"เลิกประชุมเชียร์แล้ว พวกมึงจะไปไหนกันต่อ" แสงเหนือถามพวกฉันว่าจะไปไหนกันต่อ ซึ่งตอนนี้พวกเรายืนอยู่หน้ามหาลัย
"ฉันกับน้ำหนาวจะไปหางานทำ" ฉันบอกพวกมันไป เพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าจะหางานทำ ส่วนน้ำหนาวก็จะไปกับฉันด้วย
"แล้วพวกแกจะทำงานอะไรกัน"
"ถ้าฉันบอก แกจะด่าฉันไหม" ฉันลังเลที่จะบอกมันว่าจะไปทำงานที่ไหน เพราะกลัวมันจะด่าที่ฉันเลือกจะทำงานนั้น
"พูดมาเถอะ กูจะด่าก็เพราะมึงลีลาไม่ยอมบอกสักทีนี่แหละ" บอกก็ได้วะ
"คือออ ตอนแรกกูว่าจะไปทำงานที่คลับอ่ะ"ฉันบอกมันเสียงเบาอย่างคนกลัวความผิด พร้อมกับหลับตาปี๋รอฟังคำด่า
"........"หื้ออ!!? ทำไมเงียบ ไม่มีเสียงด่า
"...ทำไมไม่ด่าอ่ะ" ฉันถามมันอย่างแปลกใจที่มันไม่ด่าฉันว่าทำอะไรสิ้นคิดประมาณนั้น
"ยังไม่ด่า รอมึงพูดให้จบก่อน ตอนแรกว่าจะไป แล้วตอนนี้ล่ะ?" แสงเหนือกอดอกมองหน้าฉันนิ่ง ส่วนโลกันตร์ก็นั่งขมวดคิ้วอยู่ มันคงไม่เห็นด้วยเหมือนกันที่พวกฉันจะไปทำงานที่คลับ แต่ก็ยังไม่ได้พูดอะไร
"ไม่ไปแล้ว เพราะอายุยังไม่ถึง20"
"ก็รู้นี่ ยังดีนะที่คิดได้" เฮ้อออโล่งอก เหมือนเด็กทำความผิดแล้วโดนแม่จับได้เลยกู
"แหะ~ ไปทำที่อื่นก็ได้ ไม่กี่วันก็จะ19แล้ว เหลืออีกปีเดียวก็20 สามารถเข้าคลับได้!" ก็ที่ฉันอยากไปทำงานที่คลับ เพราะว่ามันได้เงินดีนะสิ
"แล้วสรุปจะทำงานอะไร" โลกันตร์ที่นั่งฟังมานานก็ถามขึ้น
"พวกกูไปสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟอาหารแถวๆ มหาลัยมาเมื่อวาน" วันนี้เริ่มงานวันแรก
"นี่ก็ใกล้ได้เวลาแล้วพวกฉันไปก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้" จากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกัน โดยฉันกับน้ำหนาวกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็ไปทำงาน กว่าจะเลิกงานและได้กลับห้องก็ดึกมากแล้ว
หลายวันต่อมา
โรงอาหาร
"หิวโว้ยยย ท้องกูเต้นระบำทั้งคาบ อาจารย์แม่งกว่าจะปล่อย" โลกันตร์บ่นหลังจากอาจารย์ปล่อยพวกเราช้า
"เป็นไงล่ะ อาจารย์ที่มึงบอกว่าใจดีนักใจดีหนาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เหอะ! เล่นปล่อยช้าไปเกือบชั่วโมง" น้ำเสียงประชดประชันของแสงเหนือดังขึ้น เมื่อได้ยินโลกันตร์บ่น นี่ก็ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งแล้วที่พวกฉันเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
"เออแม่ง กูอุตส่าห์ชม เห็นสวยๆแม่งโหดฉิบหาย"
"นักศึกษามาสายก็ด่า แต่พอตัวเองสอนเลยเวลาก็บอกว่าขออีกนิดๆ ผ่านไป10-20 นาที แม่งก็ยังไม่ปล่อย หลอกเก่งกว่าผีก็ครูนี่แหละ" โลกันตร์ขมวดคิ้วแล้วส่ายหัว เมื่ออาจารย์ที่ตนเองเคยชื่นชมไม่ได้เป็นอย่างที่คิด
"ก็บอกแล้วว่าอย่าโลกสวย เอาน่าา รีบไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวต้องไปประชุมเชียร์อีก"
ประชุมเชียร์
"มาแล้วก็นั่งลงและช่วยเช็กด้วยว่าเพื่อนมากันครบแล้วรึยัง!" หลังจากพวกฉันกินข้าวเสร็จ รุ่นพี่ก็เรียกรวมทันที
ตอนนี้ฉันกำลังหันซ้ายหันขวาเพื่อดูว่าคนอื่นๆ มากันครบรึยัง เข้ารับน้องร่วมกันมา 1อาทิตย์มันก็ต้องมีคุ้นหน้าคุ้นตากันบ้าง
"ทุกคนมากันครบรึยังครับ!!" ฉันว่าเหมือนจะขาดหายไปหลายคนเลยนะ หรือว่ายังไม่มา เลยเวลาไปหลายนาทีแล้ว จะโดนลงโทษไหมเนี่ย
"ว่าไง!! มากันครบไหม"
"......."
"เงียบนี่หมายความว่าไงครับ ผมถามทำไมไม่ตอบ!!" ใครที่เป็นเพื่อนกับคนที่ยังไม่มา ช่วยตอบพี่เขาสักทีเถอะ
"......"
"ไม่เป็นไร พวกคุณไม่ตอบผมก็ไม่เป็นไร แต่ตอบคำถามพวกเขาให้ได้ก็แล้วกัน" น้ำเสียงเรียบนิ่งพูดขึ้นอย่างใจเย็น แต่คนฟังไม่ได้รู้สึกเย็นเลยสักนิด แต่กลับกัน มันรู้สึกร้อนวูบวาบและเสียวสันหลังยังไงไม่รู้…
ทำไมพี่เขาพูดแปลกๆ ด้วย แล้วที่บอกว่าให้ตอบคือให้ตอบใครอ่ะ รู้สึกใจไม่ดีเลย
"พี่เขาถาม ทำไมพวกคุณไม่ตอบครับ!!!!" เฮือก! เสียงแข็งกร้าวตะโกนดังขึ้น ทำเอาทุกคนที่นั่งอยู่สะดุ้งตกใจ ขนาดรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ฉันยังเห็นพี่เขาสะดุ้งเหมือนกันเลย
"เงียบทำไม ตอบสิครับ!!!" เสียงผู้ชายอีกคนหนึ่งดังขึ้น แต่น้ำเสียงแข็งกร้าว ไม่ต่างจากคนแรกเลย
"ตอนเขาบอกให้เงียบ พวกคุณกลับเสียงดัง แต่พอให้พูด พวกคุณกลับเงียบ!!! เป็นใบ้กันรึไงครับ!!" โอ้ยย แต่ละคนจะเสียงดังกันทำไมนักหนา กินลำโพงกันเข้าไปรึไง
"พวกพี่เขาคงจะใจดีเกินไปสินะ พวกคุณถึงไม่แสดงความเคารพกับรุ่นพี่แบบนี้!!!" ไม่นานฉันก็เห็นร่างเจ้าของเสียงทั้ง4 เดินเข้ามายืนเรียงหน้ากระดานต่อหน้าปีหนึ่งทุกคน
"!!!!!!......." ฉันไล่สายตามองผู้มาใหม่รายคน จนไปถึงคนสุดท้าย ก็สะดุดเข้ากับใบหน้าคมดุที่แสนคุ้นเคยของใครคนหนึ่ง ซึ่งเขาคนนั้นก็จ้องมองมาที่เธอเช่นกัน อึก! รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่าเลย ตอนนี้ร่างกายมันชาวาบไปทั้งตัวแล้ว!
ไม่จริง ฉันได้แต่ส่ายหัว แล้วบอกกับตัวเองว่ามันไม่จริง ฉันแค่ตาฝาด
"ไม่คิดเลยนะครับ ว่าพวกผมจะได้เจอกับพวกคุณเร็วขนาดนี้" เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นดังไปทั่วลานเกียร์ ก่อนจะส่งสายตาจ้องมองไปที่คนหนึ่ง เหมือนต้องการสื่อให้คนผู้นั้นรู้ว่า ประโยคที่พูดไป เขาพูดถึงใคร
"..อึก!!" เสียงกลืนน้ำลายของหญิงสาวดังขึ้น พลางนั่งตัวเกร็ง เหงื่อซึมเต็มฝ่ามือ
"......"ฉะ ฉันไม่ได้ตาฝาด เป็นเขา เป็นเขาจริงๆ ผู้ชายคนนั้น ดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อช็อปวิศวะ และท่าทางกับน้ำเสียงเดาไม่ยากเลยว่าเป็นใคร พี่ว๊าก!!! ฉิบหายแล้วฉัน กรรมจะตามสนองไหมวะ
"ทีนี่จะตอบพวกผมได้รึยัง ว่าเพื่อนคนอื่นของพวกคุณที่เหลือไปไหนกัน ทำไมไม่เข้าประชุมเชียร์!!!"
"....เอ่อออ มะ ไม่ทราบครับ" ผู้ชายคนหนึ่งยกมือขึ้นตอบด้วยเสียงสั่นๆ มือก็สั่น เรียกได้ว่าสั่นไปทั้งตัวเลยก็ว่าได้ ส่วนฉันในตอนนี้ มันยิ่งกว่าเจ้าจะเข้าทรงอีก!!!"
"ไม่ทราบ? ดี!!! เป็นเพื่อนกันแต่ไม่รู้ว่าเพื่อนหายไปไหน!!!" งื้อออ เสียงจะดังไปถึงไหนเนี่ย เบาบ้างก็ได้ เดี๋ยวลูกกระเดือกก็กระเด็นหรอก!
"พวกคุณคิดว่าตัวเองได้เข้าเรียนมหาลัยนี้แล้ว จะได้รับการยินยอมเข้ามาเป็นนักศึกษาคณะวิศวะด้วยงั้นหรอ พวกผมยังไม่ยอมรับครับ!!!!" แบบนี้ก็ได้หรอ เข้าเรียนมหาลัยได้ แต่ยังไม่ใช่นักศึกษาคณะวิศวะเนี่ยนะ
"ทำตัวเหลวแหลก! ไม่มีความรับผิดชอบ! ไม่เคารพรุ่นพี่ แล้วจะให้พวกผมยอมรับพวกคุณได้ยังไง! แค่เข้าประชุมเชียร์แค่นี้พวกคุณยังทำไม่ได้!!!" อ้าว!! นั่นมันพวกที่เหลือที่ไม่เห็นวันนี้หนิ ทำไมถึงมากับรุ่นพี่ได้ล่ะ
"พวกคุณดูไว้ นี่คือคนที่โดดเชียร์!! ถึงพวกคุณจะไม่ได้ร่วมมือกับคนพวกนี้ แต่ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน คราวหลังจะได้ไม่มีใครทำอีก!!" รับผิดชอบร่วมกัน คงไม่พ้นเรื่องโดนลงโทษแน่นอน
"ปี1 ทุกคนยืนขึ้น!!!"
พรึ่บ!! ทุกคนยืนขึ้นทันทีที่ได้ยินคำสั่ง ฉันก็เหมือนกัน ถึงจะแทบไม่มีแรงตั้งแต่เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นแล้วก็เถอะ
"กอดคอลุกนั่ง100ครั้ง ปฏิบัติ!!!"
ปี1 ทุกคนกอดคอทั้งที่ยังยืนเรียงหน้ากระดาน และลุกนั่งพร้อมกันอย่างจำใจ…การลงโทษในครั้งนี้มีหลายคนที่ไม่ได้ผิด และไม่ได้เกี่ยวข้องกับนักศึกษาที่หนีการรับน้องเลย แต่ก็ต้องมารับผิดชอบร่วมกัน มันทำให้รู้สึกไม่แฟร์กับพวกเขาเลยสักนิด
หึ้ย! แค่คนไม่กี่คนต้องมาทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อนไปด้วย นิสัยเสียมาก เห็นแก่ตัวที่สุด!
"1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12...."
"ดังๆ!!!" โอ๊ยย ให้เบาบ้างก็ได้ เสียงดังเกินเดี๋ยวก็หมดแรงลุกนั่งให้พวกพี่ดูหรอก!!
"13 14 15 16 17 18 19...."
"ไม่พร้อมกัน เอาใหม่!!!!" ตาย~ กูจะตายก่อนลุกนั่งเสร็จก่อนไหมวะ ให้พวกเราหยุด แล้วก็เริ่มใหม่กัน ทำเพื่ออะไรก๊อนนน
"1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13...." ฉันตะโกนนับพร้อมกับลุกนั่งไปด้วยจนจะหมดแรงแล้วนะ โฮ~ นี่ฉันกำลังเข้ารับน้อง หรือ กำลังเข้ารับเกณฑ์ทหารเนี่ย คุณพี่จะส่งพวกหนูไปกู้ชาติหรอคะ อะไรมันจะจริงจังปานนั้น!!
"พอ หยุด!!" เฮ้ออ พอพี่เขาสั่งให้หยุดทุกคนก็นั่งลงอย่างหมดแรง ได้หยุดสักที
"ใครอนุญาตให้พวกคุณนั่ง!! ลุกขึ้นยืน!!!" อะไรเนี่ยหงุดหงิดแล้วนะ เดี๋ยวกูก็วิ่งไปกัดคอแม่ง!!!
"........"
"ผมให้พวกคุณพัก5นาที แล้วไปวิ่งรอบสนาม 5รอบ" ห๊ะ!! วิ่งรอบสนาม5 รอบ มึงมาเอาชีวิตกูไปเถอะ~ เกือบจะดีใจอยู่แล้วเชียวที่ได้พักตั้ง5 นาที
"หมดเวลา ไปวิ่งรอบสนาม 5รอบ ปฏิบัติ!!!!" 5นาทีป้อมึงก๋า!!(พ่อมึงหรอ) ดูนาฬิกาไม่เป็นรึไงวะ นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึง 3นาทีเอง!! แล้วกูเลือกอะไรได้ไหม เลือกที่จะไม่วิ่งได้รึป่าว~
เฮ้ออ วิ่งก็ได้วะ
"......แฮ่กแฮ่กๆๆ พวกมึงไหวไหม" โลกันตร์ถามพวกฉัน ตอนนี้พวกเราวิ่งได้ 3รอบแล้ว นี่เป็นรอบที่4 สภาพแต่ละคนจะไม่ไหวกันแล้ว ฉันก็เหมือนกัน แต่อดทนไว้ก่อนอีกรอบเดียว
"ไม่ไหว แต่ไม่เป็นไร อีกรอบเดียวกูจะทนให้ได้" ฉันตอบมันอย่างอ่อนแรง ส่วนคนอื่นก็คงไม่มีแรงตอบแล้วแหละ ดีนะที่ตอนเด็กฉันชอบวิ่งหนีไม้เรียวแม่บ่อยๆ พอโตมาก็เลยชิน (ว่าแต่มันเกี่ยวกันไหมวะ)
"เฮียกับป่ะป๊าเร็วๆ สิคะ! น้องเรนอยากไปโรงเรียนแล้วนะ" สาวน้อยน่ารักในชุดนักเรียนลายสก๊อต กำลังกระโดดเด้งขึ้นลงราวกับกระต่ายตัวน้อย พลางเอ่ยเร่งผู้เป็นพ่อ "จะรีบอะไรขนาดนั้นคะลูกสาว นี่มันยังเช้าอยู่เลย" เสียงหวานเอ่ยถามลูกสาวตัวน้อยอย่างอ่อนโยน มือป้อมๆ กอดขาเรียวของแม่ไว้แน่น พลางส่งสายตาออดอ้อนให้อย่างน่ารักน่าเอ็นดู จนทุกคนที่มองอยู่พากันยิ้มให้กับความสดใสของเธอ "ก็น้องเรนตื่นเต้นนี่คะ ที่จะได้ไปโรงเรียนแล้ว!" ไม่แปลกหรอกค่ะที่จะตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะวันนี้เป็นวันที่ยัยตัวแสบจะได้ไปโรงเรียนวันแรกและครั้งแรก แต่... "อยู่บ้านก็ไม่มีเพื่อนเลย เพราะเฮียไปโรงเรียน น้องคาริสก็ยังเด็ก เล่นกับน้องเรนไม่ได้ น้องเรนเหง๊าาเหงาค่ะคุณแม่ขา~" ปากเล็กแบะคว่ำลงพลางทำหน้าตาเหงาหงอยเหมือนหมาซึม!? หึ! ทำเป็นตีหน้าเศร้า รู้หรอกว่าจริงๆ แล้วมีแผนอื่นซ่อนอยู่...แต่ก็นะ เอาเป็นว่าแม่จะตามน้ำหนูไปก่อนก็แล้วกัน "เหงาจริงรึเปล่าเจ้าตัวแสบ! ไม่ใช่ว่ามีวัตถุประสงค์อื่นหรอกหรอ หื้ม!?" ร่างสูงเดินออกมาจากบ้าน พร้อมเด็กชายวัยกำลังโตอีกสองคนเอ่ยขึ้น "วัตถุประสงค์อะไรคะ ไม่มี๊! ไม่มี!!" มือน้
หลายปีต่อมา คริสตัล "เดี๋ยวป้าจันทร์กับพี่ๆ ช่วยกันยกอาหารออกไปวางด้านนอกเลยนะคะ" ร่างเพรียวสวยกล่าวกับเหล่าแม่บ้าน ที่กำลังง่วนอยู่กับการทำอาหารภายในครัว วันนี้เป็นวันครบรอบวันเกิดของเฮียและลูกชายฉันเอง คือคิรันและคิริน หลายคนก็คงจะรู้แล้วว่าคิรันคือใคร...เด็กน้อยมหัศจรรย์ที่อยู่ในความฝัน ได้มาเกิดเป็นลูกของฉันเอง! แต่ประเด็นคือ..เขาไม่ได้มาคนเดียว! ฉันเพิ่งรู้ว่าตัวเองอุ้มท้องลูกแฝดก็ตอนคลอด แถมยังเกิดวันเดียวกันกับพ่อของพวกเขาด้วยอีก! ตอนนั้นฉันทั้งตกใจและก็ดีใจเหมือนกัน ที่รู้ว่าได้ลูกแฝด แต่คนที่ดีใจมากกว่าฉัน ก็ไม่พ้นคุณพ่อมือใหม่นั่นแหละ ถึงขั้นร้องป่าวประกาศลั่นโรงพยาบาล หึ! จนเกือบจะโดนยามไล่เลยทีเดียว ไม่รู้ว่าจะเล่นใหญ่ไปถึงไหน "ได้ค่ะนายหญิง!" แม่บ้านตอบรับคำสั่งของนายสาว "เฮ้อ! หนูบอกแล้วไงคะ ว่าให้เรียกหนูว่าคริสตัลก็พอ~" ร่างบางถอนหายใจเสียงดัง ใบหน้ายู่เล็กน้อยกับสรรพนามที่ถูกเรียก "โธ่~ อย่างอนสิคะนายหญิง ก็พวกเราชินกับการเรียกแบบนี้แล้วนี่หน่า..." แม่บ้านสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างเอาใจ "งึก! ก็เพราะว่าทุกคนไม่ยอมเรียกชื่อหนูกันตั้งแต่แรกนี่..." "สรุป
เอี๊ยดด ปัง! "หนูคริสตัล ทำไมตาแดงแบบนั้นลูก!" คาร่าถามคริสตัลที่ลงมาจากรถด้วยดวงตาที่บอบช้ำและแดงก่ำ "ตาคิมแกทำอะไรน้อง! แล้วทำไมถึงขับรถช้านัก ป๊ากับม๊าถึงบ้านนานแล้ว เราสองคนก็ยังกลับไม่ถึงบ้านสักที" คาร่าหันไปถามคิมหันต์เสียงเข้ม "ป๊า ม๊า อ๊ากกกก!! เมียผมท้องแล้วครับ! เมียผมท้องแล้ว ได้ยินไหม!!" "วู้วว! เมียกูท้องแล้วเว้ย!!" "ทุกคนรู้ไหม ว่าตอนที่ผมได้ยินหมอบอกว่าคริสตัลท้อง ผมต้องอดทนมากแค่ไหนที่จะไม่ร้องตะโกนออกมากลางโรงพยาบาล!" ทันทีที่ลงมาจากรถ คิมหันต์ก็ตะโกนร้องป่าวประกาศด้วยความดีใจ ปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดที่อยู่ในใจ ตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลออกมา "เฮ้ออ ที่แกเงียบ และทำหน้าเรียบเฉยตอนออกมาจากห้องตรวจ ก็เพราะแบบนี้สินะ!" เจ้าสัวหยางถึงกับถอนหายใจกับการกระทำของลูกชาย ที่ทำเอาทุกคนใจหายใจคว่ำหมด เพราะคิดว่าไม่อยากมีลูกซะอีก "ฮึก! ฮื้อออ!~" เสียงร้องไห้จากร่างบางดังขึ้น ทำให้ทุกคนหันไปมองก้วยความตกใจ "หนูคริสตัล!" "คริสตัล! หนูเป็นอะไรครับ เจ็บตรงไหนบอกเฮียสิ!" คิมหันต์ใจหล่นวูบ เมื่อได้ยินเสียงร้องจากแม่ของลูก รีบวิ่งเข้าไปจับร่างบางหมุนซ้ายหมุนขวา เพื
"ป๊าม๊าสวัสดีครับ / ค่ะ" "สวัสดีลูก คริสตัลตอนนี้หนูเป็นยังไงบ้างลูก ดีขึ้นรึยัง" คาร่าถามไถ่ลูกสะใภ้ด้วยเสียงอ่อนนุ่ม "ดีขึ้นแล้วค่ะม๊า แผลปิดสนิทแล้ว" "ดีแล้วล่ะจ้ะ แต่ที่ม๊าถามไม่ใช่แค่เรื่องนั้นหรอก..." "เอ่อ แล้วมีเรื่องอะไรอีกหรอคะ" คริสตัลถามอย่างงุนงง นอกจากเรื่องที่เธอบาดเจ็บ ก็ไม่เห็นจะมีเรื่องอะไรแล้วนี่หน่า… "ก็พี่เขาบอกม๊าว่าช่วงนี้หนูอารมณ์อ่อนไหวง่าย หนูโอเครึเปล่าลูก มีอะไรไม่สบายใจบอกม๊าได้นะ" คาร่าเดินเข้าไปกุมมือบางเบาๆ พลางเอ่ยด้วยความเป็นห่วง "เอ่อ ไม่ได้มีอะไรที่ทำให้หนูไม่สบายใจหรอกค่ะ แต่ว่าา..." คริสตัลอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงดี "…แต่ว่า หนูไม่รู้ว่าช่วงนี้ตัวเองเป็นอะไร ถึงได้มีอารมณ์แบบนั้น" "หนูขอโทษนะคะที่ทำให้ทุกคนเป็นห่วง โดยเฉพาะเฮีย..." ร่างบางก้มหน้าพูดเสียงหงอย "ไม่เป็นไรครับ เฮียแค่เป็นห่วงกลัวว่าเหตุการณ์ร้ายๆ ที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบต่อจิตใจของหนูมาก จนทำให้หนูเป็นแบบนี้" อีกอย่างหนึ่งเขากลัวว่าเธอจะคิดมากจนกลายเป็นโรคซึมเศร้า "เรื่องมันผ่านไปแล้ว หนูไม่ได้กลับไปคิดถึงมันหรอกค่ะ และตอนนี้หนูก็สบายดี ไม่ได้เป็นอะไรจริ
หลังจากผ่านเรื่องร้ายๆ มาชีวิตคู่ของคิมหันต์และคริสตัลก็สงบสุขสักที ตั้งแต่วันที่คริสตัลถูกจับตัวและถูกทำร้ายอาการสาหัส หลังจากออกจากโรงพยาบาลชายหนุ่มก็ดูแลเอาใจใส่ร่างบางเป็นอย่างดี ทั้งคู่ตัวติดกันแทบจะไม่ได้ห่างกันเลยนอกจากเวลาเรียน โดยเฉพาะคริสตัลที่ช่วงนี้เหมือนจะติดคิมหันต์เป็นพิเศษ "เฮีย~หนูง่วงนอนแล้วค่ะ" ร่างเล็กสวมชุดนอนลายการ์ตูนน่ารัก เดินขยี้ตาเข้ามาในห้องทำงานที่มีร่างสูงนั่งทำงานอย่างเคร่งเครียด "รออีกนิดนะครับ เฮียขอตรวจเอกสารอีกนิดหนึ่ง ใกล้จะเสร็จแล้ว" คิมหันต์พูดเสียงราบเรียบ ตอนนี้เขากำลังเร่งเคลียร์งานทุกอย่างให้เสร็จก่อนวันขึ้นรับตำแหน่งและวันแต่งงานของทั้งสองคน "งึก! เฮียพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ!" คริสตัลหน้างอง้ำทันทีที่ได้ยินร่างสูงพูดแบบนั้น "ถ้างั้นหนูไปนอนก่อนก็ได้ครับ เฮียยังทำงานไม่เสร็จ..." คิมหันต์บอก เขารู้ว่าคนตัวเล็กอยากให้เขากล่อมนอน แต่จะทำยังไงได้ในเมื่องานเขายังไม่เสร็จ อีกอย่างหนึ่ง ไม่อยากให้เธอเสียเวลามานั่งรอเขาแล้ว เพราะกว่าจะทำงานเสร็จก็คงจะดึกมากๆ "แล้วทำไมไม่บอกกันตั้งแต่แรกว่างานยังไม่เสร็จ บอกให้หนูนั่งรออยู่ตั้งนาน!
ติ๊ดๆๆๆๆ!! สัญญาณชีพจรดังขึ้นรัวๆ อย่างผิดปกติ ทำให้พยาบาลต้องรีบวิ่งไปตามหมอมาดูอาการ "คิรัน คอปเตอร์! หนูเป็นอะไรครับ ฟื้นขึ้นมาหาพี่สิ! ฮึก!" คริสตัลร้องตกใจ เมื่อจู่ๆ ร่างเล็กก็กระตุกเกร็งแล้วนิ่งไป "ฮื้ออ คิรันอย่าเป็นอะไรนะ!!" "พวกคุณออกไปรอข้างนอกก่อนนะคะ!" พยาบาลบอกกับทั้งสองคน "เกิดอะไรขึ้น คอปเตอร์เป็นอะไร!" หญิงวัยกลางคนเดินเข้ามาพร้อมกับหมอและพยาบาลถามขึ้น "คนไข้เกิดอาการช็อก และชีพจรเต้นผิดปกติค่ะ ผู้อำนวยการ!!" "คุณป้าครับ..." "ตาคิม! เรามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" หญิงวัยกลางคนมองไปยังหนุ่มสาวที่ยืนอยู่อย่างแปลกใจ "ฮึก! ช่วยคิรัน...อึก! ช่วยคอปเตอร์ด้วยนะคะ หนูขอร้อง~ ฮึก!" คริสตัลยกมือไหว้ขอร้องหมอให้ช่วยเด็กน้อยทั้งน้ำตา "ผมจะพยายามครับ" ตี๊ดดดดด!!~ สัญญาณชีพจรขึ้นเป็นเส้นตรง พร้อมกับเสียงตี๊ดที่ลากยาว เป็นการบอกว่าเด็กน้อยหัวใจได้หยุดเต้นแล้ว หมอและพยาบาลจึงรีบช่วยกันปั๊มหัวใจทันที "กรี๊ดดด ม่ายย!~ ฮื้อออ คิรัน!" คริสตัลร้องไห้อย่างขาดสติ แล้วทรุดตัวสลบไป เนื่องจากเพิ่งฟื้นมาทำให้ร่างกายยังไม่แข็งแรง บวกกับการเสียใจอย่างหนัก "คริสตัล! คริส