“บอกแล้วไงเอดี้ ฉันไม่อยากไปไหนทั้งนั้น ไม่มีอารมณ์ ไม่เข้าใจหรือไง” อเล็กซิสโต้ตอบกับเพื่อนสนิทผ่านโทรศัพท์บ้าน
“ไปเถอะนะ เธอต้องเจอเพื่อนบ้างนะอเล็กซ์ จะเอาแต่เก็บตัวอยู่แต่กับบ้านไม่ได้เด็ดขาด นะ ๆ ฉันไปด้วยเหมือนกัน” เพื่อนสาวขอร้อง
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเอาชนะนิสัยช่างตื๊อของเอโลดี้ อเล็กซิสจึงจำเป็นต้องตอบตกลงไปงานปาร์ตี้ที่บ้านของเวด มิลเลอร์ทั้งที่ไม่ได้เต็มใจอยากไป เพื่อนกับเหล้า อันไหนจะช่วยให้ฉันเลิกคิดเรื่องบ้า ๆ ในหัวได้ดีกว่ากันนะ
หลังจากวันนั้น วันที่อเล็กซิสจับได้ว่าเดวี่นอกใจเธอ เขาคอยโทรมาหาเธอเกือบทุกชั่วโมง ในวันถัดมา เดวี่มาหาที่บ้านอีกครั้ง อเล็กซิสจึงตัดสินใจบอกเลิกอย่างเป็นทางการ รวมทั้งยอมฟังคำขอโทษเพื่อจบทุกอย่างให้สมบูรณ์ แม้ยังรักเดวี่มากอยู่เต็มหัวใจ แต่ก็ไม่เหลือความไว้วางใจในตัวเขาแล้ว หนำซ้ำอาการช้ำในยังสาหัสอยู่มาก เธอทำใจคบต่อกับเขาไม่ได้ ทว่าทั้งที่บอกเลิกเดวี่ไปแล้ว เขากลับยังปรากฏตัวในความฝันของเธอเสมอ มันน่าสมเพชที่เธอยังอยากที่จะฝันถึงเขา เพราะในความฝัน เธอลืมไปว่าทั้งสองเลิกกันไปแล้ว เธอชอบฝันเรื่องคืนงานพรอมที่ผ่านมา อเล็กซิสคิดว่ามันอาจจะมาจากความรู้สึกผิดที่คอยหลอกหลอนตัวเธออยู่ แต่มันเป็นความรู้สึกผิดที่เกิดจากการตัดสินใจบนความพอใจของตัวเอง เพราะอเล็กซิสพร้อมใจที่จะทำในสิ่งนั้น ทั้งที่รู้ว่าพ่อและแม่ไม่มีทางเห็นด้วย
สิ่งที่ทำให้อเล็กซิสรู้สึกแย่ยิ่งกว่าการเลิกกับเดวี่ก็คือ จูน เพื่อนสาวเลือกที่จะเงียบหายไป อดีตเพื่อนรักไม่โทรหา ไม่มาขอโทษ ไม่แม้แต่สารภาพผิด หรือทำอะไรทั้งนั้น ตั้งแต่วันนั้น จูนที่
อเล็กซิสรู้จักหายเข้าไปในหลุมดำ ลอยไปไกลสู่สุดขอบจักรวาลอันไกลโพ้น มีเพียงหนึ่งคำถามที่ติดอยู่ในใจของอเล็กซิสเสมอ นั่นคือ ทำไมจูนถึงทำแบบนี้ ทำไมจูนถึงให้คุณค่ากับมิตรภาพที่แสนยาวนานของพวกเธอราวกับมันเป็นเพียงเศษขยะ“ลูกจะไปไหนจ๊ะ” แม่ของเธอถาม ถึงแม้วันนี้เป็นวันศุกร์ แต่คาเลบและเบียนน่าไม่ได้ไปทำงานวันนี้
“ปาร์ตี้ที่บ้านเวดค่ะ หนูจะกลับมาก่อนสี่ทุ่มนะคะ”
เบียนน่าพยักหน้า หมายความว่าอนุญาต “ดีจ้ะ เห็นลูกออกไปข้างนอก เจอเพื่อน ๆ บ้างก็ดี ขอให้สนุกนะลูกรัก”
“ทำไมไม่ชวนเจสซี่ไปด้วยล่ะ” พ่อของเธอผละจากหนังสือที่กำลังอ่านอยู่ เขาหรี่ตามองตามประสาคนขี้เป็นห่วง
อเล็กซิสหัวเราะเมื่อแม่ตีแขนพ่อเบา ๆ “ลูกไปบ้านมิลเลอร์มากี่รอบแล้ว ไปเถอะลูก อย่าฟังเสียงคนแก่เลย” เธอจบประโยคด้วยเสียงหัวเราะร่วน
“ค่ะ เดี๋ยวหนูกลับมานะ” อเล็กซิสโบกมือและเดินออกจากบ้านไป
“คุณเห็นลูกหยิบมือถือของผมไปแล้วเหรอยัง” คาเลบยังคงเป็นห่วงอยู่ดี
**********
ตะวันใกล้ลาลับทอแสงระบายสีลงบนก้อนเมฆจนท้องฟ้ากลายเป็นสีส้มประกายทอง ลมเย็นอ่อน ๆ พัดผ่านร่าง อเล็กซิสขี่จักรยานผ่านร้านสปาตะวันออก หน้าประตูร้านมีโปสเตอร์โฆษณาแปะติดทับกันมากมาย เมื่อก่อน เธอจะเห็นโปสเตอร์หนังวัยรุ่นของจอห์น ลีลอยด์ติดเด่นหราเป็นตัวดึงดูดสายตาคนทุกคนที่เดินผ่าน แต่ตอนนี้โปสเตอร์ใบนั้นหายไปแล้ว และอาจจะอยู่ในก้นถังขยะสักใบ ชื่อของเขาหายไปตามที่เจสซี่สันนิษฐานไว้ทุกประการ
การที่เธอครุ่นคิดแต่เรื่องของจอห์นช่วยดับเพลิงโมโหที่มีต่อเดวี่และจูนได้ช่วงหนึ่ง แต่ความคิดนี้มาพร้อมกับความกลัวเมื่อรู้ว่าเพื่อนคนหนึ่งหายตัวไป และอาจจะเรียกได้ว่า ‘ตลอดกาล’ สิ่งที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นคือ ตัวตนของจอห์นหายไปด้วย ทางการลบตัวตนของเขาออกไปจนหมด สิ่งที่เจสซี่สันนิษฐานฟังดูมีเหตุผลมากขึ้นทุกที แม้อเล็กซิสจะยังไม่ค่อยแน่ใจนัก แต่ในใจเริ่มเชื่อไปแล้วว่าจอห์นถูกจับและถูกนำตัวเข้าโปรแกรมบำบัดที่ไม่เคยมีใครกลับออกมา อันเนื่องมาจากสามวันที่ผ่านมา อเล็กซิสไม่สามารถค้นหาชื่อ ‘จอห์น ลีลอยด์’ ในเสิร์ชเอนจีนใด ๆ ได้เลย เว็บไซต์ของเขาและของแฟนคลับถูกปิดลง หากจะพูดถึงข่าวการหายตัวไป ผู้คนจะกระซิบกันเบา ๆ ไม่กล้าพูดเสียงดัง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยิน สุดท้าย คนก็จะสรุปเอาง่าย ๆ ว่า เขาตายไปแล้ว อเล็กซิสเป็นห่วงครอบครัวของเขามากกว่าอะไรทั้งหมด เพราะเมื่อเธอคิดว่าหากใครสักคนในครอบครัวมีชะตากรรมแบบเดียวกับจอห์น เธอจะจัดการกับความคิดและความรู้สึกของตัวเองอย่างไร เมื่อเธอจะไม่ได้เห็นหน้าคนที่เธอรักอีกต่อไป และแค่เพียงคิดถึงยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายและน่ากลัวเกินกว่าที่จะทำ
คฤหาสน์ของเวดตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางคฤหาสน์หลังอื่นในเขตตอนเหนือของเมือง ห่างจากใจกลางเมืองพอสมควร บ้านของเขาใหญ่โตและหรูหราเหมือนกับบ้านของจูน (เฮ้อ เธอห้ามตัวเองไม่ให้เลิกคิดถึงสองคนนี้ไม่ได้เลยจริง ๆ) เวดจัดงานปาร์ตี้ริมสระน้ำ แต่อเล็กซิสไม่ได้ใส่ชุดบิกินี่ หรือนำชุดมาเปลี่ยน เพราะเธอตั้งใจจะมาดื่ม ดื่ม และเมาให้ได้มากที่สุดมากกว่า
“หวัดดี อเล็กซ์”
ลูกชายเจ้าของคฤหาสน์ปรี่เขามาทักทายแขก อเล็กซิสมองเวด มิลเลอร์ที่ดูฮอตมากกว่าเวลาปกติเพราะเขาอยู่ในชุดกางเกงว่ายน้ำขาสั้นสีกากี เปลือยอกล่ำท่อนบน เขายืนโบกมืออย่างร่าเริงให้กับเธอ มีแขกในงานเยอะกว่าที่คิดไว้เสียอีก อเล็กซิสเห็นทีมเชียร์ลีดเดอร์ทั้งกลุ่มยกเว้นแต่ว่าไม่มีเงาของหัวหน้าทีมอย่างเอโลดี้เลย
“อ้าว เอดี้อยู่ไหน”
“เอดี้มาไม่ได้แล้ว ยัยนั่นเพิ่งโทรบอกฉันเมื่อกี้นี้เอง บอกว่าต้องไปช่วยพ่อจัดการวัตถุดิบในร้านอาหาร”
“ฮะ!” อเล็กซิสรู้สึกเหมือนโดนหักหลัง เพราะเอโลดี้ยืนกรานว่าจะมา แล้วใครจะช่วยพาเธอกลับบ้านถ้าหากอเล็กซิสเมาเล่า นี่มันแกล้งกันหรือเปล่า เอดี้ไม่มาจริง ๆ เหรอเนี่ย
เวดตบบ่าเธอเบา ๆ “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมาก ทุกคนรู้จักเธออยู่แล้วนี่นา ก็เพื่อนกันหมดทั้งนั้น มา ๆ ถึงเวลาทำตัวให้สดชื่นได้แล้ว” เขาบอกแล้วดึงเธอเข้าไปในงาน
“อะไรนะ ทำตัวให้สดชื่น นี่นายรู้เหรอ” อเล็กซิสอดแปลกใจไม่ได้ที่เขารู้ว่าเธอกับเดวี่เลิกกันแล้ว เพราะเธอไม่ได้บอกใครเลยยกเว้นคนในครอบครัว
อ้อ...ลืมเอดี้ไปได้ยังไง
“ฉันไม่ได้ชวนสองคนนั้นมาหรอก อย่ากังวลเลย” เขาบอก
อาคุสะถอนหายใจอยู่ข้าง ๆ“อะไรอีก” อเล็กซ์ถาม“อเล็กซิสเป็นกลุ่มเสี่ยง” เขาตอบ “นายก็รู้ว่าพลังชีวิตของกลุ่มเสี่ยงมากกว่าคนปกติทั่วไป ยิ่งพวกเขาเป็นแฝด แถมยังเป็นแฝดที่เกิดจากแฝดพิเศษ สิ่งที่พวกเราเห็นอาจเป็นตัวพิสูจน์ อย่างน้อยตาเฒ่าทรอยก็ทำสำเร็จอยู่บ้าง ฉันคิดว่าพวกเขาพิเศษกว่ากลุ่มเสี่ยงอย่างพวกเราอีกนะ”ตอนนี้หัวของเขามึนตึบตามอาคุสะไม่ทัน ดูเหมือนอีกฝ่ายจะอ่านสีหน้าออกจึงอธิบายต่อ “ร่างต้นแบบของลูก้าและเจมม่าเป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มแรก ฝาแฝดที่มีพลังพิเศษ ร่างโคลนก็มีพลังพิเศษ ลูก ๆ ของพวกเขา...ไมเคิลก็มีพลังพิเศษ ตอนนี้เราก็เห็นแล้วว่าอเล็กซิสมี เป็นไปได้ไหมว่าถ้าพ่อแม่เป็นกลุ่มเสี่ยง ลูกก็จะเป็นกลุ่มเสี่ยงเหมือนกัน แล้วความที่พวกเขาเป็นแฝด จึงมีพลังเชื่อมเข้าหากัน เกื้อหนุนกัน”อาคุสะวางมือบนไหล่อเล็กซ์แล้วตบเบา ๆ “มันเป็นสัญญาณที่ดี เธอไม่ตายง่าย ๆ หรอก”อเล็กซ์ยืนนิ่งแต่ดวงตากวาดมองรอบ ๆ อเล็กซิสไม่ใช่คนเดียวที่บาดเจ็บ ยังมีคนเจ็บ บ้างมีแผลเล็กน้อย บ้างบาดแผลฉกรรจ์ เมื่อนั้นจึงตบหน้า
ความเงียบเปรียบดั่งมีดคมเสียบแทงเข้าไปในหัวใจ หากเพียงคนที่บาดเจ็บเป็นเขาแทน เขายอมแลกทุกอย่าง อเล็กซ์ไม่ต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อมองทุกคนตายไปต่อหน้าต่อตา คนเหล่านี้ช่วยชีวิตเขาได้สำเร็จทุกครั้ง ไม่ว่าจะแม่ เบน และอเล็กซิส แต่เหตุใดเขาไม่เคยช่วยชีวิตใครได้เลย ไม่มีแม้แต่โอกาสได้ช่วย“อเล็กซ์!” ไมเคิลกระชากแขน เขาหันไปเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่ม“ไม่!” เขาตวาดใส่หน้า หากไมเคิลจะแย่งไปก็ทำได้ แรงของอีกฝ่ายมีมากกว่าและอเล็กซ์ก็ไม่เหลือพลังโต้กลับ แต่เพราะมีอเล็กซิส ไมเคิลจึงทำได้เพียงอ้อนวอน“ปล่อย ฉันจะช่วยเธอ!”“ไม่!” เขาตะโกนใส่หน้าเด็กหนุ่ม “ทุกครั้งที่ฉันปล่อยมือ เธอก็ห่างฉันไปทุกที...” ก้อนสะอื้นจุกในคอ เขาไม่อาจโต้ตอบได้อีกกล้ามเนื้อบนหน้าไมเคิลกระตุก เขาโกรธ โกรธมาก แต่ก็ยังพยายามควบคุมอารมณ์ “นี่พี่สาวฉัน ฝาแฝดของฉัน ปล่อยตัวเธอ ฉันอาจช่วยเธอได้ เมื่อกี้...”“ก็ทำสิ!” เขาดึงแขนเด็กสาวกลับ จ้องดวงตาสีฟ้าที่คล้ายกับของอเล็กซิสหากแต่สีนั้นอ่อนกว่า “ช่วยชีว
ไมเคิลไม่มีหลุมพราง และอเล็กซ์กลัวว่าอเล็กซิสจะไป พวกเขามีสายใยบางอย่างที่น่ากลัว หลังจากผ่านด่านทดลอง จากคนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนสนิท ไมเคิลเกาะติดอเล็กซิสแจทั้งที่ก่อนหน้าไม่ยอมเข้าสังคม อเล็กซ์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงเกลียดชังหนุ่มผมเงินมากขนาดนั้น อเล็กซ์ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ถ้าหากถึงเวลานั้นจริง ๆ วันที่เธอเลือกไมเคิล เขารู้ว่าตัวเองคงทำใจไม่ได้ สู้ตัดใจแต่ตอนนี้ยังดีเสียกว่าเขาปล่อยมือเธอมันกลายเป็นความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจจนถึงตอนนี้ ทั้งที่แทบเป็นบ้าเมื่อเธอหายไป แต่กลับโกรธแทบตายที่ไมเคิลเจอเธอ ทำไมต้องหมอนี้ด้วย(วะ) ไอ้หัวเงินดูแลเธอตลอด อเล็กซ์ใช้เวลาอันมีค่าไปกับการปฏิเสธความรู้สึกตนเอง ใช้ไปโดยเปล่าประโยชน์เพื่อโกรธและเกลียด เพื่อตอบสนองความกลัวและขลาดเขลาด้วยการเดินออกจากแสงสว่างนั้น จนเมื่อไมเคิลบอกว่าเธอกำลังจะตาย มันไม่ต่างอะไรจากวันที่อเล็กซิสบอกว่าเบนไม่กลับมา และวันที่เบนเดินมาบอกว่าแม่ไปแล้ว ความกลัวพัฒนาจนความรู้สึกมากมายงอกเงย โมโห หึงหวง โกรธ เกลียด สุดท้ายอารมณ์ทั้งหมดก็มาลงที่ตัวเอง เขาเกลียดตัวเองที่สุดยามเห็นอเล็กซิสทรมานไม่ว่
สองครั้งที่อเล็กซ์เผชิญหน้ากับความตาย เหมือนหลับไปตื่นหนึ่ง เมื่อลืมตาขึ้นคนที่เขารักก็จากไป ครั้งแรกคือแม่ และครั้งที่สองคือเบน เคยคิดว่าตัวเองชินชากับความตาย แต่ไม่เลย เขาไม่พร้อมเจอครั้งที่สามอเล็กซานเดอร์ โวลคอฟอาจถูกกำหนดให้อยู่เพียงลำพังและตายโดยลำพัง แต่สุดท้ายเขาก็ยังหายใจอยู่ช่วงแรกที่เขาพบเธอ เคยคิดว่ามันอาจเป็นแค่อารมณ์อ่อนไหว เขายังยี่สิบต้น ๆ และเธอก็อ่อนกว่าไม่กี่ปี รูปร่างหน้าตาสวยงามที่เหมือนเดินออกมาจากนิตยสาร นิสัยใจคอที่ทำให้คนหลงรักได้ไม่ยาก มันก็แค่นั้น แต่นานวันเข้า กลับกลายเป็นว่าเธอเหมือนแสงสว่างดวงน้อยที่มักอยู่ในสายตาเสมอ วันที่เขารู้ว่าเบนจะไม่มีวันกลับมา วันที่มืดมนที่สุดจนอเล็กซ์อยากหายไปจากโลกนี้ อเล็กซิสกลับอยู่เป็นแสงอันอบอุ่นปลอบโยนจนการมีชีวิตดูมีความหมายมากขึ้นก็ไม่ยากเท่าไรนักกับการมีชีวิตในโลกที่เขาไม่รู้จักมันเริ่มต้นมาจากวันนั้น...ในท้องฟ้าจำลอง แม้มองเห็นเพียงแผ่นหลังก็ยังรู้สึกถึงดวงจิตที่แตกสลายย่อยยับอยู่ภายใน ชั่ววูบหนึ่งเขาเห็นเงาของแม่ซ้อนทับ ดวงตาคู่งามแสนเศร้าและปลงตกในคราวเดียวกัน ประหนึ่งร่างของเ
บราวน์ละสายตาจากเอกสารตรงหน้า วาร์กเนอร์เป็นหัวหน้าทีมคนก่อน“ครับ” เขาตอบสั้น ๆ แต่นัยน์ตาจับจ้องที่ดวงหน้าผู้ถาม สีหน้าของเดวิสดูซีดลงเล็กน้อย นัยน์ตาหม่นแสงลงคล้ายกับไม่สบายใจ เขาไม่แน่ใจนักว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองไปถึงขั้นไหน แต่คงมากพอที่จะให้วาร์กเนอร์พยายามหาข้อมูลไปประเคนชายหนุ่มคนนี้ได้งี่เง่า โดยเฉพาะวาร์กเนอร์ที่ดันผันตัวจากไฟเป็นหิ่งห้อย“พวกเราตกใจนิดหน่อยว่าอาจมีปัญหาอะไรหรือไม่...” ดูเหมือนเขาพยายามจะหาเหตุผลเพื่อไม่ให้ตัวเองดูผิดปกตินัก นายน้อยโวลคอฟคลี่ยิ้มน้อย ๆ “...หรือมีข้อตกลงที่ฝ่ายคุณไม่พอใจเป็นต้น”“ไม่หรอกครับ” บราวน์ตอบทันที “ทุกอย่างเรียบร้อยดี เพียงแต่คุณวาร์กเนอร์ถูกย้ายไปประจำตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า ทีแรกผมกังวลที่ต้องมาประสานงานต่อ แต่อย่างที่เห็น ทุกอย่างเรียบร้อยดี อีกอย่างการโยกย้ายก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจเบื้องบน มัน...ค่อนข้างจะเป็นเรื่องภายใน ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับ...” เขาวางมือลงบนโต๊ะ “...งานตรงนี้หรอกครับ”ในห้องเงียบไปสักพัก เค
ปัญหาไม่ใช่เนื้อหางานหรือรูปแบบของงานแต่อย่างใด แต่มันคือเหตุใดต้องเป็นเขาระแคะระคาย? ก็อาจเป็นไปได้ แต่อย่างที่บราวน์สรุปไปก่อนหน้า เมื่อไม่ลงมือก็แปลว่าขาดหลักฐาน เมื่อไม่จัดการก็แปลว่ายังต้องการอยู่ดังนั้นหากบราวน์จะรู้สึกเสียวสันหลังนิดหน่อยก็ไม่แปลกนัก การประสานงานกับคนภายนอก ทั้งยังต้องระมัดระวังข้อมูลไม่ให้รั่วไหล ยิ่งบราวน์ตงิดใจว่าถูกจับตามอง หากแม้เขาระวังตัวเพียงใด แต่คนใต้อำนาจเกิดสะเพร่าขึ้นมาโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ อย่างไรเสียเขาก็ต้องโดน...ก็นะ ถ้านี่ไม่ใช่กับดักขอเถอะ อย่างน้อยให้ส่งของก่อนสักพัก เคย์ซี่เข้ามาเสิร์ฟกาแฟ เมื่อเธอหันหลัง บราวน์อดไม่ได้เหลือบมองบั้นท้ายกลมกลึง กระโปรงของเธอยาวพอดีเข่า แต่เพราะมันรัดรูปจนเห็นเป็นทรงสวย...ผลของการสควอทสินะ เขาสังเกตเรียวขาที่มีเส้นกล้ามเนื้อบ่งบอกว่าออกกำลังกายอย่านอกเรื่อง เขาส่ายหัว อย่างไรก็เป็นผู้ชาย มองนิดมองหน่อยไม่เป็นไรแต่อย่าทำให้สมาธิเสียก็เท่านั้น เขายักไหล่ให้ตัวเองแล้วมองข่าวบนจอโทรทัศน์“...กองทัพส่งกำลังเสริมเข้าต้านฝ่ายก่อกา