"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"
จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลย
แล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น
"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว
"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น
"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ่มก็แซวขึ้นมา ทำให้เพิร์ทต้องหยุดคิดอีกครั้งว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์แบบไหนกันแน่
เขาพยักหน้าเบาๆ สักพัก แล้วก็เดินไปเตรียมตัวทำงานต่อ บางทีการลองรับประสบการณ์ใหม่ๆ อาจจะเป็นสิ่งที่เขาต้องทำในช่วงเวลานี้ ระหว่างตอนนั้นเองผมเครียดจนหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้วรอมร่อ
แต่พอไทม์รุ่นน้องที่ทำงานพูดแบบนั้นอีกจึงทำให้อารมณ์ของผมนั้นแทบจะสุดขีดแต่ก็แสดงอะไรออกมาไม่ได้นัก ผมใช้แค่สายตามองค้อนใส่ไทม์ไป ส่วนมือของผมนั้นกำหมัดไว้แน่นก่อนที่ไทม์จะเดินเข้าไปหลบหลังเนม
"บ้าไร พวกมึงลองมาเป็นกูไหม อยู่กับผู้ชายแบบเนี่ยสาวๆกูจะทำไงล่ะไอ้พวกเวร"
"ไปๆ ไปทำงานไปพวกมึงเดี๋ยวกูหักตังแม่งไปเร็วๆๆ"
ตอนนั้นเองผมก็ค่อยๆเดินไปทำงานของผมไป ผมตัดสินใจที่จะเลี่ยงให้ห่างจากตัวเกมให้มากที่สุดและวิ่งเข้าไปที่เคาร์เตอร์ทันที ส่วนไอ้เกมนั้นก็ได้เริ่มทำงานตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเพราะไอ้เชี้ยพี่ตี๋บอกว่าสงสารและอยากให้มันมีอะไรทำบ้าง
มันก็ทำงานของมันไปไปพลางกับมองหน้าผมที่ชงกาแฟอยู่ ผมที่รู้แบบนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรมากเพราะไม่อยากจะเครียดไปมากกว่านี้จึงทำเป็นเก๊กไปและทำงานที่อยู่ตรงหน้าของผมไปเรื่อยๆ และบรรยากา
ภายนอกร้านเองก็เริ่มมีฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำเอาอุณหภุมิในร้านนั้นปรับไม่ทันเลยทีเดียว ผมที่เป็นคนหนาวง่ายขนลุกไปทั้งตัวก่อนที่จะมีคนเดินนำเสื้อมาคลุมจากด้านหลังของผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรในสิ่งที่เขาทำเลย
"มันหนาวคลุมซะ"
“มึงไปทำงานได้แล้ว อย่ามายุ่งกับกูตอนนี้”
“อือ ลูกค้าเข้าเยอะเลยไปก่อนนะ”
ผมถอนหายใจไปเฮือกหนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าให้เกมพร้อมกับสีหน้าเก๊กๆของผมไป ส่วนไอ้เกมก็ไม่ได้คิดอะไรมากในสิ่งที่ผมทำและเฉยชากับมันแบบนี้ เกมเดินไปทำงานของมันไปแอบมองผมไปจนหมดกะ ตอนนั้นเองทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับโดยเฉพาะผมและมันที่กลับบ้านไปพร้อมๆกัน
“วันนี้เพิร์ทเหนื่อยป่าว”เสียงของเขาแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความห่วงใย ซึ่งทำให้เพิร์ทรู้สึกเหมือนมีบางอย่างในใจเขาฉุกขึ้นมา ท่าทางของชายหนุ่มนั้นดูผ่อนคลายและรอยยิ้มบางๆบนใบหน้าเขาดูเหมือนจะหวังให้เพิร์ทได้รู้สึกดีขึ้นบ้าง
“กูไม่เหนื่อย”เพิร์ทตอบกลับเสียงเรียบแต่แววตาที่เขามองกลับไปยังชายหนุ่มนั้นแฝงไปด้วยความเครียดและความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ ไม่อยากให้ใครมาสนใจหรือถามคำถามอะไรที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนต้องเปิดเผยตัวตนมากไปกว่าที่เป็นอยู่
“วันนี้เห็นสาวๆมองเพิร์ททุกคนเลย เป็นแบบนี้ตลอดหรอ”น้ำเสียงของเขายังคงดูเป็นห่วง แต่ท่าทางเหมือนจะสงสัยในสิ่งที่เขาเห็น เสียงของเขานั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความชื่นชมและความสนใจในตัวเพิร์ท แม้ว่ามันจะฟังดูเหมือนคำถามธรรมดา แต่ความหมายในคำถามกลับสะกดใจเพิร์ทให้เขารู้สึกอึดอัด
“มึงมายุ่งไรเรื่องของกูเนี่ย เลิกถามมากได้ปะ”เพิร์ทพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและตัดขาด หวังให้ชายหนุ่มเลิกยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา เสียงที่ฟังดูค่อนข้างรุนแรงทำให้บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ท่าทางของเพิร์ทเองก็สะท้อนถึงความไม่พอใจที่ต้องถูกถามเรื่องที่เขารู้สึกไม่อยากจะพูดถึง
แววตาของเพิร์ทดูเหมือนจะไม่เต็มใจที่จะพูดถึงตัวตนของเขามากนัก บางทีเขาแค่ต้องการหลีกหนีจากความสนใจหรือคำถามที่มาทำให้เขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
หลังจากนั้นเองทั้งคู่ก็เดินทางกลับมาที่คอนโดของผม ตอนนั้นเองที่ไอ้เกมเดินทิ้งท้ายห่างจากผมมากจนคิดว่ามันคงจะกลับบ้านของไปแล้ว ผมจึงเดินเข้าไปในห้องและอาบน้ำอะไรตามปกติ
แต่ทว่าระหว่างนั้นเองเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่ผมจะเดินไปเปิดประตูทั้งๆที่กำลังใส่แค่บ็อกเซอร์ตัวเดียวเปลือยกายท่อนบนไปเผยให้เห็นซิกแพ็คที่เรียงรายกันลงมาพร้อมกับรูปร่างของเขาที่ดูกำยำและเซ็กซี่มาก
//ก๊อกๆๆๆ
//แกร๊กกก
"เมียจ๋าา"เสียงของเขาดังขึ้นอย่างเบิกบาน แต่เพิร์ทที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกขัดแย้งที่แอบซ่อนอยู่ในตัวเอง ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้
"เมียพ่อง หยุด หยุดเรียกแบบนั้นสักทีเหอะ กูฟังแล้วรู้สึกเลี่ยนว่ะ"เพิร์ทพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะพยายามขับไล่ความรู้สึกขัดแย้งในตัวเองออกไป ขัดขืนความรู้สึกที่เริ่มจะดึงเขากลับไปสู่สถานการณ์ที่เขายังไม่พร้อมที่จะรับมัน
"งั้นก็ผัวจ๋าาา"คำพูดนั้นกลับทำให้ทุกอย่างยิ่งดูน่าอึดอัดใจ เมื่อเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แต่ท่าทางของชายหนุ่มก็ไม่ได้ดูรุนแรง หรือเจาะจงจะทำให้ทุกคนรู้สึกอะไรนอกจากความขำขันเล็กน้อย
"นี่ก็ไม่ได้"เพิร์ทพูดออกไปด้วยความรู้สึกสับสน เขารู้สึกเหมือนกับว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป ความรู้สึกที่เขามีอยู่ตอนนี้มันสับสนเกินกว่าที่จะตอบสนองต่อคำพูดแบบนี้ได้ ท่ามกลางความขบขันที่เกิดขึ้น เขาพยายามจะสกัดกั้นความรู้สึกที่มันเริ่มจะพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แต่หัวใจของเขาก็ยังคงเต้นแรง ทุกคำพูดของชายหนุ่มทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าโลกทั้งใบกำลังหมุนไปอีกทางหนึ่ง และเขาก็ไม่สามารถหยุดมันได้
ไอ้เกมก็ยังคงเป็นมันที่พูดออกไปพร้อมกับทำหน้าทะเล้นใส่ผมที่กำลังเครียดและหงุดหงิด แต่ด้วยความหล่อเหลาโอ้ปป้าเกาหลีสูงหล่อ ขาวใส เพียบพร้อมทุกอย่าง ทำเอาผมนั้นเริ่มหวั่นไหวกับคนที่ยืนอ้อนอยู่ตรงหน้าแบบเกม ก่อนที่เขานั้นจะเดินไปที่ตู้เย็นและหยิบน้ำดื่ม
"นู่นก็ไม่ได้นี้ก็ไม่ได้จะให้เรียกว่าอะไร"
"กูชื่อเพิร์ท แล้วนี้มึงไม่กลับบ้านไง ถึงได้มาอยู่บ้านคนอื่นแบบเนี้ย"
ผมหงุดหงิดมากจริงที่มันทำแบบนี้จึงเผลอตะคอกใส่ไอ้เกมไป ดูเขาจะตกใจมากและอ่อนไหวเลยทีเดียวมันทำหน้าเศร้าก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาอย่างเหาหงอยไม่รู้ว่าโกรธที่ผมด่าหรือว่าอะไร ผมที่เห็นแบบนั้นจึงเดินเข้าไปหามันทันที
“มึง เป็นอะไรอีกเนี่ย กูขอโทษ”เสียงของเขาดังขึ้นอย่างจริงจังแต่ไม่สามารถปิดบังความสับสนที่แฝงอยู่ในดวงตาของเขาได้ ทุกคำพูดที่เขาพูดออกมาดูเหมือนจะมีน้ำหนักมากขึ้น และเพิร์ทเองก็ดูเหมือนจะยังคงติดอยู่ในสถานการณ์ที่เขาไม่สามารถควบคุมได้
“กูมากับกามเทพจะให้กูกลับไงวะ ถ้ากูมีที่ไปก็คงไปนานละ”เพิร์ทพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่แห้งแล้ง ความเจ็บปวดที่เก็บไว้ในใจมันทำให้เขาพูดออกมาแบบนั้น ไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกที่ลึกลับภายในตัวเองที่มันยิ่งทำให้เขาหมดหนทาง
“กามเทพ หมายความว่า...”ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย ทำให้เพิร์ทหันมามองเขาอีกครั้ง
“เอ่อท่านส่งกูมาให้มึงอ่ะ”คำพูดนั้นเหมือนจะทำให้ทุกอย่างชัดเจนขึ้นเพียงแค่ชั่วขณะ ความรู้สึกที่ค้างคาอยู่ในใจของเพิร์ทมันลอยขึ้นมาเหมือนพายุหมุนใหญ่ ความคิดที่ว่าเขาไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกนี้ มันดึงดูดให้เขาเริ่มสงสัยและตั้งคำถาม
ความเงียบเข้ามาครอบงำพวกเขาทั้งสอง ความตึงเครียดเริ่มแผ่กระจายไปทั่วห้อง ความรู้สึกที่ไม่รู้จะเอ่ยออกมาอย่างไรเต็มไปหมด เพิร์ทไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขายังคงยืนนิ่ง ไม่แน่ใจว่าควรจะตอบยังไงดี
ผมที่ไม่รู้ว่าควรจะทำไงต่อกับสิ่งที่ผมนั้นได้ทำให้มันต้องมาหงอยแบบนี้ ผมจึงเดินเข้าไปคว้าแขนหนาขึ้นมาและลากเขาไปที่โต๊ะทานข้าวผมยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา มีแต่การกระทำของผมนั้นก็สำนึกผิดและคอยดูแลไอ้เกมมันนอย่างดีไม่ใช่เพราะว่าเกมเป็นคนของเทพหรอกแต่เพราะผมนั้นแค่รู้สึกผิดที่พูดและทำกับมันแบบนั้นซะมากกว่า
"ปะๆ ทานข้าว กูให้มึงอยู่ด้วยก็ได้"ผมพูดไปด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเฉยชา แต่กลับมีความรู้สึกซ่อนอยู่ในนั้นเขามองไปที่เกมที่ยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของเกมยังคงมีรอยยิ้มบางๆ แต่มันก็แฝงไปด้วยความหวังและความสงสัยที่เพิร์ทสัมผัสได้
“จริงนะ เพิร์ทอย่าโกหกกูนะเพิร์ท”น้ำเสียงของเกมเต็มไปด้วยความคาดหวังและความไม่แน่ใจ เขาเดินเข้ามาใกล้ๆผม รอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าหายไปแล้วแทนที่ด้วยความจริงจัง แม้จะดูเหมือนว่าเขาแค่พูดเล่น แต่ผมเองก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่แค่การพูดเล่นธรรมดา
ผมก้มหน้าลง ไม่อยากสบตากับเกมนานเกินไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรออกไปอีก จึงพยายามที่จะเปลี่ยนหัวข้อโดยไม่ให้มันกลายเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเกินไป
"เอ่อๆ รีบกินข้าวเหอะมึง"เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเรื่องปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะเดียวกันก็พยายามจะไม่ให้เกมเห็นความสับสนที่เกิดขึ้นในใจของเขา
เกมมองผมอีกครั้งแล้วเขาก็ยิ้มขึ้นอย่างรู้สึกโล่งใจนิดหน่อย ท่าทางของเขาอ่อนลงเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร พยายามไม่ให้บรรยากาศมันเครียดเกินไป ขณะที่ผมก็เดินไปข้างๆ เขาและเตรียมตัวกินข้าวอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองต่างนั่งเงียบๆ ร่วมกัน แม้ไม่พูดอะไรมากมาย แต่ในความเงียบกลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนที่ยังไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด ความรู้สึกที่มีระหว่างทั้งคู่ยังคงเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบาย แต่อย่างน้อยในตอนนี้ พวกเขาก็ยังคงอยู่ด้วยกันในช่วงเวลานี้
ตอนนั้นเองหลังจากที่ผมพูดจบไปไอ้เกมก็นั่งกินข้าวที่อยู่ตรงหน้าของมันไป แต่จู่ๆผมก็ลั่นขำเบาๆออกมาทำเอาผมนั้นคุมตัวเองไม่ได้เลยทีเดียวพร้อมกับหัวใจของเขาที่เริ่มอ่อนไหวกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงหน้า ผมนั่งมองเกมไปก่อนที่จะตั้งสติและนั่งกินข้าวของเขาไป
"อร่อยอ่ะ เห้ยยเพิร์ทนั่นตัวอะ ทำไมมันเป็นลายแบบนั้นอ่ะแถมน่ากลัวด้วย"เสียงของเกมดังขึ้นทำให้ผมที่กำลังเคี้ยวข้าวอยู่สะดุ้ง เงยหน้าขึ้นมองตามที่เกมชี้ไปด้วยความสงสัย เขาเห็นว่ามีรอยสักลายประหลาดที่ทับซ้อนกันบางอย่างที่ผิวของตัวเอง ซึ่งเพิ่งสังเกตเห็นตอนนี้ พอมองดีๆก็เห็นว่าเป็นลายที่ซับซ้อนและคล้ายกับรอยที่มาจากการใช้เวลานานหรือการฝึกฝนอะไรบางอย่าง
“อะไรของมึงอีก เชี้ย!!”
"มึง..."ผมพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาที่แนบชิดกับผมทำให้สมองของผมเหมือนถูกปิดการทำงาน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เอาแต่ซบไหล่ผมอย่างเงียบๆลมหายใจของเขาสม่ำเสมอและสงบ แต่หัวใจของผมกลับเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นทั้งคำตอบและคำถามในตัวของมันเอง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ควรจะผลักเขาออกไปหรือจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความอ่อนโยนนี้แต่มือของเขาที่จับผมไว้แน่น กับหัวของเขาที่ซบอยู่บนไหล่ มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อย่างน้อยในตอนนี้ เขาอยู่ตรงนี้อยู่กับผม"วันนั้นอ่ะหลังจากที่กูกลับไปที่นู้น กูก็ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคิดถึงคนอย่างมึงนี่แหละ"น้ำเสียงของมันเริ่มต้นด้วยความหนักแน่น แต่พอพูดไปความรู้สึกในใจที่อัดอั้นมานานก็เริ่มแทรกออกมาผ่านน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาของมันมองตรงมาที่ผมลึกเข้าไปในดวงตาของผม เหมือนพยายามจะส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บไว้ในใจ"
ณ ร้านกาแฟ coffee brownie“อยู่ไหนวะ”ผมถามด้วยเสียงเร่งร้อน น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดใจผมเต้นกระหน่ำอยู่ในอกจนแทบจะหลุดออกมา ความกังวล ความหวังและความตื่นเต้นผสมปนเปจนรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ“มันเพิ่งออกไป ก่อนหน้าที่มึงจะเข้ามานี้เอง”คำพูดของเพื่อนที่ดังลอดปลายสายเหมือนเสียงระฆังที่บอกถึงความพ่ายแพ้“เชี่ยเอ้ย!”ผมสบถออกมาอย่างลืมตัวเสียงของผมดังขึ้นจนคนในร้านหันมามอง ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนข้อนิ้วขาว ดวงตากวาดมองรอบๆอย่างสิ้นหวัง ความหงุดหงิดทำให้ร่างกายของผมรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกพันธนาการผมยืนกลางร้านมือข้างหนึ่งกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ส่วนอีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคล้ายหาทางระบายความหงุดหงิด ลิ้นดันแก้มซ้ายแรงๆขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันจนรู้สึกถึงแรงตึงตรงหน้าผาก“พี่เพิร์ท!”เสียงใสๆดังมาจากโต๊ะข้างๆผม
หลังจากวันนั้นผมเองก็พยายามตามหาไอ้เกมทุกช่องทาง ทุกที่ที่ผมคิดว่าจะมีโอกาสเจอมันไม่ว่าจะเป็นในร้านหรือที่ไหนๆผมสอดส่องไปตามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงใครเรียก ผมก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไอ้เกม แต่ทุกครั้งที่ผมหันไปกลับไม่มีใครเลยนอกจากคนอื่นๆกริ่งกร่อง "ไอ้เกม ขอโทษครับ รับอะไรดีครับ"เสียงของผมหลุดออกไปเองด้วยความหวังในใจ แต่พอมองไปที่ลูกค้ากลับไม่ใช่มันใจของผมห่อเหี่ยวลงทันที เกมมึงอยู่ที่ไหนวะ ไหนมึงบอกว่ามึงจะมาหากูไงมึงบอกว่าจะกลับมา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย"เพิร์ท ลูกค้าสั่งอเมริกาโน่เย็นหนึ่งที่ มึงเป็นไรเนี่ย"พี่ตี๋เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับถาดเครื่องดื่มในมือ แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลและน้ำเสียงที่แฝงความเป็นห่วงไว้"นี่มึงยังไม่เลิกคิดที่จะตามหามันอยู่หรอ"เขาถามเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเขาคงเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาผมแล้ว
คิดถึงตอนนั้นผมคิดว่าผมน่าจะต้องตายไปแล้วความเย็นเยือกของสายน้ำที่โอบรัดร่างกายและแรงตะคริวที่เล่นงานขาทำให้ผมหมดเรี่ยวแรงต่อต้าน หัวใจของผมเต้นช้าลง ความหวังที่จะรอดชีวิตหายไปพร้อมกับลมหายใจที่รวยริน ผมจึงปล่อยตัวเองให้จมลงไป ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงตรงนั้นแต่จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนคว้าตัวผมไว้ ความรู้สึกนั้นเหมือนเป็นจุดประกายความหวังสุดท้ายผมพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่ามัว ร่างของคนที่ช่วยผมดูคล้ายเงาในม่านหมอก ผมรับรู้ถึงแรงที่ดึงตัวผมขึ้นเหนือผิวน้ำ เสียงน้ำแตกกระจายดังสะท้อนในความเงียบงันรอบตัวจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าถูกพาไปวางบนพื้นดินที่แข็งและเย็นลมหายใจผมยังติดขัด ผมไอออกมาอย่างรุนแรง น้ำในปอดทะลักออกมาทำให้ผมหายใจได้โล่งขึ้นเล็กน้อย ร่างของคนที่ช่วยผมโน้มตัวมาหา เขากระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและมั่นคงผมพยายามมองหน้าเขา สายตาเบลอๆ ของผมพยายามจับจ้องไปที่ใบห
สุพรรณ14.20น."พ่อ พ่อ พ่อ เด็กๆ มาแล้วววว!"เสียงแม่ดังลั่นมาตั้งแต่หน้าบ้านน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับมาหา พ่อกับแม่ยืนรออยู่ตรงประตู ใบหน้าของแม่เปื้อนยิ้ม ส่วนพ่อก็ยืนมองอย่างใจดีเหมือนเคย"เพิร์ทลูก เป็นไงบ้างลูก เรากับเกมเลิกกันแล้วเหรอ"คำถามของแม่ทำเอาผมชะงักไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของแม่เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะกดดัน แต่กลับทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกดึงลงไปลึกในความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึง"ใช่ครับแม่ พอดี"ผมพยายามตอบด้วยเสียงเรียบที่สุด แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ้งแววตาของแม่ดูเหมือนจะสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม"แต่เกมก็ยังดีนะลูก ขนาดเลิกกับเรายังมาหาแม่เลย พึ่งกลับไปก่อนที่เราจะมาเนี่ย สองปีก่อนเกมก็มาที่บ้านเรานะแถมยังฝากอันนี้ให้เราด้วย""อะไรนะแม่ ไอ้เกมมาที่นี่เหรอ
"โอ๊ยย เชี้ยเอ๊ย"เสียงร้องของเพิร์ทที่ไม่อาจห้ามได้เมื่อมันเจ็บมากกว่าที่คิด เขาแทบจะไม่ทันตั้งตัว ไอ้เกมเข้ามาจับมือเขาเบาๆอย่างระมัดระวัง ราวกับไม่อยากทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าเดิม"เป็นไงบ้างเนี่ย โหมือพองหมดแล้ว ปะเดี๋ยวไปทายา"ไอ้เกมพูดออกมาอย่างห่วงใย แววตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้แค่พูดอย่างไร้ความหมายมันดูจริงจังเหมือนกับว่ามือของเพิร์ทคือสิ่งที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ไอ้เกมรีบพาเพิร์ทไปที่มุมร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แผลจะลุกลามมากกว่านี้"อือ"เพิร์ทพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับที่ไม่สามารถแสดงออกไปมากกว่านี้ได้ในขณะนั้น ความเจ็บปวดจากมือที่ลวกทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างที่เคยสงบมันหายไป จนเขาไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้มากไปกว่าความรู้สึกที่อยู่ภายในใจเมื่อถึงที่ทำแผลไอ้เกมก็จัดการทายายาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ระมัดระวังให้มากที่สุด มันทายาแล้วพันผ้าก๊อซรอบมือที่บวมขึ้น สีหน้าไอ่เกมไม่ได้เต็มไปด้วยความเครี