"เฮียกับป่ะป๊าเร็วๆ สิคะ! น้องเรนอยากไปโรงเรียนแล้วนะ" สาวน้อยน่ารักในชุดนักเรียนลายสก๊อต กำลังกระโดดเด้งขึ้นลงราวกับกระต่ายตัวน้อย พลางเอ่ยเร่งผู้เป็นพ่อ "จะรีบอะไรขนาดนั้นคะลูกสาว นี่มันยังเช้าอยู่เลย" เสียงหวานเอ่ยถามลูกสาวตัวน้อยอย่างอ่อนโยน มือป้อมๆ กอดขาเรียวของแม่ไว้แน่น พลางส่งสายตาออดอ้อนให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู จนทุกคนที่มองอยู่พากันยิ้มให้กับความสดใสของเธอ "ก็น้องเรนตื่นเต้นนี่คะ ที่จะได้ไปโรงเรียนแล้ว!" ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะวันนี้เป็นวันที่ยัยตัวแสบจะได้ไปโรงเรียนวันแรกและครั้งแรก แต่... "อยู่บ้านก็ไม่มีเพื่อนเลย เพราะเฮียไปโรงเรียน น้องคาริสก็ยังเด็ก เล่นกับน้องเรนไม่ได้ น้องเรนเหง๊าาเหงาค่ะคุณแม่ขา~" ปากเล็กแบะคว่ำลงพลางทำหน้าตาเหงาหงอยเหมือนหมาซึม!? หึ! ทำเป็นตีหน้าเศร้า รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วมีแผนอื่นซ่อนอยู่...แต่ก็นะ เอาเป็นว่าแม่จะตามน้ำหนูไปก่อนก็แล้วกัน "เหงาจริงรึเปล่าเจ้าตัวแสบ! ไม่ใช่ว่ามีวัตถุประสงค์อื่นหรอกหรอ หื้ม!?" ร่างสูงเดินออกมาจากบ้าน พร้อมเด็กชายวัยกำลังโตอีกสองคนเอ่ยขึ้น "วัตถุประสงค์อะไรคะ ไม่มี๊! ไม่มี!!" มือน้
หลายปีต่อมา คริสตัล "เดี๋ยวป้าจันทร์กับพี่ๆ ช่วยกันยกอาหารออกไปวางด้านนอกเลยนะคะ" ร่างเพรียวสวยกล่าวกับเหล่าแม่บ้าน ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารภายในครัว วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของเฮียและลูกชายฉันเอง คือคิรันและคิริน หลายคนก็คงจะรู้แล้วว่าคิรันคือใคร...เด็กน้อยมหัศจรรย์ที่อยู่ในความฝัน ได้มาเกิดเป็นลูกของฉันเอง! แต่ประเด็นคือ..เขาไม่ได้มาคนเดียว! ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองอุ้มท้องลูกแฝดก็ตอนคลอด แถมยังเกิดวันเดียวกันกับพ่อของพวกเขาด้วยอีก! ตอนนั้นฉันทั้งตกใจและก็ดีใจเหมือนกัน ที่รู้ว่าได้ลูกแฝด แต่คนที่ดีใจมากกว่าฉัน ก็ไม่พ้นคุณพ่อมือใหม่นั่นแหละ ถึงขั้นร้องป่าวประกาศลั่นโรงพยาบาล หึ! จนเกือบจะโดนยามไล่เลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเล่นใหญ่ไปถึงไหน "ได้ค่ะนายหญิง!" แม่บ้านตอบรับคำสั่งของนายสาว "เฮ้อ! หนูบอกแล้วไงคะ ว่าให้เรียกหนูว่าคริสตัลก็พอ~" ร่างบางถอนหายใจเสียงดัง ใบหน้ายู่เล็กน้อยกับสรรพนามที่ถูกเรียก "โธ่~ อย่างอนสิคะนายหญิง ก็พวกเราชินกับการเรียกแบบนี้แล้วนี่หน่า..." แม่บ้านสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ "งึก! ก็เพราะว่าทุกคนไม่ยอมเรียกชื่อหนูกันตั้งแต่แรกนี่..." "สรุป
เอี๊ยดด ปัง! "หนูคริสตัล ทำไมตาแดงแบบนั้นลูก!" คาร่าถามคริสตัลที่ลงมาจากรถด้วยดวงตาที่บอบช้ำและแดงก่ำ "ตาคิมแกทำอะไรน้อง! แล้วทำไมถึงขับรถช้านัก ป๊ากับม๊าถึงบ้านนานแล้ว เราสองคนก็ยังกลับไม่ถึงบ้านสักที" คาร่าหันไปถามคิมหันต์เสียงเข้ม "ป๊า ม๊า อ๊ากกกก!! เมียผมท้องแล้วครับ! เมียผมท้องแล้ว ได้ยินไหม!!" "วู้วว! เมียกูท้องแล้วเว้ย!!" "ทุกคนรู้ไหม ว่าตอนที่ผมได้ยินหมอบอกว่าคริสตัลท้อง ผมต้องอดทนมากแค่ไหนที่จะไม่ร้องตะโกนออกมากลางโรงพยาบาล!" ทันทีที่ลงมาจากรถ คิมหันต์ก็ตะโกนร้องป่าวประกาศด้วยความดีใจ ปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดที่อยู่ในใจ ตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลออกมา "เฮ้ออ ที่แกเงียบ และทำหน้าเรียบเฉยตอนออกมาจากห้องตรวจ ก็เพราะแบบนี้สินะ!" เจ้าสัวหยางถึงกับถอนหายใจกับการกระทำของลูกชาย ที่ทำเอาทุกคนใจหายใจคว่ำหมด เพราะคิดว่าไม่อยากมีลูกซะอีก "ฮึก! ฮื้อออ!~" เสียงร้องไห้จากร่างบางดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองก้วยความตกใจ "หนูคริสตัล!" "คริสตัล! หนูเป็นอะไรครับ เจ็บตรงไหนบอกเฮียสิ!" คิมหันต์ใจหล่นวูบ เมื่อได้ยินเสียงร้องจากแม่ของลูก รีบวิ่งเข้าไปจับร่างบางหมุนซ้ายหมุนขวา เพื
"ป๊าม๊าสวัสดีครับ / ค่ะ" "สวัสดีลูก คริสตัลตอนนี้หนูเป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นรึยัง" คาร่าถามไถ่ลูกสะใภ้ด้วยเสียงอ่อนนุ่ม "ดีขึ้นแล้วค่ะม๊า แผลปิดสนิทแล้ว" "ดีแล้วล่ะจ้ะ แต่ที่ม๊าถามไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอก..." "เอ่อ แล้วมีเรื่องอะไรอีกหรอคะ" คริสตัลถามอย่างงุนงง นอกจากเรื่องที่เธอบาดเจ็บ ก็ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรแล้วนี่หน่า… "ก็พี่เขาบอกม๊าว่าช่วงนี้หนูอารมณ์อ่อนไหวง่าย หนูโอเครึเปล่าลูก มีอะไรไม่สบายใจบอกม๊าได้นะ" คาร่าเดินเข้าไปกุมมือบางเบาๆ พลางเอ่ยด้วยความเป็นห่วง "เอ่อ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้หนูไม่สบายใจหรอกค่ะ แต่ว่าา..." คริสตัลอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงดี "…แต่ว่า หนูไม่รู้ว่าช่วงนี้ตัวเองเป็นอะไร ถึงได้มีอารมณ์แบบนั้น" "หนูขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง โดยเฉพาะเฮีย..." ร่างบางก้มหน้าพูดเสียงหงอย "ไม่เป็นไรครับ เฮียแค่เป็นห่วงกลัวว่าเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของหนูมาก จนทำให้หนูเป็นแบบนี้" อีกอย่างหนึ่งเขากลัวว่าเธอจะคิดมากจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า "เรื่องมันผ่านไปแล้ว หนูไม่ได้กลับไปคิดถึงมันหรอกค่ะ และตอนนี้หนูก็สบายดี ไม่ได้เป็นอะไรจริ
หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ มาชีวิตคู่ของคิมหันต์และคริสตัลก็สงบสุขสักที ตั้งแต่วันที่คริสตัลถูกจับตัวและถูกทำร้ายอาการสาหัส หลังจากออกจากโรงพยาบาลชายหนุ่มก็ดูแลเอาใจใส่ร่างบางเป็นอย่างดี ทั้งคู่ตัวติดกันแทบจะไม่ได้ห่างกันเลยนอกจากเวลาเรียน โดยเฉพาะคริสตัลที่ช่วงนี้เหมือนจะติดคิมหันต์เป็นพิเศษ "เฮีย~หนูง่วงนอนแล้วค่ะ" ร่างเล็กสวมชุดนอนลายการ์ตูนน่ารัก เดินขยี้ตาเข้ามาในห้องทำงานที่มีร่างสูงนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด "รออีกนิดนะครับ เฮียขอตรวจเอกสารอีกนิดหนึ่ง ใกล้จะเสร็จแล้ว" คิมหันต์พูดเสียงราบเรียบ ตอนนี้เขากำลังเร่งเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จก่อนวันขึ้นรับตำแหน่งและวันแต่งงานของทั้งสองคน "งึก! เฮียพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ!" คริสตัลหน้างอง้ำทันทีที่ได้ยินร่างสูงพูดแบบนั้น "ถ้างั้นหนูไปนอนก่อนก็ได้ครับ เฮียยังทำงานไม่เสร็จ..." คิมหันต์บอก เขารู้ว่าคนตัวเล็กอยากให้เขากล่อมนอน แต่จะทำยังไงได้ในเมื่องานเขายังไม่เสร็จ อีกอย่างหนึ่ง ไม่อยากให้เธอเสียเวลามานั่งรอเขาแล้ว เพราะกว่าจะทำงานเสร็จก็คงจะดึกมากๆ "แล้วทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกว่างานยังไม่เสร็จ บอกให้หนูนั่งรออยู่ตั้งนาน!
ติ๊ดๆๆๆๆ!! สัญญาณชีพจรดังขึ้นรัวๆ อย่างผิดปกติ ทำให้พยาบาลต้องรีบวิ่งไปตามหมอมาดูอาการ "คิรัน คอปเตอร์! หนูเป็นอะไรครับ ฟื้นขึ้นมาหาพี่สิ! ฮึก!" คริสตัลร้องตกใจ เมื่อจู่ๆ ร่างเล็กก็กระตุกเกร็งแล้วนิ่งไป "ฮื้ออ คิรันอย่าเป็นอะไรนะ!!" "พวกคุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ!" พยาบาลบอกกับทั้งสองคน "เกิดอะไรขึ้น คอปเตอร์เป็นอะไร!" หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับหมอและพยาบาลถามขึ้น "คนไข้เกิดอาการช็อก และชีพจรเต้นผิดปกติค่ะ ผู้อำนวยการ!!" "คุณป้าครับ..." "ตาคิม! เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" หญิงวัยกลางคนมองไปยังหนุ่มสาวที่ยืนอยู่อย่างแปลกใจ "ฮึก! ช่วยคิรัน...อึก! ช่วยคอปเตอร์ด้วยนะคะ หนูขอร้อง~ ฮึก!" คริสตัลยกมือไหว้ขอร้องหมอให้ช่วยเด็กน้อยทั้งน้ำตา "ผมจะพยายามครับ" ตี๊ดดดดด!!~ สัญญาณชีพจรขึ้นเป็นเส้นตรง พร้อมกับเสียงตี๊ดที่ลากยาว เป็นการบอกว่าเด็กน้อยหัวใจได้หยุดเต้นแล้ว หมอและพยาบาลจึงรีบช่วยกันปั๊มหัวใจทันที "กรี๊ดดด ม่ายย!~ ฮื้อออ คิรัน!" คริสตัลร้องไห้อย่างขาดสติ แล้วทรุดตัวสลบไป เนื่องจากเพิ่งฟื้นมาทำให้ร่างกายยังไม่แข็งแรง บวกกับการเสียใจอย่างหนัก "คริสตัล! คริส