로그인“พี่ก็ขอให้มินนี่ของพี่มีความสุขในทุกๆ วัน ได้อยู่กับคนที่รักสร้างครอบครัวที่น่ารักต่อไป มิกกี้รอเลี้ยงหลานอยู่นะคะเฮียภีม” มิกกี้หันมายิ้มให้ทั้งเจ้าบ่าวแล้วก็เจ้าสาว มินนี่แอบน้ำตาซึม เข้ามากอดพี่สาวแน่น “เป็นภาพน่ารักของสองพี่น้อง เห็นแล้วรู้สึกอบอุ่นมากเลยครับ แต่ไม่ทราบว่าคุณมิกกี้มีแฟนรึยังครับ” คุณพิธีกรเอ่ยถาม “ไม่มีค่ะ” มิกกี้ตอบยิ้มให้คุณพิธีกร “ยื่นใบสมัครด่วนเลยนะครับหนุ่มๆ สวยขนาดนี้โสดได้ยังไงกันครับ”มิกกี้ยิ้มให้พิธีกร ก่อนที่จะโดนเรียกให้ไปถ่ายรูปกันต่อ พิธีการทุกอย่างดำเนินจนมาถึงช่วง After Party มินนี่เปลี่ยนชุดมาร่วมสนุก กับเพื่อน เฮียภีมคอยอยู่ใกล้ๆ ไม่ห่าง “มินนี่” มาลินเดินมาจับมือเพื่อนยิ้มแสดงความยินดี กับเพื่อนรัก “ชนแก้วกันหน่อยเจ้าสาวคนสวย”“ได้เลย” มินนี่ยิ้ม “สมหวังสักทีนะเพื่อนฉัน ไม่เสียแรงที่แกตามชอบเขามาตั้งนาน ชอบอยู่คนเดียวซะด้วย”“เอ๊ะ! คุณมาลิน อย่าบอกว่าแกรู้ว่าเป็นเฮียตั้งแต่วันที่เราไปลองรถกัน เพราะฉันไม่เคยให้ใครดูรูปเฮียภีมเลยนะ” ฉันมองเพื่อนด้วยสายตาคาดคั้น “ก็เออไง วันนั้นฉันเจอพี่มาโก้ อยู่กับเฮียภีม เขาเลยขอให้ฉันช่วยเรื่องตามง้อ
@บ้านคุณย่า “ภีม หนูมินนี่ ย่าคิดถึงจัง”“หนูก็คิดถึงคุณย่ามากเลยค่ะ กอดหน่อยสิคะ”คุณย่าอ้าแขนให้ฉันเข้าไปกอดท่าน “อื้อ! คิดถึงจัง” คุณย่ากอดฉันแน่น กวักมือให้เฮียภีมเข้ามากอดท่านด้วยเขาเดินเข้าไปกอดทั้งคุณย่าแล้วก็ฉันแน่น “ย่าคิดถึงทั้งคู่เลย ไปเถอะเข้าบ้านกัน”คุณย่าท่านได้รับรู้ถึงอาการบาดเจ็บของเฮียภีมบ้างแล้ว และพอได้รู้ว่าความจำทุกอย่างของหลานชายเริ่มกลับมาบ้างแล้วก็รู้สึกดีใจ “มินนี่ย่าขอบใจหนูมานะที่คอยดูแลเฮียภีมไม่ห่างเลย”“ห่างได้ที่ไหนละคะ ตามหนูตัวติดแจเลยค่ะคุณย่า”คุณย่ายิ้มเอ็นดูคนตัวเล็กที่ช่างพูด “มีอะไรจะฟ้องย่าไหม”“มีเยอะเลยค่ะ” ฉันหันไปมองคนตัวโตที่ทำเป็นยืนนิ่งไม่รู้ไม่ชี้ แต่ก็พูดขึ้นมาลอยๆ “อย่างเฮียจะมีอะไรให้ฟ้อง” ภีมอมยิ้มมองมินนี่“เรื่องเก่าจบไปแล้วอย่าสร้างเรื่องใหม่ก็พอ”คุณย่าพูดส่งสายตาดุหลานชาย “คุณย่าครับผมยังไม่หายดีเลยนะครับ อย่างดุผมสิครับ”“ย่าพูดเฉยๆ ไม่ได้ดุสักหน่อย หนูมินนี่เราไปทานข้าวกันเนอะ ย่าทำของอร่อยไว้รอหนูเยอะเลย” สองคนจับมือพากันเดินไปที่ห้องทานอาหาร “คุณย่าแล้วผมละครับ”“ตามมาสิ”“ใครหลานย่ากันแน่” เขาบ่นพึมพำคนเดียว แล้วก็เ
ภีมมองคนตัวเล็กที่ตั้งหน้าตั้งตาอมให้เขา อย่างรู้สึกเอ็นดู “มินนี่ พอก่อน เฮียจะไม่ไหว จะแตกเอา” เขาจับแก้มนุ่มให้หยุด และรีบคายเอ็นร้อนออกมา มินนี่เงยหน้ามองสบตาเขา “เฮียชอบไหมคะ”“ชอบมาก หนูเก่งมาก” เขาเช็ดน้ำลายที่เปรอะข้างปากให้เธอ แล้วจับแขนเล็กให้ลุกขึ้นยืน “เจ็บเข่ารึเปล่า เป็นรอยแดง”“ไม่ค่ะ”“ไปที่เตียงกันดีกว่า เราชอบบนเตียงเฮียจำได้”“จำแม่นอยู่เรื่องเดียว” ฉันอดแซวเขาไม่ได้ “หึ! แล้วก็จำได้ด้วยว่า หนูเสร็จบ่อย ท่าไหนก็เสร็จ” ว่าจบก็ลงไปนั่งบนเตียง มองคนแก้มแดงปลั่งที่ยืนนิ่งไม่ยอมขยับ “ถอดชุดสิเฮียไม่ไหวแล้วนะ อยากดูดนม”“โอ๊ย! อย่าจ้องกันแบบนั้นสิคะ หนูอาย แล้วดูเฮียพูดเข้าสิ แต่ละคำ”ภีมหัวเราะ “เร็วครับที่รัก”“ฮึ้ย! อย่างเร่งสิคะ” ฉันถอดชุดตัวเองมือไม้สั่น เพราะสายตาเขาที่จ้องอยู่แบบนั้น ไม่ยอมผละไปทางไหนเลย “ถอดเสร็จแล้วขึ้นมานั่งบนตักเลยครับ” ภีมขยับไปนั่งพิงหัวเตียง ฉันรีบตามขึ้นไปนั่งคร่อมบนตักเขา คนตัวโตไม่รอช้าโน้มหน้าเข้ามาจูบฟัดสองเต้าอวบทันที “คิดถึงนมเมีย เฮียอยากดูดตั้งแต่อยู่ที่โรงพยาบาลแล้วรู้ไหม แต่กลัวว่าถ้าได้ดูดนมจะอดใจไม่ไหว”“ดีแล้วค่ะ เพราะเฮ
คุณพ่อของภีมมาถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าเขาก็จำคุณพ่อไม่ได้ ท่านเลยไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับคุณย่า “หนูมินนี่ พ่อฝากตาภีมให้หนูช่วยดูแลหน่อยได้ไหม พ่อจะไปขออนุญาตคุณพ่อคุณแม่ของหนูให้เอง ตอนนี้ตาภีมจำหนูได้แค่คนเดียว ถ้ามีหนูคอยอยู่ใกล้ๆ ภีมคงสบายใจ”“ได้ค่ะคุณพ่อเดี๋ยวหนูจะย้ายไปอยู่กับเฮียภีมที่เพนต์เฮาส์ของเฮียเองค่ะ”“ขอบใจมากนะ”“คุณพ่อกับคุณแม่ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะทำตามที่คุณหมอแนะนำทุกอย่าง”คุณพ่อกับคุณแม่ของภีมยิ้มออกมาได้ ท่านรู้สึกดีใจที่มินนี่น่าจะยอมใจอ่อนกับลูกชายของท่านแล้ว “เฮียภีมหลับอยู่ คุณพ่อกับคุณแม่หิวกันรึเปล่าค่ะ หนูจะไปซื้ออะไรมาให้ทาน”“ไม่ต้องมินนี่ หนูนอนพักเถอะ เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน เดี๋ยวพ่อจะพาแม่ไปหาอะไรทานเอง หนูไม่ต้องเป็นห่วง” “งั้นคุณพ่อพาคุณแม่กลับไปพักนะคะ คุณแม่ก็นอนไม่หลับทั้งคืนเหมือนกัน เฮียภีมหนูจะดูแลให้เองค่ะ” ฉันยิ้มให้คุณพ่อกับคุณแม่ของเขา รู้สึกเห็นใจทั้งคู่มากๆ เพราะลูกชายคนเดียวจำท่านไม่ได้ “คุณแม่ต้องพักผ่อนเยอะๆ นะคะ อย่ากังวลอะไรเดี๋ยวเฮียภีมก็หาย” ฉันพยายามปลอบใจทั้งคู่ “ได้จ้ะ ขอบใจมากนะลูกมินนี่”“ค่ะ คุณแม่”คุณพ่อคุณแม่ของเขากลับไปแ
มินนี่งง เฮียภีมเป็นอะไรทำไมไม่พูดกับคุณแม่ และก่อนที่ฉันจะได้เข้าไปหาเขา พยาบาลก็เข็นรถเขาออกไป เพื่อพาไปยังห้องพักผู้ป่วย โดยที่เฮียภีมก็ยังไม่เห็นว่าฉันมาด้วย “คุณแม่ คุณแม่คะ” ฉันเดินไปจับมือท่าน และพากันเดินตามเฮียภีมไปที่ห้องพักผู้ป่วย “มินนี่ ทำไมๆ ภีมเป็นแบบนี้ หนูเห็นไหมว่าภีมทำเหมือนไม่รู้จักแม่”“คุณแม่ใจเย็นๆ นะคะ เฮียภีมอาจจะเบลอเพราะฤทธิ์ยาอยู่ก็ได้ค่ะคุณแม่ พี่ไทเกอร์เข้าไปคุยกับคุณหมอแล้ว เดี๋ยวคงมาอธิบายให้พวกเราฟัง คุณแม่อย่าเพิ่งตกใจอะไรเลยนะคะ”คุณแม่พยักหน้าแล้วเดินไปกับมินนี่เงียบๆ สีหน้ายังคงเป็นกังวลอยู่มาก ไม่นานไทเกอร์ตามมา มินนี่กับคุณแม่ของภีมนั่งรอพยาบาลอยู่ตรงโซนรับแขกในห้องพักผู้ป่วย เพื่อให้พยาบาลได้ทำงานสะดวกขึ้น “คุณแม่ครับ มินนี่ออกมาคุยกันด้านนอกดีกว่าครับ” ไทเกอร์จับมือคุณแม่ประคองให้ลุกขึ้นและพากันเดินออกมาหาที่คุยกันตามลำพัง “คุณแม่ครับอาจารย์หมอบอกว่าภีมจะสูญเสียความทรงจำชั่วคราวนะครับ แต่ไม่ต้องตกใจ เพราะทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติ ผลทีซีสแกนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ผมคิดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นภายในเร็ววันนะครับคุณแม่ มินนี่เราต้องช่วยดูแลเฮียภีมหน่อย
คุณพ่อของภีมได้ยินมาโก้พูดเลยเดินเข้ามาใกล้ๆ “มันเป็นใคร” ท่านถามด้วยสีหน้าขรึมจัด“คุณพ่อคะ ต้นเรื่องคงมาจากหนู” มินนี่พูดแล้วก็ร้องไห้ “มินนี่ไม่ต้องร้อง” มาโก้กอดน้องสาวเพื่อปลอบ “แต่ที่เฮียภีมต้องเจ็บตัว ก็เพราะหนูนะคะ”“มินนี่ไม่ร้องสิลูก เฮียภีมไม่เป็นอะไรหรอก” คุณแม่พูดปลอบเธออีกคน คุณพ่อครับ ไทเกอร์พาคุณพ่อของภีมไปนั่งที่เก้าอี้ แล้วเล่าเหตุการณ์ให้ฟังอย่างละเอียด ตั้งแต่ภีมมีปัญหากับเซกิครั้งแรก คุณพ่อฟังแล้วก็นิ่งเงียบไป ได้แต่ภาวนาของให้ลูกชายไม่เป็นอะไรมาก “….”คุณหมอเปิดประตูออกมาจากห้องผ่าตัด ทุกคนดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกัน ไทเกอร์เดินเข้าไปหาอาจารย์หมอ “อาจารย์เพื่อนผมเป็นไงบ้างครับ” “ตอนนี้การรักษาผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ไม่มีเลือดคลั่งในสมอง มีแขนซ้ายร้าว และอาการข้างเคียงอย่างอื่นต้องรอคนไข้ฟื้นก่อน”“ขอบคุณมากครับอาจารย์”พยาบาลเข็นเตียงคนไข้ออกมาจากห้องฉุกเฉินเพื่อพาภีมไปพักที่ห้องพักผู้ป่วยเพื่อคอยสังเกตอาการ มินนี่มองเขาที่มีผ้าพันแผลพันอยู่ที่หัว รู้สึกสงสารเขาแทบขาดใจ น้ำตาไหลพราก และเขายังไม่ฟื้น คุณแม่ของเขาเดินไปจับมือลูกชาย แล้วก็พากันเดินตามไปส่งเ







