9. เกลียดตัวกินไข่...เกลียดปลาไหล....แต่อยากกินเธอ
ทั้งๆที่เพิ่งจะได้นอนตอนตีห้า แต่ตีห้าครึ่งฉันก็ลุกมาที่ห้องครัวเพราะตอนที่อยู่กับแม่ฉันก็ตื่นตีสี่มาช่วยแม่ทำกับข้าวขายอยู่แล้ว แม่พั้นซ์กับแม่บ้านกำลังช่วยกันทำกับข้าวเพื่อเตรียมใส่บาตรตอนเช้า
“หนูดาวรีบตื่นทำไมลูก แม่ว่าอีกเดี๋ยวจะให้แม่บ้านไปปลุก”
“ดาวอยากมาช่วยทำกับข้าวค่ะ” ฉันมองไปรอบๆห้องครัว แม่บ้านกำลังตักข้าวสวยลงในภาชนะสีเงินและตักแกงใส่ถุงร้อน
“ลูกสะใภ้แม่นี่ช่างขยันจริงๆ แต่หนูดาวไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดไทยที่เตรียมไว้ในตู้ดีกว่าจ้ะ อ้อ..อย่าลืมปลุกซายน์ด้วยนะ วันแรกที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ทำบุญร่วมชาติใส่บาตรร่วมขันจะได้ใช้ชีวิตคู่นานๆ ไม่มีมารมาผจญ” แม่พั้นซ์เน้นคำว่ามารผจญชัดเจน ฉันไม่ค่อยเข้าใจความหมายเท่าไหร่ ตอนนี้ฉันภาวนาขอแค่หาเงินห้าล้านมาคืนพี่ซายน์ จะได้ออกจากชีวิตพี่ซายน์เร็วๆเท่านั้นเอง ฉันเดินย้อนกลับมาที่ห้องนอน ร่างสูงกำลังนอนหลับสนิท เสียงหายใจดังสม่ำเสมอ ฉันเผลอมองร่างขาวเนียนที่โผล่พ้นผ้าห่มอย่างเผลอไผล ใบหน้าเรียวได้รูปดวงตาที่ปิดสนิทล้อมกรอบด้วยขนตาหนาเป็นแพ จมูกโด่งเป็นสันรับกับใบหน้า ริมฝีปากบางระเรื่อ พี่ซายน์เหมือนรูปสลักมากกว่าจะเป็นคนจริงๆ ฉันยังจำวันแรกที่ได้เจอกับพี่ซายน์ได้ดี เมื่อครั้งที่ฉันมาค้างบ้านพายในช่วงปิดเทอมที่แล้ว
“พายฉันไม่ไปได้มั้ยอ่ะ ฉันรออยู่ที่บ้านดีกว่า” ยัยพายชวนฉันเอาอาหารเช้าไปส่งพี่ชายฝาแฝดที่โรงพยาบาล ฉันรู้สึกประหม่าที่จะต้องไปเจอพี่ชายเพื่อน
“ทำไมอ่ะแก พี่ชายฉันใจดีนะ เสียดายแค่ไม่ค่อยยิ้ม”
“ก็นั่นแหละ ฉันรอที่บ้านดีกว่า”
“ไปๆแก อย่าเรื่องมาก พี่ชายฉันหล่อมาก” ยัยพายเน้นคำว่ามาก จนฉันชักอยากจะเห็นจะหล่อสักแค่ไหนกันเชียว ยัยพายพาฉันเดินเข้าไปในโรงพยาบาล พอถึงห้องพักแพทย์นางก็โทรหาพี่ชาย ร่างสูงผิวขาวจัดในชุดเสื้อกาวน์แขนสั้นเดินออกมายืนตรงหน้า ฉันมองใบหน้าเรียวได้รูปดวงตาสีเข้มอย่างตกตะลึง
“พี่ซายน์แม่ฝากมาให้ เออนี่เพื่อนพายชื่อดาว ชื่อจริงเดือนเด่นเป็นสง่า อลังการมะ” ยัยดาวหัวเราะเบาๆ ชื่อจริงฉันใครได้ยินครั้งแรกก็ขำทุกคนเพราะมันทั้งยาวทั้งดูลิเก
“อือ พี่ไปก่อนนะจะไปราวน์วอร์ด” พี่ซายน์มองหน้าฉันแค่แว่บเดียว รับกล่องข้าวกับยัยพายแล้วก็เดินจากไป นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับเขา ครั้งที่สองฉันเป็นขอตามยัยพายมาโรงพยาบาลโดยไม่อิดออดเหมือนครั้งแรก แค่ได้เห็นร่างสูงในชุดกาวน์แขนสั้นกำลังเดินราวน์วอร์ดผู้ป่วย หัวใจฉันก็พองโตอย่างมีความสุข พี่ซายน์เป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทั้งหน้าตา ความฉลาดและฐานะ ทั้งๆที่ชื่อของฉันคือดวงดาวที่อยู่บนฟ้า แต่คนที่เป็นดวงดาวคือพี่ซายน์ ไขว่คว้าให้ตายก็ไม่อาจเอื้อมถึง ฉันมันเป็นแค่ดินเท่านั้น แค่ได้มองดวงดาวดวงนั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับฉัน....
“พี่ซายน์คะ ตื่นใส่บาตรค่ะ” ฉันเขย่าตัวพี่ซายน์เบาๆ
“พี่พลอย ซายน์เหนื่อยของีบอีกสิบนาที” ร่างสูงงึมงำในลำคอ พี่พลอยอีกแล้ว? ฉันเริ่มสงสัยว่าพี่พลอยที่พี่ซายน์พูดถึงจะไม่ใช่พลอยใสแบบที่ยัยพายบอกแน่นอน หรือว่าพี่พลอยจะเป็นคนรักของพี่ซายน์กันนะ
“แม่พั้นซ์ให้ปลุกพี่ซายน์ไปใส่บาตรค่ะ” ฉันปรับเสียงให้ดังขึ้นอีกนิด ถ้าพี่ซายน์ไม่ตื่นฉันจะปล่อยให้เขานอนโดยไม่รบกวนอีก ส่วนเรื่องใส่บาตรฉันคงบอกแม่พั้นซ์ไปตามตรงว่าพี่ซายน์เหนื่อยมากยังนอนไม่ตื่น คนเป็นหมอเวลานอนสำคัญที่สุดเชื่อว่าแม่พั้นซ์คงจะเข้าใจ เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันเดินไปเปิดประตู ยัยพายทำหน้าง่วงๆอ้าปากหาวหวอดๆ แทบจะหลับตาเดินเข้ามาในห้อง
“พี่ซายน์ตื่นเดี๋ยวนี้ แม่บอกว่าถ้าไม่ลงไปใส่บาตร มรดกทั้งหมดจะตกเป็นของพายกับดาวแต่เพียงสองคน” ยัยพายร้องตะโกนใส่หูพี่ชาย พี่ซายน์ค่อยๆลืมตาขึ้นมา
“เสียงยังกะนกหวีด ปลุกกันดีๆก็ได้ สงสารไอ้ฟินนี่ได้แฟนหรือนกแก้วก็ไม่รู้”
“ไม่ต้องมาสงสารคนอื่นเลย รีบตื่นไม่งั้นแม่จะตัดหางปล่อยวัดแล้ว พระกำลังจะมา” พี่ซายน์หันมามองฉันแว่บนึงก่อนจะหันไปถามน้องสาว
“พี่ต้องใส่ชุดอะไร”
“ชุดคนสวนมั้งคะ ดูเจ้าสาวสิชุดไทยซะขนาดนั้น คนถามโชว์โง่หรือยังไง” บางทีก็อิจฉายัยพายที่สามารถต่อปากต่อคำกับพี่ชายโดยที่ร่างสูงไม่ได้แสดงสีหน้าไม่พอใจเหมือนพูดกับฉัน
“โน่นชุดของพี่ ยัยดาวรีดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยในตู้เสื้อผ้า หัดสังเกตมั่งเพื่อนพายดีซะขนาดนี้ ไม่น่าต้องมาได้กับคนอย่างพี่เลย” ยัยพายถอนหายใจทำหน้าหงุดหงิด พี่ซายน์ยกยิ้มที่มุมปากแล้วหันมามองฉัน
“นั่นสิคะ คนอย่างพี่จะไปดีอะไร แค่หล่อรวยมีเงินให้ตั้งหลายร้อยล้าน” เขาเน้นคำว่าร้อยล้านชัดเจน ฉันหรุบตาต่ำไม่กล้ามองหน้าเจ้าบ่าวจำยอม
“รีบไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้ว คนชั่วๆอย่างพี่ควรจะทำบุญตักบาตรซะมั่ง สัมภเวสีจะได้ออกจากชีวิตซะที”
“จริงด้วย สัมภเวสีแถวนี้จะได้ไปพ้นๆ พี่รีบแต่งตัวดีกว่าเผื่อผลบุญจะหนุนให้พี่หลุดพ้นซะที” พี่ซายน์หัวเราะในลำคอ ฉันรู้ได้ทันทีว่าทุกประโยคเขาหมายถึงฉัน ฉันกลืนก้อนสะอื้นลงคอด้วยความน้อยใจ
“แกเป็นอะไรทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้” ฉันคงแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปจึงฝืนยิ้ม
“ไม่ได้เป็นอะไร เดี๋ยวเราไปรอข้างล่างดีไหม?” ฉันชวนยัยพายลงไปรอใส่บาตรที่หน้าบ้าน พี่ซายน์มาถึงตอนที่พระเกือบจะมาถึงหน้าบ้านพอดี ร่างสูงอยู่ในเสื้อเชิร์ตแขนยาวกางเกงสแลคสีดำ
“พ่อคุณนายตื่นสาย เกือบมาไม่ทันพระ” แม่พั้นซ์ดุลูกชายเบาๆ
“แม่อ่ะก็ซายน์เหนื่อยเพิ่งได้นอนตอนตีห้า” ลูกชายคนเดียวโอดครวญ
“ทำอะไรอยู่นอนตั้งตีห้า” ยัยพายหันมาถามฉันเบาๆ ฉันหน้าแดงวางสีหน้าไม่ถูก จะบอกใครได้ยังไงว่าพี่ซายน์ทำเรื่องแบบนั้นทั้งคืนทำไปทั้งๆที่เกลียดฉัน เขาตั้งใจจะทำให้ฉันทนไม่ไหวและออกไปจากชีวิตเขา
“เล่านิทานชาดกมั้ง” พี่ซายน์พูดกับน้องสาวอย่างกวนๆ
“อย่างพี่เหรอจะเล่านิทานชาดกเปลี่ยนจากนิทานชาดกเป็นนิทานลามกน่าจะเหมาะกว่า”น้องสาวแลบลิ้นอย่างรู้ทัน
“เราน่าจะเหมาะเป็นเจ้ากรรมนายเวรมากกว่าน้องสาวพี่ ต่อปากต่อคำจนไม่เคารพพี่เลยนะ”
“เกิดก่อนแค่นาทีเดียวเอง นี่ให้เกียรติเรียกพี่ก็บุญนักหนาแล้วนะ” ยัยพายยังไม่ยอมหยุด
“โอ้ย ปวดหัวเลิกเถียงกันซะที ถ้ารู้ว่าโตขึ้นมาจะกัดกันขนาดนี้ แม่จะเอาตระกร้อครอบปากตั้งแต่เด็กๆทั้งคู่เลย” แม่พั้นซ์กุมขมับเหมือนจะปวดหัวจริงๆ จนพระเดินมาถึงหน้าบ้าน
“ซายน์จับมือน้องตอนใส่บาตร วันนี้เป็นการเริ่มใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน แม่ขอให้ลูกๆทั้งสองอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข”
พี่ซายน์เดินมาซ้อนตัวฉันมือหนาจับมือฉันที่จับทัพพีตักข้าวตามคำสั่งของผู้เป็นแม่ ลมหายใจอุ่นๆของร่างสูงเป่ารดที่ซอกคอของฉันจนฉันรู้สึกประหม่าหัวใจฉันเต้นรัว มือที่กำลังใส่บาตรสั่นเล็กน้อย พอใส่บาตรเรียบร้อยฉันจึงช่วยแม่บ้านเก็บของแล้วขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องนอน ส่วนพี่ซายน์ขึ้นมานอนก่อนหน้านั้นแล้ว...พอฉันเดินเข้ามาในห้องพี่ซายน์ก็ลืมตาขึ้น
“ขึ้นมาบนเตียง..” เป็นประโยคคำสั่งสั้นๆ ที่ฉันต้องทำตามอย่างเสียไม่ได้...
Sine talks
พอเห็นร่างบางเข้ามาในห้องผมก็นึกอยากแกล้งขึ้นมาซะอย่างนั้น ทำไมความต้องการทางร่างกายมันพุ่งสูงตลอดก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ตอนมีอะไรกับหมอพลอยแค่ครั้งเดียวก็ไม่นึกอยากทำอีก
“ขึ้นมาบนเตียง..” น้องดาวเดินเข้ามานั่งบนเตียงอย่างกล้าๆกลัวๆ
“พี่ซายน์ไม่เหนื่อยเหรอคะ? ดาวกลัวพี่ซายน์จะเหนื่อย..” ผมปิดปากเธอด้วยปากตัวเองทันที เหนื่อยอะไรกันผมยังมีแรงอีกเยอะ..ทนได้ก็ทนไป..ถ้าจะเปรียบกับสุภาษิตโบราณ คงต้องบอกว่าเกลียดตัวกินไข่...เกลียดปลาไหล....แต่อยากกินเธอ..
31. ตอนพิเศษ เอเธนส์ & บอสตัน“พี่ซายน์ ดาวฝากซื้อของหน่อยค่ะ” ฉันหนีบโทรศัพท์ไว้ที่ซอกคอกับไหล่ สองมือกำลังใช้ครีมอาบน้ำเด็กถูไปตามลำตัวป้อมสั้นแต่ทว่าจ่ำม่ำกว่าเด็กวัยเกือบสามขวบกว่าทั่วไป“แม่ดาว อาบให้บอสมั่งฮะ” เสียงใสๆของเด็กชายตัวน้อยอีกคนดังขึ้น“ได้ครับ จัดไปทั้งคู่เลย” ฉันจัดการอาบน้ำเด็กแฝดทั้งสองหลังจากที่สองพี่น้องไปเล่นดินหลังบ้าน โดยมีคุณยายเดือนคอยดูอย่างห่างๆ เสื้อผ้าของเอเธนส์กับบอสตันเปื้อนดินโคลน ใบหน้ามอมแมมจนฉันแทบจะจำลูกตัวเองไม่ได้“คุณดาวคะ เดี๋ยวป้าช่วยนะคะ” ป้าสมใจคงเห็นว่าฉันทั้งคุยโทรศัพท์ทั้งอาบน้ำเด็กๆทั้งสองดูทุลักทุเลจนเกินไป“น้องไนท์หลับแล้วเหรอคะ?” ฉันถามถึงเด็กหญิงวัยสองขวบลูกของน้องมิ้นท์ ซึ่งพลาดพลั้งตั้งท้องตอนกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เด็กสาวเกิดอาการครรภ์เป็นพิษพอคลอดลูกสาวตัวน้อยคือน้องไนท์ก็เสียชีวิตทันที ฉันรู้สึกเวทนาจึงรับลูกสาวของน้องมิ้นท์เป็นลูกบุญธรรม น้องไนท์วัยสองขวบกำลังหัดพูด ผิวขาวเนียนละเอียดจ่ำม่ำน่ารักน่าเอ็นดูแถมยังบังเอิญหน้าคล้ายฉันอีกด้วย ถ้าพาเด็กๆทั้งสามคนออกไปเที่ยว คนรู้จักยังคิดว่าเป็นลูกของฉันกับพี่ซายน์ทั้งหมด “
30. เพราะเธอคือดวงดาวของหัวใจ (2)ในความฝันที่กึ่งๆเหมือนความเป็นจริง ฉันยืนอยู่ที่มืดๆ พี่ซายน์ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเขาดูเศร้าเขายืนมองหน้าฉัน อยู่ๆก็หันหลังและเดินหนีฉันไป“พี่ซายน์จะไปไหนคะ” ฉันร้องตะโกนถาม ทว่าร่างสูงยังคงก้าวเท้าห่างฉันออกไปเรื่อยๆ แต่ฉันยังตามเขาไปอย่างไม่ลดละ จากเดินเร็วๆกลายเป็นวิ่งตาม เสื้อเชิร์ตสีขาวของพี่ซายน์มีสีแดงเป็นจุดเล็กๆจากนั้นสีเข้มของเลือดกระจายเป็นบริเวณกว้าง จากเสื้อเชิร์ตสีขาวกลายเป็นสีแดงช้ำเลือดจนน่ากลัว พี่ซายน์หยุดเดินและหันหน้ากลับมา“ดาวไม่ต้องตามพี่มา”“ทำไมคะ พี่ซายน์จะไปไหน”“ไปที่ๆไกลมาก ดาวดูแลลูกๆของเราด้วยนะ” จากนั้นร่างของพี่ซายน์ก็โปร่งแสงและแตกกระจายกลายเป็นผีเสื้อนับพันนับหมื่นบินขึ้นไปบนท้องฟ้า...ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น พยายามกระพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตากับแสงสว่างในห้อง รู้สึกเหมือนตัวเองฝันร้าย เลือดที่อยู่บนเสื้อของพี่ซายน์กระจายตัวเป็นวงกว้าง มันคงไม่ใช่เรื่องจริง ฉันรู้สึกเหนื่อยหอบเพราะในความฝันฉันทั้งเดินทั้งวิ่งตามเขา“ดาวฟื้นแล้วเหรอ?” เสียงของแม่เดือนดังขึ้น แม่กำลังนั่งกุมมือฉันอยู่ข้างๆเตียง“ดาวเป็นลมอีกแล้วใช่ไหมคะ
29. เพราะเธอคือดวงดาวของหัวใจ (1)ฉันตื่นขึ้นมาด้วยอาการเวียนหัวพอยืนขึ้นก็รู้สึกเหมือนบ้านหมุน คิดว่าตัวเองต้องเป็นโรคเกี่ยวกับความดันแน่ๆ แต่ก็ยังฝืนเดินลงมาทำอาหารตามปกติ ป้าสมใจกำลังย่างกะปิเพื่อตำน้ำพริก ฉันย่นจมูกทันทีที่ได้กลิ่นกะปิ“คุณดาวหน้าซีดนะคะ” ป้าสมใจทัก“เวียนหัวนิดหน่อยค่ะ น่าจะเป็นความดัน เดี๋ยวป้าสมใจย่างกะปิค่อยเรียกดาวนะคะ” ยิ่งได้กลิ่นกะปิยิ่งเวียนหัว อาการคลื่นไส้ตีรวนขึ้นมาอีก รู้สึกกลืนไม่เข้าและไม่น่าจะคายอะไรออกมาได้ ทั้งๆที่ยังไม่กินข้าวเช้าแต่เหมือนร่างกายอยากจะขับอะไรออกมา ฉันวิ่งไปห้องน้ำที่ใกล้ที่สุดและอาเจียนออกมา ซึ่งมีแต่น้ำลายเหนียวๆใสๆ ป้าสมใจรีบตามมาลูบหลัง“คุณดาวไหวมั้ยคะ ไปหาหมอไหมคะ” และในตอนนั้น..ฉันรู้แล้วว่าอาการที่ว่ามันคืออะไร..ฉันรีบไปที่ร้านขายยาและซื้อที่ตรวจครรภ์มาทุกแบบ ทั้งแบบหยดแบบจุ่มและแบบปากกา ครั้งแรกลองตรวจด้วยที่ตรวจแบบหยดก่อน แค่หยดปัสสาวะลงไปสี่หยดผลก็ปรากฏชัดแบบไม่ต้องสงสัย พอตรวจครบทุกแบบฉันก็จัดการเอาที่ตรวจทุกอันใส่กล่องและห่อด้วยกระดาษสีหวาน จากนั้นก็รอเวลา ราวๆหกโมงเย็นเสียงรถก็มาจอดที่โรงรถ ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์แขน
28. รักแท้แพ้อะไร (2)ฉันเดินตามร่างสูงเข้ามาในห้องนอน สามีของฉันปิดไฟมืดเอาผ้าห่มคลุมตัว เขานอนตะแคงข้างหันหน้าเข้าหาผนังห้อง“พี่ซายน์เป็นอะไรรึเปล่าคะ?” ฉันนั่งลงที่เตียงใช้หลังมือแตะหน้าผากเขาเบาๆ อุณหภูมิก็ปกติตัวไม่ได้ร้อน“พี่ปวดหัว” คนที่ใช้ผ้าห่มคลุมตัวพูดเสียงเรียบ“แค่ปวดหัวใช่ไหมคะ มีอะไรจะบอกดาวไหม?” ฉันถามตรงๆเพราะเห็นความผิดปกติของเขาตั้งแต่อยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว พี่ซายน์ไม่พอใจที่น้องต้นพูดจากับฉันอย่างสนิทสนม“......” เขายังเงียบ..“งั้นดาวลงไปหาเพื่อนๆนะคะ” ฉันทำทีจะออกจากห้องนอน“ดาว...พี่ไม่ชอบครูต้นเลย” แล้วพี่ซายน์ก็คายความในใจออกมาจนได้“พี่ว่ามันชอบดาว พี่กลัว...”“พี่ซายน์กลัวดาวจะไปชอบครูต้นเหรอคะ?” ฉันแอบกลั้นยิ้มแต่พี่ซายน์คงไม่เห็นเพราะห้องมืดมาก“ก็ดาวทำงานกับครูต้นทุกวัน ส่วนพี่อยู่กรุงเทพฯแถมยังไม่มีเวลามาหาดาวบ่อยๆ พี่กลัวว่าดาวจะชอบคนอื่น” น้ำเสียงที่พูดดูจริงจังและคนตัวสูงก็ถอนหายใจ ฉันล้มตัวลงไปนอนข้างๆ เอื้อมมือไปสวมกอดพี่ซายน์จากทางด้านหลัง“ลองคิดกลับกันนะคะ พี่ซายน์ทำงานใกล้ชิดกับหมอ พยาบาลสาวๆสวยๆ ดาวก็ต้องคิดใช่ไหมคะว่าพี่ซายน์อาจจะไปชอบคนอื่นเพ
27. รักแท้แพ้อะไร (1)พอฉันตื่นขึ้นในตอนเช้าร่างสูงที่นอนกอดตลอดคืนก็หายไปแล้ว พี่ซายน์ผู้ที่ชอบนอนขี้เซาและคอยให้ปลุกตลอดหายไปไหนกันนะ พอเดินลงมาด้านล่างก็พบว่า หมอหนุ่มกำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว กลิ่นของทอดลอยมาเตะจมูก เขาคงได้ยินเสียงฝีเท้าของฉันที่กำลังเดินลงจากบันได ใบหน้าขาวเนียนยิ้มอวดลักยิ้ม ผมหน้าม้าที่ยุ่งไม่เป็นทรงแต่กลับทำให้คนตรงหน้าดูหล่อเหลาไปอีกแบบ “ดาวตื่นแล้วเหรอ?” คงเป็นครั้งแรกในรอบปีที่ฉันตื่นสายตอนนี้หกโมงเช้าแล้วถือว่าสายสำหรับฉัน ปกติวันทำงานฉันจะตื่นตีห้าลุกมารดน้ำต้นไม้และพวกพืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้รอบๆบริเวณบ้าน เมื่อคืนคนตัวสูงก่อกวนตลอดทั้งคืนจนแทบไม่ได้นอนจึงรู้สึกเพลียจนตื่นนอนตามเวลาปกติไม่ได้“พี่ซายน์ทำอะไรกินคะ” ฉันเดินเข้าไปดูใกล้ๆ พี่ซายน์กำลังทอดไส้กรอก ในจานที่ทอดเสร็จแล้วมีไข่ดาวทั้งแบบสุกและไม่สุกหลายฟอง มือหนาจูงมือฉันมานั่งที่โต๊ะอาหาร บนโต๊ะมีน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋และมีข้าวเหนียวหมูปิ้ง“ดาวนั่งเฉยๆ พี่จะบริการดาวเอง สลับกันบ้างดาวดูแลพี่มามากพอแล้ว” ฉันอมยิ้ม คุณชายแห่งบ้านจึงรุ่งเรืองสกุลเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เชียวเหรอ?“พี่ซายน์ให้ใครไปซื้ออ
26. ไตหาหัวจาม (2)เลิกเรียนฉันก็รีบกลับบ้านพักทันทีปกติจะนั่งคุยชิลๆกับครูพี่ลี่ก่อน ช่วงบ่ายฉันมัวแต่เป็นห่วงว่าพี่ซายน์จะอยู่ได้ไหมเพราะอากาศร้อนมาก แต่พอถึงบ้านฉันเห็นร่างสูงยืนอยู่หน้าบ้าน บนหลังคามีคนกำลังติดจานดาวเทียมสีส้มและตรงระเบียงห้องนอนมีช่างกำลังติดแอร์และไม่ได้ติดแค่จุดเดียว พี่ซายน์ติดแอร์ทั้งบ้าน ห้องนอนที่ฉันนอนห้องเดียวอีกห้องใช้เก็บของเขาก็ติดมันหมดทั้งสองห้อง ห้องนั่งเล่นชั้นล่างก็ติดแอร์ รวมไปถึงครัวเล็กๆนั้น ทีวีจอแบนจอใหญ่ถูกนำมาตั้งแทนทีวีจอเล็กๆอันเก่า ตู้เย็นสี่ประตูเครื่องใหญ่ตั้งอยู่ในครัว ร่างสูงยืนชื่นชมผลงานพอเห็นเจ้าของบ้านมาถึง ก็ทำแบบสอบถามความพึงพอใจ“ดาวชอบไหม สมาร์ททีวีรุ่นล่าสุดบลูทูธต่อกับมือถือได้เลย เผื่อดาวอยากดูหนังฟังเพลง” หมอหนุ่มอวดอ้างสรรพคุณของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคซึ่งเจ้าตัวภูมิใจนำเสมอมาก“ตู้เย็น พี่ซื้อเครื่องดื่มกับผลไม้ไว้ให้แล้ว”“พี่ซายน์ เกินไปไหมคะ ดาวว่ามันฟุ่มเฟือยเกินไป” ฉันไม่เห็นด้วยกับของแต่ละอย่างที่เขาซื้อให้ฉันเลย“พี่อยากให้ดาวอยู่สบายๆ ดาวไม่ใช่คนอื่นคนไกล ดาวเป็นเมียพี่ถึงดาวจะไม่ยอมรับ แต่ถึงตอนนี้เราก็ยังเป็นสามีภร