เช้าวันต่อมา
เช้าวันต่อเป็นเช้าที่มืดครึ้มอีกวันหนึ่งเพราะในช่วงนี้เองเป็นช่วงฤดูฝนชายหนุ่มร่างบางที่นอนโอบกอดใครอยู่คนหนึ่งจากเมื่อคืนที่เขานั้นได้ไปขอพรรูปปั้นกามเทพมาและก็ดันจำอะไรไม่ได้เลยจนตื่นเช้ามาและเจอเข้ากับใครบางคนที่นอนอยู่
บรรยากาศภายในห้องและนอกห้องนอนก็ช่างเป็นใจทำให้เขานั้นอยากจะซึมซับกับอ้อมกอดของเค้าคนนั้นเอาไว้ให้นานที่สุด แต่ทว่าระหว่างนั้นเองคนในอ้อมกอดของเขานั้นกลับมากระซิบที่หูของเขาทันทีเบาๆด้วยนํ้าเสียงงัวเงีย
"มอนิ่งครับที่รัก ตื่นรึยังเอ่ย"
//แต่... เอ๋!ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเสียงเหมือนผู้ชาย อ้อผู้หญิงเสียงห้าว
ตอนนั้นเองผมแทบจะไม่ได้คิดอะไรมากนักเพราะผู้หญิงคนนั้นคงเป็นสาวห้าวหรืออะไรตามความคิดที่มีในตอนนี้ก่อนที่ผมจะก้มลงจูบเค้าคนนั้นไป1ที แต่ก็ยังคงปิดเปลือกตาทั้งสองอยู่
แต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่นานผมก็ตัดสินใจลืมเปลือกตาทั้งสองข้างนั้นขึ้นเพื่อชื่นชมความงามของหญิงสาวในอ้อมกอดและพยายามเปิดเปลือกตาให้สู้แสงไฟเอาจนได้และพบกับชายหนุ่มรูปงาม ผิวขาว สูงยาวประมาณ180+ ผมขมวดคิ้วแทบจะผูกกันได้แล้ว
ตอนนั้นเองที่ผมลืมตาขึ้นผมตกใจมากจนถอยออกไปจนตกเตียงเลยด้วยซ้ำตอนนั้นเองคำถามในหัวของเขานั้นมากมายหลายแสนที่อยากจะถามแต่ผมก็จนตรอกพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆกับภาพตรงหน้รที่เห็นแบบนี้
“เจ็บไหมที่รัก ลุกได้แล้วนี่ก็สายละนะ เดี๋ยวไปทำงานสายหรอกครับ”เสียงนุ่มที่ดังข้างหูทำให้เขาขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆเปิดตาขึ้น แต่เมื่อสายตาเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มข้างๆ เขาก็รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
"นี่มึงมาทำไรบนเตียงกู มึงเป็นใคร"น้ำเสียงของเขาหยุดชะงัก ก่อนจะพูดด้วยความสงสัยผสมกับความรู้สึกไม่คุ้นเคย ขณะที่เขากำลังพยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
"ผมเป็นผัวคุณไงครับ ก็เมื่อคืนเรา"เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดี แต่ความเข้าใจยังไม่ตกลงในใจของชายหนุ่มที่กำลังฟื้นคืนสติ
"หยุด! หยุดพูดก่อน ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!"เขาสั่งเสียงเข้มขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยจะทำให้เขาเข้าใจอะไรชัดเจนมากขึ้น ท่าทางเขาไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ทั้งหมดในตอนนี้ ชายหนุ่มข้างๆชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้เบาๆแต่ก็ลุกขึ้นไปตามที่ถูกสั่ง เขารู้ว่าตอนนี้มันคงเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
ทั้งที่ในใจของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัยและความรู้สึกที่ตีกันไปมาเขาหันไปมองชายที่ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อย่างไรก็ยังคงสงสัยในทุกคำพูดและการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
จากนั้นเองผมค่อยๆลุกขึ้นและเดินเข้าไปที่ห้องน้ำแต่ทว่าจู่ๆระหว่างนั้นเองชายปริศนาก็ค่อยๆเดินเข้ามาสวมกอดผมทันทีจากด้านหลังโดยืี่สภาพเรือนร่างกายของเราสองคนที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์กันเลยทั้งคู่จนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แข็งๆทิ่มมาอยู่ด้านหลังของผม และตอนนั้นเองผมที่ยังทำใจไม่ได้ตกใจมากและก็ไม่ได้จะทำอะไรก่อนที่จะผลิตัวและวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีก่อนที่จะพาชายหนุ่มไปที่ร้าน
ร้านกาแฟ coffee brownie
บรรยากาศในร้านกาแฟยามเช้าดูเงียบสงบและเหงาหงอยเหมือนกับใจของเพิร์ทที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกผิดหวัง ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะเป็นไปตามเส้นทางที่ไม่คาดคิด เมื่อเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์กาแฟ เขาก็พบว่ามีเพื่อนของเขากำลังยิ้มและเล่นมุกกันอย่างสนุกสนาน แต่สิ่งที่กลับมาในหัวของเพิร์ทคือคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าทำไมเรื่องราวที่เกิดขึ้นถึงได้แปลกประหลาดจนเขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
"อ้าวววว ไอ่เพิร์ท เป็นไงบ้างเมียมึงแจ่มปะ"คำพูดของเพื่อนดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเพิร์ทกำลังเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจลึกๆความรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นๆที่ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวในยามนี้
"แจ่มห่าไร แทนที่กูจะได้เมียที่เป็นผู้หญิง แต่ทำไมกูได้เมียที่เป็นผู้ชายวะ"คำตอบนั้นออกมาในรูปแบบที่แข็งกร้าว เสียงที่สั่นๆพร้อมความโกรธที่กลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนของเขาได้ชั่วคราว ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนดึงกลับไปสู่ความเป็นจริงที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า มันเป็นคำถามที่เขาเองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ จิตใจของเขากำลังสับสนไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
"ผู้ชาย! มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ มึงไปลบหลู่เค้ารึป่าว"เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่ตามมาคำพูดนี้ยิ่งทำให้เพิร์ทรู้สึกเหมือนโดนกระแทกกลับมาสู่ความจริงที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า มันเหมือนกับความผิดพลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และทำให้เขารู้สึกกลัวที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
“พี่ๆ ผมรู้ละ ปีกของกามเทพหักอ่ะ ผมไปดูกล้องวงจรปิดมันหักตั้งแต่เย็นแล้ว แล้วคนที่ไปขอในตอนนั้นก็ไม่มีด้วย เนี่ยคงเป็นสาเหตุที่มันผิดเพี้ยนมั้ง”จากนั้นไอ้เนมก็เดินเข้ามาแทรกบทสนทนา พร้อมกับคำพูดที่เหมือนจะมีคำตอบให้กับเหตุการณ์นี้ เสียงของเนมเป็นเหมือนกับเสียงที่ยืนยันความรู้สึกผิดหวังของเพิร์ท แม้ว่าจะพยายามอธิบายเหตุผลให้ฟังแต่ก็ไม่อาจทำให้ความสับสนและความเจ็บปวดในใจของเขาลดลงได้เลย
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่มันกลับทำให้เพิร์ทรู้สึกเหมือนกำลังหลงทางในโลกที่เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถตอบได้ ความรู้สึกของการถูกทิ้งไว้กับคำถามมากมายที่ยังคงวนเวียนในหัวใจของเขา มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่มีทางออก
ร่างของผมยืนอยู่อย่างนิ่งๆมือที่เกร็งและกำหมัดแน่น แสดงถึงความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมา เขามองไปที่เพื่อนๆ ที่ยังคงคุยกันไปเรื่อยๆ เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเขาแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับไม่ใช่เรื่องปกติ ความสับสนและความเจ็บปวดมันกัดกินหัวใจของเขาทีละน้อย ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะจมดิ่งลงไปในโลกที่ไม่สามารถหาทางออกได้
ตอนนั้นเองที่ไทม์รุ่นน้องที่ร้านของผมนั้นได้วิ่งเข้ามาภายในร้านก่อนที่จะถืออะไรสักอย่างเดินเข้ามาและทำสีหน้าท่าทางแปลกๆไปและในมือของเขาเองนั้นคือเศษหินอะไรบางอย่างแต่ลองสังเกตไปและพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก
จนกระทั่งเขาเองก็หันไปมองทางรูปปั้นและนั่นคือปีกของกามเทพที่อยู่ข้างร้านนั่นเอง ทุกคนดูท่าทีตื่นตาตื่นใจมากก่อนที่ชายปริศนาคนนั้นจะเดินเข้ามาทางพวกเขา เพิร์ทที่เห็นแบบนั้นจึงรีบไปหลบที่หลังของตี๋ทันที
"เพิร์ท!"เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นในขณะที่เขาวิ่งเข้ามาหา ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ความรู้สึกที่มันเต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวดในใจยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
"เชี้ย! พวกมึงนี่ไง ไอ้คนที่หุ่นบ้าตัวนั้นส่งมาอ่ะ เช้ามากูก็เจอบนที่นอนละเกิดอะไรวะ"เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ก่อนจะหยุดยืนกลางห้องและสบตากับผมที่นั่งอยู่บนเตียง เขาไม่รู้ว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไรแต่การมาของเขาก็ทำให้ทุกอย่างดูยิ่งสับสน
"อ้อ ใช่เกมคนที่ผับเมื่อคืนปะ"เพื่อนของชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนจะลองค้นหาคำตอบจากเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
"ใช่เราเกมไง คนที่เพิร์ท..."อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ปะติดปะต่อไปเป็นคำถามที่แทบไม่ต้องการคำตอบ เพียงแค่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นอะไร
ผมรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดอีกครั้ง คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว การกระทำของตัวเองในคืนนั้นมันเหมือนฝันร้ายที่เขาตื่นมาแล้วไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้อย่างสมบูรณ์
ร่างของเขาตึงเครียดเหมือนจะหลุดจากอาการช็อกที่ทำให้เขาต้องรับมือกับความจริงที่ไม่มีใครคาดคิด ในขณะที่ร่างกายเขาก็ยังคงตะกุกตะกักไม่สามารถตอบสนองได้เต็มที่ ความรู้สึกสับสนมารวมตัวอยู่ที่ตรงกลางหัวใจ ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลสำหรับเขาในตอนนี้ ทุกคำพูด ทุกการกระทำมันเหมือนจะเกิดขึ้นในฝันที่เขาตื่นมาแล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้ //เกม เกมไหนวะ ที่ผับ ผับไร
ตอนนั้นเองผมที่ยังคงยืนงงในกลุ่มพวกผมนั่นเองเพราะผมจำได้นั้นแค่ว่าตั้งแต่ที่เขาเริ่มขอพรนั้นจนกามเทพรูปงานตนนั้นสั่งให้เขาหลับตาและภาพก็ดับไปจำได้อีกทีนั้นก็ตื่นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของเขาแล้ว
"มึงคิดดีๆ นี่ไอ้เกม คนที่ไปเจอที่ผับเมื่อวานอ่ะ เมื่อคืนมึงไปลวนลามเค้าอ่ะ แล้วจู่ๆพวกมึงก็หายกันไปเลย กูคิดว่ามึงกลับไปแล้ววว"
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"
ณ วันนี้วันที่แสงอรุณทอแสงผ่านเข้ามายังผ้าม่านพร้อมกับอากาศที่เย็นสบายตัวกับในห้องที่แอร์อุณหภูมิพอดีสบายตัวอีกด้วยสองหนุ่มค่อยๆตื่นจากฝันอันมีความสุข ทั้งสองขยี้เปลือกตาทั้งสองข้างก่อนที่จะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและรีบเดินทางไปที่ร้านทันทีตาม“เพิร์ท กูทำแซนวิชไว้ให้นะเว้ย กูทานแล้วมึงอ่ะก็รีบๆแต่งตัวเร็วๆด้วย มันสายแล้วนะเว้ยเดี๋ยวรถก็ติดเอาหรอก เข้าใจนะ”“เอ่อๆๆ บ่นอยู่นั่นแหละมึงอ่ะ รีบไปอาบน้ำเลย”พวกผมสองคนเองต่างก็พากันเร่งรีบกันแต่งตัวอย่างว้าวุ่นเมื่อตอนนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ต้องเข้างานแล้ว แตทว่าพวกเราเองยังคงอยู่ที่ห้องกันอยู่“เอ่อๆๆ เร็วๆนะมึง”ทั้งสองเมื่อทำอะไรเสร็จหมดแล้วนั้นก็คนตัวสูงเองก็รีบขับรถออกไปจากตรงนั้นทันทีโดยที่ทางผมเองก็เปิดกล่องอาหารเพื่อนั่งกินแซนวิชที่คนข้างกายนั้นได้ทำให้อย่างเอร็ดอร่อย"อร่อยปะ ครั้งหน้าจะได้ทำอีก"
หลังจากเมื่อคืนจนเช้าวันต่อมาในฤดูฝนและอากาศที่หนาวเหน็บพร้อมกับชายหนุ่มอย่างผมที่ตามหาบัตรและข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับสวนสนุกจนเพลิดเพลินและทำเอาไข้ผมขึ้นนอนโทรมเลยทีเดียวเขาไม่แม้แต่จะลุก ลืมตา หรือพูดอะไรออกมาเลยผมจึงไม่ได้สนใจและนอนต่อส่วนทางเกมนั้นที่ไม่รู้ว่าผมป่วยอยู่จึงเดินไปเข้าห้องนํ้าทำธุระส่วนตัวและออกไปทำอาหารตามปกติของเขา แต่เขารู้สึกแปลกๆเกี่ยวกับผมเขาจึงเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง ขาเรียวยาวสาวเท้าเดินไปหยิบรีโมทแอร์ขึ้นมาปรับอุณหภูมิของห้องและมาที่เตียงนอนเพื่อเปิดผ้าห่มที่ผมเองได้คลุมโปล่งไว้ก่อนที่จะส่งมือหนาของเขาไปแตะตัวผม“เพิร์ท ตื่นได้แล้วมึง สายแล้วนะเดี๋ยวไปร้านสายหรอก เชี้ย!!ทำไมมึงตัวร้อนขนาดนี้วะ”“อะไรวะเกม กูไม่ได้เป็นอะไรเว้ย”“ไม่เป็นเชี้ยไรตัวร้อนขนาดนี้วะเพิร์ท ปะไปหาหมอ”“อื้อ~~~ กูไม่ไปอ่ะ กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ มึงไปทำงานเหอะ”
แต่ทันใดนั้นเองที่เกมเดินเข้ามาทางผมและทำสีหน้าท่าทางดูยิ้มแย้มแจ่มใสมากเข้า ผมรีบคว้าเเขนของเกมทันทีอย่างแน่นก่อนที่จะทำหน้าเข้มใส่เขาส่วนเกมที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยนั้นก็ไม่ได้จะทำอะไรตอบเพราะคงคิดว่าผมคงจะยังโกรธที่เขาไปถามเขาเรื่องเมื่อเช้า“มีอะไรรึป่าวเพิร์ท กูเจ็บนะ”เกมเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่แฝงความเจ็บปวดขณะพยายามดึงมือกลับจากการจับแน่นของผม สายตาของเกมจ้องมาที่ผมด้วยความสงสัยปนไม่พอใจเล็กน้อย ใบหน้าของมันนิ่วเล็กน้อยเหมือนอยากจะถามให้แน่ชัดว่าผมเป็นอะไรไปผมหันไปสบตากับเกมแต่สายตาผมกลับตวัดไปที่โต๊ะนั้น โต๊ะที่ผมเห็นพวกมันมองมาที่เกมตั้งแต่ก้าวแรกที่เกมออกมาเสิร์ฟ รอยยิ้มบางๆที่ไม่จริงใจของลูกค้าพวกนั้นทำให้ใจผมกระตุกอย่างบอกไม่ถูก ความห่วงกังวลฉายชัดบนใบหน้าของผมขณะที่เอ่ยเสียงเครียด“มึงอย่าไปยุ่งกับโต๊ะนั้นมากนะเว้ย กูเห็นมันมองมึงตั้งแต่เข้าร้านละ”เกมเลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถอนหายใจแรงๆเหมือนกำลังหงุดหงิดที่ผมเข้ามาแทรกการทำงานของมัน“จะอะไรนักหนาวะ ลูกค้านะเว้ย!”มันพูดออกมาพร้อมกับสะบัดมือออกแรงจนผมปล่อยมือโดยไม่ตั้งใจผมมองตามมันที่เดินกลับไปอย่างหัวเสียแผ่นหลังเ
หลังจากวันนั้นได้หลายวันและวันนี้เป็นเช้าวันที่บรรยากาศก็ยังคงไม่เป็นใจมากนัก เมื่อท้องฟ้าในยามเช้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักพร้อมกับพายุที่เข้ามาอย่างโหมกระหนำซัมเมอร์เซลสายลมที่พัดผ่านเข้ามายังภายในห้องนอนผ่านผ้าม่านสีกรมที่ปลิวสะบัดไปมา ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่มายังเตียงนอนที่ชายหนุ่มทั้งสองนอนขดอยู่บนเตียงนิ่ม แสงแดดที่แทรกผ่านหมอกฝนยังไม่สามารถเจาะทะลุความหนาของเมฆฝนได้ ทำให้บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ดูเหมือนว่าวันนี้จะเป็นอีกวันที่ไม่มีความสดใสผมขยับตัวเล็กน้อย รู้สึกถึงความอบอุ่นที่มีอยู่ข้างๆแม้สายฝนจะโปรยลงมาภายนอก แต่เขากลับรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในช่วงเวลานี้ เขาหันไปมองข้างๆ และเห็นเกมยังคงนอนหลับอยู่ ขดตัวในท่าที่ดูเหมือนจะหลับสนิท ใบหน้าของเกมที่ยังคงมีรอยยิ้มจางๆอยู่บนมุมปาก ทำให้ผมรู้สึกถึงความอุ่นใจอย่างที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเสียงฝนกระทบกระจกหน้าต่างเบาๆผสมกับเสียงลมที่พัดผ่านทำให้ห้องนอนนั้นเงียบสงบ ราวกับว่าเวลาในตอนนี้กำลังหยุดนิ่งเพียงแค่ให้ทั้งสองได้อยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ต้องคิดอะไรมากมาย เพียงแค่ได้ใกล้ชิดกันเกมยืดตัวขึ้นเล็กน้อย
ผมถึงกับลั่นคำอุทานออกมาทันทีก่อนที่จะวิ่งไปคว้าตัวไอ้เกมขึ้นมาและลากเขาออกไปเพราะนั่นคือตุ๊กแกนั่นเองที่เกาะอยู่ตู้เย็น ผมทั้งโวยวายและกระโดดไปมาเพราะความกลัวของผมเองก่อนที่จะคุมสติและเรียกยามขึ้นมาจับตุ๊กแกให้ ไอ้เกมที่ดูเหมือนจะไม่เคยกลัวอะไรเลยก็ยืนนิ่งๆพร้อมกับขำไปเพราะกิริยาของผมนั้นดูไม่เหมาะกับคนนิ่งๆแบบผมเอาซะเลย“โหคุณเพิร์ทครับ นี้ตัวใหญ่มากๆเลย”เสียงของพนักงานในร้านดังขึ้นพร้อมกับการมองอย่างตื่นตาตื่นใจไปที่เพิร์ท ซึ่งทำให้เขาเกือบจะหัวเราะออกมา แต่มันกลับมีความรู้สึกขัดแย้งในตัวเอง เมื่อต้องรู้สึกเหมือนเป็นจุดสนใจอยู่ตลอดเวลา“โหยพี่รีบเอาลงไปเลย ผมกลัวจะแย่ละ ดีนะมันไม่โดดเกาะผมอ่ะ”เพิร์ทพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก เขาพยายามหลบหลีกสถานการณ์ที่ทำให้เขาเป็นจุดสนใจในขณะที่บรรยากาศรอบตัวเริ่มรู้สึกตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย เขารู้สึกไม่ชอบที่ต้องอยู่ในสายตาของทุกคน“อะไรโดดเกาะอะไรไม่รู้อ่ะ แต่ที่รู้ๆนี่คุณเพิร์ทเกาะแฟนแน่นเลยขอตัวนะครับ”พนักงานพูดจบพร้อมยิ้มกว้าง และแอบหยอกล้อเพิร์ทด้วยท่าทางสนุกสนาน แต่มันก็ทำให้เพิร์ทรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเขามองตามพนักงานที่เดินจากไป รู้สึกถึงความสน
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"จากนั้นผมก็มองหน้าไอ้เกมไป คิดไป มองไป แต่ก็คิดไปออกสักทีคือที่ผมจำได้แน่ๆคือเมื่อคืนผมมาที่ร้านแล้วพวกมันก็กระทืบผมอย่างจัง จนสภาพของผมนั้นเละเป็นอย่างมากจะให้มีอารมณ์ไปดื่มก็แปลกไปเพราะมันไม่อยู่ในความทรงจำผมเลยแล้วพวกมันก็พาผมไปขอไอ้หุ่นตัวนั้นหลังจากนั้นพวกผมก็ก็คุยกันหลังจากนั้นไอ้หุ่นตัวนั้นก็บอกให้หลับตาแล้วผมก็หลับตาจู่ๆมันก็มาโผล่มาอยู่ที่ที่นอนแล้วไอ้เนี่ยก็นอนกอดผม ผมจำได้แค่นี้จริงๆ ทำไมถึงเป็นแบบนี้วะมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่"งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ"เกมพูดเสียงเรียบๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไป ผมหันมามองเขาและรู้สึกถึงความทุลักทุเลในใจ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกไป ก็มีคำพูดของคนอื่นที่ดังขึ้น"เชี้ย! มึง เกิดอะไรขึ้นวะ"เสียงของเพื่อนคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เพิร์ทรีบหันไปมอง ทันทีที่เห็นท่าทางสงสัยของเพื่อน เขาก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างหลุดจากปากไปแล้ว"มึงก็ทนๆ หน่อยละกัน ไอ้เกมมันก็ดีนะเว้ย"เพื่อนของเพิร์ทพูดเสียงหัวเราะคล้ายจะเข้าใจสถานการณ์ แต่เพิร์ทยังคงรู้สึกอึดอัดกับคำพูดนั้น"ใช่พี่ ถือว่าลองประสบการณ์"อีกคนที่อยู่ในกลุ