เช้าวันต่อมา
เช้าวันต่อเป็นเช้าที่มืดครึ้มอีกวันหนึ่งเพราะในช่วงนี้เองเป็นช่วงฤดูฝนชายหนุ่มร่างบางที่นอนโอบกอดใครอยู่คนหนึ่งจากเมื่อคืนที่เขานั้นได้ไปขอพรรูปปั้นกามเทพมาและก็ดันจำอะไรไม่ได้เลยจนตื่นเช้ามาและเจอเข้ากับใครบางคนที่นอนอยู่
บรรยากาศภายในห้องและนอกห้องนอนก็ช่างเป็นใจทำให้เขานั้นอยากจะซึมซับกับอ้อมกอดของเค้าคนนั้นเอาไว้ให้นานที่สุด แต่ทว่าระหว่างนั้นเองคนในอ้อมกอดของเขานั้นกลับมากระซิบที่หูของเขาทันทีเบาๆด้วยนํ้าเสียงงัวเงีย
"มอนิ่งครับที่รัก ตื่นรึยังเอ่ย"
//แต่... เอ๋!ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเสียงเหมือนผู้ชาย อ้อผู้หญิงเสียงห้าว
ตอนนั้นเองผมแทบจะไม่ได้คิดอะไรมากนักเพราะผู้หญิงคนนั้นคงเป็นสาวห้าวหรืออะไรตามความคิดที่มีในตอนนี้ก่อนที่ผมจะก้มลงจูบเค้าคนนั้นไป1ที แต่ก็ยังคงปิดเปลือกตาทั้งสองอยู่
แต่พอเวลาผ่านไปได้ไม่นานผมก็ตัดสินใจลืมเปลือกตาทั้งสองข้างนั้นขึ้นเพื่อชื่นชมความงามของหญิงสาวในอ้อมกอดและพยายามเปิดเปลือกตาให้สู้แสงไฟเอาจนได้และพบกับชายหนุ่มรูปงาม ผิวขาว สูงยาวประมาณ180+ ผมขมวดคิ้วแทบจะผูกกันได้แล้ว
ตอนนั้นเองที่ผมลืมตาขึ้นผมตกใจมากจนถอยออกไปจนตกเตียงเลยด้วยซ้ำตอนนั้นเองคำถามในหัวของเขานั้นมากมายหลายแสนที่อยากจะถามแต่ผมก็จนตรอกพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆกับภาพตรงหน้รที่เห็นแบบนี้
“เจ็บไหมที่รัก ลุกได้แล้วนี่ก็สายละนะ เดี๋ยวไปทำงานสายหรอกครับ”เสียงนุ่มที่ดังข้างหูทำให้เขาขมวดคิ้วก่อนจะค่อยๆเปิดตาขึ้น แต่เมื่อสายตาเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มข้างๆ เขาก็รู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ
"นี่มึงมาทำไรบนเตียงกู มึงเป็นใคร"น้ำเสียงของเขาหยุดชะงัก ก่อนจะพูดด้วยความสงสัยผสมกับความรู้สึกไม่คุ้นเคย ขณะที่เขากำลังพยายามดึงตัวเองออกจากอ้อมกอดที่ไม่เคยคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น
"ผมเป็นผัวคุณไงครับ ก็เมื่อคืนเรา"เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะอารมณ์ดี แต่ความเข้าใจยังไม่ตกลงในใจของชายหนุ่มที่กำลังฟื้นคืนสติ
"หยุด! หยุดพูดก่อน ลุกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า!"เขาสั่งเสียงเข้มขัดจังหวะคำพูดของอีกฝ่ายที่ไม่ค่อยจะทำให้เขาเข้าใจอะไรชัดเจนมากขึ้น ท่าทางเขาไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ทั้งหมดในตอนนี้ ชายหนุ่มข้างๆชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้เบาๆแต่ก็ลุกขึ้นไปตามที่ถูกสั่ง เขารู้ว่าตอนนี้มันคงเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะพูดอะไรออกไปมากกว่านี้
ทั้งที่ในใจของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความสงสัยและความรู้สึกที่ตีกันไปมาเขาหันไปมองชายที่ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่อย่างไรก็ยังคงสงสัยในทุกคำพูดและการกระทำที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
จากนั้นเองผมค่อยๆลุกขึ้นและเดินเข้าไปที่ห้องน้ำแต่ทว่าจู่ๆระหว่างนั้นเองชายปริศนาก็ค่อยๆเดินเข้ามาสวมกอดผมทันทีจากด้านหลังโดยืี่สภาพเรือนร่างกายของเราสองคนที่ไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์กันเลยทั้งคู่จนรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่แข็งๆทิ่มมาอยู่ด้านหลังของผม และตอนนั้นเองผมที่ยังทำใจไม่ได้ตกใจมากและก็ไม่ได้จะทำอะไรก่อนที่จะผลิตัวและวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันทีก่อนที่จะพาชายหนุ่มไปที่ร้าน
ร้านกาแฟ coffee brownie
บรรยากาศในร้านกาแฟยามเช้าดูเงียบสงบและเหงาหงอยเหมือนกับใจของเพิร์ทที่เต็มไปด้วยความสับสนและความรู้สึกผิดหวัง ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนจะเป็นไปตามเส้นทางที่ไม่คาดคิด เมื่อเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์กาแฟ เขาก็พบว่ามีเพื่อนของเขากำลังยิ้มและเล่นมุกกันอย่างสนุกสนาน แต่สิ่งที่กลับมาในหัวของเพิร์ทคือคำถามที่ไม่อาจหาคำตอบได้ว่าทำไมเรื่องราวที่เกิดขึ้นถึงได้แปลกประหลาดจนเขาไม่อาจเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
"อ้าวววว ไอ่เพิร์ท เป็นไงบ้างเมียมึงแจ่มปะ"คำพูดของเพื่อนดังขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ที่ไม่รู้เลยว่าเพิร์ทกำลังเก็บความรู้สึกเหล่านั้นไว้ในใจลึกๆความรู้สึกแปลกแยกจากคนอื่นๆที่ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวในยามนี้
"แจ่มห่าไร แทนที่กูจะได้เมียที่เป็นผู้หญิง แต่ทำไมกูได้เมียที่เป็นผู้ชายวะ"คำตอบนั้นออกมาในรูปแบบที่แข็งกร้าว เสียงที่สั่นๆพร้อมความโกรธที่กลบเกลื่อนความรู้สึกสับสนของเขาได้ชั่วคราว ผมรู้สึกเหมือนกำลังโดนดึงกลับไปสู่ความเป็นจริงที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า มันเป็นคำถามที่เขาเองก็ไม่สามารถหาคำตอบได้ จิตใจของเขากำลังสับสนไปหมดกับสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว
"ผู้ชาย! มันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ มึงไปลบหลู่เค้ารึป่าว"เสียงหัวเราะของเพื่อนๆ ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบที่ตามมาคำพูดนี้ยิ่งทำให้เพิร์ทรู้สึกเหมือนโดนกระแทกกลับมาสู่ความจริงที่เขาไม่อยากเผชิญหน้า มันเหมือนกับความผิดพลาดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และทำให้เขารู้สึกกลัวที่จะยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น
“พี่ๆ ผมรู้ละ ปีกของกามเทพหักอ่ะ ผมไปดูกล้องวงจรปิดมันหักตั้งแต่เย็นแล้ว แล้วคนที่ไปขอในตอนนั้นก็ไม่มีด้วย เนี่ยคงเป็นสาเหตุที่มันผิดเพี้ยนมั้ง”จากนั้นไอ้เนมก็เดินเข้ามาแทรกบทสนทนา พร้อมกับคำพูดที่เหมือนจะมีคำตอบให้กับเหตุการณ์นี้ เสียงของเนมเป็นเหมือนกับเสียงที่ยืนยันความรู้สึกผิดหวังของเพิร์ท แม้ว่าจะพยายามอธิบายเหตุผลให้ฟังแต่ก็ไม่อาจทำให้ความสับสนและความเจ็บปวดในใจของเขาลดลงได้เลย
ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากสิ่งที่ไม่คาดคิด แต่มันกลับทำให้เพิร์ทรู้สึกเหมือนกำลังหลงทางในโลกที่เต็มไปด้วยคำถามที่ไม่สามารถตอบได้ ความรู้สึกของการถูกทิ้งไว้กับคำถามมากมายที่ยังคงวนเวียนในหัวใจของเขา มันยิ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดและไม่มีทางออก
ร่างของผมยืนอยู่อย่างนิ่งๆมือที่เกร็งและกำหมัดแน่น แสดงถึงความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมา เขามองไปที่เพื่อนๆ ที่ยังคงคุยกันไปเรื่อยๆ เหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับเขาแล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นกลับไม่ใช่เรื่องปกติ ความสับสนและความเจ็บปวดมันกัดกินหัวใจของเขาทีละน้อย ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังจะจมดิ่งลงไปในโลกที่ไม่สามารถหาทางออกได้
ตอนนั้นเองที่ไทม์รุ่นน้องที่ร้านของผมนั้นได้วิ่งเข้ามาภายในร้านก่อนที่จะถืออะไรสักอย่างเดินเข้ามาและทำสีหน้าท่าทางแปลกๆไปและในมือของเขาเองนั้นคือเศษหินอะไรบางอย่างแต่ลองสังเกตไปและพยายามคิดแต่ก็คิดไม่ออก
จนกระทั่งเขาเองก็หันไปมองทางรูปปั้นและนั่นคือปีกของกามเทพที่อยู่ข้างร้านนั่นเอง ทุกคนดูท่าทีตื่นตาตื่นใจมากก่อนที่ชายปริศนาคนนั้นจะเดินเข้ามาทางพวกเขา เพิร์ทที่เห็นแบบนั้นจึงรีบไปหลบที่หลังของตี๋ทันที
"เพิร์ท!"เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นในขณะที่เขาวิ่งเข้ามาหา ผมรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ ความรู้สึกที่มันเต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวดในใจยังคงวนเวียนอยู่ในหัว
"เชี้ย! พวกมึงนี่ไง ไอ้คนที่หุ่นบ้าตัวนั้นส่งมาอ่ะ เช้ามากูก็เจอบนที่นอนละเกิดอะไรวะ"เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง เขาดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ก่อนจะหยุดยืนกลางห้องและสบตากับผมที่นั่งอยู่บนเตียง เขาไม่รู้ว่าผมกำลังรู้สึกอย่างไรแต่การมาของเขาก็ทำให้ทุกอย่างดูยิ่งสับสน
"อ้อ ใช่เกมคนที่ผับเมื่อคืนปะ"เพื่อนของชายหนุ่มถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเหมือนจะลองค้นหาคำตอบจากเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น
"ใช่เราเกมไง คนที่เพิร์ท..."อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น ปะติดปะต่อไปเป็นคำถามที่แทบไม่ต้องการคำตอบ เพียงแค่ต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นอะไร
ผมรู้สึกเหมือนกับว่าหัวใจของเขาถูกบีบรัดอีกครั้ง คำพูดเหล่านั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่ได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว การกระทำของตัวเองในคืนนั้นมันเหมือนฝันร้ายที่เขาตื่นมาแล้วไม่สามารถทำความเข้าใจกับมันได้อย่างสมบูรณ์
ร่างของเขาตึงเครียดเหมือนจะหลุดจากอาการช็อกที่ทำให้เขาต้องรับมือกับความจริงที่ไม่มีใครคาดคิด ในขณะที่ร่างกายเขาก็ยังคงตะกุกตะกักไม่สามารถตอบสนองได้เต็มที่ ความรู้สึกสับสนมารวมตัวอยู่ที่ตรงกลางหัวใจ ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลสำหรับเขาในตอนนี้ ทุกคำพูด ทุกการกระทำมันเหมือนจะเกิดขึ้นในฝันที่เขาตื่นมาแล้วก็ไม่สามารถควบคุมได้ //เกม เกมไหนวะ ที่ผับ ผับไร
ตอนนั้นเองผมที่ยังคงยืนงงในกลุ่มพวกผมนั่นเองเพราะผมจำได้นั้นแค่ว่าตั้งแต่ที่เขาเริ่มขอพรนั้นจนกามเทพรูปงานตนนั้นสั่งให้เขาหลับตาและภาพก็ดับไปจำได้อีกทีนั้นก็ตื่นมาและพบว่าตัวเองอยู่ในห้องนอนของเขาแล้ว
"มึงคิดดีๆ นี่ไอ้เกม คนที่ไปเจอที่ผับเมื่อวานอ่ะ เมื่อคืนมึงไปลวนลามเค้าอ่ะ แล้วจู่ๆพวกมึงก็หายกันไปเลย กูคิดว่ามึงกลับไปแล้ววว"
"ห๊ะ! กูเนี่ยนะ ทำไมกูจำอะไรไม่ได้เลยวะ"
"มึง..."ผมพยายามพูดอะไรบางอย่างแต่คำพูดกลับติดอยู่ในลำคอ ความอบอุ่นจากร่างกายของเขาที่แนบชิดกับผมทำให้สมองของผมเหมือนถูกปิดการทำงาน เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เอาแต่ซบไหล่ผมอย่างเงียบๆลมหายใจของเขาสม่ำเสมอและสงบ แต่หัวใจของผมกลับเต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาช่วงเวลานั้นเหมือนเป็นทั้งคำตอบและคำถามในตัวของมันเอง ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร ควรจะผลักเขาออกไปหรือจะปล่อยให้ตัวเองจมอยู่ในความอ่อนโยนนี้แต่มือของเขาที่จับผมไว้แน่น กับหัวของเขาที่ซบอยู่บนไหล่ มันกลับทำให้ผมรู้สึกว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้อย่างน้อยในตอนนี้ เขาอยู่ตรงนี้อยู่กับผม"วันนั้นอ่ะหลังจากที่กูกลับไปที่นู้น กูก็ได้แต่ร้องไห้ฟูมฟาย เพราะคิดถึงคนอย่างมึงนี่แหละ"น้ำเสียงของมันเริ่มต้นด้วยความหนักแน่น แต่พอพูดไปความรู้สึกในใจที่อัดอั้นมานานก็เริ่มแทรกออกมาผ่านน้ำเสียงที่สั่นเครือ ดวงตาของมันมองตรงมาที่ผมลึกเข้าไปในดวงตาของผม เหมือนพยายามจะส่งผ่านทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเก็บไว้ในใจ"
ณ ร้านกาแฟ coffee brownie“อยู่ไหนวะ”ผมถามด้วยเสียงเร่งร้อน น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดใจผมเต้นกระหน่ำอยู่ในอกจนแทบจะหลุดออกมา ความกังวล ความหวังและความตื่นเต้นผสมปนเปจนรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองกำลังถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ“มันเพิ่งออกไป ก่อนหน้าที่มึงจะเข้ามานี้เอง”คำพูดของเพื่อนที่ดังลอดปลายสายเหมือนเสียงระฆังที่บอกถึงความพ่ายแพ้“เชี่ยเอ้ย!”ผมสบถออกมาอย่างลืมตัวเสียงของผมดังขึ้นจนคนในร้านหันมามอง ผมกำโทรศัพท์ในมือแน่นจนข้อนิ้วขาว ดวงตากวาดมองรอบๆอย่างสิ้นหวัง ความหงุดหงิดทำให้ร่างกายของผมรู้สึกหนักอึ้งเหมือนถูกพันธนาการผมยืนกลางร้านมือข้างหนึ่งกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ส่วนอีกข้างล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงคล้ายหาทางระบายความหงุดหงิด ลิ้นดันแก้มซ้ายแรงๆขณะที่คิ้วขมวดเข้าหากันจนรู้สึกถึงแรงตึงตรงหน้าผาก“พี่เพิร์ท!”เสียงใสๆดังมาจากโต๊ะข้างๆผม
หลังจากวันนั้นผมเองก็พยายามตามหาไอ้เกมทุกช่องทาง ทุกที่ที่ผมคิดว่าจะมีโอกาสเจอมันไม่ว่าจะเป็นในร้านหรือที่ไหนๆผมสอดส่องไปตามทุกมุมมอง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงใครเรียก ผมก็คิดว่ามันอาจจะเป็นไอ้เกม แต่ทุกครั้งที่ผมหันไปกลับไม่มีใครเลยนอกจากคนอื่นๆกริ่งกร่อง "ไอ้เกม ขอโทษครับ รับอะไรดีครับ"เสียงของผมหลุดออกไปเองด้วยความหวังในใจ แต่พอมองไปที่ลูกค้ากลับไม่ใช่มันใจของผมห่อเหี่ยวลงทันที เกมมึงอยู่ที่ไหนวะ ไหนมึงบอกว่ามึงจะมาหากูไงมึงบอกว่าจะกลับมา แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรเลย"เพิร์ท ลูกค้าสั่งอเมริกาโน่เย็นหนึ่งที่ มึงเป็นไรเนี่ย"พี่ตี๋เดินเข้ามาหาผมพร้อมกับถาดเครื่องดื่มในมือ แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยความกังวลและน้ำเสียงที่แฝงความเป็นห่วงไว้"นี่มึงยังไม่เลิกคิดที่จะตามหามันอยู่หรอ"เขาถามเสียงเบา แต่ก็ไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาเขาคงเห็นความเหนื่อยล้าในดวงตาผมแล้ว
คิดถึงตอนนั้นผมคิดว่าผมน่าจะต้องตายไปแล้วความเย็นเยือกของสายน้ำที่โอบรัดร่างกายและแรงตะคริวที่เล่นงานขาทำให้ผมหมดเรี่ยวแรงต่อต้าน หัวใจของผมเต้นช้าลง ความหวังที่จะรอดชีวิตหายไปพร้อมกับลมหายใจที่รวยริน ผมจึงปล่อยตัวเองให้จมลงไป ปล่อยให้ทุกอย่างจบลงตรงนั้นแต่จู่ๆผมก็รู้สึกเหมือนมีมือของใครบางคนคว้าตัวผมไว้ ความรู้สึกนั้นเหมือนเป็นจุดประกายความหวังสุดท้ายผมพยายามฝืนลืมตาขึ้น แต่ภาพตรงหน้ากลับพร่ามัว ร่างของคนที่ช่วยผมดูคล้ายเงาในม่านหมอก ผมรับรู้ถึงแรงที่ดึงตัวผมขึ้นเหนือผิวน้ำ เสียงน้ำแตกกระจายดังสะท้อนในความเงียบงันรอบตัวจากนั้นผมก็รู้สึกได้ว่าถูกพาไปวางบนพื้นดินที่แข็งและเย็นลมหายใจผมยังติดขัด ผมไอออกมาอย่างรุนแรง น้ำในปอดทะลักออกมาทำให้ผมหายใจได้โล่งขึ้นเล็กน้อย ร่างของคนที่ช่วยผมโน้มตัวมาหา เขากระซิบเบาๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและมั่นคงผมพยายามมองหน้าเขา สายตาเบลอๆ ของผมพยายามจับจ้องไปที่ใบห
สุพรรณ14.20น."พ่อ พ่อ พ่อ เด็กๆ มาแล้วววว!"เสียงแม่ดังลั่นมาตั้งแต่หน้าบ้านน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนทุกครั้งที่ผมกลับมาหา พ่อกับแม่ยืนรออยู่ตรงประตู ใบหน้าของแม่เปื้อนยิ้ม ส่วนพ่อก็ยืนมองอย่างใจดีเหมือนเคย"เพิร์ทลูก เป็นไงบ้างลูก เรากับเกมเลิกกันแล้วเหรอ"คำถามของแม่ทำเอาผมชะงักไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของแม่เหมือนไม่ได้ตั้งใจจะกดดัน แต่กลับทำให้หัวใจของผมเหมือนถูกดึงลงไปลึกในความทรงจำที่ไม่อยากนึกถึง"ใช่ครับแม่ พอดี"ผมพยายามตอบด้วยเสียงเรียบที่สุด แม้ในใจจะรู้สึกหนักอึ้งแววตาของแม่ดูเหมือนจะสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรเพิ่ม"แต่เกมก็ยังดีนะลูก ขนาดเลิกกับเรายังมาหาแม่เลย พึ่งกลับไปก่อนที่เราจะมาเนี่ย สองปีก่อนเกมก็มาที่บ้านเรานะแถมยังฝากอันนี้ให้เราด้วย""อะไรนะแม่ ไอ้เกมมาที่นี่เหรอ
"โอ๊ยย เชี้ยเอ๊ย"เสียงร้องของเพิร์ทที่ไม่อาจห้ามได้เมื่อมันเจ็บมากกว่าที่คิด เขาแทบจะไม่ทันตั้งตัว ไอ้เกมเข้ามาจับมือเขาเบาๆอย่างระมัดระวัง ราวกับไม่อยากทำให้เขาเจ็บมากไปกว่าเดิม"เป็นไงบ้างเนี่ย โหมือพองหมดแล้ว ปะเดี๋ยวไปทายา"ไอ้เกมพูดออกมาอย่างห่วงใย แววตาของมันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้แค่พูดอย่างไร้ความหมายมันดูจริงจังเหมือนกับว่ามือของเพิร์ทคือสิ่งที่ต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด ไอ้เกมรีบพาเพิร์ทไปที่มุมร้านอย่างรวดเร็ว ก่อนที่แผลจะลุกลามมากกว่านี้"อือ"เพิร์ทพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับที่ไม่สามารถแสดงออกไปมากกว่านี้ได้ในขณะนั้น ความเจ็บปวดจากมือที่ลวกทำให้เขารู้สึกเหมือนทุกอย่างที่เคยสงบมันหายไป จนเขาไม่สามารถโฟกัสกับอะไรได้มากไปกว่าความรู้สึกที่อยู่ภายในใจเมื่อถึงที่ทำแผลไอ้เกมก็จัดการทายายาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ระมัดระวังให้มากที่สุด มันทายาแล้วพันผ้าก๊อซรอบมือที่บวมขึ้น สีหน้าไอ่เกมไม่ได้เต็มไปด้วยความเครี