง บอกว่าต้องไปช่วยพ่อจัดการวัตถุดิบในร้านอาหาร”
“ฮะ!” อเล็กซิสรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เพราะเอโลดี้ยืนกรานว่าจะมา แล้วใครจะช่วยพาเธอกลับบ้านถ้าหากอเล็กซิสเมาเล่า นี่มันแกล้งกันหรือเปล่า เอดี้ไม่มาจริง ๆ เหรอเนี่ย
เวดตบบ่าเธอเบา ๆ “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมาก ทุกคนรู้จักเธออยู่แล้วนี่นา ก็เพื่อนกันหมดทั้งนั้น มา ๆ ถึงเวลาทำตัวให้สดชื่นได้แล้ว” เขาบอกแล้วดึงเธอเข้าไปในงาน
“อะไรนะ ทำตัวให้สดชื่น นี่นายรู้เหรอ” อเล็กซิสอดแปลกใจไม่ได้ที่เขารู้ว่าเธอกับเดวี่เลิกกันแล้ว เพราะเธอไม่ได้บอกใครเลยยกเว้นคนในครอบครัว
อ้อ...ลืมเอดี้ไปได้ยังไง
“ฉันไม่ได้ชวนสองคนนั้นมาหรอก อย่ากังวลเลย” เขาบอก
“เฮ้ย ไม่เป็นไรเลย อย่าซีเรียสดิ” อเล็กซิสรีบบอกทันที รู้สึกผิด เพราะเดวี่เป็นเพื่อนของเขาคนหนึ่งเด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง เจ้าเล่ห์ “จริง ๆ ชวนแล้ว แต่สองคนนั้นไม่มาเอง จูนน่ะไม่แปลกหรอก ยัยนี่แทบไม่อยากจะไปบ้านใคร แต่ตอนแรกเดวี่ก็ว่าจะมา แต่พอรู้ว่าทุกคนรู้เรื่องแล้ว เขาก็เลยเปลี่ยนใจ”เขาอวดรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว ถ้าหากว่าเดวี่ไม่ได้ยิงประตูแห่งชัยชนะจนทำให้ทีมฟุตบอลคว้าถ้วยรางวัลไป เวดอาจจะได้เป็นราชางานพรอมก็ได้ เวด มิลเลอร์เป็นกัปตันทีมฟุตบอลของโรงเรียน แล้วยังเป็นคู่แข่งชิงทุนรัฐบาลกับเธอด้วย เขามีรูปลักษณ์ที่คล้ายกับเดวี่ ทั้งส่วนสูง ผมสีบลอนด์ หุ่นล่ำแบบนักกีฬา บวกกับรอยยิ้มที่น่าหลงใหล แต่เวดไม่ใช่เด็กหนุ่มขี้อายเหมือนเดวี่ ตรงกันข้าม เขาเป็นคนพูดเก่ง พูดเสียงดังฟังชัด ชอบเข้าสังคม ส่วนเดวี่ชอบอยู่เงียบ ๆ มากกว่า เวดมักจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านของตัวเองเป็นประจำ“นายนี่มัน...” “เอ้า เข้าไปได้แล้ว เร็ว ๆ” เขาเร่งเธอเมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เด
เมื่อเดินเข้าไปในงาน ทีมฟุตบอลทั้งทีมส่งเสียงเชียร์ดังลั่นที่เธอโผล่หน้ามาในงานปาร์ตี้แม้เพิ่งผ่านเรื่องแย่ไปหมาด ๆ “เจ๋งมาก อเล็กซ์ มันต้องอย่างงี้สิ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีเอง พวกเราจะสั่งสอนเจ้าเดวี่ให้ แล้วเราจะส่งคืนตัวเขากลับมาให้ถึงมือเธอเลยนะ”เธอรู้ว่าพวกเขาพยายามจะให้กำลังใจ แต่อเล็กซิสก็อดรู้สึกอายไม่ได้ที่พวกเขาพูดเหมือนกับว่าทั้งสองจะกลับมาคบกันได้อีกขณะเดียวกัน เมื่อเธอเจอกับเพื่อนคนอื่น ๆ อเล็กซิสพอเข้าใจแล้วว่าทำไมเดวี่ไม่มา เอโลดี้น่าจะประกาศเรื่องราวทั้งหมดให้ทุกคนในเมืองรู้กันถ้วนหน้า เพราะเมื่อเธอเจอกับทีมนักบาสของตัวเอง สาว ๆ พร้อมใจกันพูดด่าเดวี่ “หมอนั่นมันไอ้งั่งชัด ๆ อเล็กซ์ เธอจะหาแฟนที่ดีกว่านี้ได้แน่นอน”ยังมีทีมเชียร์ลีดเดอร์ที่ทุกคนเปรียบเสมือนกับลูกน้องของเอโลดี้ ตะโกนด่าจูนให้เธอฟังอย่างออกรส “อย่าสนใจยัยสารเลวนั่นเลย! ถ้าเราเจอยัยนั่น เราจะจัดการให้เธอเอง”ปกติแล้ว เวลาผู้หญิงอารมณ์เดือดดาลก็มักจะน่ากลัวกว่าเวลาปกติอยู่แล้ว แต่เมื่อพวกเธอพร้อมใจกันเกลียดคนคนเดียวกัน อารมณ์ที่พลุ่งพล่านก็ไม่ต่างไปจากไฟป่าที่ลุกโหมอเล็กซิสรู้ว่าชื่อเสียงของจูนมีทั้งกระแสบวก
“โอ๊ะ ขอโทษนะ” เสียงแหบ ๆ นั้นปลุกเธอให้ตื่นจากความทรงจำเก่า ๆ เด็กหนุ่มผมแดงสวมเสื้อยืดเรียบ ๆ กับกางเกงยีนเก่า ๆ พยายามทรงตัว เขาถือเบียร์สองแก้ว “มันมืด...คือ”“ไม่เป็นไร ๆ ไม่เจ็บหรอก” เธอบอก ปัดน้ำตาออกจากแก้มเขามองหน้าอเล็กซิสที่มีคราบน้ำตา แววตาบ่งบอกว่าเห็นใจ“ไม่เป็นไร ไม่ใช่เพราะนายชนหรอก อย่าคิดมาก” เธอบอก กะจะเดินออกจากสถานที่หลบภัยชั่วคราวแห่งนี้“เธอไม่เป็นอะไรแน่นะ” เขาถามโดยไม่ยอมสบตา มันเป็นบุคลิกของเขาเอง ออสโล่ค่อนข้างขี้อาย“ไม่เลย ทำไมนายมาคนเดียว คริสติน่าอยู่ไหนล่ะ” เธอถาม ออสโล่เป็นเพื่อนร่วมชั้นในวิชาเลข และเป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนเหมือนกัน“ก็...ฉันมากับคริสติน่านั่นแหละ แต่คนที่เธอแอบชอบมาคุยกับเธอ ฉันก็เลย....” พวกเขายิ้มให้กันอย่างเข้าใจ เขาจึงไม่ต้องอธิบายต่อ ออสโล่เป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสันทัด เขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อนและใบหน้าตกกระ“ฉันได้ยินมาว่าเธอสอบติดที่เดลฟี ยินดีด้วยนะ” เขาว่าเพื่อนคนนี้เป็นคนเดียวที่ไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเธอกับเดวี่และจูน ไม่แม้แต่จะเอ่ยถึงมัน“ขอบใจ แล้วนายล่ะ”“ติดวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมที่อีสท์แลนด์”“เจ๋งนะนั่นนะ” เธอมอ
เวลาตีสอง คาเลบและเบียนน่าไม่อาจข่มตานอนหลับได้สนิท เพราะลูกคนที่สามยังไม่กลับบ้าน พวกเขาพยายามโทรหาเอโลดี้อยู่หลายรอบ แต่โทรเท่าไรก็ไม่ติดสักที เพราะสายโทรศัพท์ที่บ้านเอโลดี้มีคนถือสายอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งเพื่อนของลูกสาวก็ประสบปัญหานี้เช่นกัน ทั้งสองเริ่มวิตกกังวลและกลัวไปต่าง ๆ นานา จินตนาการว่าอาจจะมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับอเล็กซิสก็เป็นไปได้ ทำไมโทรศัพท์ไม่ว่างเลยสักที เป็นไปได้ว่าอาจเกิดเรื่องที่บ้านมิลเลอร์แน่นอน เขาลองโทรเข้าบ้านมิลเลอร์เพื่อเช็กว่ายังมีงานปาร์ตี้จัดอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าติดสายเหมือนกับบ้านเอโลดี้ คาเลบจึงคิดอยากขับรถไปคฤหาสน์หลังนั้นให้รู้แล้วรู้รอด“ทำไมพ่อกับแม่ไม่นอนกันอีกคะ” ไบรซ์เพิ่งเดินออกมาจากห้อง เธอคงกำลังอ่านหนังสืออยู่แน่นอน และคงได้ยินเสียงคนในห้องรับแขกเจสซี่ก็เดินลงมาจากห้องตัวเองเหมือนกัน “เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมยังไม่นอนกัน”“น้องสาวของพวกเธอยังไม่กลับมาเลย” เบียนน่าบอก “พวกเราโทรหาเพื่อน ๆ อเล็กซิสไม่ได้เลย สายยุ่งอยู่ตลอดเวลา”คาเลบที่กำลังง่วนอยู่กับการหาเบอร์มือถือของคุณมิลเลอร์บ่นออกมา “ไม่มี ผมไม่มีเบอร์เขา ไปบ้านเขาเลยดีกว่า ให้ตายเถอะ
คาเลบสาบานได้เลยว่าเห็นเจ้าหน้าที่สาวคนนั้นสูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกล้ำกลืนคำพูดและโทสะที่สาดเข้ามาราวกับห่ากระสุนลงไปเฮือกใหญ่ เธอใช้ความพยายามอย่างมากที่จะคงสีหน้าและอารมณ์ของตัวเองไม่ให้เดือดตาม หญิงสาวที่ตะโกนอยู่นั้นชื่อ แมรี่ คาร์เตอร์ เป็นแม่ของเบลินดา คาร์เตอร์ ประธานสภานักเรียนและหนึ่งในผู้เข้าร่วมชิงทุนรัฐบาล ลูกสาวของเธอสอบติดวิทยาลัยเดียวกับอเล็กซิส และตอนนี้ คุณนายคาร์เตอร์กำลังเบี่ยงประเด็น ไม่ว่าลูกสาวของเธอจะเคยอยู่ที่นั่นหรือไม่ ความจริงก็คือ หากลูกสาวของเธอเป็นแขกในงานนั้นก็เป็นเหตุผลที่ตำรวจจับเด็กสาวเอาไว้ แต่ก็นะ ทุกคนก็อยากจะช่วยลูกตัวเองกันทั้งนั้น“เราคุมตัวลูกสาวของคุณเพื่อสืบสวนค่ะ คุณนายคาร์เตอร์ ลูกสาวของคุณรายงานพวกเราว่า มีการกระทำที่บ่งบอกว่าเข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงตามรัฐบัญญัติปี 2966 พวกเราภูมิใจที่เธอทำหน้าที่พลเมืองที่ดี แต่ตามกฎหมาย เรายังต้องสอบสวนเธอเพื่อขอข้อมูลและสืบหาความจริงอีก โปรดเข้าใจพวกเราด้วยค่ะ ขอให้คุณใจเย็น ๆ แล้วนั่งรอนะคะ”คาเลบและเจสซี่มองหน้ากันทันที พวกเขาบังเอิญทราบตัวการของเรื่องยุ่ง ๆ นี้แล้วสิ“แล้วทำไมถึงจับลูกฉันไว้ในคุก!”ผู
อเล็กซิสหยุดพูดครู่หนึ่ง ทำหน้าเจ็บปวดเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ “แล้วก็เรื่องทุน...ได้ยินว่าคนที่เข้าชิงทุนทุกคนถูกคัดชื่อออกหมดแล้ว” เด็กสาวดูเป็นห่วงเรื่องนี้มากกว่าข้อหาที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ เมื่อเธอเห็นว่าคาเลบและเจสซี่ทำหน้าสงสัยว่าเธอทราบได้อย่างไร อเล็กซิสจึงอธิบายต่อ “ไรอันเป็นคนบอกพวกเราค่ะ พ่อของเขาทำงานที่ซานโบซ่า โพสต์ และก็เป็นผู้ปกครองคนแรกที่มาถึงสถานีตำรวจด้วย ไรอันบอกว่า หนังสือพิมพ์ของวันพรุ่งนี้ ไม่สิ ที่จะออกวันนี้จะลงข่าวว่า พวกเราถูกจับด้วยข้อหาใช้ยาเสพติด และในกลุ่มคนที่ถูกจับ มีเด็กที่เข้าชิงทุนรัฐบาลด้วย ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกคัดออกจากรายชื่อผู้มีสิทธิทันที”คาเลบไม่สนใจเรื่องทุนการศึกษาแล้ว เขาเอาแต่ภาวนาให้ลูกได้รับอิสรภาพมากกว่าสิ่งอื่นใด เพียงแต่เมื่อสังเกตเห็นว่าอเล็กซิสเศร้าใจ เขาเข้าใจดีว่าลูกคงผิดหวังที่ตัวเองถูกถอนชื่อออกด้วยข้อหาเท็จ“ฉันอยากได้ทุนนะพี่ แล้วจะไม่คิดมากถ้าไม่ได้รับทุน แต่ถ้าหากเป็นเพราะเหตุผลนี้...”“เบลินดา คาร์เตอร์เป็นคนรายงานตำรวจ” เจสซี่เผย “หวังว่าจะช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นนะ ถ้าพวกกรรมการ...เอาเป็นว่า ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ชื่
พอเจสซี่บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ อเล็กซิสคลายใจลง สุดท้ายเธอสามารถข่มตานอนหลับได้สนิท แม้ต้องนอนบนพื้นที่ทั้งแข็งและเย็นก็ตาม เธอหลับไปไม่นานมากนักและตื่นขึ้นมาพร้อมกับความมั่นใจว่าจะถูกปล่อยตัวในวันนี้ อเล็กซิสเห็นว่ายังมีเพื่อนบางคนที่ยังหลับไม่ลง แม้ทุกคนทราบแล้วว่าเบลินดา คาร์เตอร์ เป็นคนแจ้งความกับตำรวจว่ามีกลุ่มเสี่ยงปะปนอยู่ในงานปาร์ตี้ แต่ใช่ว่าทุกคนจะนิ่งนอนใจว่าขั้นตอนการตัดสินจะดำเนินไปอย่างรวดเร็ว บางคนรู้สึกเฉย ๆ บางคนยังลุกลี้ลุกลน อาจเป็นเพราะกฎหมายฉบับนี้เกี่ยวข้องกับเคสเอชโอวันโดยตรง ทางการจึงมองกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มต้องสงสัยเป็นตัวอันตรายต่อสหพันธรัฐ ดังนั้น ถึงแม้ยังไม่มีคำตัดสิน คนที่ถูกจับก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงสายตาของเจ้าหน้าที่ที่มองพวกเขาอย่างจับผิด ทว่าในทางกลับกัน เพราะพวกอเล็กซิสถูกจับกุมตัวอันเนื่องจากมีการแจ้งความเท็จ ถ้าหากกฎหมายเข้มงวดแต่คงไว้ซึ่งหลักยุติธรรม ทางการจะไม่ปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนกับอาชญากรแน่นอน อเล็กซิสเชื่อมั่นในความเที่ยงธรรมของกฎหมายและเจสซี่ พี่ชายของตัวเองต้องขอบคุณโชคหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ช่วยให้เธอไม่ต้องอยู่
เวดสั่นหัว “ไม่มีทาง หยุดพูดแบบนั้นได้แล้วออสซี่”“ออสโล่ ชื่อออสโล่โว้ย” หนุ่มผมแดงตะคอก “เบล ทำไมเธอทำแบบนี้ล่ะ” เขาหันไปหาเบลินดาแทน เวดไม่จุดชนวนทะเลาะแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมาก เขาปิดปากเงียบ คงอยากรู้สาเหตุเหมือนกันเบลินดากอดอกตัวเองแน่น แล้วเขยิบถอยไปที่มุมห้อง ตอบกลับสั้น ๆ ว่า “ฉันทำในสิ่งที่ถูกต้องเท่านั้นย่ะ”เวดหัวเราะอย่างดูถูก “ยัยนี่ ทุกคนเขารู้กันหมดแล้วโว้ยว่าเธอพยายามจะกำจัดพวกเราออกจากลิสต์ เธออาจหลอกตัวเองได้นะ คิดตามที่เธอพอใจเลย...ยัยบ้าเอ๊ย” เขาเขยิบถอยห่างจากเด็กสาวราวกับเธอเป็นแมลงที่น่ารังเกียจที่สุดจนเขาทนไม่ได้แม้แต่จะอยู่ใกล้ ขณะเดียวกัน อเล็กซิสกับออสโล่ได้แต่ถอนหายใจอเล็กซิสเข้าใจเวดดีที่เขาฉุนเฉียวง่าย แต่มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะเค้นเอาความจริงจากคนที่ไม่แม้แต่จะรู้สึกผิดเลยสักเศษเสี้ยวหนึ่ง สถานการณ์ในตอนนี้ต่างหากที่เธอพะวงมากกว่า และมากกว่ามานั่งโทษเบลินดาด้วย เพราะมันเกี่ยวกับอนาคตของเธอฉันจะยังเชื่อพี่ได้อยู่หรือเปล่า ฉันยังเชื่อพี่ได้
บลูรู้แล้วว่าเขาได้อยู่กลุ่มบี แต่ต้องลุ้นว่าตัวเองจะได้อยู่หน่วยไหน และสุดท้าย “บลู เทอร์นเนอร์” เขาตบบ่าเพียซและโอลิแวนเพื่อไปเข้ากับหน่วยรุก ชายหนุ่มจงใจเดินผ่านลูกบ้านสาวตาน้ำเงิน เธออยู่กลุ่มบีกับเขา แต่น่าจะเป็นหน่วยสนับสนุน สีหน้าเด็กสาวบ่งบอกว่าประหลาดใจเมื่อเห็นบลู แค่นั้นเขาพอใจกลุ่มของเขาจะบุกตึกร้าง ซึ่งบลูไม่รู้ว่ามันคือที่ไหนเพราะไม่ได้เข้าอบรมเหมือนคนอื่น แม้เขาเคยเห็นราซาในสภาพเมืองที่มีชีวิตมาก่อนเมืองร้าง แต่ในเมื่อมันเป็นเมืองร้าง ตึกทุกแห่งย่อมร้างผู้คน รถถังเคลื่อนทัพนำไปก่อน ภายในใจเริ่มปล่อยวางเมื่อเห็นว่าพวกทหารเป็นฝ่ายห้อมล้อมกลุ่มอาสา หาได้ปล่อยให้พวกเขาเป็นแนวหน้าไม่ แม้จะอยู่ในหน่วยรุก พวกเขายังรอฟังคำสั่งจากหัวหน้าหน่วยอยู่ดี และพวกทหารจะเป็นฝ่ายเปิดคอยระแวดระวังให้ก่อน กลุ่มอาสามาเพิ่มกำลังให้จริงดังคำเชิญชวน บลูค่อนข้างเหงานิดหน่อยเพราะโอลิแวนและเพียซอยู่แถวหลัง ๆ แม้บางคนเขารู้จักแต่แค่เพียงผิวเผิน บลูจึงผูกสัมพันธ์กับรีเวอร์ที่เป็นหนึ่งในกลุ่มต้องสงสัยไม่กี่คนในหน่วยนี้ เขาเรียกว่าไรดี การต่อสู้คราวนั้นก่อให้เกิดมิตรภาพได้ ด
“ถ้างั้นเลือกสักอย่างเผื่อไว้” เจ้าหน้าที่กดปุ่มบนโต๊ะ ตัวแผ่นพลิกขึ้นเผยให้เห็นคลังอาวุธข้างใน ทว่าแม้บลูจะพอเดาได้ว่าอันไหนปืน อันไหนมีด แต่เขาใช้ไม่เป็นเลยสักอัน จึงสุ่มเลือกมีดสั้นด้ามหนาขึ้นมา มันมีลักษณะเหมือนมีดพกธรรมดา เขาถนัดของเบสิก“อันนี้สามารถเสียบไว้ใต้แขน”ชายหนุ่มหงายแขนตัวเองขึ้น เห็นที่เสียบเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ “ใช้ยังไงเหรอ”ทหารหนุ่มจับมีดแล้วตวัด ใบมีดโผล่ออกมา “เหมือนมีดพกก็จริง” เขาตวัดกลับ ใบมีดกลับเข้าไปข้างใน บลูจ้องตาไม่กะพริบ เมื่อใช้นิ้วโป้งกดตรงสัน ใบมีดโค้งโผล่ออกมาจากปลายทั้งสองด้าน และเมื่อมันถูกเขวี้ยงออกไปกลับแล่นกลับมาหาเจ้าของคล้ายกับบูมเมอแรงนั่นเอง “ลองดู”บลูมองมีดในมือแล้วตวัดไปตวัดมา จากนั้นลองใช้แบบบูมเมอแรง อุปกรณ์นั้นใช้ง่าย อาจเป็นเพราะมันมีระบบอัตโนมัติติดตั้งเอาไว้ให้ ไม่จำเป็นต้องใช้ความเชี่ยวชาญมากนัก“มีสองที่ ก็เอาไปสอง” เขาหงายมือแล้วเสียบมีด จากที่ตัวเบาก็เริ่มพะรุงพะรังขึ้นนิดหน่อย “หมดแล้วใช่ไหม” เขาถาม&ldqu
หน้าประตูเหล็กสีดำ นายทหารสองนายยืนประจำการเฝ้าอยู่ พวกเขามองไปรอบ ๆ แปลกใจที่ไม่เห็นกลุ่มคนเลยทั้งที่นาฬิกาบ่งบอกเวลาว่าเพิ่งเจ็ดโมงยี่สิบเจ็ดนาที ในใจบลูหวาดกลัวว่ามันอาจเป็นกลลวง และเอมอนอาจตกอยู่ในอันตรายจึงปรี่เข้าไปหาเจ้าหน้าที่ทั้งสอง พอเห็นชายสองคนตรงเข้ามา ทั้งสองนายพร้อมใจกันยกมือให้พวกเขาหยุด “อาสาสมัครใช่หรือไม่ ทำไมเพิ่งมาเอาป่านนี้”“พวกเราไม่ได้ลงทะเบียน” เขาตอบ “พวกเขาไปกันแล้วเหรอ”ทั้งสองคนมองหน้ากัน คนหนึ่งพยักหน้า ชี้นิ้วโป้งไปทางประตู “เตรียมตัวอยู่ข้างใน ถ้างั้นพวกนายก็กลับไปซะ”“เดี๋ยว” อีกคนยั้งเพื่อนไว้ ทำมือบอกพวกเขาให้รอตรงนี้ทหารคนนั้นทาบมือกับบานประตู แผ่นเหล็กเลื่อนลงเผยให้เห็นช่องทึบข้างใน บลูจะชะโงกหน้าดู แต่เมื่อเห็นอีกคนที่เฝ้าอยู่เหล่มองก็ก้มหน้า ไม่กี่วินาทีต่อมา “บอกชื่อพวกนายมา” เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับริงโก้ แล้วตอบไป“บลู เทอร์นเนอร์”“โบธิสต้า ซานโดวอล”นั่นคือจริงของริงโก้ เขาไม่รู้ที่มาว่าทำไมชายคนนี
บลูสลัดมือแล้วเช็ดเสื้อชายหนุ่ม เวลาเขาอยู่ข้างริงโก้ทีไรรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมนุษย์บอบบางที่พยายามล้มช้างแมมมอธ พอโดนแกล้งคืน ริงโก้ฮึดฮัด บลูยิ่งหัวเราะสะใจ “ฝากที่เหลือด้วยนะจ๊ะที่รัก” แล้วคว้าลังเบียร์เดินออกไปเลย ใครจะอยู่ฟังคำสบถแสลงหูเล่าดาดฟ้ากลายเป็นที่ประจำของบลูไปเสียแล้ว มือหนึ่งดีดฝาไฟแช๊ก อีกมือหยิบบุหรี่ ปากคาบแล้วจุดลมเย็นพัดผ่านร่าง หากไม่ได้สวมเสื้อแจ็กเกตกันหนาวคงสะท้านน่าดู ไม่ทันที่เขาจะหย่อนก้นลงบนม้านั่ง เอมอนเปิดประตูเหล็กอย่างแรง มือหนึ่งถือกล่องกระดาษ อีกข้างถือแผ่นพับกระดาษ “เล่นกันไหม”“เออ จัดเลย”น้องชายกางตารางกระดาษลงบนโต๊ะ เทของข้างในออกจากกล่อง มันเป็นฝาขวดที่เขาสะสม จากนั้นวางมันลงแทนหมากบนตาราง “ยัยเด็กนั่นเป็นไงบ้างล่ะ”เอมอนแบมือ เขาส่งซองบุหรี่ให้ “อย่างที่ริงโก้ว่า เธอใช้ยาระงับอาการ ตอนริงโก้เคาะเลยเปิดให้ไม่ได้ ตอนนี้เดสก็ทดลองถอนพิษให้อยู่” ชายหนุ่มหยุดคิด “แต่ไม่น่าจะทำได้”ดูเหมือนว่าความล้มเหลวทำให้เอมอนเลิกโลกสวย “แ
เครื่องหมักเนยผสมกระเทียม มะนาว และผักชีลอยฟุ้งส่งความหอมละมุนผสมเปรี้ยว กลิ่นตลบผสานกับเนื้อแซลมอนบนกระทะร้อนส่งเสียงฉู่ฉ่าชวนให้น้ำลายสอ ด้านหลังโอลิแวน ไฟในเตาอบส่องสว่างฉายให้เห็นเนื้อหมูสันในอบกับมันฝรั่งหั่นเต๋าคละเคล้ากับเครื่องเทศมากมาย ส่วนผู้ปรุงแต่งสวมผ้ากันเปื้อนสีส้มอ่อน มือจับชามและทัพพีคลุกน้ำสลัด มีเพียซ ลูกมือคอยหั่นมะเขือเทศเป็นแว่นอยู่ข้างกาย ระหว่างนั้นเอมอนวางผ้าปูเตรียมมีด ส้อมและแก้ว แต่ละคนล้วนปิดปากเงียบ ไม่พูดคุยกัน หมกมุ่นกับเรื่องในใจบลูเห็นดังนั้นจึงถามขึ้น “พรุ่งนี้ไปกันกี่โมง” ตั้งใจทำลายความเงียบและปลุกทุกคนออกจากภวังค์ เขาเขยิบก้นนั่งบนเก้าอี้ริมข้างเคาท์เตอร์บาร์“เจ็ดโมง” เอมอนวางแก้วเปล่าลงข้างหน้าพี่ชาย “หรือจะเอาเบียร์”“น้ำนี่แหละ” บลูตอบ “เจ็ดเลยเหรอวะ โคตรเช้า”เมื่อเดสซิเรเดินเข้ามา ไอ้น้องบ้าผู้หญิงไม่รอช้าบริการหญิงสาวทันที เธอนั่งมุมโต๊ะ จากนั้นริงโก้เข้ามาเป็นคนสุดท้าย เลือกนั่งข้างบลู สายตามองถาดเนื้อหมูในเตาอบ พอโอลิแวนวางชามสลัดลงตรงกลาง หนุ่มร่างใหญ่ยืดตัวขึ้นตักแบ่งใส่จานตัวเองทันที บลูฟังเดสซิเรทวนกำหนดการสำหรับวันพรุ่งนี้ พวกเหล่าอ
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้