ไมเคิลตื่นแล้วเช่นกัน เขายืนเกาะอยู่ตรงมุมขนมปัง หากเทียบกับโนเอลแล้ว ใครจะเชื่อว่าเด็กหนุ่มคนนี้กินเยอะที่สุด ไมเคิลสามารถยัดขนมปังเจ็ดก้อน ซุปครีมอีกสองถ้วย และของหวานตบท้ายได้อีกมากมาย จนบางครั้งเบนแซวว่า ‘ไอ้อูฐขนเงิน’ พอเด็กหนุ่มเห็นเธอเดินออกมาก็ยื่นขนมปังให้อย่างเป็นมิตร อเล็กซิสรับแล้วกินรอโนเอลกับเบ็กกี้ที่เพิ่งตื่นและยังงัวเงีย
“นายรู้จักฉันกับจูนได้ยังไง” เธอถาม
ร่างสูงยักไหล่ ทำท่ากั๊กไม่ยอมเล่าสักที ไม่พอ ยังเปิดกระป๋องซุปมะเขือเทศแล้วส่งให้เธอ คล้ายกับว่าเห็นว่าพวกกินจุเหมือนกันอย่างนั้นแหละ อันที่จริง อเล็กซิสไม่รู้สึกหิวเท่าไรเลย มันเหมือนกับว่า ร่างกายสูญเสียความอยากอาหารไปแล้ว
“สามปีที่แล้ว เธอกับเพื่อนช่วยชีวิตลุงแก่คนหนึ่งไว้” เขาบอกแค่นั้นแล้วเดินหนีไปยังมุมอาวุธ เด็กสาวครุ่นคิดขณะที่ตัวเองพยายามยัดอาหารลงกระเพาะ อีกไม่นานพวกเขาจะเข้าสู่โซนสาม และจุดเซฟโซนจะเหลืออยู่เพียงจุดเดียว ในโซนสี่ไม่มีจุดเซฟโซน การกินในครั้งนี้คงเหมือนเอาเสบียงลงท้องแบบอูฐจริง ๆ นั่นแหละ
สามปีก่อน อเล็กซิสพยายามนึก
“นายทำอะไรผิด ทางการถึงอยากได้ตัวขนาดนั้น” ชายผมสีน้ำตาลซัก ตอนนี้คนถูกซักกินซุปหมดกระป๋องแล้วและไม่ได้คิดหยิบกินเพิ่ม ส่วนอเล็กซิสยังจัดการขนมปังในมือไม่หมด“อืม” เขายกแขนไขว้หลัง “เอาจริงนะ ฉันไม่รู้ พวกเขาพาฉันหนี และก็หนี ตอนแรกคิดว่าเป็นเพราะพลัง แต่พอถูกจับ พวกเขาก็สอบสวนในเรื่องที่ฉันไม่รู้”“เรื่องอะไร” อเล็กซิสกับเบนโพล่งถามพร้อมกันเด็กหนุ่มเหล่มองคู่สนทนาทั้งสองคนแล้วหัวเราะในคอ “ฉันไม่รู้ มันเป็นเรื่องก่อนฉันเกิด และคนที่รู้ก็ถูกฆ่าไปหมดแล้ว เพราะไม่มีประโยชน์มั้งเลยโดนจับมาในนี้” เขาโยนกระป๋องซุปทิ้ง “ถ้าพวกนายไม่นอน งั้นฉันขอตัวนอนก่อน ถ้าจะนอนก็ปลุกฉันแล้วกัน”อเล็กซิสมองตามร่างสูงของไมเคิล เขาเลือกที่นอนไม่ไกลจากโนเอล เอาเข้าจริง เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะนอนในสภาพพื้นเปียกชื้นแล้วเหม็นแบบนี้ได้มาก่อน แต่อย่างที่บอก จมูกและนิสัยรักความสะอาดน่าจะพังไปนานแล้ว พอหันมาเจอสายตาเบนก็ถอนหายใจอีกระลอก“เธอยังนอนไม่ได้นะ ต้องอยู่เฝ้ากับฉัน” เขากล่าวดักคอ
ณ เวลาปัจจุบันนิ้วของเธอยังคาอยู่ที่ไกสายตาของอเล็กซิสมองปืนที่พ่อจับมาจ่อตรงอกสลับกับแก้มแหว่งเป็นช่องโหว่ เลยขึ้นไปยังดวงตาสีน้ำตาลแล้วกลับลงมาที่ส่วนปาก ริมฝีปากแห้งผากค่อย ๆ คลี่ยิ้มเชิญชวนให้เธอเหนี่ยวไก ไออุ่นที่หลงคิดว่าเป็นของพ่อเลือนหายไปกลายเป็นไอเย็นยะเยือกซึมลึกไปถึงกระดูกเหนื่อย อเล็กซิสอยากจะจบทุกอย่าง แต่นิ้วกับแข็งทื่อ ลึก ๆ แล้วเธอยังกลัวที่จะไปตอนนี้ แต่ขณะเดียวกัน ทุกครั้งที่หายใจเธอเจ็บปวดกับโลกอันบิดเบี้ยว“ตื่น”เหมือนมีน้ำแข็งสาดหน้า อเล็กซิสผลักร่างซอมบี้คาเลบออกไป เขาเกือบจะล้มและต้องตั้งหลักเพื่อยืน มันยังคงพยายามสบตากับเธอ แสยะยิ้มกว้างอีกรอบ เสียงหัวเราะปีศาจที่คล้ายกับเสียงของชาร์ลียิ่งหลอกหลอน เธอยกปืนเล็งที่หน้าศพคาเลบตัวปลอม “แกไม่ใช่คาเลบ”น่าแปลกที่ว่าร่างนั้นยิ่งพอใจ“ถ้าอย่างนั้นจงฆ่าพวกเราเถิด ปลดปล่อยพวกเราจากความทุกข์ทรมานนี้เถอะลูก” เขากางแขนแล้วหลับตารอให้เธอจบทุกอย่างแต่มือของเธอสั่น ความลังเลทำให้เธอยังไม่กล้าเหนี่ยวไก&ld
ร่างอูน่ากลายเป็นประติมากรรมกลางธารน้ำแข็ง เธอปล่อยไอลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่งเหมือนเวลาควันออกมาจากท่อไอเสียก่อนรถดับ มือสองข้างยกค้างเติ่งกลางอากาศ อูน่าเอื้อมสุดแขนหวังให้เพื่อนช่วยดึงขึ้นแต่มันสายเกินไป น้ำแข็งตัวก่อนที่พวกเขาจะช่วยเธอได้ทันและไม่มีใครกล้าลงไปอีกรอบ อูน่าจึงติดคาอยู่ในนั้น พ่ายแพ้ต่อความเย็นที่แปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วในที่สุด เทสซ่าประคองเบลินดากับเอมมี่ให้ออกห่างจากบริเวณแม่น้ำ ทั้งสองคนตัวสั่นเทาแต่อาการสั่นคงไม่ได้มาจากความเย็นเพียงอย่างเดียว ในเมื่อทั้งสองเพิ่งสูญเสียเพื่อนไปต่อหน้าต่อตา พอน้ำแข็งละลาย พวกเขามองศพอูน่าจมลงสู่เบื้องล่างต่อให้เห็นคนตายอีกกี่ครั้ง เธอไม่เคยชินกับมันเลย เทสซ่าปล่อยให้พวกเบลินดาทำใจ“เป็นไงบ้าง” เธอถามน้องสาว มินนี่นั่งสั่นงก ๆ อิงแอบออสโล่ เขาโอบกอดเธอโดยอัตโนมัติ เทสซ่าจ้องแม้รู้ว่าออสโล่ไม่คิดอะไรตามประสาคนเป็นพี่สาว แต่เธอจ้องเพราะเป็นห่วงมินนี่ หนุ่มผมแดงเห็นเธอจ้องก็ถาม“ไหวหรือเปล่า” มินนี่เงยหน้า “หนูหนาวจะตาย พี่ไม่หนาวเหรอ” เด็กสาวเขยิบเพื่อให้เธอมานั่งก
“ส่องไฟดี ๆ”ทั้งหมดขยับนาฬิกาเพื่อให้เบนเห็นชัดขึ้น“ฉันหมายถึงเบ็กกี้”สาวน้อยผมแดงสะดุ้ง เธอยกมือสูงขึ้นอีก“นายนี่มัน...” โนเอลขบกราม “พูดดี ๆ สิวะ”“แล้วใครทำให้เสียเวลาวะ...อย่า อย่าแม้แต่เบะปากร้องไห้”เขาเห็นเบ็กกี้กลั้นใจไม่ให้น้ำตาไหลแผลของอเล็กซิสลึกเพราะกระสุนดันฝังใต้ไหปลาร้า เลยขั้วหัวใจไปนิดเดียว เบนคลำบริเวณรอบแผลส่งผลให้เด็กสาวเม้มปากแน่น พยายามไม่ส่งเสียงร้อง แต่เล็บจิกลงไปในเนื้อแขนของเบน“เจอไหม”“อื้อ” เบนยกมืออังปากแผล อเล็กซิสเริ่มดิ้น ขาเรียวยาวขยับไปมา “อดทน ๆ” แม้จะทำเสียงหงุดหงิด แต่สายตากลับห่างไกลจากคำว่ารำคาญ บางครั้งหมอนี่ไม่ได้แค่กระซิบ แต่แนบทุกส่วนบนใบหน้าสัมผัสแก้มและซอกคอคนเจ็บด้วยไมเคิลชำเลืองมองดวงตาอเล็กซิส มันเป็นสีน้ำเงินเข้มสวยเหมือนอัญมณีที่เรียกว่า พลอยสีน้ำเงิน ดวงตาที่เห็นครั้งแรกก็ชอบทันที เขาชอบมากกว่าสีเขียวมรกตของเพื่อนเธอ อาจเป็นเพราะมันทำให้เขาอบอุ่นได้อย่างน่าประหลา
“ไหวนะ” ไมเคิลถามเมื่อเห็นอเล็กซิสลุกขึ้นมาสะพายกระเป๋า“อื้อ” เธอเปลี่ยนมาถือปืนข้างขวาด้วย สิ่งหนึ่งที่เขาตัดสินใจอยู่กับกลุ่มนี้คงเป็นเพราะเด็กคนนี้ เพราะดวงตาของเธอ และเพราะอเล็กซิสเคยช่วยชีวิตปาสคาลไว้แม้เธอจำเหตุการณ์นั้นไม่ได้เบ็กกี้ยังคงเดินเงียบ ไม่ปริปากพูดกับใคร เขาสงสารเธออยู่หน่อย ไม่มีใครพูดเรื่องนอนพักอีกเลย เพราะกลัวพลังเบ็กกี้จะเล่นงานอีก “ความจริงแล้ว ถ้าเธอคุมพลังได้ มันจะมีประโยชน์มากเลยนะ” เขาพยายามพูดให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้นเธอเงยหน้าอวดใบหน้าตกกระ ดวงตาสีเขียวคู่นี้ช่างดูเศร้าเหลือเกิน มันไม่สว่างเจิดจ้าเหมือนตาสีเขียวของจูน ตาของเบ็กกี้เหมือนป่าทึบ“นายก็เห็นว่าฉันคุมมันไม่ได้ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปด้วยซ้ำ” เธอกอดอกแน่น ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ (อีกแล้ว) เบ็กกี้เป็นคนประเภทไม่เชื่อในศักยภาพของตัวเอง“ทุกอย่างล้วนต้องใช้การฝึกฝนและพยายามนะ” เขาพยายามให้กำลังใจ “ฉันไม่ได้คุมพลังได้ตั้งแต่เกิดสักหน่อย”“พวกเราควรได้พัก แต่กลับกลายเป็นแบบนี้&r
แสงอบอุ่นที่ไหนกัน อากาศร้อนระอุแผดเผาไปถึงทรวงสิไม่ว่า เหงื่อของเธอไหลออกจากร่างราวกับผ้าเปียกที่ถูกวางทิ้งไว้กลางแดดก่อนแห้งแข็งกรัง พวกเขาวิ่งกระเสือกกระสน ใช้พลังเท่าที่มีไปให้ถึงบันไดเชือกฝั่งตรงข้าม ระหว่างทาง กรงขังรอบกำแพงทยอยเปิดออกปล่อยซอมบี้ออกมาไล่ฆ่า เทสซ่าซัดคลื่นเสียงออกไปไม่ยั้ง“ขึ้นเร็ว” เทสซ่าผลักน้องสาว “อย่าช้ามินนี่” เธอเร่ง หัวใจจะวาย เด็กสาวกลับมองเธออาลัยอาวรณ์ “เทสตามมาสิ”“ขึ้นไป ออสโล่” เธอบอกเด็กหนุ่มผมแดง“เธอล่ะ เวดอีก” เขามองหาเพื่อน เวดกำลังวิ่งมา เขาเล็งบันไดที่อยู่ถัดจากเธอ“ฉันตามไป ไม่ต้องห่วง”ออสโล่ไม่อยากทิ้งเธอไว้ข้างหลัง“ไปเร็ว” เธอเร่ง “ฉันขึ้นอีกข้าง”“โอเค งั้นรีบปีนขึ้นไปนะ” ว่าแล้วก็ไต่ตามมินนี่ไปเทสซ่ามองขึ้นไป กำแพงสูงเท่าตึกสามชั้น มีบันไดห้อยอยู่หลายชุด เวดเกาะบันไดที่อยู่ข้างเธอแล้วปีน “รออะไร”“แบบนี้ไง” เทสซ่าวาดมือ คลื่นเสียงผลักกลุ่มซ
หินเหนียวหนืดสีแดงไหลตามร่องแตกริมสองข้างทาง บนเพดานถ้ำยังมีหินงอกหินย้อยขึ้นสลับ อากาศภายในไม่ต่างจากเตาอบร้อนขนาดยักษ์เท่าไรนัก เธอทิ้งกระเป๋าสัมภาระลงบนพื้นหิน ย่อตัวนั่งลงด้วยท่าทางเชื่องช้า ความเวิ้งว้างหลอมรวมไปกับบรรยากาศรอบตัว เบนล้มตัวลงหอบหายใจข้างกาย “ไหวไหม” ไมเคิลใช้ปืนสะกิดที่แขนอเล็กซิสพยักหน้า “อืม” สายตามองย้อนกลับไปยังทางเข้าที่ตัวเองเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ “เบ็กกี้ล่ะ”ไมเคิลชี้ให้ดู แต่เธอเห็นแค่ที่ว่างโล่ง “ฉันส่งให้เธอไปกับพอร์ต คิดว่ามันเป็นพอร์ตนะ มัน...หายไปเหมือนถูกเสกวับ” เขาไม่รู้ว่าอาการเบ็กกี้หนักหรือไม่ แต่มอบสิทธิพิเศษนี้ให้กับเด็กสาวผมแดงแทนตัวเองเรียบร้อยแล้ว“เสียใจด้วยนะ”“อื้อ” ดวงตาสีน้ำเงินเข้มกวาดไปรอบตัว คราวนี้เป็นถ้ำอย่างนั้นเหรอ “ฉันไม่เป็นไร แค่ไม่รู้ว่าถ้าออกไปได้จะบอกกับเพื่อนยังไงดี” เธอนึกถึงเทสซ่ากับมินนี่ ปฏิกิริยาของน้องเล็กคงเดาไม่ยาก แต่สำหรับเทสซ่า เธอเดาไม่ออก และที่สำคัญจะบอกพวกเขาอย่างไรนี่สิ ปัญหาใหญ่ อเล็กซิสถอนหายใจ ถ้าเส้นชะตาชีวิตยังยืนยาวไปถึงเวลานั้นค่อยคิดก็แล้วกันโนเอลจากไปแล้ว จากไปพร้อมกับเสียงระเบิดและสะพานเชื่อมที
นี่คือสิ่งที่เธอรู้สึกตั้งแต่เข้าโซนสี่ ไม่สิ ตั้งแต่เขาเห็นภาพหลอน เบนกลายเป็นคนขรึมระคนเศร้า เดี๋ยวเงียบ เดี๋ยวกวนประสาท ยากนักที่จะจับต้นชนปลายอารมณ์ได้ถูก อาการนี้ยิ่งปรากฏชัดขึ้นเมื่อโนเอลตาย หากมีสิ่งหนึ่งที่เธอเริ่มเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวคนคนนี้ นอกจากเรื่องที่เขาปกป้องอเล็กซ์ยิ่งชีพและช่วยชีวิตคนทั้งกลุ่มหลายครา คงเป็นเรื่องที่เบนรอโนเอล เขาไม่ได้เฉยชาเหมือนกับตอนซาร่าห์และเอ็มเมต เบนรอให้โนเอลลุกขึ้นมาเหมือนที่เธอรอ“คิดว่าพอร์ตจะส่งพวกเขาไปถึงปลายทางจริงเหรอ หรือว่ามันเป็นกับดัก หรือว่าฉันส่งเขาไปตาย” เขาถามทั้งสองคน “ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิ”“มันเป็นภาพหลอน” เธอย้ำ “ภาพหลอน นายอย่ายึดติดกับพลังของเบ็กกี้ อเล็กซ์และแนทที่นายเห็นในหัวคือผลพวงจากพลังของเธอ”เบนเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “มันเป็นคำถาม...ถ้ามันเป็นแบบนั้นล่ะ ถ้าพวกเขาคือตัวจริง พวกเธอหันปืนไปทางไหน หรือเธออยากจะเชื่อแบบนั้น ฉันคิดถึงความเป็นไปได้ พวกมันนึกอยากจะทำอะไรก็ทำได้ ดูรอบตัวสิ จำพวกสัตว์ผสมอุบาทว์ได้ไหม พวกมันจะทำอะไรกับเขา”“เบน ใจเย็น ๆ ฉันอยากให้เขาปลอดภัยไม่ต่างจากนาย”“รู้ แต่ถ้ามันไม่ใช่ล่ะ”เธอเงียบ ไมเค
สาวผมแดงนั่งมองพวกเขาอยู่บนเตียง ผ้าห่มคลุมร่างกายเปลือยเปล่าเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกทิ้งไว้บนพื้น อเล็กซิสกระตุกแขนไมเคิลที่ยืนแข็งเป็นท่อนไม้ เธอส่งยิ้มให้เด็กหนุ่มมากกว่าแสดงออกว่าโกรธ “อยากร่วมด้วยเหรอ” เสียงของหล่อนแหบกระเส่าจงใจยั่วอีกฝ่าย สุดท้ายอเล็กซิสลากไมเคิลออกไปได้สำเร็จไมเคิลมองหน้าเธอ ใบหน้าแดงก่ำ “ฉันคิดว่าเธอถูกทำร้าย” แล้วชี้ไปที่บลูชายหนุ่มชี้หน้าตัวเอง “ฮะ ถูกทำร้าย?” จากนั้นระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น จากที่โมโหดูจะพอใจมากกว่า “ขอโทษที่รุนแรงจนนายตกใจ แต่ช่วยไม่ได้เพราะลีลาชั้นมันเผ็ดร้อน” เขาตบไหล่ชายหนุ่ม แต่ไมเคิลมีกะใจเบี่ยงตัวออก“คือ...บลู ไมเคิลค่อนข้างจะสับสนนิดหน่อย ฉันขอโทษจริง ๆ เขาไม่ได้ตั้งใจ” อเล็กซิสแก้ตัวให้เพื่อนและพยายามมองแค่หน้าของบลู ปกติแล้วเขาไม่ใช่ผู้ชายในแบบที่เธอชอบ หรือตรงสเป็ก แต่หุ่นของเขานี่มัน...หน้าอกชายหนุ่มยังคงสั่นไปตามแรงหัวเราะ “พูดจริงดิ เพื่อนเธอไม่รู้จักเสียงเมื่อกี้เหรอ เอ แล้วที่อยู่ในห้องกันสองคนทำอะไรกันวะ” เขาหันไป
ไมเคิลพยายามทำตัวเป็นปกติ เขามานอนเล่นในห้องเธอตั้งแต่สี่โมงเย็น เพราะในห้องตัวเองเต็มไปด้วยอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และสามหนุ่มไอทีอย่างโคดี้ เรมี กับอาคุสะที่พยายามถอดรหัสเข้าเครื่องให้ได้ ทอยซิตี้ไม่ใช่เมืองพักตากอากาศ หากพวกเขาไม่ดื่มหรือชมลานประลองก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอีก ทั้งสองคุยกันว่าจะหางานทำช่วงเย็นดีไหม อย่างน้อยอาจแก้เบื่อแถมได้ชิปนิดหน่อย ไมเคิลเคยลองทำแล้วออกมาและอาจจะกลับเข้าไปใหม่วันนี้จึงผ่านไปอย่างช้า ๆ สำหรับทั้งสองคน บางครั้งเธอนั่งจดบันทึกอยู่ เขาจะเริ่มเข้ามากระแซะ หลายครั้งเธออยากให้ตัวเองคล้อยตามแต่มันมีบางอย่างที่ทำให้เธอหยุด สัมผัสของไมเคิลไม่ได้ทำให้เธอใจสั่น ทั้งที่หน้าตาและรูปร่างเป็นต่อ อาจเป็นเพราะแววตาของเขาแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากกว่าต้องการจริง ๆ และอาจเป็นเพราะเขาทำให้เธอรู้สึกกึ่ง ๆ ระหว่างออสโล่กับลิ้ตเติ้ลชาร์ลีมากเกินไป ความใกล้ชิดของพวกเขายิ่งกว่าก่อนอเล็กซ์จะตีจากเสียอีก แต่ถ้าไม่ใช่เรื่องนอนตัก กอด หรือถูกเนื้อต้องตัว พวกเขาไม่เคยไปไกลเกินกว่านี้ ถ้าไม่นับจูบทดลองคราวนั้นและสุดท้าย เด็กหนุ่มมักผล็อยหลับบนตักเธอเสมอ ไมเคิลชอบให้เธอเ
คำสุดท้ายแรงเหมือนตบหน้าโดยไม่ใช่มือ แววตาหยิ่งผยองเมื่อครู่กลายเป็นหวาดหวั่น และเมื่ออเล็กซิสเห็นเงาตัวเองในดวงตาคู่นั้นก็ตกใจไม่แพ้กัน ความเกลียดชังในตัวเธอส่งผ่านออกมาจนเห็นชัดผ่านเงาสะท้อน และแม้แต่ตัวเองยังแทบรับไม่ได้กับใบหน้านั้น ดวงตาเธอเหลือบมองเทสซ่าและรีเวอร์ที่ยังคุยกันดี ไม่มีทะเลาะ จึงจับตัวมินนี่เลื่อนออกไป ให้ตัวเองมีช่องว่างปลีกตัวมินนี่ไม่สนใจ เธอเขยิบตัวแล้วก้าวไปเกาะกำแพงข้างหน้าแทน สายตาจดจ่ออยู่ที่พี่สาวตัวเองมากกว่าคนรอบข้าง เวลานี้อเล็กซิสไม่สนใจแล้วว่าต้องรอเทสซ่าหรือไม่ แต่ฉวยโอกาสนี้กลับเขต ใบหน้าอาฆาตเมื่อครู่ยังติดอยู่ในหัว“ฉันไม่เคยอยากให้พวกเขาตาย”เท้าเธอหยุดกะทันหัน เบลินดาเดินตามมา “เวดยังไม่ตาย” เธอสวน หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้ที่มาจากที่เดียวกัน “เธอไม่เคยขอโทษ ไม่เคยรู้สึกผิด ตลอดเวลาฉันเห็นเธอลอยหน้าลอยตาราวกับตัวเองเป็นเหยื่อ...”“เพราะฉันเป็นเหยื่อ” เด็กสาวตรงหน้ากำหมัดแน่น มือทั้งสองข้างสั่นอเล็กซิสหัวเราะ “กล้าพูด”“เหยื่อของผองเพื่อ
“โอ้” ทำไมเราต้องรู้เรื่องที่ไม่ควรรู้ด้วยนะ เธอเหลือบมองเพื่อนสาวอีกที สองคนนั้นยังหัวเราะคิกคัก ไม่รู้ตัวว่ามีคนกล่าวถึง “หมอนั่นไม่ได้เป็นโรคจิตใช่ไหม” เธอถาม เพราะมินนี่ไม่เคยเก็บความลับของพี่สาวอยู่มินนี่ส่ายหัว “รีเวอร์น่ารักจะตาย ไม่กวนประสาทเหมือนโคดี้ด้วย เขาเป็นผู้ใหญ่ โนเอลก็ชอบ” แววตาสีฟ้าอ่อนสลดลงเมื่อนึกถึงพี่ชายที่จากไป อเล็กซิสลุกขึ้นกอดเธอเป็นการปลอบโยน “ถ้าเขาไม่หายไปและไม่ทำให้เทสซ่าเสียใจก็ดี แต่มันไม่ได้แปลว่าฉันเชียร์เขาแทนโคดี้นะ” เด็กสาวเงยหน้าทำตาปริบ ๆ ถึงแม้เธอค่อนข้างประหลาดไปสักหน่อย แต่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่เอ็นดูน้องเล็กของพวกโธมัสคนนี้อเล็กซิสยิ้ม “ฉันรู้”เธอมองรีเวอร์อีกครั้ง ครั้งนี้เขารู้ตัวจึงเดินหายไป เธอไม่เคยรู้เรื่องเขาเลย ไม่แน่ใจว่าเทสซ่าจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับแฟนเก่า แต่ภาวนาว่าอย่าให้มีเรื่องขัดข้องใจกับแฟนปัจจุบันก็คงดี อเล็กซิสถอนหายใจ เธอนึกถึงวันที่อเล็กซ์เจอเธอแอบอยู่หลังถังขยะข้างตึกที่พักไมเคิล สติตกอยู่ใต้อำนาจฤทธิ์ยา ถึงแม้เธอไม่อาจตอบได้
พวกผู้หญิงมีวิธีบรรเทาความเครียดต่างกับผู้ชาย ไม่ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์ไหน การได้จับจ่ายซื้อของคือความสุขและวิธีปลดปล่อยมวลพลังลบทั้งปวง ถึงแม้ที่นี่ไม่มีร้านบูติกแบรนด์ชั้นนำ หรือแม้แต่ร้านโนเนมดีไซน์ล้ำ มีเพียงตลาดมือสองและแผนกเสื้อผ้าในซูเปอร์ตั้งราวเรียงกันเป็นตับ ไร้รสนิยม แม้ทอยซิตี้ไม่มีตัวเลือกให้กับผู้หญิงมากนัก แต่แค่ได้สวมใส่ ลอง และซื้อ ก็สนองนี้ดได้ไม่ยาก และเพราะมันเป็นหนทางเดียวสำหรับพวกเธอคงมีแค่อเล็กซิสที่นั่งเท้าคางรอเทสซ่าแต่งตัวคนอย่างอเล็กซิสหรือจะแค่นั่งรอ เด็กสาวผู้ชื่นชอบสะสมเสื้อผ้าสวยและน้ำหอมเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่ค่าตัวจากงานพิเศษต่าง ๆ ละลายไปกับของพวกนี้ เหตุใดเธอจึงนั่งเบื่อ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า ใครคือคนที่ช้อปด้วยต่างหาก และก็ไม่ใช่เพราะเทสซ่าแน่นอนเทสซ่าเดินออกจากห้องลองเสื้อพร้อมเบลินดา สวมเสื้อแจ็กเกตดำแบบเดียวกับที่เธอชอบยืมอเล็กซิสใส่สมัยอยู่ในหอพัก (ท่าทางจะชอบจริง ๆ) เสื้อนอกทับเสื้อสายเดี่ยวสีเขียวข้างใน ด้วยบุคลิกทะมัดทะแมง ผิวสีเชสนัทเกลี้ยงเกลา และรองเท้าบูตส์หนัง เธอยิ่งสวยและเท่เหมือนนางเอกเดินออกจากหนังแอคชั่น “สามพันสองร้อยชิป ไม่ใช่หนั
ไมเคิลส่ายหัวปัดมือให้เธอถอยออกไป (ไม่กล้าแตะตัวเธออีก) อเล็กซิสในอ้อมกอดอเล็กซ์ไม่ได้นอนหรือหลับ หากแต่ตื่นอยู่แต่เหมือนไม่ค่อยมีสติ ริมฝีปากพึมพำว่า “ปล่อย” เบา ๆ ในลำคอ“เปิดประตูสิ” อเล็กซ์สั่งเพราะมือทั้งสองอุ้มเพื่อนของเขาไว้“นายก็เขยิบสิ” เขาสั่งกลับ อเล็กซ์เลื่อนตัวเข้ามาใกล้ประตู เขาจับมืออเล็กซิสแตะที่ตัวสแกนเพื่อปลดกลอน มีเสียงดังกริ๊ก มือผลักบานประตูเปิดให้อเล็กซ์เข้าข้างใน “นี่” ไมเคิลไม่สนใจหญิงสาวเลยปิดประตูใส่หน้าหล่อนดังปัง เธอทุบครั้งหนึ่งก่อนจะด่าออกมา เมื่อนั้นเสียงฝีเท้าห่างออกไป ในที่สุด“ฉันอยากได้ผ้าชุบน้ำ”ไมเคิลพยักหน้า ส่วนอเล็กซิสก็พยายามจะลุกขึ้นจากเตียงให้ได้ “ไม่...ต้อง...” จนอเล็กซ์ดันตัวเธอลง “ไม่” สภาพอเล็กซิสไม่ต่างจากคนเมายา เขาไม่รู้ว่าเธอไปโดนอะไรมาแต่ก็ทำตามที่อเล็กซ์บอก นั่นคือเข้าไปในห้องน้ำแล้วคว้าผ้าขนหนูผืนเล็ก พอเปิดก๊อกก็พบว่าน้ำแรงปกติ โกหกจริงด้วย มือทั้งสองรีบบิดน้ำหมาด ๆ พอออกมาก็เห็นสองอเล็กซ์เถียง
ไมเคิลรุดไปยังหน้าต่างตรงทางเดิน ยกบานหน้าต่างจนสุดแล้วชะโงกหน้าออกไป ลมแรงตีปะทะหน้า ถึงแม้เขาจะชอบอากาศเย็นสบายมากกว่าร้อน แต่เมื่อทอยซิตี้เข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ลมกลับไม่น่าพิสมัย สายตาของเขาเลื่อนไปช้า ๆ ทีละจุด ทีละจุด แต่ไร้ประโยชน์ ถึงอเล็กซิสอยู่แถวนี้ก็ยากที่จะเห็นอยู่ดี ทำไมต้องโกหก เธอไปไหนกันแน่ หัวใจบีบรัดเมื่อความผิดหวังจู่โจม เขาคิดว่าเธอไม่ไว้ใจเขา ทั้งที่เข้าใจว่าตนเองคือคนที่เธอสนิทใจที่สุด มากกว่าเทสซ่า แต่สุดท้าย เขาคิดผิดอเล็กซ์โผล่หน้าออกมาข้าง ๆ ผมของเขายาวจนต้องจับมันไว้ไม่ให้ปลิวและพัดเข้าหน้า “เขามีท่าทีแบบนี้มาสักพักแล้วยัง”ไมเคิลไม่แน่ใจว่าจะตอบอย่างไร ตอนนี้ดูเหมือนทั้งสองจะพักอารมณ์เหม็นขี้หน้าชั่วคราว ถึงแม้ทุกคนเห็นว่าเธอค่อนข้างโทรมและเงียบกว่าตอนอยู่ในศูนย์ฝึก แต่ไม่ได้นึกถึงเรื่องอื่นเลย ใช่แล้ว ไม่มีใครสังเกตเลยรวมทั้งตัวเขาเองด้วย“เขาบอกอะไรนายบ้าง” ชายหนุ่มเริ่มยิงคำถาม “มันเกี่ยวกับที่โดนจับไปหรือเปล่า หรือไม่ใช่”“ไม่รู้!” ไมเคิลตอบอย่างมีอารมณ์ “แล้วนาย
ห้องของไมเคิลกับเรมีแออัดยิ่งกว่าเดิมเมื่อรองรับคนถึงเก้าคน คอมพิวเตอร์จอแบนขนาดสิบห้านิ้วตั้งกลางวง หน้าตามันดูดีจนไม่น่าเชื่อว่าพวกเขาประกอบกันเอง เรมีเสียบปลั๊กแล้วกดเปิด หน้าจอสีดำกะพริบถี่ ๆ ก่อนเปลี่ยนเป็นสีฟ้าน้ำทะเลปรากฏเปลวไฟเป็นตัวอักษรรูปตัวเอทับต้นไม้ มันพลิ้วไหวเหมือนไฟมีชีวิต “โอ้โห” พวกเขาตื่นเต้น ไม่นานกล่องสีขาวเด้งออกมาเพื่อให้กรอกรหัส“ข้างในมีอะไรบ้าง” อเล็กซิสยื่นหน้าเข้ามา มือกำขวดน้ำแน่นท่าทางกระหายน้ำตั้งแต่เข้ามาในห้อง“ต้องกรอกรหัสก่อน” เรมีย้ำ สายตาจดจ่อกับหน้าจอดังกล่าว“กรอกสิ” เทสซ่าเร่ง “ฉันอยากรู้แล้ว”“เอ่อ” หนุ่มน้อยวัยสิบหกเคาะคีย์บอร์ดสัมผัส “เรายังแฮคมันไม่ได้”“หา?” พวกที่เหลือร้องออกมาพร้อมกัน “ถ้าอย่างนั้น...พวกนายเรียกให้พวกเราดูแค่ว่ามันเปิดได้”“ใช่” เรมีพยักหน้าหงึก ๆ “ไม่ตื่นเต้นกันเหรอ”“ฉันบอกแล้วว่าเราควรเจาะรหัสให้ได้ก่อน” อาคุสะพูดเสียงเรียบ เข
อเล็กซิสเงยหน้ามองไฟข้างบนอย่างกับจะจับผิดระบบ แต่ไมเคิลรู้ตัวการดีจึงเหยียดเท้าถีบเก้าอี้ข้างหน้า แม้ยั้งแรงไว้บ้างแต่ตัวอเล็กซ์อัดเข้ากับขอบโต๊ะจัง ๆ ไม่ทันร้องว่าเจ็บก็ลุกพรวดจนเก้าอี้กระแทกโต๊ะข้างหลังซึ่งก็คือระหว่างไมเคิลและอเล็กซิส เขาหมุนตัวเตรียมจะพุ่งเข้ามา ไมเคิลรออยู่แล้วง้างหมัดเตรียมสวน ทว่าสงครามยุติก่อนที่มันจะเริ่ม อเล็กซิสกับเรมีพร้อมใจกันกดเขาไว้กับโต๊ะ ส่วนอาคุสะและฟีบี้ทำแบบเดียวกันกับอเล็กซ์“ตรงนั้นมีอะไรกัน!”“เข้าใจผิดครับ เข้าใจผิด” เรมีตะโกน “พวกนายหยุดเดี๋ยวนี้”ทั้งสองจ้องหน้ากันราวกับเป็นศัตรูมาช้านาน ยิ่งอเล็กซ์ไม่ได้ตัดผมโกนหนวด หน้าตารุงรัง ยิ่งทำให้สีหน้านั้นเอาเรื่องกว่าตอนใบหน้าเกลี้ยงเกลา “บอกให้เขาหยุดสิ” ไมเคิลเถียง เสียงแหบแห้งเพราะน้ำลายติดคอ“นายนั่นแหละที่หยุด” เรมีกดศีรษะเขาลง“เบา ๆ เรมี ไมเคิลนายอยู่นิ่ง ๆ” อเล็กซิสว่า“ฉันไม่ได้เริ่ม!” เขาจ้องหน้าอเล็กซ์เขม็ง“เฮ้ ๆ พวกนาย” เทสซ่ายืนขึ้นเตรียมพ