“บังเอิญเจอกันอีกแล้วนะครับ”
กองทัพเอ่ยทักทายอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นยาดมที่หล่นเมื่อครู่คืนให้เธอ ซึ่งเจ้าขาก็รับมันไปแต่โดยดี ใบหน้าสวยฉายแวววิตกกังวลเล็กน้อย ด้วยไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ จะเจอกับผู้ชายที่ตัวเองมีความสัมพันธ์ด้วยแค่เพียงชั่วคืนบนเครื่องบินลำนี้ หลังจากนั่งฮึบอยู่นานเจ้าขาก็ตัดสินใจหันมาเผชิญหน้ากับคนหล่อตรง ๆ เพื่อถามในสิ่งที่เธอกำลังสงสัยอยู่
“นี่...คุณกำลังจะเดินทางไปเที่ยวที่ประเทศไทยใช่ไหมคะ”
คุณนางเอกยิงคำถามใส่อีกฝ่ายด้วยความอยากรู้ทันที ในขณะที่กองทัพเลิกคิ้วน้อย ๆ กับคำถามนั้น และในวินาทีต่อมาใบหน้าหล่อเหลาก็เผยรอยยิ้มออกมา ซึ่งรอยยิ้มที่ว่ามันช่างมีอานุภาพร้ายแรงเหลือเกินสำหรับหัวใจดวงน้อย ๆ ของเธอ สายตาว่าร้ายแล้วแต่รอยยิ้มกลับร้ายยิ่งกว่า ยิ้มแต่ละทีทำเอาเธอหายใจแทบไม่ทั่วท้องเลยแน่ะ
“เปล่าครับ ผมเป็นคนไทย พอดีเพิ่งเรียนจบจากอิตาลี แล้วตอนนี้ก็กำลังเดินทางกลับบ้านเกิด”
คราวซวยคงมาเยือนเธอจริง ๆ สินะ เจ้าขาลมแทบจับ รีบหมุนฝาเปิดยาดมแล้วจับยัดเข้าจมูกทันที โดยที่ไม่ได้นึกถึงภาพลักษณ์สาวงามล่มเมืองของตัวเองเลยสักนิด ในขณะที่กองทัพหลุดยิ้มขำออกมากับท่าทีนั้นทันที อะไรกัน แค่บอกว่าเป็นคนไทยนี่ถึงกับต้องดมยากันเลยทีเดียว
“แล้วทำไมถึงไม่บอกตั้งแต่แรกล่ะคะว่าเป็นคนไทย”
เมื่อสูดยาดมจนรู้สึกว่าดีขึ้นแล้ว เจ้าขาก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้ง ก่อนที่จะยิงคำถามใหม่ใส่ทันที แต่ครั้งนี้เจ้าขาเลือกที่จะพูดภาษาไทยกับเขาแทนภาษาอังกฤษ ก็แหม...ในเมื่อเขาเป็นคนไทย เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษกับเขาอีกต่อไปน่ะสิ
“ก็คุณไม่ได้ถามนี่ครับ จะว่าไปก็ไม่เห็นคุณถามอะไรผมเลยสักนิด นอกจากร้อง...อื้อ”
กองทัพยังพูดไม่ทันจบประโยคดี เจ้าขาก็รีบยกมือขึ้นปิดปากคนลามกเอาไว้ทันที เมื่อเขากำลังจะหลุดพูดในสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกขายหน้า ในขณะที่พี่เอมมี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ถึงกับตาโตด้วยความตกใจ เมื่อลูกสาวคนสวยยกมือขึ้นปิดปากผู้ชายแปลกหน้าที่นั่งข้าง ๆ กัน ราวกับว่ารู้จักกันมาก่อน ส่วนกองทัพเมื่อมีมือนุ่มหอม ๆ ยกมือขึ้นมาปิดปากเขาไว้ ก็จำต้องหุบปากไปตามระเบียบ
กองทัพสบตากับดวงตากลมโตของคนข้างกาย ที่กำลังมองเขาราวกับลูกแมวน้อยกำลังแยกเขี้ยวขู่เสือ ซึ่งมันดูน่ารักน่าเอ็นดูไม่น้อยในความรู้สึกของกองทัพ ทางฝั่งคุณนางเอกเมื่อเห็นคนข้าง ๆ ไม่มีท่าทีว่าจะพูดต่อก็ยอมลดมือลง พลางลอบมองซ้ายมองขวาอย่างกังวล เพราะเที่ยวบินนี้ไม่แน่อาจจะมีคนที่รู้จักเธออยู่ก็เป็นได้
“ถึงเมืองไทยเมื่อไหร่เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันค่ะ”
เจ้าขายื่นหน้ามากระซิบที่ข้างใบหูของคู่กรณี ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับน้อย ๆ โดยไร้ข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น เห็นแบบนั้นเธอก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง จึงทิ้งตัวลงพิงพนักเก้าอี้ก่อนที่จะหลับตาลงช้า ๆ ตอนนี้สมองน้อย ๆ ของเธอรู้สึกสับสนและวุ่นวายไปหมด ผู้ชายแปลกหน้าที่เธอเข้าใจว่าเขาเป็นคนอิตาลีกลับเป็นคนไทยเสียนี่ เธออยากจะบ้าตายเสียจริง
หลังจากนั้นก็ไร้ซึ่งบทสนทนาของคนทั้งคู่ ต่างคนต่างเงียบและหลับตาลงเพื่อพักผ่อน เมื่อเครื่องบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยที่จุดหมายปลายทางคือ ประเทศไทย เป็นเวลากว่า 12 ชั่วโมงของการเดินทาง ในที่สุดเครื่องบินลำใหญ่ก็แลนดิ้งลงจอดยังจุดหมายปลายทางโดยสวัสดิภาพ เสียงประกาศขอบคุณของเจ้าหน้าที่สายการบินปลุกให้เจ้าขาที่นอนหลับลืมตาตื่นขึ้น
ส่วนกองทัพก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับเอมมี่ที่หันมาเจอชายหนุ่มเข้าเต็ม ๆ คุณผู้จัดการสาว (สอง) แทบหยุดหายใจกับความหล่อของผู้ชายที่นั่งข้างลูกสาวของเธอ ส่วนคุณนักแสดงก็รีบลุกขึ้นเดินตามร่างสูงไปติด ๆ เพราะเธอมีเรื่องที่ต้องคุยและตกลงกับเขา
ไม่อย่างนั้นถ้าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเกิดมีคนรู้ขึ้นมา เธอได้ตกเป็นขี้ปากของคนทั้งวงการบันเทิงแน่ ๆ โดยเฉพาะคนที่พร้อมจะเหยียบย่ำเธอตลอดเวลา
“พี่เอมมี่ขาเดี๋ยวเจ้าขามานะคะ”
เจ้าขาบอกผู้จัดการส่วนตัวที่กำลังจะเดินไปรอรับกระเป๋า แต่เหมือนแค่มาบอกกล่าวไม่ได้มาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เอมมี่ได้เอ่ยถามอะไร นักแสดงในสังกัดก็รีบเดินตามใครบางคนออกไปเสียแล้ว
เดินไวเสียจริง...ในใจเธอก็นึกสงสัยว่าเขาจะไม่รอรับกระเป๋าหรืออย่างไร แต่เมื่อเห็นร่างสูงนั้นอยู่แวบ ๆ ก็รีบวิ่งไปคว้ามือหนาให้เดินตามเธอไปอีกทางทันที ซึ่งกองทัพก็ยอมให้ร่างบางจูงมือเขาแต่โดยดี โดยที่เจ้าขาไม่รู้เลยว่าภาพที่เธอเดินจูงมือกับชายหนุ่ม ได้ถูกบันทึกเอาไว้โดยฝีมือของใครบางคน
“ถ้าเราบังเอิญเจอกันอีก ไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไหร่ รบกวนทำเป็นไม่เคยรู้จักกันมาก่อนได้ไหมคะ”
เมื่อเดินมาถึงมุมลับตาคน เจ้าขาก็เปิดปากขอร้องอีกฝ่ายที่สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง เมื่อคนตรงหน้าให้เขาทำเป็นไม่รู้จักกับเธอ แต่จะว่าไปแล้ว เขาก็ไม่ได้รู้จักเธอมาก่อนนี่นา อ้อ...จะมีก็แค่เพียงร่างกายของเธอที่เขารู้จักเป็นอย่างดีทุกซอกทุมมุมเชียวล่ะ
“แล้วทำไมผมต้องทำอย่างนั้นด้วยล่ะครับ ก็ในเมื่อเราเคยเจอกันมาก่อน ถ้าบังเอิญเจอกันอีกครั้ง ผมก็แค่อยากทักทายคุณตามประสาคนที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี”
คำพูดที่แฝงไปด้วยนัยของกองทัพทำเอาเจ้าขาหนักใจและกังวลอย่างชัดเจน เมื่อเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของเธอคุณหมอก็สงสัยไม่น้อยว่า ทำไมเขาถึงต้องทำเป็นไม่รู้จักเธอด้วยเล่า มีเหตุผลอะไรที่เขาต้องทำอย่างนั้นกัน
“ที่นี่กับที่อิตาลีมันไม่เหมือนกัน เอาเป็นว่าเจ้าขาขอร้องนะคุณไค แมคคินสัน ถ้าเราบังเอิญเจอกันให้ทำเป็นไม่รู้จักกันด้วยนะคะ พลีส”
เจ้าขาทิ้งท้ายเอาไว้เพียงแค่นั้นแล้วเดินจากไป ทิ้งกองทัพให้อยู่กับความสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ ก่อนที่ร่างสูงจะเดินตามเธอไป แต่เดินไปได้แค่เพียงสองก้าวขาของเขาก็เหยียบเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง ร่างสูงก้มลงเก็บสิ่งของที่เขารู้สึกคุ้นตาราวกับเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ในขณะที่กำลังคิดว่าตัวเองเคยเจอของสิ่งนี้ที่ไหนมาก่อน ภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังเด็กก็ย้อนกลับเข้ามาในหัว ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เขากำลังจะเดินทางไปเรียนต่อที่อิตาลี
หมับ
กองทัพคว้ามือเด็กสาวที่เพิ่งเดินสวนกันก่อนหน้านี้เอาไว้มั่น ก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะหันกลับมามองคนที่วิ่งมาจับมือเธอเอาไว้ด้วยความตกใจ ครั้งแรกที่ทั้งคู่สบตากันกองทัพนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยกับความน่ารักสดใสของเด็กสาวตรงหน้า ในขณะที่อีกฝ่ายเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
พี่ผู้ชายคนนี้วิ่งมาจับมือเธอทำไมเนี่ย
“น้องทำของหล่นไว้ครับ พี่ทัพเก็บได้เลยเอามาคืน”
เด็กชายกองทัพคลายมือที่กำของสิ่งนั้นออกจากกัน เผยให้เห็นสร้อยล็อกเก็ตรูปหัวใจ เด็กหญิงเจ้าขาทำหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ของสำคัญขนาดนี้เธอทำมันหล่นหายได้อย่างไรนะเจ้าขา ถ้าหายไปมีหวังเธอได้เสียใจไปตลอดชีวิตแน่นอน
“ขอบคุณพี่มาก ๆ นะคะที่เก็บมาคืนเจ้าขา ถ้าหายไปเจ้าขาคงเสียใจแย่เลย ขอบคุณมากจริง ๆ ค่ะ”
เด็กสาวกล่าวขอบคุณพี่ชายใจดีจากใจ แล้วส่งยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน กองทัพในวัยเยาว์มองรอยยิ้มนั้นด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เจ้าขา”
คุณหมอกองทัพพึมพำออกมาเสียงแผ่วเบา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังของคนที่เดินจากไป มุมปากหนากระตุกยิ้มออกมาน้อย ๆ เจ้าของรอยยิ้มที่สดใสในวัยเด็กก็คือเธอนั่นเอง คนที่ทำให้หัวใจของเขารู้สึกแปลก ๆ คล้ายกำลังตกหลุมรัก ทำไมโลกมันช่างกลมขนาดนี้ คนที่เคยพบกันด้วยเรื่องบังเอิญในวัยเยาว์ กลับมาพบกันอีกครั้งและอยู่ในความสัมพันธ์ที่เรียกว่า One Night Stand
“หึ ให้ทำเป็นไม่รู้จักกันอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะสาวน้อย”
ร่างสูงเอ่ยพึมพำเสียงเบา พลางก้มเก็บของสิ่งนั้นใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีเพื่อเดินทางกลับบ้าน บ้านที่มีพ่อเก้า แม่นับ แล้วก็น้องพราวรออยู่ ครอบครัวที่แสนอบอุ่นของเขา
พี่ทัพกลับมาแล้วครับ
ที่รักค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องนอนของสามีโดยที่มีชมพู่เด็กรับใช้คอยช่วยพยุง ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียงใหญ่ที่มีร่างที่ไร้ลมหายใจของคู่ชีวิตนอนอยู่ มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือของสามีขึ้นมาแนบแก้ม ก่อนที่หยดน้ำตาจะหลั่งรินกระทบฝ่ามือใหญ่ที่เคยตอบรับสัมผัสกัน แต่บัดนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว“หลับให้สบายนะคะพี่หมอของที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ๆ หลาน ๆ แล้วนะ ที่รักสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีให้เหมือนตอนที่พี่หมอยังอยู่”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย หัวใจที่เคยมีความสุขก่อนหน้านี้กลับเศร้าหมอง ทั้ง ๆ ที่ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะสามีของเธอนั้นบอกกับเธอเสมอว่า เขาอายุมากแล้วและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอให้เธอเข้มแข็งและทำใจให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอไม่อยากให้เดินทางมาถึง กลับมาถึงเร็วกว่าที่คิดมันเลยทำให้เธอนั้นทำใจยากเหลือเกิน“หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสองคนได้เกิดมาคู่กันและเป็นสามีภรรยากันแบบนี้ตลอดไป แต่ชาติหน้าอย่าทำให้ที่รักเสียใจอีกนะคะ ชาตินี้ที่รักรักพี่หมอก่อน ชาติหน้าขอให้พี่หมอรักที่รักก่อนนะคะ ที่รักสัญญาว่าจะรักพี่
วันหยุดสุดสัปดาห์คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก“กราบครับคุณทวด”น้องเกรย์กับน้องกรรฐ์ประนมมือขึ้นก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของคุณทวดที่รัก ที่ยกมือขึ้นลูบหัวของเหลนชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนที่เหลนทั้งสองคนจะเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คุณทวดเมื่อท่านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต“พี่ขวัญล่ะครับ ทำไมถึงไม่มากับพวกเราด้วย”ที่รักถามเหลนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานเช่นเคย ก่อนที่น้องเกรย์จะหยิบตะกร้าที่บรรจุด้วยขนมหวานขึ้นมาวางเอาไว้บนตักและตอบคำถามของคุณทวดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“พ่อทัพพาพี่ขวัญไปส่งที่บ้านย่าแก้มครับ คุณย่าโทรมาหาตั้งแต่เช้า บอกว่าคิดถึงพี่ขวัญมากไม่มีเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอก พ่อทัพก็เลยพาพี่ขวัญไปหาคุณย่าครับ ส่วนพวกเราสองคนวันนี้ตั้งใจมาหาคุณทวดครับ นี่ครับคุณทวด ขนมที่พ่อทัพกับพี่ขวัญตื่นมาช่วยกันทำตั้งแต่เช้า กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้แฝดนำมาให้ทวดชิม พ่อทัพบอกว่าคุณทวดชอบกินขนมเทียนแก้วมาก ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบทำให้พ่อทัพกินบ่อย ๆ”น้องเกรย์ตอบคำถามคุณทวดจบก็หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและแกะออกจากห่อใบตองที่ห่ออย่างประณีตสวยงาม ก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของคุณทวดที่อ้
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ของขวัญที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่กำลังวิ่งดุกดิกเข้ามาหาเธอก็คือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่นเอง“ดึกแล้วทำไมยังไม่พากันนอนอีกครับ พี่เกรย์น้องกรรฐ์”ของขวัญถามน้องชายทั้งสองคนที่กำลังกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของเธอคนละฝั่ง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่เกรย์จะตบหมอนของพี่สาวเบา ๆ ของขวัญก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องชายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข“พี่เกรย์ชวนน้องกรรฐ์มานอนเป็นเพื่อนพี่ขวัญครับ”คำตอบของน้องชายคนเล็กทำเอาของขวัญถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่เธอขึ้นชั้นมัธยม สองแฝดก็ไม่เคยมานอนกับเธออีกเลย ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเขินเธอหรือเปล่า ทั้งคู่ถึงไม่ยอมมานอนด้วยกันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ“เกรย์ไม่อยากให้พี่ขวัญต้องนอนเหงาคนเดียวครับ อย่างน้อย ๆ มีน้องกรรฐ์กับเกรย์มานอนด้วยคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี”ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากน้องชายคนโต ทำเอาของขวัญถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจกับค
5 ปีผ่านไปห้องเรียน“โอเคค่ะทุกคน วันนี้คุณครูก็ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งคุณครูด้วยนะคะ ใครช้าได้ออกมาแก้โจทย์ให้เพื่อน ๆ ดูแน่ ๆ”เมื่อคุณครูสาวกล่าวจบและเก็บของออกจากห้องเรียนไปแล้วพี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็รีบเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะเรียนทันที ก่อนที่สองพี่น้องจะหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องเรียนเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารแต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เด็กหญิงน้ำหวานกับเด็กหญิงลูกพีช เพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบสองแฝดก็รีบวิ่งมายืนดักหน้าทั้งสองหนุ่มทันที ทำเอาสองพี่น้องรีบกระโดดถอยหลัง ราวกับว่าสองสาวตรงหน้า คือตัวเชื้อโรคที่ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ใกล้อย่างไรอย่างนั้น“เกรย์ กรรฐ์วันนี้ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”น้ำหวานเอ่ยปากชวนสองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แต่สองแฝดกลับส่ายหน้าไปมาพร้อม ๆ กันราวกับนัดหมาย ทำเอารอยยิ้มของเด็กหญิงน้ำหวานค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยสิบขวบ เมื่อเพื่อนชายที่เธอแอบชอบมาตลอดปฏิเสธที่จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน“แต่พวกเราสองคนชวนกรรฐ์กับเกรย์ท
โรงพยาบาล Nวันหยุดสุดสัปดาห์กองทัพจูงมือลูกชายทั้งสองคนมาตามทางเดินของโรงพยาบาลของครอบครัว เนื่องจากวันนี้เขากับเจ้าขาต้องออกงานสังคม จึงพาลูกชายทั้งสองคนมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาล เพราะพอถึงวันหยุดทีไรพี่เกรย์มักจะชอบมาขลุกอยู่ที่นี่ เพื่อดูคุณทวดทำงานและนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่เสมอ ส่วนน้องกรรฐ์ส่วนใหญ่แล้วจะชอบไปเล่นกับคุณปู่คุณย่า แต่วันนี้น้องชายฝาแฝดกลับอยากมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาลกับพี่ชายมากกว่าที่จะไปเล่นกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านใหญ่“’งื้อ เลือดเต็มเลยอะ พี่เกรย์น้องกรรฐ์กลัว”แฝดน้องยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายที่เดินจูงมือกันมาด้วยความกลัว เพราะเด็กชายตัวน้อยนั้นไม่ชอบเลือดเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหกล้มจนได้เลือด เจ้าคนเล็กของบ้านก็จะไม่ยอมมองแผลของตนเองเลย ในขณะที่แฝดพี่ยกมือขึ้นกอดน้องชายเอาไว้หลวม ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ้มออกมาน้อย ๆ กับความรักของสองพี่น้อง ที่พี่เกรย์นั้นมักจะเป็นที่พึ่งพิงให้น้องชายเสมอ“ไม่เห็นน่ากลัวเลยน้องกรรฐ์ มันก็แค่เลือดเอง”เกรย์บอกน้องชายเมื่อรถเข็นเตียงพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่น้องกรรฐ์จะค่อย ๆ หันหน้ากลับมาแล้วส่งยิ้มแหย ๆ ให้บิดาที่กำลัง
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จากเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเติบโตขึ้นเป็นเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบที่บุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่พี่เกรย์นั้นนิ่งมากขึ้นไม่ซุกซน เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในขณะที่น้องกรรฐ์นั้นดื้อและซนจนกองทัพกับเจ้าขาถึงกับกุมขมับแทบจะทุกวัน“อะ เราให้”เด็กชายกรรฐ์ยื่นอมยิ้มรสโปรดให้กับชมพูเพื่อนสาวต่างห้องที่น้องกรรฐ์แอบปลื้มอยู่ในระหว่างที่รอบิดากับมารดามารับหลังเลิกเรียน ชมพูมองอมยิ้มของเพื่อนต่างห้องที่ยื่นมาให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่สาวน้อยมองว่าน่ารักมาก ก่อนที่ชมพูจะยื่นมือไปหยิบอมยิ้มมาจากมือของกรรฐ์“ขอบใจนะ”เด็กหญิงชมพูเอ่ยขอบคุณเพื่อนต่างห้องก่อนที่เด็กน้อยจะเปิดกระเป๋านักเรียนและเก็บอมยิ้มเอาไว้ในนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนต่างห้องอีกครั้ง “ถ้าชมพูชอบกรรฐ์จะเอามาฝากทุกวันเลย”เด็กชายกรรฐ์บอกเพื่อนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มือเล็กของ ๆ พี่เกรย์จะบิดเข้าที่หูของน้องชายทำเอาน้องกรรฐ์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ เพราะแรงบิดของพี่ชายนั้นไม่ใช่เบา ๆ เลยสักนิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันที่น้องกรรฐ์หนีพี่ชายมาเต๊าะสาว ๆ ในระหว่างที