จะเป็นยังไง ถ้าวันหนึ่ง ผู้หญิงที่เขาอย่างเอาชนะมากที่สุดในชีวิต จับพลัดจับผลู กลายมาเป็นว่าที่ ภรรยา แบบสายฟ้าแล็บ "ฉันจะทำให้ชีวิตหลังจากนี้ของเราสนุกสุดๆ ไปเลย" มธุษินทร์ อัครจินดา...แม็กซ์ อายุ 26 ปี "คุณต้องยกเลิกงานแต่งบ้าๆนั่น เดี๋ยวนี้!!!" ลลิลลดา เรืองขจร...ลลิน/เฟย์ อายุ 25 ปี
View Moreปึงงงง!!
ว๊ายย / เชี่ยยย!!
“อะไรวะเนี่ย” ผมสบถออกมาด้วยความตกใจพร้อมกับดันร่างบางของคู่ขาคนใหม่ออกจากพันธนาการส่วนล่างให้ล้มลงบนเตียงเพื่อให้เธอได้ปกปิดร่างกายเปลือยเปล่าของตัวเอง ซึ่งก่อนหน้านั้นเธออยู่ในท่าก้งโค้งให้ผมจัดหนักจากทางด้านหลัง
ผมรีบคว้าผ้าเช็ดตัวมาพันรอบเอวอย่างหัวเสีย เพราะบางอย่างมันยังแข็งตึงดุนผ้าขนหนูขึ้นมาจนเด่นชัด
“คุณเป็นบ้าอะไร รับปากอาม่าแบบนั้นได้ไง” เสียงแผดดังขึ้นพร้อมกับเสียงส้นสูงของรองเท้าดังกระทบพื้นตรงมาหาผมที่ตอนนี้เดินไปเปิดสวิสไฟหัวเตียง เธอทิ้งระยะห่างประมาณสามสี่ก้าว พอไฟในห้องสว่างขึ้น ผมก็มองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน โดยเฉพาะ…ผู้หญิงตรงหน้า
“ใครกันแน่วะ...ที่เป็นบ้า” ผมว่าพลางหยิบเงินในกระเป๋าส่งให้ผู้หญิงอีกคนที่ยังนั่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียง เธอรีบรับเงิน จัดแจงความเรียบร้อยของตัวเองแล้วออกจากห้องไปทันที เป็นอันรู้กันว่ารับเงินคืองานจบ ทั้งที่ผมยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ หงุดหงิดฉิบ…ลูกน้องไอ้ดินปล่อยให้เธอขึ้นมาถึงชั้น VIP ของพวกเรา ได้ยังไงวะ
ผู้หญิงที่ใจกล้า บ้าบิ่น บุกเข้ามาตอนคนกำลังทำกิจกรรมเสียวซ่านอยู่ มีไม่กี่คนหรอก ไม่สิ…มีคนเดียวเท่านั้นแหละ
เธอคือ…ลลิลลดา เรืองขจร ผู้หญิงที่จะกลายมาเป็น ภรรยา ผมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า…
“คุณรับข้อเสนอบ้าๆ นั่น ทำไม” เธอถามเสียงแข็ง สายตาจับจ้องใบหน้าผมแน่วแน่
“รู้ตัวไหมว่าทำอะไรอยู่” ผมอดที่จะถามไม่ได้ คือเธอจะไม่รู้สึกอะไรหน่อยเลยเหรอวะ…เพิ่งบุกเข้ามาขัดจังหวะคนกำลังเอากันนะ ตายด้านไปหมดแล้วมั้ง
“คุณนั่นแหละ รู้ตัวไหมว่าทำบ้าอะไรลงไป”
“เออรู้ ก็เดี๋ยวค่อยคุยไม่ได้รึไง”
“ไม่ได้!! คุณต้องยกเลิกงานแต่งบ้าๆ นั่น เดี๋ยวนี้!!!” เธอออกคำสั่ง
“ไม่!!” แต่ถูกผมปัดตกทันที “ข้อเสนอดีๆ แบบนั้น ฉันจะทิ้งได้ไง มันต่อยอดธุรกิจฉันได้มากเลยนะ” ผมพูดต่อ พร้อมขยับเท้าเข้าไปหาเธอ แน่นอนเธอไม่ยอมถอยหนีง่ายๆ หรอก
เพราะเธอคือ ลลิลลดา คุณหนูจอมหยิ่งยโสและไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น เอาแต่ใจ จอมบงการ จอมโวยวาย ไร้เหตุผลเป็นที่สุด ไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปี เธอไม่เปลี่ยนไปเลย
เป็นผมเองที่หยุด ในระยะที่ใกล้กันมากขึ้นและมากพอจะได้กลิ่นน้ำหอมหรูโชยตามทิศทางลมของเครื่องปรับอากาศภายในห้อง
“ธุรกิจบ้าบออะไร มันไม่เกี่ยวกับฉัน”
“งั้นก็ไปยกเลิกเองสิ ไปบอกอาม่าเธอเองสิ ว่าจะไม่แต่งกับฉัน” ผมขยับเท้าอีกก้าวจนเรียวขาเล็กเริ่มมีการเคลื่อนไหวนิดหน่อยเพื่อรักษาระยะห่าง ดวงตาเฉี่ยวหลุบมองแผงอกเปลือยเปล่าก่อนจะรีบเคลื่อนกับจ้องหน้าผมเหมือนเดิม
เธอคงเริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้ว ไม่มากก็น้อย หลังจากที่ได้เห็นสภาพของผมในตอนนี้ แต่เอาจริงๆ ผมหมดอารมณ์ตั้งแต่เห็นหน้ายัยคุณหนูขาวีนนี่ละ
“....” เธอเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความโมโห เพราะผมดันตอกย้ำในสิ่งที่เธอทำมันไม่สำเร็จ เพราะถ้าเธอทำแบบนั้นได้คงไม่บุกมาหาผมถึงนี่หรอก
“ทำไม่ได้...ใช่ไหมล่ะ” ผมพูดพร้อมยกยิ้มขึ้นมุมปากและยังไม่หยุดเข้าหา จนร่างเล็กถอยไปชนเข้ากับชั้นวางของปลายเตียง เธอสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าถูกต้อนจนมุม
“แต่ฉันไม่อยากแต่งงานกับคุณ” เธอยังคงไม่ยอมแพ้ สายตาแข็งกร้าวไม่มีอ่อนลงเลยสัก แบบนี้แหละ ค่อยสมกับที่ผมเทหมดหน้าตักหน่อย หมดหน้าตักในที่นี้ หมายถึง การที่ผมอาจจะมีใบหย่า ในอนาคตข้างหน้าด้วย แต่สมัยนี่การหย่าล้างก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วนิ
“เหตุผล?”
“ก็นี่ไง เพราะฉัน…ไม่…อยาก…แต่ง” เธอพูดและเน้นประโยคหลังทีละคำแบบชัดถ้อยชัดคำ
“ทำไมถึงไม่อยาก” ผมถามกลับ ไม่ได้อยากรู้คำตอบเท่าไหร่หรอก แค่อยากกวนตีนเธอเล่นเฉยๆ เวลาเธอโกรธมันดูสะใจดี
“เพราะฉันไม่ได้ชอบคุณ” จบประโยค ผมหลุดยิ้มทันที...ดีจังที่เราคิดตรงกันเป๊ะ สนุกแน่งานนี้
“ฉันเองก็ไม่ได้ชอบเธอ”
“แล้วตอบรับอาม่าทำบ้าอะไรเล๊า!?” เธอว่าในโทนเสียงที่ดังขึ้นอีกระดับจนคล้ายกับการตะคอก ใช้อารมณ์เก่งซะด้วย ผมค่อยๆ โน้มลงเข้าใกล้ใบหน้าหวานในระยะประชิด สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่แรงกว่าปกติ ไหล่บางสั่นเล็กน้อยเพราะไฟในตัวเธอมันเริ่มปะทุแรงขึ้น ก่อนที่ผมราดน้ำมันลงไปอีกด้วยการแสดงเจตนารมณ์ชัดเจนของตัวเอง พร้อมรอยยิ้มของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่าอย่างผม
“เพราะฉันอยากเอาชนะเธอ”
“เธอก็ไม่ได้ขนาดนั้นป้ะวะ” ไอ้ห่าวาก็พูดเกินไป เล่นซะผม…จุกเลย นี่คนอื่นมองยัยคุณหนูของผมเป็นแบบนั้นเหรอวะ“ยิ่งกว่านั้นอีกเพื่อน” มันยังย้ำ“นะ กูขอร้อง” แต่ผมก็ไม่ถอดใจ ยังไงก็ต้องเป็นเฌอณารีนนี่แหละ“ไม่” และมันก็ยังคงคำตอบเดิม คำเดียวเน้นๆ เด็ดขาดจนผมแทบไปต่อไม่เป็น“มึงไม่คิดว่ากูเป็นเพื่อนแล้วใช่มะ พอมีเมีย กูก็ไม่สำคัญแล้วช้ะ?” เมื่อข้อร้องดีๆ ไม่ได้ผล ก็ต้องงัดมาทุกวิธี“อะไรวะ เกี่ยวกันตรงไหน” มันขมวดคิ้วมุ่น“มึงคิดดูนะ อย่างน้อยเฌอก็ยังพาเธอทำกับข้าว หรือพาไปเที่ยวเล่นได้ แบบที่ผู้หญิงเขาทำกันอะ มึงเข้าใจใช่ปะ”“ไม่เข้าใจ” มันตอบแบบไม่ไยดี ยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจ ไม่เจอแป๊บเดียว มันดูฉลาดน้อยลงนะ“เอาตรงๆ เลย กูคิดว่าลลิลน่าจะเหงา คือเธอไม่มีเพื่อนที่นี่เลย มีแค่คนเดียวเท่าที่กูเห็นนะ”“นั่นงะ เธอก็มีเพื่อนอยู่”“คือเขาก็ไม่ได้ว่างตลอดขนาดนั้น อีกอย่
ฉันดึงประตูห้องนอนปิดพลางกวาดสายตามองหาป้าแม่บ้าน แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า บนโต๊ะอาหารก็เช่นกัน เธอลืมรึเปล่านะ…ว่าฉันต้องกินข้าวกินยาตรงเวลา จุดหมายถัดไปของฉันคือห้องครัว ถ้าคนที่กำลังตามหาไม่อยู่ในนั้น ก็คงต้องแสดงฝีมือเองแล้วละ สุดฝีมือของฉันคงเป็นเมนูไข่กับมาม่า แต่อย่างหลังคงต้องตัดทิ้งไปก่อน ไม่งั้นกระเพาะคงได้ทะลุจริงๆ แน่ฉันตรงไปเปิดตู้เย็น หยิบไข่ไก่แต่ยังไม่ทันได้เอาออกมา ฉันก็วางมันคืนที่เดิมเมื่อเหลือบไปเห็นหม้อขนาดกลางตั้งอยู่บนเตา ไอน้ำที่เกาะอยู่ใต้ฝาหม้อที่เป็นกระจกนั่นแสดงให้เห็นว่าไฟคงจะดับได้ไม่นานนัก ฝาหม้อถูกเปิดในเวลาต่อมา กลิ่นหอมกรุ่นของอาหารสุดโปรดลอยเตะจมูก จนทนแทบไม่ไหว ข้าวต้มกุ้งเนี่ย กินติดกันทุกมื้อ ทุกวันก็ยังได้ ไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิดขณะที่กำลังตักข้าวต้มใส่ถ้วย ฉันได้ยินเสียงเปิดประตูคอนโดและคิดว่าคงจะเป็นป้าแม่บ้านเลยเอ่ยถาม“ข้าวต้มนี่ ป้าทำไว้ให้ฉันใช่ไหมคะ”แต่ก็ไม่ได้รอฟังคำตอบ เพราะยังไงมันก็ต้องเป็นของฉันอยู่แล้ว“ฉันจัดการเองแล้ว ป้าไปทำอย่างอื่นต่อเลยก็ได้ค่ะ” ฉันพูดต่อขณ
เขาเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าร้านค้าที่เปิด 24 ชม. หลังจากที่ขับออกมาจากโรงพยาบาลได้สักระยะ“รอแป๊บนะ” เขาว่าพร้อมกับปลดสายเบลท์และเปิดประตูลงจากรถไปทันที ฉันเองก็ไม่ได้มีอารมณ์จะสนใจว่าเขาจะทำอะไร ซื้ออะไร ตอนนี้รู้สึกปวดแปลบๆ ในช่องท้องขึ้นมาอีกแล้วไม่นานเขาก็เดินหอบถุงพะรุงพะรังสามสีใบในมือไปใส่ไว้ท้ายรถ ฉันทำได้แค่มองตามเขาด้วยความไม่เข้าใจ นึกอยากจะซื้อของเยอะแยะอะไรเวลานี้….@คอนโด Gพอถึงคอนโดเขาก็พาฉันขึ้นมาส่งและน่าจะกลับลงไปเอาของอีกรอบ ความจริงช่วยกันถือขึ้นมาก็ได้นะ แต่ก็นั่นแหละ…เขาไม่ยอมฉันอาบน้ำ เตรียมพร้อมที่จะเข้านอน ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงแต่ยังไม่ทันได้ล้มตัวลงนอน ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาซะก่อน“กินนมหน่อยไหม” เขาถามพร้อมกับเดินถือกล่องนมเข้ามายื่นให้ฉัน“ไม่” ฉันตอบกลับห้วนๆ“แต่ไอ้หมอบอกว่า นมกินได้นะ แต่ไม่ต้องเยอะ เอาไว้เวลาหิวหรือรู้สึกปวดท้อง ช่วงที่ไม่ใช้เวลากินมื้อหลัก” แต่เขายังเซ้าซี้ไม่ลดละ อธิบายซะยืดยาว“ไม่กิน ฉันจะนอนแล้
เท้าเล็กหยุดชะงักเมื่อเปิดประตูห้องตรวจออกมาเห็นผู้ชายที่ทุกคนต่างก็พากันพูดว่าเขาเป็นสามีของฉัน นั่งก้มหน้างุดอยู่บนเก้าอี้ มือข้างหนึ่งของเขายังคงนวดขมับและหว่างคิ้วสลับไปมา คล้ายกับกำลังบรรเทาความเหนื่อยล้าแวบหนึ่งมีความรู้สึกแปลกๆ แล่นเข้ามา ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร อยู่ดีๆ ก็นึกโทษตัวเองที่สร้างแต่เรื่องให้เขาไม่หยุดหย่อน ช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันแอบเข้าไปดูMacBookอยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่าทุกครั้งที่มีโอกาส เลยทำให้รู้ว่าเขาทำงานหนักมาแค่ไหน ไม่เหนื่อยสิแปลก เล่นควบสองบริษัท วิ่งไปวิ่งมา และไม่ว่าเขาจะทำมันเพราะต้องการช่วยบริษัทของป๊าจริงๆ หรือไม่ก็ตาม ฉันก็ไม่อยากสนใจเหตุผลแล้ว คงเป็นเพราะคำพูดอาม่าด้วยแหละมั้ง[เชื่อใจสามีของตัวเองเถอะ อีไม่มีวันทำร้ายพวกเราหรอก]ถึงฉันจะยังไม่เข้าใจมันทั้งหมด แต่ฉันก็เลือกจะเชื่อใจเขา…ในเรื่องนี้และพอจะได้พักก็ต้องมาเหนื่อยเพราะเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก ก็ไม่ใช่ว่าฉันจะเย็นชากับเขาจนไม่ได้รู้สึกอะไรหรอกนะ“เป็นอะไรรึเปล่าคะ” เสียงเอ่ยถามจากนางพยาบาลที่ดังมาจากด้านห
[Matusin Talk]“ลลิล” ผมเดินเข้าไปแตะไหล่บางที่ยืนตัวงอกุมท้องหันหน้าเข้ากำแพง อยู่หน้าผับไอ้ดิน“คะ…คุณ” เธอเงยหน้ามองและขานเรียกอย่างเลื่อนลอย ใจผมกระตุกวูบทันทีที่เห็นใบหน้าหวานซีดเผือดแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขนาดถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางบางส่วนมันยังดูออกว่าซีดผิดปกติ“ทำไมหน้าซีดแบบนี้วะ บ้าเอ้ย!” ผมรีบช้อนร่างบางขึ้นในท่าเจ้าหญิงเดินตรงกลับมาที่รถตัวเอง เป็นบ้าอะไรถึงปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสภาพแบบนี้ ผมคิดว่าต้องหนักมากแน่ๆ ไม่งั้นเธอคงไม่ยอมให้ผมมารับผมบรรจงว่างเธอลงบนเบาะ ก่อนจะเอื้อมดึงเบลท์มาคาดให้ ปิดประตูและเดินไปนั่งประจำที่ตัวเอง กดต่อสายหานายแพทย์ใหญ่ ผ่านปุ่มคำสั่งบนพวงมาลัยและออกรถโดยไม่รอให้ปลายสายตอบรับ“รับสิวะ…รับสิ” ผมพึมพำออกมาอย่างร้อนใจ ไอ้ห่านั่น…มันทำอะไรอยู่วะ ผมลอบมองผู้หญิงข้างๆ เป็นระยะ เธอยังคงเอามือกุมท้อง หน้านิ่วคิ้วขมวด เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มกรอบหน้าผมอดไม่ได้ที่จะยืนมือไปเกลี่ยเช็ด เจ็บหนักขนาดนี้…ยังจะออกมาเที่ยวอีก
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา….21.00 น.ฉันยืนใส่ตุ้มหูอีกข้างหน้ากระจกให้เสร็จก่อนหันซ้ายหันขวา สำรวจความสวยของตัวเองอีกนิดหน่อย หยิบกระเป๋าสะพายคู่ใจเดินลิ่วออกมาจากห้องนอน เท้าเล็กชะงักเมื่อเห็นหมอนกับผ้าห่มพับไว้อย่างดีโดยฝีมือป้าแม่บ้านที่ถูกจ้างมาในช่วงกลางวัน ทั้งทำความสะอาดและดูแลฉันช่วงนี้นายมธุษินทร์กลับดึกทุกวัน มิหนำซ้ำกลับมาแล้วยังทำงานต่ออีก เขาก็เลยไม่มีเวลาเข้าไปกวนฉันในห้อง ตื่นเช้ามาก็ไม่เคยเจอ ป้าแม่บ้านบอกว่าเขาออกไปก่อนที่เธอจะมาถึงด้วยซ้ำ นั้นแปลว่าเขาออกไปทำงานตั้งแต่ยังไม่แปดโมงเช้า แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี…การเจอกันของเราควรเกิดขึ้นให้น้อยที่สุดฉันหลุดยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินตรงออกจากคอนโดแต่ความจริงฉันยังไม่เลิกล้มความคิดที่จะเข้าไปทำงานที่บริษัท ถึงแม้จะไม่มีใครเห็นด้วยเลยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอาม่าหรือแม่ นายมธุษินทร์นั่นยิ่งแล้วใหญ่ สั่งห้ามเด็ดขาด ทำไมทุกคนถึงคิดว่าฉันทำงานไม่เป็นนะช่วงเวลาที่ผ่านมาฉันพยายามเข้าไปอ้อนอาม่าทุกวัน แต่ก็ไม่สำเร็จ แอบเข้าไปที่บริษัท ก็โดนแม่ไล่กลับ เฮ้อออ…แต่คนอย่างฉัน
Comments