“มองอะไร? อยากรู้จักฉันขึ้นมาแล้วเหรอ?”
“ฉันไม่อยากรู้จักคุณหรอกค่ะ รู้จักไปก็ปวดใจเปล่าๆ” และฉันรู้จักคุณดีอยู่แล้ว ลี่หมิงพูดต่อประโยคสุดท้ายในใจ
“ต้องทำยังไง ผู้หญิงอย่างเธอ ถึงจะอยากรู้จักกับฉัน?”
เฟยหลงถามออกไปในที่สุด มันไม่ใช่ประโยคคำถามซะทีเดียว คล้ายๆประโยคบอกเล่ามากกว่า
“คุณจะคบกับฉันไหมล่ะ?”
ลี่หมิงสลัดความหวั่นไหวเล็กๆ เพราะคำถามประโยคนั้นออกไป รู้ดีว่าคำตอบของคำถามของตัวเองคืออะไร แต่ก็อยากถาม เพราะแผนการของเธอ คือทำให้เขาหวั่นไหวให้ได้มากที่สุด
“ไม่!”
และมันเป็นอย่างที่เธอคิดไว้ เขาตอบกลับมาทันทีแบบไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย ใบหน้าสวยแสร้งยิ้มเศร้า ส่งความผิดหวังออกไปทางดวงตา บีบความเสียใจที่มีอยู่จริงเพียงเล็กน้อย ออกมาคลอรอบหน่วย แสร้งเงยหน้าขึ้นเพื่อไล่หยาดน้ำ แสร้งปั้นเสียงสั่นกล่าวคำร่ำลา
“ถ้าอย่างนั้น ก็ … ลาก่อนค่ะ เราไม่น่ากลับมาพบกันอีกเลย ให้เรื่องระหว่างเรามันจบลงที่คืนนั้นก็ดีแล้ว”
ริมฝีปากจิ้มลิ้มคลี่รอยยิ้มหวาน แสร้งทำเหมือนว่าคืนนั้นคือความทรงจำแสนงดงามในความรู้สึกของตัวเอง เมื่อความหวั่นไหวในดวงตาคู่คมไม่มีให้เห็นเลย ก็รีบร้อนหยัดตัวยืน
เธอผิดที่รีบร้อนขอเขาคบ แต่ … เธออยากจบเรื่องนี้ให้เร็วขึ้น เธอไม่อยากหัวใจสั่นหรือเกิดความหวั่นไหวเล็กๆ เพราะเขาอีก ในขณะที่หวาดกลัวเขา สิ่งที่เธอกลัวที่สุด มันคือความรู้สึกของเธอเอง
“คิดว่าฉันจะยอมหรือไง ฉันนั่งรอมาเกือบหกชั่วโมง เพื่อให้เธอเดินหนีฉันนี่นะ มานี่เลยยัยตัวแสบ!”
เฟยหลงคว้าข้อมือคนที่กำลังจะเดินหนีเอาไว้ ออกแรงลากเธอออกไปจากโซนวีไอพี ไม่สนแรงขัดขืนจากคนตัวเล็ก ตัดทุกช่องทางหนีของเธอ แม้ว่าลี่หมิงจะพยายามร้องขอให้ผู้คนผ่านไปมาช่วยเหลือ ก็ไร้มือที่จะยื่นเข้ามาช่วย คนตัวเล็กหวาดกลัวสุดขีด ยิ่งถูกลากมาจนถึงหน้าห้องๆหนึ่ง ที่เธอเคยถูกเขาพาขึ้นมาเมื่อครั้งก่อน ร่างบอบบางยิ่งสั่นสะท้าน ร่างกายไร้เรี่ยวแรงขึ้นมาดื้อๆ
แอ๊ด! ปึ่ง! กริ๊ก!
ประตูไม้เนื้อดีถูกเปิดออกกว้าง เมื่อเหวี่ยงคนตัวเล็กเข้าไปเสร็จแล้ว ก็ปิดประตูไว้ ลงกลอนด้านในอีกชั้น ใช้ร่างสูงใหญ่ขวางประตูทางออกไว้อีกที มองคนตัวเล็กที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ก้าวขาต้อนเธอไปด้านใน
“…!”
“คุณ คุณมู่อย่านะคะ!”
ลี่หมิงร้องห้ามเสียงหลง เมื่อแผนการวันนี้ผิดไปจากที่วางไว้ทุกอย่าง ก้าวเท้าถอยหลังหนีการคุกคามจากร่างสูงใหญ่ แต่ก็ก้าวได้ไม่เร็วเท่ากับคนที่มีช่วงขายาวกว่า ถอยไปจนแผ่นหลังแนบติดกับผนังห้อง ยกมือขึ้นปัดป้อง ใบหน้าที่กำลังก้มต่ำลงมาใกล้
“เธอจะกลัวอะไร ในเมื่อคืนนั้นเธอเป็นฝ่ายทำให้ฉันเกือบทั้งหมด เพิ่งจะมาอายเอาป่านนี้ ทำราวกับว่าคืนนั้นไม่ใช่เธอ?”
คนตัวโตสันนิษฐานตามการแสดงออกของคนตรงหน้า รวบข้อมือเล็กเข้าด้วยกัน ดันขึ้นไปกดทับไว้เหนือศรีษะ ใช้ท่อนขาใหญ่กดทับขาเรียวเล็กไว้ ซุกไซร้จมูกสูดดมซอกคอหอมกรุ่นด้วยความรวดเร็ว ลิ้นร้อนแลบออกเลียผิวเนื้อขาวนวล ริมฝีปากขมเม้มเบาๆให้เกิดรอยแดงช้ำ ฝากฝังร่องรอยของตัวเองทับลงไปบนผิวเนื้อหอมกลิ่นของขนม
กลิ่นคุกกี้
“อ๊ะ”
ร่างบอบบางสั่นสะท้าน ต้านทานความรู้สึกวาบวามไม่ไหว ร่างกายไร้เรี่ยวแรงทัดทาน เบือนหน้าหนีสายตาวับวาบชั่วร้าย
“อือ”
เฟยหลงเผยรอยยิ้มพอใจ เมื่อผิวขาวเนียนเหนือเสื้อยืด เต็มไปด้วยร่องรอยของตัวเอง ใบหน้าคมคายเงยขึ้นจากความหอมกรุ่น มองสบดวงตาคู่หวาน ที่บัดนี้คลอน้ำ และเจือความมาดร้าย
“อย่าทำแบบนี้นะ!”
“ทำไมฉันจะทำแบบนี้ไม่ได้ ฉันกำลังทำความรู้จักเธอ อย่างที่ฉันเคยบอกไง”
“ไม่สิ! มันไม่ใช่การทำแบบนี้! อ๊ะ! อย่านะ!”
“นี่แหละคือการทำความรู้จักในแบบของฉัน!”
“อือ … จะ … จะไม่หยุดใช่ไหม?! อืม”
“ใช่!”
“แล้ว … แล้วคุณจะเสียใจที่ทำแบบนี้กับฉัน!”
เสียงหวานสั่นเครือ ช้อนสายตาขึ้นมองสบดวงตามีเสน่ห์ เตือนให้เขารู้ผ่านคำพูดและสายตา ว่าเธอจะไม่ยอมจบง่ายๆแน่ ถ้าหากเขายังคิดที่จะทำอะไรมากกว่านั้น
“ฉันจะเสียใจมากกว่า ถ้าไม่ได้พิสูจน์สิ่งที่ฉันสงสัย”
ริมฝีปากหยักสวยกดลงบนกลีบปากบวมเจ่อ เธอที่อยู่ตรงหน้าไร้ประสบการณ์จริงๆ จูบเงอะงะ แววตาหวาดกลัว มันชัดว่าคืนนั้นเป็นเธอ แต่มันก็ยังเหมือนไม่ใช่เธออยู่ดี
สรุปว่าไม่เป็นงาน หรือช่ำชองแบบสุดๆ
“อึก! อย่านะคะคุณมู่ ฮึก”
ถิงลี่หมิงหลั่งน้ำตาออกมาจริงๆ กลั้นใจเผยด้านอ่อนแออ้อนวอนคนที่เกลียด เธอไม่อยากเป็นของเล่นของเขา รู้ชะตากรรมตัวเองดีว่าเป็นได้แค่นั้น เธอพลาดที่ประเมินเขาต่ำไป และเจ็บใจที่ตัวเองเป็นแบบนั้น เธอต้องเป็นฝ่ายชนะสิ ไม่ใช่พ่ายแพ้เหมือนในอดีต
แผนการหลอกลวงหัวใจหนุ่มเพลย์บอย จะพังตั้งแต่เพิ่งเริ่มจริงๆเหรอ ?
“อืม! อย่าร้อง!”
ลิ้นร้อนลากไล้เบาๆตามพวงแก้มขาวเนียน ปาดลิ้นรับรสชาติขมปร่าของหยาดน้ำตาเข้าไปในปาก คืนนั้นเขาไม่ได้เห็นหน้าเธอตอนมีอะไรกัน แต่วันนี้เขาเห็นใบหน้าของเธอชัดเจน น้ำตาของเธอมันทำให้รู้สึกหงุดหงิด และปวดหนึบหัวใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ฮือ! อือ”
“อย่าร้อง!”
“ฮึก!”
“อย่าร้อง”
“ฮือ! ฮึก!”
“โอ้ย! อย่าร้องสิวะ!”
“ฮือ!”
ยิ่งโดนตะคอก ความอดทนอดกลั้นยิ่งลดน้อยลง ไอ้บ้าเอ้ย! ลี่หมิงได้แต่ก่นด่าเขาอยู่ในใจ ตอนนี้เธอกลัวจริงๆแล้วนะ และสิ่งที่ทำได้ ทำไมถึงมีเพียงแค่การร้องไห้แบบนี้ เธอควรหนีออกจากกรงเล็บของเขา แต่ร่างกายมันไร้เรี่ยวแรงไปหมด
“โธ่เว้ย!”
เฟยหลงสบทลั่น คลายมือออกจากข้อมือเรียว มองร่างที่ทรุดลงบนพื้นเล็กน้อย เดินหนีไปสงบสติอารมณ์ที่ระเบียง ใช้สายลมยามค่ำคืนดับความรู้สึกวาบวาม ที่ได้มาจากการสัมผัสร่างกายเนียนนุ่ม กลิ่นหอมหวานจากเรือนกาย เล่นงานร่างกายส่วนล่างจนปวดหนึบไปหมด
“ฮึก ฮือ”
“โว้ย! เงียบสักที”
ร่างสูงเดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมเสียงตะคอก มองร่างสั่นสะท้านที่นั่งอยู่ข้างเตียงนิ่งๆ เขากำลังจะกลายเป็นบ้าเพราะเธอ ถ้ายังไม่หยุด เขาอาจจะยกเธอทุ้มลงบนเตียง แล้วทำให้เงียบเสียงลงด้วยวิธีของเขา
ฟูหลินใช้มือข้างที่ถนัดพยุงร่างของเพื่อนสนิทไว้ อีกมือใช้มันล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าแบรนด์ดัง เพื่อโทรขอความช่วยเหลือจากคนในบ้านคนอื่น ซึ่งพี่ซีเหวินว่าที่สามีของเธอ ให้เบอร์ติดต่อไว้แล้ว เพื่อเรียกใช้ในตอนที่จำเป็น“สวัสดีค่ะคุณแม่บ้าน รบกวนมาช่วยฉันพาตัวลี่หมิงขึ้นไปนอนบนเตียงหน่อยได้ไหมคะ?”ฟูหลินใช้น้ำเสียงที่บ่งบอกได้ถึงความเกรงใจ ถึงเธอจะเข้ามาเป็นสะใภ้ใหญ่ของตระกูลถิง แต่ไม่มีความคิดจะยกตนเหนือคนอื่น ปฏิบัติกับทุกคนตามหน้าที่ และยึดหลักความเท่าเทียมในฐานะมนุษย์ไว้ผ่านไปเพียงแค่ห้านาที ประตูไม่เนื้อดีก็ถูกผลักเข้ามา คนที่ผลักประตูบานนั้นคือพี่เลี้ยงคนสนิทของลี่หมิง ท่าทางบอบบางของผู้เป็นนาย ทำเอาน้ำตาเม็ดโตร่วงหล่นลงพื้น“ช่วยหน่อยนะคะ”ฟูหลินเข้าใจ เพราะเธอเองก็สงสารเพื่อนสนิทไม่ต่างกัน ทั้งสองคนช่วยกันพยุงร่างคนหลับไปนอนบนเตียง หลังจากนั้นพี่เลี้ยงก็ขออาสาเป็นคนดูแลต่อ หาผ้าชุบน้ำหมาดๆมาเช็ดตัวให้ หาชุดอื่นมาให้ใส่ จากนั้นก็ปล่อยให้นอนพักผ่อนอยู่ตามลำพังลี่หมิงนอนฝันร้ายทั้งคืน ในฝันของเธอมีคนพยายามแย่งเด็กคนหนึ่งไปจากเธอ เด็กคนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงหน้าตาจิ้มลิ้ม ในวินาทีแรกที่ได
“ผมก็หวังให้เป็นแบบนั้นครับ”“อือ จะไปดูคนที่ไปกับลีหน่อยไหม เธออยู่ห้อง 304”“ครับ? ลีไม่ได้ไปคนเดียว?”“ไม่นะ มีผู้หญิงคนหนึ่งถูกพามาพร้อมกัน”“?”“ชื่อถิงถิง หลินถิงถิง”“หลินถิงถิง? เลขาของฉันนี่คะ?”“อ่า งั้นไปดูเธอกัน ลีผ่าตัดเสร็จค่อยมาดูเขา”เฟยหลงสรุป คนทั้งสองก้มหน้าลงเพื่อกล่าวคำลากับพ่อของลี จากนั้นก็เดินไปตามทางเดิน มีพยาบาลที่อยู่แถวนั้นรับอาสาพาไปที่ห้อง ลี่หมิงพยายามไม่โทษตัวเอง แต่ยิ่งพบว่ามีคนบาดเจ็บเพราะมีสาเหตุเป็นเธอ ความคิดยิ่งดำดิ่งลงลึก“คุณหลินถิงถิงอยู่ในห้องค่ะ คุณหมอให้เยี่ยมได้แค่สิบนาทีนะคะ”พยาบาลพูดจบก็เดินจากไป เฟยหลงเปิดประตูห้องออก เดินนำเข้าไปก่อน ลี่หมิงเดินตามเข้าไปบ้าง ก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อเห็นเลขาที่เคยอารมณ์ดี นอนอยู่บนเตียง มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ที่แขนซ้ายของเธอ ขาถูกพันด้วยผ้าสันนิษฐานว่าด้านในนั้นน่าจะเป็นเฝือก“เอ่อ สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ”ชายวัยกลางคนสวมชุดกราวหันกลับไปมอง ยกมุมปากขึ้นยิ้มแต่แววตากลับไม่ได้ยิ้มตาม เพียงไม่นานก็หันกลับไปแบบเดิม จ้องมองลูกสาวแสนรักเงียบๆ นึกเสียใจที่รักเธอมากเกินไป ยอมตามใจเธอทุกอย่าง ปล่อยให้เธอไปใช้ชีวิตในแบบ
“คุณลี คุณลี! ระวัง!”ปัง!เอี๊ยด!รถยนต์เสียหลักเพราะคนควบคุมพวงมาลัยโดนกระสุนจากรถยนต์คันข้างๆ เจาะเข้าบริเวณซี่โครงด้านขวา เหยียบเบรกเท่าที่ร่างกายจะสามารถทำได้ แต่ถึงอย่างนั้นรถที่ขับมาด้วยความเร็วสูงก็ยังพุ่งไปด้านหน้า ลีพยายามบังคับพวงมาลัยไว้ ก่อนสติสุดท้ายจะหมดลงเขาปกป้องเธอได้หรือเปล่า นั่นคือสิ่งที่อยู่กับเขาในความทรงจำสุดท้ายเมื่อรถยนต์สีขาวปะทะเข้ากับเสาไฟในสภาพด้านหน้าพังยับ รถยนต์คันสีดำก็ขับเคลื่อนออกไปจากบริเวณนั้น งานที่ได้รับมอบหมายสำเร็จลุล่วง ไม่ต้องลงไปตรวจสอบก็ได้ เพราะคำสั่งที่ได้รับจากผู้เป็นนาย จะเป็นหรือตายก็ได้เงินเท่ากันถิงถิงหลั่งน้ำตามองเลือดที่หยดตามใบหน้าหล่อเหลา เขาตั้งใจให้รถชนทางฝั่งที่เขานั่ง พยายามรักษาคำพูดว่าจะปกป้องเธอ โดยใช้ตัวเองเข้าแลก เขาบ้ามาก บ้าที่สุด ทั้งที่บอกว่าเธอเป็นผู้หญิงในแบบที่ชอบแท้ๆ แต่ก็ทำร้ายจิตใจเธอด้วยการทำแบบนี้“อย่าตายนะ! ได้โปรด”ถิงถิงได้ยืนเสียงตัวเอง และเสียงไซเรนที่น่าจะเป็นของรถตำรวจ หรือไม่ก็คงเป็นรถพยาบาล แต่เธอไม่ได้ยินเสียงเขา มองไม่เห็นดวงตาที่เคยเย็นชานั่นด้วย ตาเขาสวยนะ เธอชอบมัน ชอบที่สุด“ฮึก! ฮือ! ฉันช
“ผมไปโรงพยาบาล xxx นะ”ลีเอ่ยชื่อโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดออกไป กำลังจะถอยออกไปเพื่อปิดประตู เสื้อก็ถูกดึงไว้ จนมันแถบจะหลุดออกมาจากในกางเกง คนทำเม้มริมฝีปากแน่น ไม่กล้าบอกเหตุผลที่ไม่อยากไปโรงพยาบาลแห่งนั้น“ไปส่งฉันที่บ้านก็พอ”“แต่ขาคุณ”“ช่างขาฉันเถอะค่ะ ข้อเท้ามันแพลงเฉยๆ ไปหาหมอก็ได้แค่ยามากินอยู่ดี”คนที่คลุกคลีอยู่กับโรงพยาบาลมาทั้งชีวิต และมีความรู้ด้านนี้มากพอสมควร พูดเสียงห้วนกับคนตัวโต พิงหลังเข้ากับเบาะรถ เอื้อมไปดึงกระเป๋าจากมือคนที่ยังยืนนิ่ง ล้วงหาโทรศัพท์ออกมาอย่างไม่สนใจ แจ้งกับเจ้านายอีกคนว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น เธอจึงหยิบของที่เขาต้องการไปให้ไม่ได้ โชคดีที่เจ้านายเธอใจดี ไม่เพียงแค่เข้าใจสถานการณ์ เขายังสั่งให้เธอหยุดงานจนกว่าขาจะหายเจ็บ“บ้านคุณอยู่ที่ไหน?”“ถนน XX ย่านศูนย์การค้า M”รถยนต์สีขาวเคลื่อนออกไปจากลานจอดรถ เมื่อคนขับรู้จุดหมายปลายทางที่จะไป ใบหน้าคมคายโดดเด่นด้วยดวงตาสีน้ำทะเลลึก แอบมองคนข้างๆทุกครั้งที่สบโอกาส แปลกใจที่คนสวยขนาดนี้ยังไม่มีคนรัก ที่แปลกใจมากกว่านั้น คือการที่เธอมาสารภาพรักกับตัวเองถ้าตัดเรื่องฐานะกับหน้าตาออกไป เขาคิดว่าตัวเองไม่มีอะไร
“ไปคนเดียวได้ใช่ไหม?”เฟยหลงถามรุ่นน้องมากฝีมือด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล มั่นใจว่าลีเอาตัวรอดได้ เพราะเขาเป็นถึงทายาทของบริษัทรักษาความปลอดภัยอันดับหนึ่งของประเทศ แต่ในสถานการณ์แบบนี้ที่ไม่รู้ว่าตระกูลโจวจะมาไม้ไหน เอาการ์ดไปเพิ่มอีกสักคนน่าจะปลอดภัยกว่า“ผมเคลื่อนไหวคนเดียวสะดวกกว่า” ลีตอบ เข้าใจความกังวลของเจ้านาย แต่เคลื่อนไหวคนเดียวสะดวกและรวดเร็วกว่าจริงๆ“ระวังตัวด้วยนะคะคุณลี”“ครับ”ลียืนรอจนกระทั่งรถยนต์คันใหญ่เคลื่อนออกไปจากลานจอดรถ มองจุดหมายปลายทางในโทรศัพท์ที่เจ้านายส่งมาให้ ก้าวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ระวังมุมทางด้านซ้าย เพราะมัวแต่ดูมุมด้านขวา คนที่เดินพ้นมาจากมุมนั้นจึงชนร่างเขาสุดแรงพลั่ก! ตุบ!“อ๊ะ! ขอโทษค่ะ”เลขาสาวเอ่ยปากขอโทษบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อของเจ้านาย ทั้งที่ตัวเองล้มพับอยู่บนพื้น และรู้สึกปวดข้อเท้าหนึบๆ ส่วนคนที่เธอชนและเอ่ยขอโทษ ดูเหมือนจะไม่เป็นอะไรเลย ร่างกำยำยังยืนได้อย่างมั่นคง“คุณตามผมมาทำไม?” นั่นคือสิ่งที่ลีสงสัย และมันเป็นสาเหตุที่เขาไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเธอ“คะ? ตามคุณ?”“รถคุณจอดอยู่ชั้นล่าง ไม่มีทางที่คุณจะอยู่ตรงนี้เพราะรถคุณจอดที่นี่”“นี่คุ
ชั่วโมงต่อมาเมื่อมื้ออาหารจบลง ลี่หมิงก็ปลีกตัวไปทำงานของตัวเอง ปล่อยให้พ่อกับพี่ชาย ปรึกษาหารือกับคนรัก เกี่ยวกับวิธีรับมือการเล่นงานจากคนของตระกูลโจว ซึ่งการหารือเต็มไปด้วยความตึงเครียด ตลอดการพูดคุยมีแต่เรื่องให้ปวดหัว และความรุนแรงของแต่ละเหตุการณ์ กว่าจะหาแผนรับมือกับทางนั้นได้ ก็ถึงเวลาเลิกงานของบริษัทพอดี“วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน”เพราะคนที่นั่งอยู่อีกฟากมีท่าทีกระวนกระวายมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อน ซีหยวนจึงหยุดการหารือไว้เพียงแค่นั้น อีกอย่างแผนการที่มู่เฟยหลงเสนอมาก็ไร้ช่องโหว่ น่าจะรับมือกับการระรานของคนจากตระกูลโจวได้อย่างถาวร“ผมไปหาลี่หมิงนะครับ”เพียงไม่นานก็ไร้เงาของคนพูด ผู้นำของตระกูลถิงยกยิ้ม มองหน้าลูกชายเพื่อหาแนวร่วม เมื่อเห็นความพอใจบนใบหน้าลูกชาย รอยยิ้มก็ฉายออกกว้างกว่าเดิม“เหลือด่านสุดท้ายสินะ”“ถ้าแม่ได้เห็นสีหน้าเขาเมื่อกี้ ท่านให้ผ่านแน่นอนครับ”“นั่นสิ เพิ่งจะเคยเห็นเจ้าชายเพลย์บอยทำสีหน้าแบบนั้น”สำหรับถิงซีหยวน มู่เฟยหลงไม่ต่างจากเจ้าชาย เพราะเขาเกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง ติดอันดับต้นๆของประเทศ ซ้ำยังเป็นหลานคนเดียวที่เป็นผู้ชาย ตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปของต