บทที่ 4 ทาสยานรก
โจฮันพยักพเยิดไปทางรถของตัวเอง เป็นสัญญาณให้มีนพาหญิงสาวไปขึ้นรถคันนั้นแทน
“นายจะพาเธอไปไหนครับ?” มีนเอ่ยถามด้วยความสงสัย
โจฮันเหลือบตามอง ก่อนตอบเสียงเรียบ “บ้านสวน” จากนั้นก็ลดเสียงลงต่ำ “แล้วห้ามบอกใคร ถ้าปู่รู้เรื่องนี้… มึงตาย!”
มีนกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง ก่อนพยักหน้ารับ “ครับ”
เขาจับแขนหญิงสาวเพื่อพยุงลงจากรถ แต่เธอกลับสะบัดตัวขัดขืนสุดแรง ร่างเล็กเริ่มดิ้นรนจนเสียหลักล้มลงกับพื้น ใบหน้าหวาดหวั่นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“อย่าพาฉันไป! ขอร้องล่ะ…” เธอร้องเสียงสั่น พยายามถอยหนีไปให้ไกลจากพวกเขา
มีนถอนหายใจ พลางขยับเข้าไปคว้าตัวเธอไว้อีกครั้ง “อย่าดิ้นให้มากนัก เธอคิดว่าตัวเองจะหนีได้รึไง!”
แต่แทนที่เธอจะยอม หญิงสาวกลับดิ้นแรงขึ้น ร่างเล็กสั่นเทาไปหมด สายตาตื่นตระหนกเหมือนลูกสัตว์ตัวน้อยที่จนมุม
โจฮันมองภาพนั้นด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นชา
“ถ้ายังดื้อด้าน ฉันจะเปลี่ยนใจฆ่าเธอทิ้งตรงนี้” เขาก้าวเดินเข้าไปใกล้หญิงสาว ก่อนจะบีบแก้มเธอแน่นจนความรู้สึกเจ็บแล่นเข้ามาแทนที่ความกลัว “ตอนนี้เธอมีหน้าที่เดียวคือคิดให้ออก ว่าเรื่องราวในวันนั้นมันเป็นยังไง แต่ถ้าคิดไม่ออก…” มุมปากหนายกยิ้มร้าย ก่อนจะสะบัดใบหน้าเธอออก
เพียงคำพูดไม่กี่คำ แต่กลับทำให้ร่างเล็กหยุดนิ่งทันที ราวกับรู้ดีว่าเขาหมายความตามนั้นจริงๆ
ดวงตาของเธอสั่นระริก มีนใช้จังหวะนั้นกระชากแขนเธอให้ลุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่กล้าขัดขืนอีกต่อไป ได้แต่ปล่อยให้พวกเขาลากตัวไปขึ้นรถโดยไม่อาจทำอะไรได้เลย…
รถแล่นไปบนท้องถนนเป็นเวลานาน จนกระทั่งเธอรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนเล็กน้อย ก่อนที่รถจะชะลอและหยุดนิ่งอยู่ที่ไหนสักแห่ง จากนั้นประตูรถก็ถูกเปิดออกอย่างแรง
“ลงมา!”
เสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้น เธอจำต้องลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล ก่อนถูกกระชากลงจากรถและพาเดินไปยังบ้านเรือนไทยหลังหนึ่ง บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยต้นไม้หนาทึบ ไร้ซึ่งสัญญาณของรถที่แล่นผ่าน หรือแม้แต่หมู่บ้านใกล้เคียง
ผลัก!
ฟุบ!
ร่างบางล้มลงกระแทกกับพื้นไม้แข็ง ก่อนที่ชายในชุดสูทดำจะเข้ามาปลดเชือกที่พันธนาการมือของเธอออก แต่แทนที่จะปล่อยเป็นอิสระ เขากลับใช้โซ่ตรวนล่ามเธอเอาไว้แทน
“เมื่อหลายปีก่อน เธอเห็นอะไรที่โกดัง?” คำถามของชายที่น่าเกรงขามรัวมาทันทีที่เธอเงยหน้ามองเขา เธอเงียบ ใบหน้าซีดเซียวเปรอะเปื้อนคราบน้ำตาและฝุ่นดำก้มต่ำ หลบสายตาคมดุที่จ้องลงมา “ฉันให้เวลาเธอคิด และตอบมาว่าเจอใครอยู่ในเหตุการณ์วันนั้น”
“ยะ…อย่าทำอะไรฉันเลย ขอร้องเถอะ ฉันจะ จำอะไรไม่ได้เลย” เธอพยายามเอ่ยเสียงสั่น ขณะที่ร่างกายเริ่มสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
“นายครับ…” ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นลังเลเล็กน้อย ก่อนตัดสินใจถามสิ่งที่ค้างคาใจ “เอ่อ…นายรู้ได้ยังไงว่าเธอคือคนที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น?”
ชายหนุ่มปรายตามองลูกน้องด้วยสายตาดุดัน แต่นั่นก็ไม่ทำให้คนถามยอมล่าถอย
“มึงไม่จำเป็นต้องรู้ และห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ไปบอกปู่กู ห้ามให้ใครรู้ว่ากูเจอผู้หญิงคนนี้”
“ครับ นาย”
เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อย เขาก็หันกลับมามองเธออีกครั้ง
“เอาล่ะ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่เธอต้องตอบคำถามฉันแล้ว”
ร่างเล็กกระตุกเกร็งอย่างหนัก เหงื่อเม็ดเล็กซึมออกจากหน้าผาก หัวใจเต้นรัวด้วยความหวาดหวั่น ความทรมานก่อตัวขึ้นทุกวินาทีที่ถูกจ้องมอง เธอค่อยๆ ทรุดตัวลงกับพื้น ซบกายงอเข้าหากันราวกับกุ้งที่กำลังดิ้นหนีจากน้ำเดือด…
“นายครับ ผมว่าเธอกำลังต้องการยา”
โจฮันแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนจะล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ หยิบเข็มฉีดยาขึ้นมาแกว่งไปมาเบาๆ
“ยานี่น่ะเหรอ…”
หญิงสาวที่นั่งตัวสั่นอยู่บนพื้นค่อยๆ คลานเข้ามาหา แววตาอ่อนแรงไร้ประกายจ้องเข็มฉีดยาในมือเขาไม่วางตา มันเป็นสิ่งเดียวที่ช่วยให้เธอหลุดพ้นจากความทรมานนี้ได้
“ขะ… ขอ… ผิงขอได้ไหม”
โจฮันมองภาพตรงหน้าด้วยสายตานิ่ง ก่อนจะยกมือขึ้นกระชากใบหน้าของเธอไว้แน่น นิ้วโป้งไล้ผ่านผิวแก้มของหญิงสาวเบาๆ แต่แรงบีบกลับแน่นขึ้น
“ฉลาดมาก…” เสียงพร่าห้าวลอดไรฟัน ขณะที่แววตาคมกริบจ้องลึกลงไปในดวงตาของเธอ “ถ้าเธอยอมพูด ฉันจะให้รางวัล”
หญิงสาวส่ายหน้ารัวๆ ร่างกายที่ร้อนรุ่มด้วยความทรมานทำให้เธอแทบควบคุมตัวเองไม่ไหว
“ผะ… ผิงจำอะไรไม่ได้ ขอร้องล่ะ ขอมันให้ผิงเถอะ”
“ผิง?”
“ผิงขอยานั่น… อึก…”
เธอสะอื้นไห้ ร่างกายสั่นระริก รู้สึกเหมือนมีบาดแผลลึกเจ็บแปลบไปทั้งตัว สติเริ่มพร่าเลือน มีเพียงสิ่งเดียวที่เธอต้องการ คือยานั่น…
“ขอ!”
ทันทีที่รวบรวมเรี่ยวแรงได้ เธอพุ่งเข้าไปแย่งเข็มฉีดยาออกจากมือโจฮันสำเร็จ! ทว่าก่อนที่เธอจะได้ทำอะไร เสียงเท้าหนักๆ ที่เก้าเข้าไปประชิดตัวเธอก็ดังขึ้น
ปึ่ก!
มืออีกข้างแย่งเข็มฉีดยาไปจากเธอในพริบตา
“ถ้าอยากได้… ก็ต้องมีอะไรมาแลกกัน”
แววตาคู่นั้นคล้ายมีแสงแห่งความหวัง แต่เขาก็เป็นคนเดียวที่พรากความหวังเธอไป โจฮันไม่ได้สนใจเธออีก เขาหันหลังเดินออกจากห้อง ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกน้องเสียงเรียบ
“ให้แม่บ้านมาจัดการให้เรียบร้อย”
“ครับ”
“ยา! ยา!! ขอยาให้ผิง ขอมันให้ผิง กรี๊ด….” หญิงสาวกรีดร้องอย่างเจ็บปวด โซ่ที่ตรวจข้อเท้าเธอกระทบกับพื้นเกิดเสียงดังไปทั่วห้อง ร่างกายเธอปวดแสบปวดร้อนราวกับมีไฟสุมอยู่ในอก และร่างกายก็เริ่มควบคุมไม่ได้
เสียงหอบหายใจหนักดังสะท้อนอยู่ในห้องมืดสลัว ร่างของเธอบิดเกร็งอยู่บนพื้น ผ้าห่มเก่าคร่ำถูกกำแน่นจนยับยู่ยี่ เหงื่อเย็นไหลซึมทั่วแผ่นหลัง แม้จะหนาวจนตัวสั่น แต่ภายในกลับร้อนรุ่มเหมือนมีไฟแผดเผาจากข้างใน
“อึก… ฮึก…” เสียงสะอื้นปนหายใจติดขัด หัวใจเต้นกระหน่ำราวกับจะทะลุออกจากอก “ขอ… ขอเถอะ ได้โปรด!” เธอคลานเข้าไปคว้าแขนเขา ดวงตาแดงก่ำเอ่อคลอไปด้วยน้ำตา ทว่ามือที่กำลังสั่นระริกกลับถูกสะบัดออกอย่างแรงจนร่างเธอล้มลงกระแทกพื้น
“เธอไม่ได้จะตายเพราะขาดมัน แต่เธอจะตายเพราะต้องการมันต่างหาก” เสียงเรียบเย็นชาดังขึ้นเหนือหัว หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา ทั้งแววตาโกรธแค้นทั้งอ้อนวอนอย่างควบคุณตัวเองไม่ได้
“ทะ ทำแบบนี้กับผิงไม่ได้นะ! ผิงต้องการมัน! ผิงจะตายอยู่แล้ว!”
“งั้นก็ตายไปซะ” คำพูดเฉยชาทำให้เธอแทบหยุดหายใจ
“ไม่นะ…” เธอกุมศีรษะ ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็ง เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุบๆ ราวกับจะแตกออก ความปวดแสบแล่นไปทั่วตัวเหมือนถูกเข็มนับพันเล่มทิ่มแทง
ความคิดสับสน สิ้นหวัง และความกลัวกัดกินหัวใจ เธอขดตัวเข้าหากัน กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
เวลาผ่านไปทีละวินาทีเหมือนนรกทั้งเป็น
เสียงข้างนอกเงียบไปแล้ว มีเพียงเสียงหอบกระชั้นและเสียงเล็บจิกลงกับพื้นดังเบาๆ ในห้องมืด
เธอรู้ดีว่านี่คือขุมนรกของการเลิกยาแบบหักดิบ และไม่มีใครช่วยเธอได้ นอกจากตัวเธอเอง
“กรี๊ด!!!”
——————————————
สนุกไหมคะ 🥺 ขอกำลังใจโน้ยยย
ตอนพิเศษ 2เวลาผ่านไปสองเดือน โจฮันนั่งเท้าคางบนเคาน์เตอร์ มองแฟนสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการทำขนมในครัวเล็กๆ ในร้านที่เขาเพิ่งช่วยเธอเปิดเมื่อหลายนาทีก่อน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เขาชอบที่สุด ได้มองเธอใกล้ๆ ในมุมที่ไม่มีใครเห็น“เสร็จแล้วค่ะ จะลองชิมเลยไหม?” ขนมผิงหันมายิ้มให้ ดวงตาเป็นประกายไม่แพ้แป้งขาวๆ ที่ติดปลายจมูกเธอยังไม่ทันที่เขาจะขยับปากตอบ เสียงของมีนก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน “แหม…เจ้านายครับ เดี๋ยวกินแต่ขนม ไม่ค่อยยอมออกกำลังกายเลยนะครับ”โจฮันเหลือบตามองลูกน้องคนสนิทอย่างระอา “ไม่น่าให้มึงมาด้วยเลยจริงๆ จุ้นจ้านฉิบ” เขาบ่นอุบในคอ จริงๆ แล้วเขาอยากมาหาขนมผิงคนเดียวด้วยซ้ำ แต่ปู่ดันเป็นห่วงหนักจนต้องสั่งให้มีนตามติดทุกย่างก้าว “เอาของไปเก็บเลยมึง!”“ครับผม”หลังจากไล่มีนเอาของไปไว้หลังร้าน โจฮันก็เดินอ้อมเคาน์เตอร์เข้ามาหาขนมผิงที่ยืนจัดจานขนมอยู่ เธอทำท่าจะถอยหนีเมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาใกล้เกินไป แต่ไม่ทันแล้ว เขาเอื้อมแขนรวบร่างเล็กมากอดจากด้านหลังแน่นๆ พร้อมซบแก้มลงบนไหล่เธอ“เหนื่อยไหมวันนี้” เสียงของเขาทุ้มนุ่ม ต่างจากตอนแกล้งมันเมื่อครู่โดยสิ้นเชิงขนมผิงหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนส
ตอนพิเศษ 1วันปีใหม่ ขนมผิงยืนเกาะเคาน์เตอร์อยู่ในห้องครัว เธอทำตาปริบๆ ออดอ้อนคนตัวโตให้พาออกไปเดินเล่นดูพลุในคืนนี้ แต่ด้วยอากาศติดลบ โจฮันเป็นห่วงกลัวจะไม่สบายเขาเลยไม่อนุญาตให้เธอออกนอกบ้าน“นะคะ พาผิงไปเดินแป๊บเดียว นะคะ นะๆ นะคะคนดี”“คิดว่าอ้อนแล้วจะพาไปเหรอ”“แล้วต้องให้ทำยังไงดีคะ หรือให้ผิง…ทำของอร่อยให้กินดี”โจฮันก้มมองคนตัวเล็ก เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือขึ้นมาลูบผมที่ปรกใบหน้าสวยออก“ขอฉันดูแผลหน่อย”“แผลเหรอ อ๋า…” เมื่อนึกออกเธอจึงเลิกเสื้อให้เขาดูรอยแผลเป็นที่ช่วงท้อง “เป็นแผลเป็นนิดเดียวค่ะ ไม่ได้แผลใหญ่มาก”โจฮันเงยหน้ามองเธอ ก่อนนะยกมือขึ้นไปแตะบนแผลเป็นเบาๆ“แล้วตอนนั้นปู่ไปรักษาที่ไหน”“ก็โรงพยาบาลในไทยแหละค่ะ พอรักษาหายท่านก็ให้เงินผิง ให้ผิงย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่”“แล้วไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ” คราวนี้โจฮันถามเสียงอ่อน “ปล่อยให้คิดถึงฝ่ายเดียวได้ยังไง” เขารั้งเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ ก่อนที่จะเกยคางกับไหล่เธอ“คิดถึงมากๆ เลยค่ะ แต่ผิงคิดว่า จากกันตอนนี้ ตอนที่ความรู้สึกเราสองคนยังไม่ก่อตัวก็ดีแล้ว จะได้ตัดใจง่ายหน่อย แต่ทำยากมากค่ะ ผิงนอนร้องไห้คิดถึงคุณ
บทที่ 45 บทส่งท้าย“ผิงไม่อยากกลับไทย ผิงอยากอยู่ที่นี่ อยากใช้ชีวิตที่นี่” ขนมผิงเม้มริมฝีปากแน่น เธอคิดหนักถึงเรื่องนี้ เพราะที่นี่ก็สำคัญกับเธอมาก ทั้งความฝันที่เธอสร้างขึ้น ทั้งความทรงจำที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทุกวัน รวมถึงคนที่อยู่ที่นี่ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างเธอโดยไม่เคยทิ้งไปไหนเสียงเธอสั่นนิดๆ แต่ชัดเจน “ผิงไม่อยากกลับไทยเลยค่ะ… ผิงอยากอยู่ที่นี่ อยากใช้ชีวิตตามความฝันที่นี่”โจฮันนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่เธอเบาๆ ดวงตาสีอ่อนของเขาสะท้อนแววความจริงใจไม่มีเสแสร้ง เขาอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็กลัวจะทำลายความรู้สึกที่เปราะบางตรงหน้าขนมผิงสูดลมหายใจเข้า ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาคู่นั้นทั้งอ่อนโยน ทั้งเศร้า และทั้งกล้าในเวลาเดียวกัน“ที่ผ่านมา… ผิงโกรธและเสียใจมาก ที่รู้ว่าทุกอย่างพังทลายลงเพราะอาของคุณโจ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกำลังระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกมานานแสนนาน “แต่ผิงรู้ว่าผิงเอาทุกอย่างคืนมาไม่ได้ และตอนนี้… ผิงรู้แล้วว่าผิงควรปล่อยวางทุกอย่างและเริ่มต้นใหม่” เธอขยับเข้าไปหาเขาอีกนิด เงยหน้าขึ้นส่งรอยยิ้มบางๆ ที่เปื้อนน้ำตาให้เขา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือ
บทที่ 44 เคียงข้างร่างเล็กนั่งร้องไห้อยู่บนม้านั่งด้านหลังร้านซึ่งเป็นสวนเล็กๆ ที่ถูกหิมะปกคลุมไปแล้ว น้ำตาอุ่นไหลลงอาบแก้มแดงซ่านจากการร้อนให้เป็นเวลานาน ทั้งเกิดจากความเหน็บหนาว“ทำไมต้องกลับมาหาผิง…ทำไมต้องกลับมา” เธอทุบต้นขาตัวเองเบาๆ ราวกับกำลังปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝัน แต่เธอกำลังหลอกตัวเอง ว่าการได้เจอโจฮันที่นี่คือความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง และมันไม่น่าเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ โลกใบนี้กว้างใหญ่เกินกว่าที่คนสองคนจะมาพบเจอกันอีก “ตั้งใจจะลืมแล้วแท้ๆ แต่ทำไม…” เสียงสะอื้นเริ่มซาลงเล็กน้อยพอทีเวลา สมองก็ทบทวนคำพูดของโจฮัน แววตา ท่าทางเขาเปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คนคนเดิมที่เธอรู้จัก เพราะโจฮันคนนี้พูดทุกอย่างตามที่รู้สึก ไม่เงียบขรึมเหมือนแต่ก่อน และแววตาที่เคยเย็นชาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและโหยหา มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง และเขา….กล้าพูดคำนั้นออกมาได้อย่างไร“รักเหรอ” ขนมผิงขยับปากพูดเสียงเบา แต่ต้องปาดน้ำตาเพราะรู้ว่าช่วงเวลานี้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ เธอจำต้องออกไปช่วยพนักงานขายขนมและเสิร์ฟอาหาร จึงไม่มีเวลาให้เศร้ามากด้านโจฮันกลับมาตั้งหลักที่โรงแรม มีนที่กำลังวิ่งวุ่นเพราะหา
บทที่ 43 สารภาพรัก“คุณจำคนผิดแล้วมั้งคะ” หญิงสาวแกะมือเขาออกจากข้อมือตัวเองได้สำเร็จก็เดินหายเข้าไปหลังร้าน ด้านโจฮันลุกขึ้นจะเดินตามไป แต่มันคว้าแขนไว้ได้ทันพอดี“นายครับ”โจฮันสะบัดมือลูกน้องออกแล้วรีบเดินตามหญิงสาวไป“ผิง ผิง!”“นานครับ นายใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” มันพยายามฉุดรั้งให้โจฮันมีสติกว่านี้ “ใจเย็นก่อนนะครับนาย อย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้เลย คนเต็มร้านเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไปทำร้ายเขานะครับ”โจฮันยอมอ่อนลงแล้วรีบเดินออกไปจากร้านทันที มีนที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหยิบเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งตามเจ้านายไปปึง!โจฮันตบโต๊ะเสียงดังลั่นห้องพักของปู่“ผมเจอเธอที่นี่ ใช่เธอจริงๆ ใช่ไหม ปู่เอาเธอมาซ่อนที่นี่ใช่ไหม”“อะไร มาถึงก็โวยวายไม่หยุด แกไปเจอใครมากันแน่”“ปู่อย่ามาทำไขสือ ผมรู้ว่าปู่จัดการทุกอย่าง ปู่ให้ขนมผิงมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม”ปู่ยกแก้วชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ แล้วเงยหน้ามองหลานชาย“แกจำคนผิดหรือเปล่า ผู้หญิงมากมายหน้าตาก็คล้ายกันหมด อาจไม่ใช่เธอคนนั้นก็ได้”“ไม่จริง! ผมจำเธอได้”“แกมีอะไรมายืนยันว่าแกจำเธอได้”คราวนี้โจฮันเป็นฝ่ายเงียบไปเอง เขาจะบอกยังไงว่าจำเธอได้ทุกอย่าง เพราะภาพใบหน
บทที่ 42 พบเจอโจฮันทวนชื่อขนมนั้นเสียงเบา และรับถุงมาถือไว้ในมือ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กำลังจ้องมองถุงขนม“ขนมผิงอย่างนั้นเหรอ”โจฮันทวนชื่อขนมนั้นเสียงเบา และรับถุงมาถือไว้ในมือ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กำลังจ้องมองถุงขนมกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากปากถุง ผสานกลิ่นหอมหวานบางเบาเฉพาะตัวที่เขาจำได้ดี มันพาเขาย้อนกลับไปยังช่วงเวลาหนึ่งในวัยเด็ก วันที่อากาศร้อนอบอ้าว และคุณย่าใช้เตาถ่านเล็กๆ ค่อยๆ อบขนมทีละถาด เสียงเปลวไฟแตกดังเบาๆ คล้ายเพลงกล่อม โจฮันยังจำได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ขนมผิงเริ่มแยกตัวแตกเป็นรอยเล็กๆ บนผิว และความอบอุ่นที่กระจายไปทั่วครัวเล็กๆ นั่นเขาหลับตาลงชั่วครู่ ลมหายใจพาเอากลิ่นหอมหวานซึมลึกเข้าไปในอก ความรู้สึกที่ถูกลืมเลือนกลับมาชัดเจน ราวกับว่าวันเวลาที่ผันผ่านไปนานแสนนานนั้น เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองโจฮันลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สัมผัสได้ถึงรอยยิ้มบางๆ ที่เผลอผุดขึ้นมาบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เขากระชับถุงขนมในมือแน่นขึ้น แล้วหันไปมองมีนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ อย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก“พรุ่งนี้…ว่างไหม” โจฮันถาม น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความจร