‘เขาเพียงใช้เธอ เป็นเครื่องมือหาความจริงเท่านั้น… โจฮัน | อายุ 30 ปี หล่อ บ้านรวย สุขุมและเย็นชา ซึ่งนิสัยเขาขัดกับหน้าตาที่หล่อเหลาปานเทพบุตรมาก ใครจะคิดว่าคนอย่างเขาก็มีบาดแผลในใจไม่ต่างจากเธอ 'เพราะเธอคือกุญแจสำคัญ ฉันจึงปล่อยให้เธอตายไม่ได้' ╰☆╮ ขนมผิง | อายุ 25 ปี น่ารัก พูดน้อย ขี้อาย ทว่าชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อเธอตกเป็นเหยื่อความรุนแรงและคนใจร้ายที่อยากลบความทรงจำเธอในอดีตของเธอ 'ผิงรู้ดีค่ะ ว่าตัวเองควรอยู่ตรงไหน…' เขาเพียงแค่ใช้เธอเป็นเครื่องมือหาความจริง…. และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
View MoreINTRO
ยามตีสามของคืนเดือนดับ ภายในโกดังเก็บของเก่าที่รกร้างและไร้ผู้คนเงียบสงัดราวกับถูกลืมเลือนไปจากโลก หลังจากครอบครัวล้มละลาย เพราะถูกคนใจร้ายโกงเงินจากบริษัทของพ่อ เธอกับแม่ก็กลายเป็นคนไร้ที่พึ่ง ต้องเร่ร่อนหาที่อยู่อาศัยกันตามยถากรรม ยิ่งไปกว่านั้น พ่อผู้ที่เคยเป็นเสาหลักของบ้านกลับเลือกจบชีวิตตัวเองหนีปัญหา ทิ้งให้เธอกับแม่ต้องเผชิญความลำบากตามลำพัง… ทว่าความเงียบในค่ำคืนนี้กลับถูกทำลายด้วยเสียงเอะอะโวยวายของใครบางคน ร่างผอมบางของเด็กหญิงตัวน้อยนั่งซุกอยู่ในอ้อมอกมารดาตื่นตัวขึ้นจากเสียงรบกวนซึ่งไม่เคยได้ยินมาเป็นเวลานาน ดวงตากลมโตสะท้อนแสงริบหรี่จากภายนอก พลางเงี่ยหูฟังด้วยความสงสัย ใครกันที่กล้ารบกวนความเงียบงันของสถานที่แห่งนี้… “แม่จ๋า…เสียงใครเหรอ?” เด็กหญิงกระซิบถาม ขณะที่ซุกตัวแนบอกมารดา ดวงตาคู่น้อยสอดส่ายไปยังความมืดรอบตัว มันเป็นบรรยากาศที่เธอคุ้นเคยไปเสียแล้ว “ชู่…” ผู้เป็นแม่กระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น พลางโยกตัวไปมาเบาๆ ราวกับจะกล่อมให้ลูกสงบลง “นอนนะลูก” “แต่แม่…เสียงมันดัง ใครกันเหรอ?” “แม่ไม่รู้ แต่หนูนอนเถอะนะ พรุ่งนี้ก็เช้าแล้ว” เด็กหญิงเม้มริมฝีปากแน่น แววตาสุกใสสะท้อนภาพใบหน้าตรอมตรมของผู้เป็นแม่ เธอพยักหน้ารับ แต่ความอยากรู้อยากเห็นยังคงสุมอยู่ในอก เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาที เด็กหญิงก็ค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของแม่อย่างเงียบเชียบ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและก้าวเดินตามเสียงปริศนานั้นไปโดยไม่รีรอ เมื่อเดินพ้นกองเศษไม้ผุเก่าๆ มา แล้วภาพที่เธอเห็นก็ทำให้หัวใจเต้นดวงน้อยแรง ชายห้าคนยืนล้อมกันอยู่ท่ามกลางเงาสลัว น้ำเสียงของพวกเขาตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด และที่น่าหวาดหวั่นกว่านั้น คือชายในสูทสีดำสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายผู้ดูเหมือนเป็นหัวหน้า ต่างก็ถือปืนสีดำทมิฬไว้ในมือ ราวกับพร้อมเหนี่ยวไกทุกเมื่อหากเจ้านายเป็นอันตราย เท้าเล็กที่เปรอะเปื้อนฝุ่นค่อยๆ ถอยหลังไปเรื่อยๆ ปัง! ปัง! เสียงปืนดังสนั่น ทำให้มารดาของเด็กหญิงสะดุ้งตื่นขึ้นมา เธอเบิกตากว้าง หัวใจแทบแตกสลายเมื่อพบว่าอ้อมแขนของตนว่างเปล่า “ผิง… ผิงอยู่ไหน!?” ใบหน้าซีดเซียวที่เต็มไปด้วยฝุ่นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาที่แทบเหือดแห้งค่อยๆ ไหลรินลงบนแก้มทั้งสองข้าง ก่อนจะหอบร่างผอมบางเดินโซเซไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย กระทั่งเท้าทั้งสองหยุดนิ่ง ตรงหน้า…. “ผิง!!” เธอถลาเข้าหาลูกสาวที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น กอดร่างเล็กไว้แนบอก ความเจ็บปวดพลันถาโถมเมื่อเห็นของเหลวสีแดงสดไหลซึมออกจากหัวไหล่เล็กๆ ของลูกสาว “แม่… ผิงเจ็บ เจ็บตรงนี้…” เสียงเล็กแผ่วเบาด้วยความเจ็บปวดเกินที่เด็กคนหนึ่งจะทนไหว เด็กหญิงพยายามยกมือขึ้นแตะบาดแผลบนหัวไหล่ แต่ความเจ็บกลับแล่นพล่านไปทั่วร่างจนใบหน้าเล็กเหยเก “เก็บมันให้หมด” เสียงเข้มของชายที่ยืนอยู่ข้างรถสปอร์ตสีดำเอ่ยสั่งลูกน้อง ก่อนเสียงปืนจะดังขึ้นอีกหนึ่งนัด ร่างผอมบางกอดลูกสาวไว้แน่นขึ้น… ขณะที่ตนเองกำลังสิ้นลมหายใจ “นายครับ เด็กคนนั้นยังไม่ตาย” ชายหนุ่มมองหน้าลูกน้อย ก่อนที่สายตาเรียบนิ่งใต้กรอบแว่นมองไปยังสองแม่ลูกที่กอดกันแน่น ไม่มีความสงสารหรือปรานีใดๆ สะท้อนอยู่ในดวงตาคม “จัดการศพผู้หญิงคนนั้น และพาตัวเด็กไป” “ครับ แล้วนายใหญ่…” “จัดการให้เรียบร้อย” “ครับ” เด็กหญิงกัดปากแน่น มองคนที่ออกคำสั่งด้วยสายตาพร่ามัว และภาพตรงหน้าจะมืดดับไป…. ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ แสงไฟสีส้มส่องกระทบโต๊ะอาหารตัวยาวที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายเมนู ทว่าความร้อนของมันค่อยๆ จางลงตามเวลาที่ล่วงเลยไป เด็กชายในชุดนักเรียนนั่งแกว่งขาไปมา มือประสานกันอยู่บนโต๊ะ ใบหน้าหวานฉายแววหงอยเหงา ดวงตากลมโตเหลือบมองอาหารตรงหน้าก่อนจะเงยขึ้นสบตากับลูกน้องคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ “ผมหิวข้าว… เมื่อไหร่ป๊าจะกลับมาครับ” “นายน้อยรออีกสักครู่นะครับ ผมว่านายใหญ่คงกำลังเดินทางกลับมา” เด็กชายเม้มริมฝีปาก สีหน้าเริ่มไม่พอใจ “โทรหาป๊าได้ไหม ผมหิวข้าว” เขาพูดพลางทำตาอ้อน “ป๊ากลับช้ากว่าทุกวันเลย ฝนก็กำลังจะตกแล้วด้วย” พูดจบ ดวงตากลมโตเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นลมแรงพัดกิ่งไม้แกว่งไหวไปมา เมฆครึ้มบดบังแสงจันทร์ เสียงฟ้าคำรามอยู่ไกลๆ ไม่นานฝนคงตกลงมา ลูกน้องหนุ่มมองเด็กชายด้วยความสงสาร “รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวนายใหญ่ก็มา” เด็กชายถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับพึมพำเสียงแผ่ว “ผมรู้ว่าพี่แค่พูดปลอบใจ แต่ผมแค่อยากกินข้าวพร้อมป๊าสักมื้อ” ความเงียบเข้าปกคลุม ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรต่อ เหลือเพียงเสียงลมพายุที่เริ่มโหมกระหน่ำอยู่ด้านนอก… ปึง! เสียงบางอย่างกระทบกับผนังดังสะท้อนไปทั่วบริเวณ ดึงความสนใจของเด็กหนุ่มและลูกน้องให้หันขวับไปมอง รอยยิ้มบางๆ เริ่มปรากฏบนใบหน้าที่ก่อนหน้านี้ดูเหงาหงอย ก่อนที่เขาจะรีบวิ่งไปยังหน้าบ้านด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความหวัง ทว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า…กลับไม่ใช่พ่อของเขา “ปู่? ปู่ตากฝนมาทำไม แล้วปู่เห็นป๊าผมไหม?” คำถามพร้อมแววตาเปี่ยมความคาดหวังของเด็กชายทำให้หัวใจของผู้เป็นปู่แตกสลายอีกครั้ง เขาเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนก้มลงมองหลานรักแล้วกางแขนออก “โจฮัน มาหาปู่มา” เด็กชายรีบพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่นโดยไม่ลังเล ความคุ้นเคยจากอ้อมแขนนี้ช่วยปลอบประโลมความกังวลในใจเขาไปชั่วขณะ รอยยิ้มเล็กๆ เริ่มผุดขึ้นบนใบหน้าเปียกปอน “โจ ฟังปู่ให้ดีนะลูก” “ครับ?” “ป๊าของหลาน…ตายแล้ว” เปรี้ยง! เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้องไปทั่วท้องฟ้า โจฮันผละจากอ้อมแขนของปู่ ดวงตาสั่นไหวด้วยความงุนงงจนต้องถามย้ำอีกครั้ง “ปู่ว่าอะไรนะครับ…” “ป๊าของหลานถูกฆ่าตายแล้วโจฮัน” “…ป๊า… ตะ ตายแล้ว?” “ใช่” ลูกน้องที่ยืนอยู่โดยรอบต่างเบิกตากว้าง สีหน้าตกตะลึงไม่ต่างกัน พวกเขารีบกรูกันเข้ามาพยุงเจ้านายทั้งสอง ทว่าเด็กชายกลับสะบัดตัวออกแล้ววิ่งฝ่าฝนไปยังลานหน้าบ้านด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เขาล้มลงกระแทกกับพื้นกระเบื้องเปียกชื้นก่อนเงยหน้าขึ้นรับสายฝนที่โปรยลงมา ไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังร้องไห้ เพราะหยาดฝนได้ชะล้างน้ำตาของเขาไปจนหมด “ป๊า!!” เสียงกรีดร้องของเด็กน้อยดังก้องไปทั่วบ้าน กำปั้นเล็กๆ ทุบลงกับพื้นอย่างไม่อาจระงับความเจ็บปวดได้ “ใครมันทำกับป๊า… มันต้องชดใช้!!” ——————————————— เอาบทนำมาฝากค่า ฝากด้วยน้า ❤️ตอนพิเศษ 2เวลาผ่านไปสองเดือน โจฮันนั่งเท้าคางบนเคาน์เตอร์ มองแฟนสาวที่กำลังง่วนอยู่กับการทำขนมในครัวเล็กๆ ในร้านที่เขาเพิ่งช่วยเธอเปิดเมื่อหลายนาทีก่อน ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่เขาชอบที่สุด ได้มองเธอใกล้ๆ ในมุมที่ไม่มีใครเห็น“เสร็จแล้วค่ะ จะลองชิมเลยไหม?” ขนมผิงหันมายิ้มให้ ดวงตาเป็นประกายไม่แพ้แป้งขาวๆ ที่ติดปลายจมูกเธอยังไม่ทันที่เขาจะขยับปากตอบ เสียงของมีนก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน “แหม…เจ้านายครับ เดี๋ยวกินแต่ขนม ไม่ค่อยยอมออกกำลังกายเลยนะครับ”โจฮันเหลือบตามองลูกน้องคนสนิทอย่างระอา “ไม่น่าให้มึงมาด้วยเลยจริงๆ จุ้นจ้านฉิบ” เขาบ่นอุบในคอ จริงๆ แล้วเขาอยากมาหาขนมผิงคนเดียวด้วยซ้ำ แต่ปู่ดันเป็นห่วงหนักจนต้องสั่งให้มีนตามติดทุกย่างก้าว “เอาของไปเก็บเลยมึง!”“ครับผม”หลังจากไล่มีนเอาของไปไว้หลังร้าน โจฮันก็เดินอ้อมเคาน์เตอร์เข้ามาหาขนมผิงที่ยืนจัดจานขนมอยู่ เธอทำท่าจะถอยหนีเมื่อเห็นว่าเขาเข้ามาใกล้เกินไป แต่ไม่ทันแล้ว เขาเอื้อมแขนรวบร่างเล็กมากอดจากด้านหลังแน่นๆ พร้อมซบแก้มลงบนไหล่เธอ“เหนื่อยไหมวันนี้” เสียงของเขาทุ้มนุ่ม ต่างจากตอนแกล้งมันเมื่อครู่โดยสิ้นเชิงขนมผิงหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนส
ตอนพิเศษ 1วันปีใหม่ ขนมผิงยืนเกาะเคาน์เตอร์อยู่ในห้องครัว เธอทำตาปริบๆ ออดอ้อนคนตัวโตให้พาออกไปเดินเล่นดูพลุในคืนนี้ แต่ด้วยอากาศติดลบ โจฮันเป็นห่วงกลัวจะไม่สบายเขาเลยไม่อนุญาตให้เธอออกนอกบ้าน“นะคะ พาผิงไปเดินแป๊บเดียว นะคะ นะๆ นะคะคนดี”“คิดว่าอ้อนแล้วจะพาไปเหรอ”“แล้วต้องให้ทำยังไงดีคะ หรือให้ผิง…ทำของอร่อยให้กินดี”โจฮันก้มมองคนตัวเล็ก เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือขึ้นมาลูบผมที่ปรกใบหน้าสวยออก“ขอฉันดูแผลหน่อย”“แผลเหรอ อ๋า…” เมื่อนึกออกเธอจึงเลิกเสื้อให้เขาดูรอยแผลเป็นที่ช่วงท้อง “เป็นแผลเป็นนิดเดียวค่ะ ไม่ได้แผลใหญ่มาก”โจฮันเงยหน้ามองเธอ ก่อนนะยกมือขึ้นไปแตะบนแผลเป็นเบาๆ“แล้วตอนนั้นปู่ไปรักษาที่ไหน”“ก็โรงพยาบาลในไทยแหละค่ะ พอรักษาหายท่านก็ให้เงินผิง ให้ผิงย้ายมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นี่”“แล้วไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ” คราวนี้โจฮันถามเสียงอ่อน “ปล่อยให้คิดถึงฝ่ายเดียวได้ยังไง” เขารั้งเอวบางเข้ามากอดไว้หลวมๆ ก่อนที่จะเกยคางกับไหล่เธอ“คิดถึงมากๆ เลยค่ะ แต่ผิงคิดว่า จากกันตอนนี้ ตอนที่ความรู้สึกเราสองคนยังไม่ก่อตัวก็ดีแล้ว จะได้ตัดใจง่ายหน่อย แต่ทำยากมากค่ะ ผิงนอนร้องไห้คิดถึงคุณ
บทที่ 45 บทส่งท้าย“ผิงไม่อยากกลับไทย ผิงอยากอยู่ที่นี่ อยากใช้ชีวิตที่นี่” ขนมผิงเม้มริมฝีปากแน่น เธอคิดหนักถึงเรื่องนี้ เพราะที่นี่ก็สำคัญกับเธอมาก ทั้งความฝันที่เธอสร้างขึ้น ทั้งความทรงจำที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทุกวัน รวมถึงคนที่อยู่ที่นี่ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างเธอโดยไม่เคยทิ้งไปไหนเสียงเธอสั่นนิดๆ แต่ชัดเจน “ผิงไม่อยากกลับไทยเลยค่ะ… ผิงอยากอยู่ที่นี่ อยากใช้ชีวิตตามความฝันที่นี่”โจฮันนิ่งงันไปชั่วครู่ ก่อนจะยกมือขึ้นจับไหล่เธอเบาๆ ดวงตาสีอ่อนของเขาสะท้อนแววความจริงใจไม่มีเสแสร้ง เขาอยากพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็กลัวจะทำลายความรู้สึกที่เปราะบางตรงหน้าขนมผิงสูดลมหายใจเข้า ก่อนเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ดวงตาคู่นั้นทั้งอ่อนโยน ทั้งเศร้า และทั้งกล้าในเวลาเดียวกัน“ที่ผ่านมา… ผิงโกรธและเสียใจมาก ที่รู้ว่าทุกอย่างพังทลายลงเพราะอาของคุณโจ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว ราวกับกำลังระบายความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในอกมานานแสนนาน “แต่ผิงรู้ว่าผิงเอาทุกอย่างคืนมาไม่ได้ และตอนนี้… ผิงรู้แล้วว่าผิงควรปล่อยวางทุกอย่างและเริ่มต้นใหม่” เธอขยับเข้าไปหาเขาอีกนิด เงยหน้าขึ้นส่งรอยยิ้มบางๆ ที่เปื้อนน้ำตาให้เขา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือ
บทที่ 44 เคียงข้างร่างเล็กนั่งร้องไห้อยู่บนม้านั่งด้านหลังร้านซึ่งเป็นสวนเล็กๆ ที่ถูกหิมะปกคลุมไปแล้ว น้ำตาอุ่นไหลลงอาบแก้มแดงซ่านจากการร้อนให้เป็นเวลานาน ทั้งเกิดจากความเหน็บหนาว“ทำไมต้องกลับมาหาผิง…ทำไมต้องกลับมา” เธอทุบต้นขาตัวเองเบาๆ ราวกับกำลังปลุกตัวเองให้ตื่นจากฝัน แต่เธอกำลังหลอกตัวเอง ว่าการได้เจอโจฮันที่นี่คือความฝัน ไม่ใช่เรื่องจริง และมันไม่น่าเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ โลกใบนี้กว้างใหญ่เกินกว่าที่คนสองคนจะมาพบเจอกันอีก “ตั้งใจจะลืมแล้วแท้ๆ แต่ทำไม…” เสียงสะอื้นเริ่มซาลงเล็กน้อยพอทีเวลา สมองก็ทบทวนคำพูดของโจฮัน แววตา ท่าทางเขาเปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คนคนเดิมที่เธอรู้จัก เพราะโจฮันคนนี้พูดทุกอย่างตามที่รู้สึก ไม่เงียบขรึมเหมือนแต่ก่อน และแววตาที่เคยเย็นชาก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและโหยหา มันเหมือนกับว่าเขาเพิ่งจะมีชีวิตเป็นของตัวเอง และเขา….กล้าพูดคำนั้นออกมาได้อย่างไร“รักเหรอ” ขนมผิงขยับปากพูดเสียงเบา แต่ต้องปาดน้ำตาเพราะรู้ว่าช่วงเวลานี้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ เธอจำต้องออกไปช่วยพนักงานขายขนมและเสิร์ฟอาหาร จึงไม่มีเวลาให้เศร้ามากด้านโจฮันกลับมาตั้งหลักที่โรงแรม มีนที่กำลังวิ่งวุ่นเพราะหา
บทที่ 43 สารภาพรัก“คุณจำคนผิดแล้วมั้งคะ” หญิงสาวแกะมือเขาออกจากข้อมือตัวเองได้สำเร็จก็เดินหายเข้าไปหลังร้าน ด้านโจฮันลุกขึ้นจะเดินตามไป แต่มันคว้าแขนไว้ได้ทันพอดี“นายครับ”โจฮันสะบัดมือลูกน้องออกแล้วรีบเดินตามหญิงสาวไป“ผิง ผิง!”“นานครับ นายใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” มันพยายามฉุดรั้งให้โจฮันมีสติกว่านี้ “ใจเย็นก่อนนะครับนาย อย่าเพิ่งทำอะไรตอนนี้เลย คนเต็มร้านเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราไปทำร้ายเขานะครับ”โจฮันยอมอ่อนลงแล้วรีบเดินออกไปจากร้านทันที มีนที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบหยิบเงินออกมาวางไว้บนโต๊ะแล้ววิ่งตามเจ้านายไปปึง!โจฮันตบโต๊ะเสียงดังลั่นห้องพักของปู่“ผมเจอเธอที่นี่ ใช่เธอจริงๆ ใช่ไหม ปู่เอาเธอมาซ่อนที่นี่ใช่ไหม”“อะไร มาถึงก็โวยวายไม่หยุด แกไปเจอใครมากันแน่”“ปู่อย่ามาทำไขสือ ผมรู้ว่าปู่จัดการทุกอย่าง ปู่ให้ขนมผิงมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม”ปู่ยกแก้วชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ แล้วเงยหน้ามองหลานชาย“แกจำคนผิดหรือเปล่า ผู้หญิงมากมายหน้าตาก็คล้ายกันหมด อาจไม่ใช่เธอคนนั้นก็ได้”“ไม่จริง! ผมจำเธอได้”“แกมีอะไรมายืนยันว่าแกจำเธอได้”คราวนี้โจฮันเป็นฝ่ายเงียบไปเอง เขาจะบอกยังไงว่าจำเธอได้ทุกอย่าง เพราะภาพใบหน
บทที่ 42 พบเจอโจฮันทวนชื่อขนมนั้นเสียงเบา และรับถุงมาถือไว้ในมือ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กำลังจ้องมองถุงขนม“ขนมผิงอย่างนั้นเหรอ”โจฮันทวนชื่อขนมนั้นเสียงเบา และรับถุงมาถือไว้ในมือ เขาไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แต่กำลังจ้องมองถุงขนมกลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยออกมาจากปากถุง ผสานกลิ่นหอมหวานบางเบาเฉพาะตัวที่เขาจำได้ดี มันพาเขาย้อนกลับไปยังช่วงเวลาหนึ่งในวัยเด็ก วันที่อากาศร้อนอบอ้าว และคุณย่าใช้เตาถ่านเล็กๆ ค่อยๆ อบขนมทีละถาด เสียงเปลวไฟแตกดังเบาๆ คล้ายเพลงกล่อม โจฮันยังจำได้ถึงความรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ขนมผิงเริ่มแยกตัวแตกเป็นรอยเล็กๆ บนผิว และความอบอุ่นที่กระจายไปทั่วครัวเล็กๆ นั่นเขาหลับตาลงชั่วครู่ ลมหายใจพาเอากลิ่นหอมหวานซึมลึกเข้าไปในอก ความรู้สึกที่ถูกลืมเลือนกลับมาชัดเจน ราวกับว่าวันเวลาที่ผันผ่านไปนานแสนนานนั้น เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เองโจฮันลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ สัมผัสได้ถึงรอยยิ้มบางๆ ที่เผลอผุดขึ้นมาบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว เขากระชับถุงขนมในมือแน่นขึ้น แล้วหันไปมองมีนที่ยังยืนอยู่ข้างๆ อย่างลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยปาก“พรุ่งนี้…ว่างไหม” โจฮันถาม น้ำเสียงแผ่วเบาแต่เต็มไปด้วยความจร
Comments