ผมกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่ายของวัน เดินขึ้นห้องของตัวเองพลางครุ่นคิด ผมจะตามเรื่องราวของพ่อกับแม่ต่อได้ยังไง คนแรกที่ตัดออกไปก่อนเลยนั่นคือคุณกันต์ครับ เพราะยังไงเขาก็คงไม่มีทางบอกผมอยู่แล้ว ผมควรจะไปถามคุณหญิงนภาดีไหม ผมเก็บความสงสัยไว้ภายในใจ เวลาล่วงเลยมาเป็นสัปดาห์ จนตอนนี้ผมเปิดเทอมแล้วครับ
“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ คณะที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้ ในครั้งที่พี่เนมถาม ผมคิดเพียงอย่างเดียวคือผมจะเรียนเอาความรู้ที่มีมาช่วยพี่เนมพัฒนาธุรกิจ หากแต่ตอนนี้พี่เนมไม่แม้จะสนใจผมเลย เราไม่ได้คุยกันมาสองเดือนแล้ว หลังจากออกจากบ้านนั้นมาจนถึงตอนนี้ ผมก็ได้เจอพี่เนมครั้งเดียว คือครั้งที่ไปงานเลี้ยงนั้น ผมถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มแต่งตัวเพื่อไปเรียน ผมขับรถไปเรียนเองครับ หลังจากเดินทางมาสักพัก จนมาถึงมหาลัย จัดการจอดรถให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูลงมา สิ่งที่เห็นทำให้ผมชะงัก
ทำไมพี่เนมถึงมาอยู่ที่นี่ พี่เนมจอดรถอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับของผม ยืนมองผมอยู่เฉยๆ อย่างนั้น เราสบตากันชั่วครู่ก่อนจะเป็นผมที่หลบสายตาไป แล้วหันหลังเดินขึ้นตึกเรียน ถามว่าผมคิดถึงเขาไหม ตอบเลยครับว่ามาก ผมคิด
ผมกลับมาถึงบ้านในช่วงบ่ายของวัน เดินขึ้นห้องของตัวเองพลางครุ่นคิด ผมจะตามเรื่องราวของพ่อกับแม่ต่อได้ยังไง คนแรกที่ตัดออกไปก่อนเลยนั่นคือคุณกันต์ครับ เพราะยังไงเขาก็คงไม่มีทางบอกผมอยู่แล้ว ผมควรจะไปถามคุณหญิงนภาดีไหม ผมเก็บความสงสัยไว้ภายในใจ เวลาล่วงเลยมาเป็นสัปดาห์ จนตอนนี้ผมเปิดเทอมแล้วครับ“เฮ้อ” ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ คณะที่ผมเรียนอยู่ตอนนี้ ในครั้งที่พี่เนมถาม ผมคิดเพียงอย่างเดียวคือผมจะเรียนเอาความรู้ที่มีมาช่วยพี่เนมพัฒนาธุรกิจ หากแต่ตอนนี้พี่เนมไม่แม้จะสนใจผมเลย เราไม่ได้คุยกันมาสองเดือนแล้ว หลังจากออกจากบ้านนั้นมาจนถึงตอนนี้ ผมก็ได้เจอพี่เนมครั้งเดียว คือครั้งที่ไปงานเลี้ยงนั้น ผมถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะเริ่มแต่งตัวเพื่อไปเรียน ผมขับรถไปเรียนเองครับ หลังจากเดินทางมาสักพัก จนมาถึงมหาลัย จัดการจอดรถให้เรียบร้อยแล้วเปิดประตูลงมา สิ่งที่เห็นทำให้ผมชะงักทำไมพี่เนมถึงมาอยู่ที่นี่ พี่เนมจอดรถอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับของผม ยืนมองผมอยู่เฉยๆ อย่างนั้น เราสบตากันชั่วครู่ก่อนจะเป็นผมที่หลบสายตาไป แล้วหันหลังเดินขึ้นตึกเรียน ถามว่าผมคิดถึงเขาไหม ตอบเลยครับว่ามาก ผมคิด
ตอนนี้ผมกำลังเดินหาคุณหญิงนภาอยู่ครับ จากเมื่อวานที่คุยกัน คุณหญิงบอกจะยกหุ้นในมือให้ผมครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งให้คุณกันต์ เป็นเหตุให้ผมต้องมาเดินหลงอยู่ในบ้านของตัวเอง เพราะหาคุณหญิงนภาไม่เจอ จนผมเดินออกมาจากตัวบ้าน จึงเห็นว่ามันเป็นสวนและมีทางให้เดิน จึงลองออกไปสำรวจ ห่างออกมาเรื่อยๆ เข้าไปในป่าลึก จนเห็นบ้านหลังใหญ่ สภาพทรุดโทรมทิ้งร้าง ผมว่า ผมคุ้นเคยกับบ้านหลังนี้ เหมือนกับเคยเห็นมันมาก่อน ผมก้าวเท้าเข้าไปสำรวจภายในบ้านในบ้านหลังนี้ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม แต่เพราะถูกปล่อยให้ทิ้งร้างจึงทรุดโทรมตามสภาพกาลเวลา เดินเข้าไปภายในเห็นรูปของพ่อกับแม่ในวันแต่งงานขนาดใหญ่แขวนอยู่ ทำให้ผมนึกได้ทันที บ้านหลังนี้คือบ้านที่อยู่ด้านหลังรูปแต่งงาน ที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้ในกล่องเหล็กนั้น ผมคิดมาตลอดว่าบ้านหลังนั้นอยู่ที่อยุธยา ไม่นึกว่าจะมาอยู่ในรั้วบ้านเดียวกันแบบนี้ ผมก้าวเท้าสำรวจอย่างระมัดระวัง เพราะที่นี่ทรุดโทรมลงไปมาก ไม่รู้ว่าจะมีสัตว์มีพิษอาศัยอยู่รึเปล่า ผมมองหาอาวุธป้องกันตัว จนได้เหล็กเขี่ยเตาผิงมาถือไว้ในมือ ผมเดินสำรวจไปรอบๆ ตัวบ้านทำให้รู้ว่าบ้านหลังนี้มีขนาดกลาง แต่ตกแต
ผมเข้ามาอยู่บ้านเดชพิมุกต์เป็นเวลา 1 สัปดาห์แล้วครับ ด้วยความที่ผมไม่รู้จักใครและไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ นอกจากเช้าวันแรกที่เข้ามาอยู่ คุณหญิงนภาก็เรียกให้ไปแนะนำตัว ให้คนอื่นๆ ในบ้านรู้จัก ก่อนจะปล่อยผมขึ้นห้องมา ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร ไม่อยากคุยกับใคร แต่ด้วยความที่ ที่นี่ไม่เหมือนบ้านพี่เนม ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องวางตัวยังไง จึงออกไปเดินเล่น ตามสวน ห้องต่างๆ ภายในบ้าน ให้พอจดจำเส้นทางได้ในหัวพอสำรวจเสร็จก็กลับมานั่งบนโซฟาสีเบจที่ตั้งอยู่ภายในห้องนั่งเล่น คุณหญิงนภาเดินเข้ามาภายในก่อนจะเอ่ยทัก“นาย เป็นยังไงบ้างลูก เบื่อไหม อยากไปเที่ยวที่บริษัทรึเปล่า” คุณหญิงนภาพูดแล้วลูบผมแผ่วเบา ผมคงจะเหงาหงอยเกินไปจริงๆ คุณหญิงจึงได้พูดแบบนี้ ข้อเสนอของคุณหญิงนภาเรียกได้ว่าไม่เลว บางทีการไปทำอะไรๆ ที่มันต่างจากเดิม คงจะพอช่วยผมได้บ้าง เมื่อคิดได้ผมจึงตอบกลับไปทันที“ครับ คุณหญิง”“อ๊ะ เด็กคนนี้ บอกให้เรียกย่าไง ทำไมดื้อแบบนี้นะ”“........” ครับ ตลอด 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาผมไม่เคยเรียกคุณหญิงนภาว่าย่าเลยสักครั้
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงตอนนี้ก็ผ่านมา 10 วัน แล้วครับพี่เนมพูดกับผมน้อยคำมากครับ ความเย็นชาปกคลุมอยู่รอบกาย ทำให้บรรยากาศหนาวเย็นยะเยือก เราแทบจะไม่ได้เจอหน้ากันเลย พี่เนมกลับบ้านดึกทุกวัน และเป็นผมที่เผลอหลับไปก่อนเสมอ หรือบางทีพี่เนมก็ไม่กลับมานอนที่บ้านเลยก็มี ในวันแรกหลังเกิดเหตุการณ์นั้นปกติที่ผมตื่นแต่เช้าแล้วไปทำอาหาร ถึงจะขึ้นมาปลุกพี่เนม กลับกลายเป็นว่าพี่เนมออกไปทำงานตอนที่ผมกำลังทำอาหารอยู่ พอผมทานข้าวเสร็จก็ให้ลุงชมไปส่งที่ทำงาน แต่ลุงชมกลับตอบมาว่าพี่เนมบอกให้ผมอยู่บ้านเฉยๆ แทน จนผมอดทนสงสัยไม่ไหวต้องโทรไปถามด้วยตัวเอง“ครับ”“พี่เนมไม่ให้ผมไปทำงานแล้วหรอครับ”“....... อืม นายอยู่บ้านนั่นละ”ติ้ดพี่เนมตัดสายผมทันทีที่พูดจบ ผมถอนหายใจเบาๆ การที่พี่เนมทำแบบนี้ทำให้ผมเจ็บมากจริงๆ ผมเข้าใจนะที่พี่เขาจะเข้าใจผิด เพราะห้องนั้นมันมีแค่ผมกับพี่เนมสองคนเท่านั้นที่เข้าได้ ถ้าของหรือห้องของคนที่ผมรัก กลายสภาพเป็นแบบนั้น ผมก็คงโมโหมากเหมื
ฟอด ฟอด จุ๊บ ฟอดดด“ถ้าไม่ตื่นพี่จะกินแล้วนะครับ” น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ข้างหู ขัดจังหวะการนอนจนผมต้องหลบเลี่ยงเสียงนั้น เอาหมอนมาปิดไว้จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บริมฝีปากร้อนรุกไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลังจนผมผวา“อ๊ะ อื้อออ” ความร้อนที่ยุ่บยั่บอยู่ทั่วตัว ทำให้ผมได้สติ หันมานอนหงายเหมือนเดิม ลืมตามองเพดานนิ่งๆ กะพริบตาถี่ๆ เมื่อเห็นเงาตัวเองสะท้อนกลับมา มีเส้นผมหนาดกดำซุกอยู่ที่เนินอก ความรู้สักถัดมาคือความเปียกชื้น“อื้ออ ปวดหัว” ผมครางอื้ออึงออกไป หัวคิ้วขมวดหมุน เรียวนิ้วยาวของพี่เนมย้ายขึ้นมาที่ขมับ นวดคลึงแผ่วเบา“ดีขึ้นไหมครับ” ผมพยักหน้าให้แม้จะยังปวดหัวอยู่ก็ตาม“ครับ” น้ำเสียงของผมที่ตอบกลับไปแหบแห้งแทบฟังไม่รู้เรื่อง จนผมขมวดคิ้ว ผมก็ไม่ได้เจ็บคอนะ แต่ทำไมเสียงถึงเป็นแบบนี้“เดี๋ยวพี่สั่งกาแฟดำให้นะ จะได้หายเมาค้าง” คำพูดของพี่เนมทำให้ผมงุนงง ผมจะเอาอะไรที่ไหนไปเมา ผมนั่งกินแต่นมปั่น น้ำปั่น“ผมไม่ได้กินเ
“พี่เนม!!!!!!” ผมตะโกนลั่นห้อง ตกใจกับภาพตรงหน้าที่เห็น ห้องนี้ทั้งห้องเป็นกระจกครับ กระจกล้วนๆ เราจะทำอะไร มุมไหนก็เห็นหมด เตียงเป็นรูปหัวใจตั้งอยู่กลางห้อง สามารถเดินได้รอบด้าน ดูก็รู้ว่าทำไม ถัดออกมาที่ปลายเตียงเป็นเก้าอี้นั่งรูปทรงแปลกๆ ส่วนห้องน้ำ เป็นกระจกใส ทำอะไรก็เห็นหมด ผมหันไปมองพี่เนมอย่างเอาเรื่องทันที นี่มันห้องม่านรูดสไตล์ญี่ปุ่นชัดๆ!!!“หมายความว่ายังไงครับ” ผมถามพร้อมกดเสียงต่ำ หมายจะเอาเรื่องคนต้นคิดในการจองห้องพักครั้งนี้“ฮะๆ พี่ไม่ได้ทำนะ ไอ้ต้องมันมีแต่แบบนี้” แม้พี่เนมจะเมามากเท่าไหร่ แต่ก็ยังสามารถพูดโต้ตอบกับผมได้อยู่ เมาแบบมีสติสินะ ผมมองบน เลิกสนใจพี่เนมไป ผมง่วงจะตายอยู่แล้ว ผมเดินเซๆ เข้าห้องน้ำไปหวังอาบน้ำให้สดชื่นขึ้น ผมถอดเสื้อผ้าออกจนหมด ไม่สนใจแม้มันจะเป็นกระจกใส ผมก้าวเท้าไปยืนใต้ฝักบัว พิงหัวไว้กับกำแพง เหมือนจะหลับซะให้ได้ ความรู้สึกอบอุ่นปรากฏขึ้นจากด้านหลัง เสียงกระซิบแผ่วเบาแต่เร้าอารมณ์“พี่อาบให้ไหมครับ” พี่เนมถามแล้วงับติ่งหูจนผมสะดุ้งเฮือก“อื้อออ ผมง่วง&rdqu
...Nine Partวันนี้วันพฤหัสครับ ผมมีเรียนเต็มแน่นทั้งวัน ส่วนแผลที่ขาก็ใกล้จะหายแล้วครับ ไม่ต้องทำแผลอีกต่อไป ช่วงนี้อะไรๆ ก็ดีไปหมดในตอนนี้กลุ่มผมเปลี่ยนจาก 4 คน เป็น 5 คน เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ คนที่เพิ่มมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหญิงทอมบอย เพชรนั่นแหละครับ ซึ่งเพชรเองก็บอกว่าให้ถือว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เราก็คุยกันเป็นปกติแล้วล่ะ แต่ว่าเว้นเรื่องการสัมผัสตัว ยังไงเขาก็ผู้หญิงอ่าเน๊อะไม่รู้ว่าช่วงนี้ผมคิดไปเองไหม แต่ไอ้ซันกับไอ้เบสแปลกๆ ไปตั้งแต่วันที่ไปทำงานกลุ่มกันแล้ว แม้มันจะปากหมากัดกันเหมือนเดิม แต่บรรยากาศรอบๆ ตัวไม่เหมือนเดิม ซึ่งมันทั้งคู่ก็ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมก็ไม่เซ้าซี้ให้มันตอบ ไว้เดี๋ยวมันอยากเล่ามันคงจะพูดกันเอง“พวกมึง วันศุกร์ไปดื่มกันไหมว่ะ” เสียงไอ้ซันพูดชักชวนพวกเราทั้ง 4 คน“ไปดิๆ ไม่ได้ดื่มนานละ” เสียงไอ้วุฒิที่ตอบรับกลับมา ไอ้เบสกับไอ้เพชรจึงพยักหน้าตอบรับไป“โอเค ร้าน Aftermoon Club นะ”“พวกมึง กูไม่ว่า
...Name Part“เป็นอะไรไปครับ” เสียงของเจ้านายเอ่ยทักผมอย่างสงสัย เมื่อเห็นท่าทางของผมที่แปลกไป“ปะ ปะ เปล่า” ผมตอบกลับไปเสียงสั่น จะให้ผมบอกเจ้านายได้ยังไง ว่าวิวตรงนี้มันดีสุดๆ แถมยังเร้าอารมณ์อย่างมากอีกด้วย เพราะเจ้านายไม่ได้สวมใส่อะไรที่ด้านล่าง ทำให้มองเห็นต้นขาเรียว ลึกเข้าไปด้านใน แม้จะไม่เห็นอะไรที่มันชัดเจนเพราะมีเสื้อปกปิดอยู่ แต่ก็ทำให้ผมจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนได้ไม่ยาก เจ้านายไม่ได้ตอบอะไรกลับมาและปล่อยให้ผมนั่งทำแผลจนเสร็จซึ่งผมเองก็ใช้ทั้งความพยายามและความอดทน กัดฟันแน่นอย่างข่มอารมณ์ไม่ให้จับเจ้านายทำอะไรที่โซฟาไปเสียก่อน จนเมื่อทำแผลเสร็จถึงโล่งใจไปได้บ้างแม้จะใช้เวลาในการทำแผลมากกว่าปกติมากไปสักหน่อยก็ตาม หลังจากทำแผลเสร็จผมก็จัดการป้อนยาให้คนตัวเล็ก ซึ่งการป้อนยาให้เจ้านายนี้ผมไม่เคยนึกเบื่อมันเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะพาเจ้านายไปนอนในห้อง ห่มผ้าแปะแผ่นเจลลดไข้ให้อีกที เมื่อแน่ใจว่าคนตัวเล็กหลับแล้วผมจึงออกมานั่งทำงานที่ข้างนอกแทน แต่...ให้ตายเถอะ!!! ผมไม่มีสมาธิจ
...Name Partตั้งแต่ที่ผมปรับความเข้าใจกับเจ้านายในครั้งนั้น ผมก็ย้ายให้เจ้านายมาอยู่ใกล้ตัว ก็นะ ห้องก็ใหญ่กว่า สิ่งอำนวยความสะดวกก็มีครบ ซึ่งเจ้านายก็ยอมมาแต่โดยดี ผมว่าผมเริ่มติดคนตัวเล็กหน่อยๆ แล้วล่ะ อยากจะเจอหน้าทุกวัน แม้แต่ตอนเลิกเรียนก็ยังให้มาคัสไปรับมา แล้วกลับบ้านพร้อมกันทั้งที่ก่อนหน้านั้นผมให้ลุงชมไปรับไปส่ง แต่แล้ววันหนึ่งเจ้านายก็ถามหากล่องเหล็กอะไรไม่รู้กับผม เมื่อได้คำตอบว่าไม่อยู่ที่ผมก็รีบพุ่งตัวกลับห้องทันที เจ้านายเดินกลับมาพร้อมกล่องเหล็กลวดลายไทยๆ ขนาดไม่ใหญ่มาก แม้ผมจะมีความสงสัยอยู่เต็มอก แต่ก็ละเว้นไว้ให้เจ้านายได้มือพื้นที่ส่วนตัวบ้าง คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคนตัวเล็กเองที่เสนอให้ผมได้ดู โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากมีเรื่องปิดบัง และยอมให้ผมได้รับรู้เรื่องส่วนตัวของตนเอง ผมได้อ่านทั้งจดหมายและพินัยกรรม พร้อมทั้งวางแผนคร่าวๆ ไว้ในใจ บอกกับเจ้านายว่าจะจัดการให้ แต่เจ้านายก็หน้ามึน ไม่เข้าใจสักนิดว่าผมกำลังจะสื่อถึงอะไร และผมก็ไม่คิดที่จะอธิบายเพิ่มเติมด้วยละนะด้วยความที่วันเสาร์เจ้านายไปทำงาน