LOGIN"นายอย่ามาเล่นลิ้น ฉันรู้ว่านายรู้ดี"
ปลายสายเงียบไป แต่หูฉันดี ฉันได้ยินเสียง 'หึ' ดังลอดผ่านปลายสายออกมาเบา ๆ คงสะใจมากสินะที่ทำให้แยมโรลคนนี้เดือดได้
[โทร.มาแค่นี้ใช่ไหม ฉันจะนอน]
นึกแล้วแหละว่าหมอนี่ต้องกวนประสาทไม่ยอมทำตามที่ฉันบอกแน่ ๆ
"ห้ามวาง!!" ฉันตะคอกเสียงลงไปอย่าหมดความอดทน
[เป็นแม่?] แม่ไม่ได้เป็นโว้ย!!
"นายจะลบโพสต์นั้นดี ๆ หรือจะให้ฉันแฉคืนที่นายโกงที่สนามเฮียราชย์"
หึ! มุมปากฉันยกสูงเมื่อความลับของกิเลนถูกฉันล่วงรู้เข้าแล้ว
[โกงอะไร คนอย่างกิเลนไม่เคยเล่นลูกไม้]
ฉันทำปากเบี้ยวทันทีที่ได้ยินคำพูดทุเรศ ๆ นั้น
นอกจากเขาจะเปิดคลับแล้ว เวลาว่างกิเลนมักจะลงแข่งรถที่สนามเฮียราชันย์ลูกพี่ลูกน้องฉันแก้เบื่อ แต่โชคดันดีที่เขามีความสามารถด้านนี้เลยทำให้กลายเป็นคนดังระดับสามของสนามแห่งนั้น
"วันที่ 17 รอบคัดเลือกตัว”
“มีใครบางคนจ้างเด็กในสังกัดสลับตัวกับตัวเองไปแข่งแทน"
[เธอ!!]"
“หึ จำได้แล้วเหรอ ทีนี้มายื่นหมูยื่นแมวกันดีกว่า นายไปลบโพสต์นั้นทิ้ง ฉันก็จะลบเมมโมรี่เรื่องนี้ออกจากสมอง"
เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเจ้าแม่ผู้หยั่งรู้อย่างแยมโรล จริง ๆ เรื่องที่ฉันแบล็คเมล์กิเลนไปเมื่อกี้รู้มาจากเฮียราชย์อีกทีน่ะ
[ไม่แฟร์ มีที่ไหนลบเมมโมรี่ในสมอง ฉันไม่ใช่เด็กสองขวบ]
เออ นายไม่ใช่เด็กสองขวบจริง ๆ นั่นแหละ เพราะไม่งั้นนายคงทำตามที่ฉันบอกไปแล้ว "นี่กิล!!" ฉันเริ่มอารมณ์ไม่ดีแล้วนะ
เวลาอารมณ์ไม่ดีทีไรจะชอบเรียกเขาด้วยชื่อสั้น ๆ แบบนี้
[ครับผม] ยังจะมากวนประสาท
"ฉันแค่ขอร้องให้นายลบโพสต์นั้นออกมันยากตรงไหน"
[ก็... ไม่ยาก]
"งั้นก็ลบสิ"
[ไม่อะ นั่นมันหน้าเฟซฯ ฉัน ฉันจะทำอะไรก็เรื่องของฉัน]
"..." ถึงกับพูดไม่ออก ยืนกำมือแน่นอย่างนิ่ง ๆ
[เธอจะเดือดร้อนอะไรนักหนาแยมโรล ในเมื่อฉันไม่ได้ติดชื่อเธอลงบนสเตตัสฉันสักหน่อย] โอเค ฉันรู้ว่าหมอนี่กำลังด่าว่าฉันร้อนตัว
เขาพูดถูกที่ไม่มีใครรู้ว่าคนที่เขาโพสต์ลงหมายถึงฉัน
แต่แล้วไง? คนอื่นไม่รู้แต่ฉันรู้ และมันก็จี๊ดทุกครั้งที่หวนนึกถึงเรื่องคืนนั้น
[ถ้าไม่มีอะไรแล้วของีบต่อสักสิบห้านาทีเดี๋ยวไปรับ]
"รับ? นายจะไปรับใคร?"
[ก็เธอไง]
"ใครใช้?"
[ไม่มี แต่ฉันรู้ว่าวันนี้เธอติดรถเจ๊เอมี่ไปทำงาน และตอนนี้เธอก็กำลังเจอเรื่องลำบากเพราะผู้จัดการส่วนตัวเธอหายไป]
เห้ย! หมอนี่รู้ได้ไงอะ ถึงว่า ลูกหว้าบอกว่าเจ๊เอมี่ออกมาคุยโทรศัพท์นานแล้วแต่ไม่ยักกลับเข้าไปในสตูดิโอสักที ที่แท้เจ๊แกก็ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วนี่เอง
[รออยู่นั่นแหละ ขออาบน้ำแปบ]
"เดี๋ยว!..." ยังไม่ทันจะได้แย้งอะไร ไอ้บ้ากิเลนก็ตัดสายทิ้งไป
ฉันยังค้างคาใจเรื่องเจ๊เอมี่ที่หมอนั่นบอกเลยรีบกดโทร.หาเธอทันที
"เจ๊อยู่ไหน?" ทันทีที่อีกคนรับสายฉันรีบถามทันที
[เจ๊ออกมาคุยงานด่วน] งานด่วนอะไรของเจ๊เนี่ย!
"งานอะไรจะด่วนขนาดนั้นคะ" อยากรู้ใจจะขาดแล้ว
ผู้จัดการส่วนตัวที่ไหนหนีนางแบบในสังกัดไปแบบไม่บอกกล่าวอะไร
[คนนี้หล่อโดนใจไหมคะเจ๊ / ชู่ววว]
ไม่ทันแล้วเจ๊เอ๊ย!! ฉันได้ยินเต็ม ๆ เลยว่าตอนนี้งานด่วนที่ว่าคืออะไร
"เจ๊มี่!!" ฉันเรียกเจ๊แกจนสุดเสียง
[อูยยยย เจ้าแม่แยมโรลองค์ลงแล้ว] ยังมีหน้ามาพูดเล่นอีกนะ
"แยมให้เวลาเจ๊กลับมารับที่สตูฯ ภายในสิบนาที" ฉันเสียงขุ่น
นี่ยังตะวันแยงตาอยู่เลย อะไรจะอดอยากปากแห้งขนาดทิ้งฉัน ทิ้งงาน วิ่งไปหาผู้ชายขนาดนั้น ปกติก็เห็นควงไม่ซ้ำหน้าอยู่ทุกเวลาที่ว่างงาน
[น้องแยมขราาาา]
"ไม่ต้องมาลากเสียงออดอ้อนเลย แยมโกรธจริง ๆ นะคะ" ขู่สักหน่อย
เมื่อกี้ไอ้หมาบ้ากิเลนบอกจะมารับฉันในสิบห้านาทีสินะ เพราะฉะนั้นฉันต้องให้เจ๊เอมี่มาถึงก่อนหมอนั่นให้ได้ แล้วถามว่าถ้าไม่อยากเจอกิเลนทำไมฉันไม่ให้ลูกหว้าไปส่งหรือไม่ก็กลับแท็กซี่ เพราะฉันอยากลงโทษผู้จัดการส่วนตัวที่โดดงานยังไงล่ะ
[แต่เจ๊อยู่ดอนเมือง จะไปหาคุณน้องที่อยู่กลางกรุงทันในสิบนาทีได้ยังไงคะ]
เสียงเจ๊เอมี่เหมือนเครียดหนักที่เจอฉันเอาจริง
"ดอนเมือง? นี่เจ๊ไปหาเหยื่อแถวนั้นได้ยังไง"
[แฮร่ ๆ พอดีมีผู้หวังดีไม่ประสงค์ให้เอ่ยนามหาให้จ้า]
ดูทำเสียงเข้า เหมือนชื่นชมไอ้คนที่เจ๊แกพูดถึงมากมายก่ายกอง
"ไอ้บ้ากิเลน" ไม่ต้องเอ่ยชื่อฉันก็รู้ว่าเป็นใคร ในเมื่อหมอนั่นเพิ่งแบไต๋ออกมาหมดแล้วเมื่อกี้ [อุ๊ย! เจ๊เปล่าบอกนะคะคุณน้อง]
ชัวร์เลยแบบนี้ เจ้าแผนการนักใช่ไหมกิเลน
นายจะกวนประสาทฉันไปถึงไหนกันนะไอ้เพื่อนบ้า!!
ตู้ดดดดด เสียงสัญญาณรอสายดังสามครั้ง ก่อนที่จะมีคนกดรับ[สวัสดีครับ] เสียงยูโรดูเหนื่อยหอบ เขาคงจะบอบช้ำมากสินะ"ยู นายเป็นอะไรมากไหม พวกหว้าช่วยทำแผลให้หรือยัง" ฉันเปิดสปีกเกอร์โฟนเพื่อให้ได้ยินกันทั้งห้อง[เราไม่ได้กลับเข้าไปข้างในนั้น แต่โทรบอกหว้าแล้วว่าเจอคนรู้จักถูกลากไปดื่ม]"..." สายตาคู่หนึ่งเหมือนยิ้มเยาะที่ทายได้แม่นราวกับรู้มาก่อนแล้วว่าเพื่อนฉันต้องเลือกทางนี้[แล้วแยมล่ะ เฮียกิเลนทำแผลให้เสร็จยัง จะกลับไปที่รีสอร์ตเลยหรือเปล่า]"กลับสิ.."ติ๊ด..."กิเลน! นายทำบ้าอะไรเนี่ย!!"ฉันยังคุยกับเพื่อนไม่เสร็จเลย คนบ้าแถวนี้ก็ถือวิสาสะกดคัดสายไปซะดื้อ ๆRrrr ยูโรแน่ ๆ ที่โทรกลับมาแต่แทนที่เขาจะกดรับสายนั้นของเพื่อนฉัน กลายเป็นว่ากดปิดเครื่องไปเฉยเลยเอ๊ะ นิสัยนี้คุ้น ๆ เหมือนฉันที่เพิ่งทำมา"หมดเวลาคุยยืดเยื้อ ถามแค่นั้นก็รู้แล้วว่าใครชนะ"อ้อ ที่แท้เขาก็คิดแต่เรื่องเอาชนะฉันสินะ"ได้ งั้นก็สั่งมาสิว่าจะให้ฉันทำอะไร จะได้รีบ ๆ ทำ รีบ ๆ ออกไปจากห้องนี้สักที"ทำไมฉันถึงเดาใจเพื่อนฉันพลาดด้วยนะ"ลืมเรื่องกลับที่พักไปได้เลย คืนนี้เธอต้องค้างที่นี่""ไม่! ฉันไม่มีทางค้างกับนายแน่ ๆ ก
"วางฉันลงเดี๋ยวนี้นะกิล"ยังมีแรงเหลือดีดดิ้นอีกนะ เอ...หรือเพราะไม่อยากให้ใครอีกคนตรงนี้เข้าใจผิด"นายน่ะ" ผมไม่สนใจคนในอ้อมกอด หันไปถามอีกคนที่นั่งกุมท้องหมดเรี่ยวแรงนั่งมองผมเหมือนจับผิดอะไรสักอย่าง"เดินไหวนะ อีกไม่กี่เมตรก็ถึงที่พักแล้ว ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวเรียกคนมาช่วยหาม"ปากผมมันหมารู้ตัวดี แต่ผมก็เลือกหมากับเฉพาะบางคนเท่านั้นแหละ"จะพาแยมไปไหน" เสียงแหบเปล่งถามตอนที่ผมหันหลังให้มัน"ทำแผล แล้วก็..." ผมปรายตาลงมองคนที่อยู่ในอ้อมกอด แยมโรลขมวดคิ้วคล้ายกำลังลุ้นว่าผมจะพูดอะไร"สั่งสอนเด็กแทนญาติเธอสักหน่อย" ผมรู้ว่าไอ้หน้าจืดนั่นรู้ว่าญาติที่ว่าผมหมายถึงใคร และมันเองก็คิดเหมือนผมว่าเรื่องนี้ให้รู้ถึงหูเฮียราชันย์ไม่ได้เด็ดขาด"ฝากดูแลเพื่อนผมด้วย และก็ขอบคุณที่ช่วย..""ไม่ต้องขอบคุณอะไร เพราะฉันไม่ได้ช่วยนาย" น้ำเสียงผมเรียบ แต่ลูกผู้ชายด้วยกันคงฟังออกว่ามีความหมายบางอย่างแฝงอยู่ในน้ำเสียงนั้นอา.. นี่ผมกำลังแสดงออกอะไรมากเกินไปหรือเปล่านะ หวังว่าเพื่อนยัยนี่จะไม่ฉลาดพอเดา 'ความลับ' ที่ผมกับแยมโรลซ่อนอยู่ออกตุ้บ...ผมวางร่างบางไว้บนโซฟาตัวใหญ่ภายในห้องพักตัวเอง"นายพาฉันมาที่นี่ทำไมก
"เดี๋ยวก็รู้ ใครจะตาย" ผมหันไปมองด้านหลังตรงต้นไม้ที่แยมโรลซ่อนตัวอยู่ ก่อนร่างสูงอีกร่างที่เรียกว่าเละจนจำหน้ามันเกือบไม่ได้เดินมายืนข้าง ๆ ผม"ผมช่วย" สภาพเหมือนศพเดินได้ยังจะมาทำอวดเก่งอีก น่าหมั่นไส้ว่ะ!"ถ้าอยากช่วย นู้น! ปกป้องยัยนั่นอย่าให้มีแม้รอยขีดข่วนหรือแม้แต่ยุงกัดอีก" ผมพยักพเยิดหน้าให้ไอ้ยูโรเดินไปหาแยมโรลทางด้านหลังมันก็คงจะเข้าใจความหมายถึงได้รีบถ่อสังขารไปหาเธอ แต่แววตามันก็ฟ้องนะว่าขอโทษผมที่ช่วยอะไรไม่ได้นอกจากเรื่องนี้จริง ๆ"ทีนี้ก็ไม่มีใครมาเกะกะแล้ว ไหน ใครจะตามเพื่อนมึงไปเป็นคนแรก" ผมมองไล่เรียงตัวตั้งแต่ไอ้ผอมเบอร์หนึ่ง ไอ้หุ่นทรงกระบอกเบอร์สอง และไอ้ยักษ์ตัวโตเบอร์สาม"อ้อ! หรือถ้ากลัว จะเข้ามาพร้อมกันก็ได้นะ จะได้จบเกมเร็ว ๆ"นี่ถ้าไม่ได้ถอดเสื้อแขนยาวไปให้ยัยนั่นใส่ ผมคงยืนพับแขนเสื้อขึ้นรอเวลาพวกหมาหมู่นั้นอย่างเท่ ๆ ไปแล้ว"เฮ้ยพวกเรา อัดไอ้หน้าตี๋นี่ให้เละแทนไอ้ทิศกันเถอะว่ะ" นอกจากจะผอมกว่าเพื่อนแล้วยังปากเก่งกว่าเพื่อนอีกนะ"อย่าลีลา" น้ำเสียงผมเริ่มจะเยือกเย็นขึ้นมาหนึ่งระดับ สายตาคมมองไปยังเท้าทั้งสามคู่เพื่อดูเชิงว่าใครจะก้าวมากองตรงหน้าผมเป็นคนแร
หมับ!!"กรี๊ดดดด"พลั่ก!!ตุ้บ...จู่ ๆ คนที่สามที่อยู่ด้านหลังฉันก็เข้ามาล็อกแขนฉันทั้งสองข้างไว้ ด้วยความตกใจเลยสะบัดหมอนั่นออกจนตัวเองล้มลงที่ผืนทราย"จะอ่อยก็ไม่บอก ทีแรกทำเหมือนเล่นตัวไปได้"ผู้ชายคนแรกที่เข้ามาหาเรื่องฉันเอ่ยขึ้น นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ลูบข้างริมฝีปากพร้อมแววตาราวเสือจ้องจะตะครุบเหยื่อตรงหน้า"อย่าคิดจะทำอะไรบ้า ๆ นะ" ฉันข่มเสียงต่ำให้ฟังดูเข้มแข็ง แต่ในใจคือหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมดแล้ว "พวกพี่ไม่คิดหรอก"ฉันมุ่นคิ้วอย่างไม่ไว้ใจ ก่อนที่สิ่งที่สังหรณ์ใจในตอนแรกจะเกิดขึ้นจริง"เพราะพวกพี่จะทำเลย""กรี๊ดดดดด" จบคำพูดหยาบ ๆ นั้น ผู้ชายคนแรกก็พุ่งเข้ามานั่งทับปลายขาฉันไว้เพราะฉันกระเถิบหนี ตอนนี้ฉันทั้งดิ้นรน มือไม้ปัดป่ายป้องกันตัวเพื่อไม่ให้คนระยำพวกนี้เข้าถึงตัว"เฮ้ย! นั่นทำอะไรกันน่ะ"เหมือนได้ยินเสียงสวรรค์ เมื่อมีคนผ่านมาทางนี้"ยู ช่วยแยมด้วย!!" ดีใจเหลือเกินที่เป็นยูโรผ่านมาพอดี ทันทีที่ได้ยินเสียงฉันยูโรก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามาหา ผลัว!!"กรี๊ดดด" ฉันร้องด้วยความตกใจเมื่อคนที่สี่ที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาแถมยังตัวใหญ่กว่าเพื่อนสกัดยูโรไม่ให้เข้ามาถึงตัวฉันด้วยหมัดหนัก
"จ้า ค่อย ๆ เดินล่ะ" ลูกหว้ายังไม่เลิกห่วงฉันอีก เฮ้อ! คุณเพื่อนนะคุณเพื่อน"ไปไหนแล้วเนี่ย เดินไวชะมัด" ฉันอุตส่าห์รีบเดินตามยูโรออกมา แต่พอออกมาจากรีสอร์ตได้เท่านั้นแหละ แม้แต่แผ่นหลังเพื่อนยังหาไม่เจอ"ตรงนั้นน่ากลัวจัง" ขาฉันหยุดชะงักเมื่อข้างหน้าไม่กี่เมตรมีกลุ่มวัยรุ่นสามสี่คนตั้งวงสังสรรค์กันอย่างสนุกสนาน ดูท่าแล้วน่าจะกำลังเมาได้ที่เลยฉันเดินหลบคนกลุ่มนั้นได้เพราะชายหาดค่อนข้างกว้าง แต่ฉันสังหรณ์ใจแปลก ๆ นี่สิ เหมือนถ้าเดินต่อไปนอกจากจะตามยูโรไม่ทันอาจมีเรื่องได้"วี้ดวิ้ว~" นั่นไง เพิ่งบอกว่ารู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ อยู่หยก ๆ เสียงผิวปากแซวก็ลอยมาแต่ไกลเลย "เอาไงดี กลับดีกว่ามั้ย"ถามตัวเองอยู่ที่เดิม สองจิตสองใจควรไปต่อหรือหันหลังกลับดี ถ้าตามนิสัยของฉันที่ไม่ค่อยกลัวอะไรเพราะคิดว่าตัวเองเอาอยู่คงเดินหน้าไปนานแล้ว แต่บทเรียนวันนั้นที่ถูกมอมยามันสอนฉันว่า ฉันยังอ่อนต่อโลกนักพรึ่บ..สุดท้ายเลยตัดสินใจหันหลังกลับที่พัก แต่เงาตะคุ่ม ๆ ที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทางด้านหลังมันทำให้ฉันหัวใจเต้นรัวด้วยความระแวง"จะรีบไปไหนน้องสาว""อ๊ะ!" ผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าแดงก่ำตัวนี่ฟุ้งไปด้วยกลิ่นแอลก
"จี่ลืมเจ๊เอมี่ไว้ที่รถ!!"ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยเพราะยังไม่เข้าใจคำว่า 'ลืม' ที่เธอบอกมา"เมื่อเช้าเจ๊เอมี่ให้จี่ขับรถเจ๊แกมา แล้วเจ๊แกก็บ่น ง่วง ๆ เลยขอไปนอนเบาะหลัง"พวกเราสามคนต่างพากันตั้งใจฟังสิ่งที่ลิ้นจี่เล่าอย่างลุ้น ๆ"แต่ตอนดับเครื่องจี่ดีใจไปหน่อยเลยรีบวิ่งมาหาเจ๊อะ""ฮะ!? งั้นก็หมายความว่า?" ฉันไล่มองหน้ายูโร ลูกหว้า และมาจบที่ลิ้นจี่คนสุดท้าย พวกเราทั้งสี่คนเลยอุทานออกมาพร้อมกัน"เจ๊เอมี่อยู่ในรถ!!"ฉิบหาย!!จะนั่งทำมะเขือเปราะ กะเทาะหน้าแว่นอะไรอยู่อีกล่ะคะ ลุกซิ! รีบลุกเลย..."ไปเลยจี่ จอดรถไว้ไหน รีบนำทางเลย" ฉันเร่งน้องมันทั้งดึงทั้งจูงให้วิ่งไปที่รถที่เธอขับมา ป่านนี้ไม่ขาดอากาศหายใจกลายเป็นกะเทยเฝ้าเทวดาแล้วเหรอเจ๊ฉันอึก อึก อึกเสียงกระดกน้ำเย็น ๆ ลงคอของเจ๊เอมี่ดังมาก เหมือนคนที่ถูกปล่อยทิ้งกลางทะเลทรายมาหลายวันแล้วได้เจอน้ำยังไงอย่างงั้น"เจ๊ จี่ผิดไปแล้วววว"ลิ้นจี่นั่งเทน้ำแก้วแล้วแก้วเล่าให้คนที่เธอลืมไว้ในรถอย่างสำนึกผิดคิดแล้วก็ตลก...คนอะไร อายุก็ยังไม่เยอะ ทำไมขี้ลืมแบบนี้"ไม่ต้องมาทำเสียงทำสีหน้าสำนึกผิด นี่จะวางแผนฆ่าเพื่อชิงผัวคนที่สี่สิบสามของเจ๊ใช่ไหม







