LOGINจาก 'คนแปลกหน้า' มาเป็นคู่ซ้อม... และจาก 'คู่ซ้อม' กลับกลายมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ... สุดท้ายจาก 'คู่แข่ง' สู่ 'ศัตรู' เอ๊ะ! หรือ...ไม่ใช่!?
View More"กฏข้อเดียวของดิลนี้ คือห้ามหลงรักคู่ซ้อม"
-เหนือเมฆ-
"โคตรเบสิกเลย...โอเค ดิล!"
-ทิชานันท์-
▶ ılıılılılılılıılılı 00:38
จาก 'คนแปลกหน้า' มาเป็นคู่ซ้อม...
และจาก 'คู่ซ้อม' กลับกลายมาเป็นคู่แข่งทางธุรกิจ...
สุดท้ายจาก 'คู่แข่ง' สู่ 'ศัตรู' เอ๊ะ! หรือ...ไม่ใช่!?
▁ ▂ ▄ ▅ ▆ ▇ █ The Deal █ ▇ ▆ ▅ ▄ ▂ ▁
The Deal
ดิลลับ (ฉบับ) ร้าย
เรื่องนี้เป็นเรื่องพิเศษที่เสริมมาจากแก๊งเฮียๆนะคะ แล้วก็คงมีบรรดาเเฮียๆกับเมียๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในบางช่วงบางตอน
จะบอกว่าเรื่องนี้จะเป็นฟิลแบบ เบาๆ ผ่อนคลายสมอง สาระหรือปมต่างๆ จะไม่ค่อยเยอะมาก เน้นการเดินเรื่องของตัวเอกเป็นหลัก
ฝากติดตามเรื่องราวของดิลลับฉบับนี้ด้วยน้า เตรียมฮิลเลือดให้พร้อม
แนะนำตัวละคร
นางเอก ทิชานันท์ ธารศิริกุล หรือทิชา อายุ 22 ปี
พระเอก เหนือเมฆ เมฆาพยัคฆ์ หรือเฮียเหนือ อายุ 26 ปี
ทิชาเป็นเพื่อนกับน้องน้อยมิเชล ในเรื่อง LAST LOVE รักสุดท้ายของนายหมอนะคะ ^^
ฝากกดเพิ่มลงคลัง + กดใจ + คอมเมนต์ เป็นกำลังให้ไรต์ตัวน้อยๆ คนนี้ด้วยน้า
นิยายเรื่องนี้ถูกกลั่นกรองออกมาจากจินตนาการและสมองอันน้อยนิดของฮวายอน
บางช่วง บางตอน อาจไม่ถูกใจใคร ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เนื้อหาอาจไม่สมจริงไปบ้าง เหนือความคาดหมายบ้าง ตามหลักของโลกนิยาย
มีคำหยาบ และมีฉาก 18+ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
สุดท้ายฝากคอมเมนต์ ติชม กดใจ กดเข้าชั้น เขียนรีวิว เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะ
❤ ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ ❤
อ่านผลงานเรื่องอื่นๆ คลิกหน้าโปรไฟล์ได้เลยจ้า....ฝากกดติดตามนักเขียนตัวน้อยๆ คนนี้ด้วยน้า
✎﹏﹏﹏﹏﹏﹏
🍺🥂🥃❤︎🎵🎸🔑⛔🔞
นิยายเรื่องนี้สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติ ลิขสิทธิ์ฉบับล่าสุด พ.ศ. 2565
ไม่อนุญาตให้คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำภายใต้เนื้อหาใดๆ ภายใต้นามปากกา ฮวายอน
“ผมมีข้อเสนอ” สุดท้ายแล้วการเอาตัวรอดที่ถูกสั่งสอนมาก็ถูกงัดออกมาใช้กับอาจารย์ผู้สอนจนได้[ข้อเสนออะไร]“ผมจะล้มธารธาราให้ป๊า แลกกับอิสรภาพทั้งหมด ป๊ากับม้าจะไม่มีสิทธิ์บังคับอะไรผมทั้งนั้น” แน่นอนว่าผลประโยชน์สำหรับผมก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญสุดและผมไม่เคยพูดว่าตัวเองเป็นคนดี…[แกคิดว่ามันง่ายขนาดนั้นเลย?]“ป๊าพูดมาก่อน ว่าตกลงไหม” เมื่อก่อนน่ะอาจจะใช่…มันไม่ง่าย แต่พอจับทางได้ เรื่องใหญ่เท่าภูเขาก็กลายเป็นเศษฝุ่นไปในพริบตา ยิ่งตอนนี้ผมมีหมากเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่ต้องออกแรง มันง่ายซะยิ่งกว่าง่าย…[ได้ แต่ฉันมีเวลาให้แกแค่เดือนเดียวนะ]“ฮะ!...มันน้อยไปไหมป๊า” จากท่านั่งที่แสนสบายในตอนแรก บัดนี้แผ่นหลังตั้งตรงเปลี่ยนเป็นความตึงเครียดขึ้นมาทันที ถึงจะมั่นใจแค่ไหนว่ามันต้องสำเร็จแน่ๆ แต่เวลาแค่นั้นมันน้อยเกินไป…[อิสรภาพของแก ม้าแกกำลังหาคนมาทำลายให้อยู่เลย]“ป๊าพูดเรื่องอะไร” คิ้วขมวดมุ่นด้วยความสงสัย บวกกับอาการหวิวในใจแปลกๆ สิ่งเดียวที่ม้า
[บทบรรยาย : เหนือเมฆ]ช่วงสายวันจันทร์….@เมฆากรุ๊ปก๊อก!…ก๊อก!ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามาหลังเสียงเคาะตามมารยาทจบลง ขณะที่ผมยังก้มหน้าก้มตาอยู่กับรายละเอียดแพ็กเกจสินค้าใหม่ที่เมฆากรุ๊ปกำลังจะเปิดตัวเร็วๆ นี้“นี่ค่ะ ข้อมูลที่คุณเหนือต้องการ” ซองเอกสารสีน้ำตาลวางลงบนโต๊ะงานพร้อมกับน้ำเสียงสุภาพของหญิงสาวที่ควบทั้งตำแหน่งเลขาส่วนตัวและผู้ช่วยมากประสบการณ์ ต้องยอมรับนะว่าถ้าไม่ได้คุณรี การทำงานของผมคงดิ่งกว่านี้มาก“ขอบคุณครับ” ผมเงยหน้าขึ้นมองในตอนที่คุณรีถอยไปยืนห่างจากโต๊ะพอสมควร ก่อนคว้าเอาซองนั่นมาเปิดดู และเอาทุกอย่างออกมากองบนโต๊ะ ทั้งเอกสารที่แสดงถึงข้อมูลส่วนตัวและรูปถ่ายหลายใบทิชานันท์…“ธารศิริกุล…?” คราวนี้ผมเลิกคิ้วขึ้นมองผู้หญิงตรงหน้าเล็กน้อย เมื่อรู้สึกคุ้นนามสกุลยัยเด็กแสบนั่น“ค่ะ เธอคือลูกสาวคนเดียวของคุณธารา”“...” คำตอบของคุณรีทำผมหลุดยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจและลากสายตากลับมาโฟกัส
“ใคร…” คนถูกถามหันมาสบตากัน“ก็คนที่ใส่เกาะอกสีโอลด์โรสนั่นไง”“แล้วจะอยากรู้ไปทำไม” เขาตอบกลับมาด้วยคำถาม ซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับที่มือประคองพวงมาลัยถูกสับเปลี่ยน ข้อศอกขวายกค้ำกับประตูรถแทน แล้วใช้ปลายนิ้วชี้เขี่ยไปมาบริเวณข้างขมับตัวเองซ้ำๆ“งั้นพี่ไม่อยากรู้บ้างเหรอ ว่าพวกนั้นมันเป็นใคร แล้วทำไมถึงมารุมตีฉัน” มันเป็นเหมือนข้อแลกเปลี่ยน ถ้าสมมุติว่าเขาอยากรู้ ฉันก็จะบอก…เพื่อจะได้รู้ข้อมูลของเขาบ้างหากแต่…“ไม่ ฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน”หน้าฉันชาวาบ “โห พูดขนาดนี้ ด่า ‘เสือก’ มาเลยเหอะ”ร้ายกาจ…ร้ายแบบขั้นสุด บทสนทนาของเราก็เลยจบลงตรงนี้ ถึงจะอยากรู้มากแค่ไหนก็เหอะ แต่ใครจะกล้าถามต่อ“ก็ไม่เลวนะ” ประโยคที่ไร้ซึ่งการเกริ่นนำและความหมายดังขึ้นหลังจากเราปล่อยให้ความเงียบปกคลุมภายในรถเกือบนาที“...?” และฉันแค่ปรายตามองต้นเสียงด้วยความสงสัย“ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ชื่ออะไรนะ แพรไห
หลังจากเขาลากฉันเดินออกมาจนถึงด้านรีเซฟชั่น…คนตัวสูงชะลอฝีเท้าลงจนนิ่งสนิทแล้วหันกลับมาเผชิญหน้ากัน ดวงตาคบกริบไล่มองเรือนร่างฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เกิดเสียงถอนหายใจแรงและตามมาด้วยประโยคหนึ่ง“ตัวเท่าลูกหมา ทำซ่าส์”“เพราะพวกมันหมาหมู่ต่างหาก ไม่เกี่ยวกับที่ฉันตัวเล็กกว่าซะหน่อย” ฉันรีบแย้งเสียงแข็ง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลดระดับลงเล็กน้อย ด้วยเพราะขยับปากมากแล้วมันเกิดความรู้สึกจี๊ดๆ ส่งผลให้คนฟังถึงกลับหลุดหัวเราะหึหึในคอ“...!” พี่เหนือเขยิบเข้าใกล้ขึ้นอีกคืบ หมายถึงใกล้แบบปลายเท้าต่อกัน สัญชาตญาณมันร้องบอกให้ฉันก้าวถอยเพื่อรักษาระยะห่าง หากแต่ความเย็นจากปลายนิ้วสัมผัสบริเวณปลายค้างในวินาทีเดียวกันนั้นทำฉันลืมสิ่งที่จำเป็นต้องทำไปซะสนิทจากนั่นใบหน้าฉันก็ถูกบังคับให้เชิดขึ้นอย่างเชื่องช้า เบี่ยงซ้ายทีขวาทีตามลำดับ ขณะใช้สายตาไล่สำรวจตามจุดที่น่าจะมีร่องรอยบอบช้ำไปด้วยอย่างข้างแก้ม…มุมปาก…กลีบปาก…ปิดท้ายด้วยการลากขึ้นมาสบตานิ่ง…จ
หมับมันต้องโดนอีกแน่ ถ้าอีสองตัวไม่พุ่งมาล็อกตัวฉันซะก่อน เอาจริงๆ ฉันถึงว่าตัวเล็กกว่าพวกมันมาก แค่เรื่องความสูงพวกมันก็กินขาดแล้ว มิหนำซ้ำยังมีการรุมเกิดขึ้นอีก ยิ่งไปกว่านั้นคือไอ้ผู้ชายคนเดียวในที่นี้มันถอยหลังไปยืนพิงผนังดูหน้าตาเฉย ก็รู้นะว่าเลว…แต่ไม่ได้คิดว่าจะถึงขั้นนี้ไง เรียกว่าผู้ชายยังกระดากปาก แม่งเสียเวลาชีวิตช่วงที่คบกับมันฉิบหายตอนนั้นวิญญาณอะไรมันบังตาไว้วะ!?อีไอด้าตรงเข้าหาฉันพร้อมแสยะยิ้มชั่วร้าย“มึงเก่งเหรอ”“ก็เก่งไหมล่ะ สามต่อหนึ่ง”เพียะ!หน้าฉันหันไปตามแรงตบทันทีที่พูดจบ ก่อนหัวหน้าแก๊งผีจะเอื้อมมือมาบีบข้างแก้มฉัน บังคับให้หันไปสบตา“มึงคิดว่าจะมีใครมาช่วยมึง ในโรงแรมพ่อกูเหรอ”“กูก็ไม่ได้ร้องขอให้ใครมาช่วย” คำขู่แบบนั้นใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่าง ทิชานันท์ หรอกนะจะบอกให้ ถึงมือฉันจะไม่สามารถใช้ได้ในตอนนี้ แต่เท้ายังไม่ได้ถูกควบคุม ฉันยกมันขึ้นและออกแรงยันอีคนที่อยู่ตรงหน้าเต็มแรงปึก!“โอ๊ย!...” ซึ่งมันถอยไปได้เพียงไ
หนึ่งเดือนต่อมา…@โรงแรม Pฉันยกแชมเปญชั้นเลิศขึ้นจิบขณะจ้องมองคู่บ่าวสาวบนเวที ไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะว่าเพื่อนรักอย่าง อีมิ จะมีรอยยิ้มสดใสขนาดนี้ สดใสชนิดที่ว่า…นำพาคนรอบข้างหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเทพนิยายที่อบอวลไปด้วยดอกไม้นานาชนิด เช่นเดียวกับธีมงานในวันนี้องค์ประกอบโดยรวมทุกสิ่งอย่างมันทำให้ฉันและแขกเหลือในงานต่างพากันยิ้มตามไม่หยุด ยกเว้นก็แต่…“มึงว่ามันท้องรึเปล่าวะ”“นั้นสิ! รีบแต่งอะไรขนาดนั้น…”นั่นคือเสียงจากเหล่าสัมภเวสี…ซึ่งนำทีมโดยคู่อริคนชั่วคนเดิมของฉันแก้วเปล่าถูกวางลงบนโต๊ะเครื่องดื่มหลังจากสัมผัสถึงความร้อนวาบไหลผ่านลงคอในคราวเดียว ร่างกายหมุนกลับหลังเพื่อตรงไปยังประตูทางออกห้องจัดเลี้ยง แต่ระหว่างทางก็ไม่ลืมที่จะแวะทักทายไอ้พวกผีเจาะปากมาพูดนั่นด้วย“เพื่อนกูมันยังไม่ได้ท้องหรอก มันแค่สวยน่ะ!” ฉันปรายตามองพวกมันพร้อมรอยยิ้มเหยียด ก่อนจะก้าวเดินต่อต้องโตมาแบบไหนวะ…ถึงไม่เคยรู้สึกยินดีกับใคร ขยะสังคมฉิบ!หม
Comments