กองทัพ กันต์กวี / Kai Mckinson ศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลชื่อดัง หน้าตาดีราวกับลูกรักของพระเจ้า นิสัยน่ารัก อบอุ่น อ่อนโยน แต่กลับร้อนแรงดั่งไฟแผดเผายามโลดแล่นอยู่บนเตียง ภายนอกหน้าตาดูใสซื่อแต่ใครเลยจะรู้ว่าข้างในร้ายกาจดั่งเสือที่พร้อมจะขย้ำเหยื่อให้แหลกคามือ ❤️❤️❤️ แรกพบเพียงสบตาก่อเกิดความรู้สึกตกหลุมรัก กลับมาพบกันอีกคราดั่งพรหมลิขิตที่ขีดเขียนทำให้เส้นทางของเรามาบรรจบ และจบลงด้วยคำว่ารัก เจ้าขา จันทร์กระจ่าง ดาราสาวชื่อดังเบอร์หนึ่งของวงการ เธอสวยและเย่อหยิ่งราวกับราชินี ภายนอกดูแรงๆแต่ข้างในกลับอ่อนโยนและอ่อนไหวราวกับสนต้องลม โดยเฉพาะลมรักที่พัดพาหัวใจของเธอให้ตกไปเป็นของเขาอย่างง่ายดาย ❤️❤️❤️ สัมผัสเดียวในวันวานดั่งสายใยที่ผูกเราเอาไว้ เมื่อพานพบกันอีกคราหัวใจก็ถูกผูกติดไว้กับเธอตลอดกาล
view moreโรงพยาบาล N
“ยินดีด้วยนะคะ คุณแม่ตั้งครรภ์ได้ 8 สัปดาห์แล้วค่ะ”
คำบอกเล่าของคุณหมอวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า ทำเอามือของเจ้าขาสั่นระริกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ หยาดน้ำตาพลันไหลรินลงมา จนหน้ากากผ้าที่เธอสวมอยู่เปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา เมื่อเธอต้องพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝัน ที่เกิดขึ้นจากความสะเพร่าและอารมณ์เพียงชั่ววูบของเธอ ถ้าหากคืนนั้นเธอไม่หลงใหลไปกับเจ้าของแววตาสีน้ำตาลคู่นั้น เธอก็คงไม่ต้องมานั่งเสียใจในวันนี้
ถ้าหากว่าย้อนเวลากลับไปได้ ถ้าหากว่า...Go back in the time
ณ กรุงโรมประเทศอิตาลี
โรงพยาบาล H
กองทัพเดินออกมาจากห้องผ่าตัดด้วยความเหนื่อยล้า วันนี้เขามีเคสผ่าตัดยาวกว่าสี่ชั่วโมง เป็นเคสผู้ป่วยฉุกเฉินที่ประสบอุบัติเหตุค่อนข้างหนัก ทำให้ต้องใช้เวลาไม่น้อยกับการรักษาครั้งนี้ ร่างสูงบิดตัวไปมาไล่ความเมื่อยขบ ก่อนที่ใครบางคนจะเดินตามออกมาจากห้องผ่าตัดติด ๆ
“วันนี้ไปดื่มด้วยกันไหมคะหมอไค”
ไลร่า...คุณหมอสาวสวยประจำแผนกศัลยกรรมเอ่ยปากชวนกองทัพ หรือหมอไคไปดื่มด้วยกัน หากแต่ใบหน้าหล่อเหลากลับอมยิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธ คุณหมอคนสวยมองรอยยิ้มนั้นพลางหัวเราะออกมาเล็กน้อย ด้วยความคุ้นชินกับปฏิกิริยาตอบสนองของอีกฝ่าย ยามที่เธอชวนเขาไปสังสรรค์หลังเลิกงาน และเขาจะปฏิเสธเธอทุกครั้ง ย้ำว่าทุกครั้ง ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะยอมไปดื่มกับเธอ หรือแม้แต่สาว ๆ คนอื่นที่มาชวนดื่ม คุณหมอสุดหล่อก็ไม่เคยตอบตกลงไปดื่มกับใครเลยสักครั้ง
“ไม่ล่ะ ผมดื่มคนเดียวสนุกกว่า”
กองทัพตอบกลับเพื่อนร่วมงานยิ้ม ๆ ส่วนไลร่าเองก็ไม่ตามตื๊อต่อ ได้แต่พยักหน้ารับอย่างเข้าใจในความเป็นเขา ไค แมคคินสัน คุณหมอศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาล H ที่ปฏิเสธผู้หญิงทุกคนที่เข้าหา
เมื่อเห็นว่าเพื่อนร่วมงานคนสวยไม่ดึงดันต่อ คุณหมอกองทัพจึงหันไปส่งยิ้มให้เป็นการส่งท้าย ก่อนที่จะเดินกลับไปยังห้องทำงาน เพื่อเก็บของเตรียมออกเวร
นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาที่เขาต้องเดินทางกลับไปยังประเทศไทยแล้วสิ เขาห่างจากอกบิดามารดามานานเกินไปแล้ว กว่าสิบห้าปีที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ภายใต้การดูแลของมาเฟียใหญ่อย่างคุณปู่เรย์ ท่านคอยอบรมสั่งสอนหลานคนนี้อย่างเคี่ยวเข็ญ ทำให้กองทัพเติบโตขึ้นมาเป็นอย่างดี โดยที่เขาไม่รู้สึกขาดความอบอุ่นหรือโดดเดี่ยวอ้างว้างเลยสักครั้ง นั่นเป็นเพราะว่า พ่อเก้ามักจะพาแม่นับกับน้องพราวบินมาอยู่กับเขาทุกครั้งที่น้องสาวปิดเทอม
รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาไม่จางหาย เมื่อคิดถึงครอบครัวที่แสนอบอุ่นของตัวเอง ก่อนที่ร่างสูงจะเดินไปมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานอย่างอารมณ์ดี คุณหมอผู้อ่อนล้าจากการผ่าตัดรีบจัดการเปลี่ยนชุดทำงานเป็นชุดลำลองสบายตัวทันที เมื่อเรียบร้อยแล้วก็จัดการเก็บของเตรียมเดินทางกลับที่พัก เพราะวันนี้เขาตั้งใจจะไปนั่งดื่มคนเดียวเงียบ ๆ ที่ผับประจำ ซึ่งเจ้าของผับก็คือเพื่อนสนิทของเขาเอง
โรงแรม A
เจ้าขาวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะด้วยความรู้สึกผิดหวังและเสียใจ เมื่อบทนางเอกที่เธออุตส่าห์ตั้งใจไปแคส ดันตกเป็นของมิลินทร์ นางเอกชื่อดังที่เป็นดาวดวงใหม่ของวงการบันเทิง ซึ่งเหตุผลที่เธอได้รับบทนี้ เจ้าขาก็พอจะรู้มาบ้างว่า บ้านของมิลินทร์นั้นร่ำรวยและมีหน้ามีตาในสังคมมากพอสมควร
ละครเรื่องนี้เป็นละครฟอร์มยักษ์ที่บรรดานางเอกชื่อดัง รวมถึงเธอเองต่างก็อยากได้บทนางเอกมาครอบครอง เธอรู้ว่าทุกคนต้องเตรียมตัวขนาดไหนก่อนไปแคส ทุกคนพกความตั้งใจไปเต็มที่ แต่สุดท้ายแล้วบทกลับตกเป็นของคนที่มาสาย แม้กระทั่งวันแคสอย่างมิลินทร์ เจ้าขายิ้มหยันออกมาเล็กน้อยกับความไม่ยุติธรรมของโลกทุนนิยม ร่างบางในชุดเดรสสุดเซ็กซี่ผุดลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าใบเล็กในห้องนอนแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
Mezzanotte Pub
กองทัพเดินเข้ามาในผับด้วยความคุ้นเคย เพราะเขาเข้าออกที่ผับแห่งนี้มานานราวกับบ้านหลังที่สอง ซึ่งการ์ดแต่ละคนเมื่อเห็นเขาเดินเข้ามา ต่างก็พากันก้มหัวทำความเคารพเพื่อนของเจ้านายทันที คุณหมอในคราบนักท่องราตรีเดินผ่านผู้คนมากมาย ที่กำลังพากันนั่งดื่มด้วยความสนุกสนาน บางคนก็กำลังกอดจูบกันอย่างดูดดื่ม ถัดไปอีกนิดบนลานกว้างก็เห็นเหล่านักเที่ยวกำลังออกลีลาท่าเต้นอย่างยั่วยวนอยู่กลางฟลอร์ บ้างก็หันมาสบตาแล้วส่งสายตามาให้เขาอย่างเชิญชวน
“ว่าไงไคเพื่อนรัก วันนี้ทำไมถึงมาซะดึกเชียว ปกตินายต้องมาก่อนสามทุ่ม แล้วก็กลับก่อนเที่ยงคืนนี่”
เควินเอ่ยทักทายเพื่อนสนิทด้วยความแปลกใจ พลางก้มลงดูเวลาที่ข้อมือ เพราะตอนนี้เป็นเวลาใกล้จะห้าทุ่มแล้ว แต่เหตุใดเพื่อนรัก เพื่อนซี้ถึงเพิ่งเดินทางมาถึงที่ผับของเขากัน
ให้ตายเถอะ มันผิดวิสัยของคุณหมออนามัยชัด ๆ คบกันมานานย่อมรู้ว่า เพื่อนคนนี้ต้องเข้านอนก่อนเวลาเที่ยงคืนทุกวันถ้าไม่มีเวรดึก แล้ววันนี้มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย
กองทัพทิ้งตัวนั่งลงตรงข้ามกับเควิน อย่างไม่สนใจสีหน้าแปลกประหลาดของเพื่อน มือเรียวดุจแท่งเทียนเอื้อมผ่านไปหยิบแก้วเหล้าในมือของเพื่อนซี้มากระดกทีเดียวจนหมดแก้ว พลางยกยิ้มกวน
“มีเคสผ่าตัดด่วนน่ะ อุบัติเหตุใหญ่ วันนี้เลยค่อนข้างหนัก” ชายหนุ่มเอ่ยตอบคำถามของเพื่อนสนิท พร้อมกับวางแก้วลงบนโต๊ะ เป็นสัญญาณว่าแค่แก้วเดียวคงไม่พอ เควินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ แล้วหยิบแก้วเหล้าของตัวเองยื่นให้ลูกน้อง เพื่อชงเครื่องดื่มปลอบใจคุณหมอผู้เหนื่อยล้า แต่ก็ยังลากสังขารมาหากันได้
“อาทิตย์หน้านายไม่อยู่แล้ว ฉันคงเหงาน่าดู”
เควินพูดออกมายิ้ม ๆ แต่แววตากลับเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นไม่สามารถรอดพ้นสายตาของกองทัพไปได้เลย มือใหญ่ยกขึ้นตบบ่าเพื่อนสนิทเบา ๆ คล้ายจะเป็นการปลอบใจกลาย ๆ ด้วยตัวเขาเองก็คงรู้สึกใจหายเช่นกัน
เควิน คือเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา และเป็นเพื่อนรัก เพื่อนตายที่ผ่านช่วงเวลาแห่งความสุข ความสนุก และอันตรายถึงชีวิตมาด้วยกันอย่างโชกโชน ไม่แปลกที่พวกเขาทั้งสองคนจะรักและผูกพันกันมาก
“ฉันอยู่กับนายนานเกินไปแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องกลับไปอยู่กับครอบครัวที่เมืองไทยสักที ถ้านายคิดถึงฉัน นายก็ไปหาฉันได้ทุกเมื่อ ครอบครัวฉันยินดีต้อนรับนายเสมอเพื่อน”
เควินยิ้มน้อย ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย ก่อนที่จะเปลี่ยนโหมดสัพเพเหระมาเป็นการพูดคุยถึงเรื่องการดูแลธุรกิจสีเทาที่กองทัพดูแลอยู่ ซึ่งหลังจากที่เขาไม่อยู่แล้วคงต้องฝากให้เควินช่วยดูแลอยู่ทางนี้ ถึงแม้ว่ากองทัพจะเลือกเรียนหมอเดินตามรอยคุณปู่ แต่เขาก็ไม่ลืมที่จะเรียนรู้งานของบิดาด้วยเช่นกัน ซึ่งล้วนแต่เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับแวดวงธุรกิจสีเทาทั้งสิ้น
เจ้าขานั่งควงแก้วเหล้าในมือเล่นไปมาอย่างเหม่อลอย ก่อนที่จะยกแก้วกระดกรวดเดียว ให้น้ำสีอำพันไหลลงคอจนหมดแก้ว แต่เธอกลับไม่ได้มีความรู้สึกว่าเหล้ามันขมบาดคอแต่อย่างใด ด้วยส่วนตัวเธอเป็นคนค่อนข้างคอแข็งพอสมควร ดวงตากลมโตมองไปรอบ ๆ อย่างเบื่อหน่าย พลางสอดส่องสำรวจบรรยากาศของผับแห่งนี้ ที่เธอบังเอิญผ่านมาเจอเข้า แล้วตัดสินใจมานั่งดื่มคนเดียวอยู่มุมนี้
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ของเธอสั่นเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ นางเอกคนดังกลอกตามองบนเล็กน้อย แล้วตัดสินใจกดรับสาย ก่อนที่เธอจะชิงกรอกเสียงลงไปในสาย โดยที่ปลายสายกำลังอ้าปากเตรียมจะพูด แต่เสียงที่ตอบกลับมาทำให้ผู้จัดการสาวอย่างเอมมี่ต้องหุบปากฉับลงในทันที
“เจ้าขาออกมาข้างนอก ไม่เกินเที่ยงคืนเจ้าขาถึงห้องแน่นอนค่ะ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าขานะคะพี่เอมมี่”
จบประโยคคุณนางเอกก็ชิงกดตัดสายทันที ขืนคุยนานกว่านี้เอมมี่ต้องถามว่าเธออยู่ที่ไหน แล้วตามมาลากเธอกลับห้องอย่างแน่นอน ตามประสาผู้จัดการส่วนตัวดารา ที่กลัวดาราในสังกัดจะโดนตามแอบถ่าย แต่ที่นี่คืออิตาลีบ้านเกิดเมืองนอนของเธอ เธอไม่จำเป็นต้องกลัวปาปารัชซี่ตามมาแอบถ่าย หรือคอยกังวลว่าจะมีนักข่าวมาคอยจ้องเล่นข่าวเธอในทางที่เสีย ๆ หาย ๆ เธอมาไกลถึงที่นี่ คงไม่มีใครตามมาเก็บภาพเธอให้เสียค่าตั๋วเครื่องบินเล่นหรอกมั้ง
จนแล้วจนรอดก็อดนึกถึงความเฮงซวยที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ได้ เจ้าขายิ้มออกมาน้อย ๆ อย่างต้องการให้กำลังใจตัวเองในเวลาที่เธอรู้สึกเศร้าหรือเสียใจ มือบางควงแก้วเหล้าเล่นไปมา ก่อนที่ดวงตากลมโตจะสบตาเข้ากับดวงตาสีนิลของใครบางคน ที่กำลังหันมาสบตากับเธอเข้าเหมือนกัน เพียงแค่ชั่วครู่ แต่ราวกับเวลาที่กำลังเดินไปช้า ๆ หยุดลง เจ้าขามองใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับลูกรักของพระเจ้าคล้ายกับคนกำลังต้องมนต์สะกด
นัยน์ตาสีนิลฉายแววลุ่มลึกแลดูน่าค้นหา ทำเอาเจ้าขาไม่สามารถที่จะละสายตาไปจากใบหน้าหล่อเหลาของผู้ชายคนนี้ได้เลย ชายแปลกหน้ากระตุกยิ้มมุมปากน้อย ๆ ก่อนที่จะยกแก้วให้เธอ เจ้าขาที่เห็นอย่างนั้นก็ยกแก้วขึ้นตอบ ก่อนที่ทั้งคู่จะยกแก้วขึ้นกระดกรวดเดียวจนหมด ราวกับตกอยู่ในภวังค์ อยู่ ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวทั้ง ๆ ที่เจ้าขาไม่เคยมีความรู้สึกนี้มาก่อน
ในราตรีที่มืดมิดท่ามกลางความรู้สึกเศร้าและเสียใจ เจ้าขาบังเกิดความปรารถนาอยากที่จะลิ้มลองรสชาติของคำว่า “เซ็กซ์” แบบ One Night Stand กับผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่ง คนที่ทำให้เธอรู้สึกราวกับต้องมนต์สะกด จนยอมเดินตามเขาออกมาจากผับอย่างง่ายดาย กระทั่งแผ่นหลังบอบบางของเธอสัมผัสกับกำแพงที่เย็นเยียบ ถึงทำให้เธอรู้สึกว่า...
สายไปเสียแล้วหากจะหยุดเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
ที่รักค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องนอนของสามีโดยที่มีชมพู่เด็กรับใช้คอยช่วยพยุง ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียงใหญ่ที่มีร่างที่ไร้ลมหายใจของคู่ชีวิตนอนอยู่ มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือของสามีขึ้นมาแนบแก้ม ก่อนที่หยดน้ำตาจะหลั่งรินกระทบฝ่ามือใหญ่ที่เคยตอบรับสัมผัสกัน แต่บัดนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว“หลับให้สบายนะคะพี่หมอของที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ๆ หลาน ๆ แล้วนะ ที่รักสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีให้เหมือนตอนที่พี่หมอยังอยู่”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย หัวใจที่เคยมีความสุขก่อนหน้านี้กลับเศร้าหมอง ทั้ง ๆ ที่ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะสามีของเธอนั้นบอกกับเธอเสมอว่า เขาอายุมากแล้วและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอให้เธอเข้มแข็งและทำใจให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอไม่อยากให้เดินทางมาถึง กลับมาถึงเร็วกว่าที่คิดมันเลยทำให้เธอนั้นทำใจยากเหลือเกิน“หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสองคนได้เกิดมาคู่กันและเป็นสามีภรรยากันแบบนี้ตลอดไป แต่ชาติหน้าอย่าทำให้ที่รักเสียใจอีกนะคะ ชาตินี้ที่รักรักพี่หมอก่อน ชาติหน้าขอให้พี่หมอรักที่รักก่อนนะคะ ที่รักสัญญาว่าจะรักพี่
วันหยุดสุดสัปดาห์คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก“กราบครับคุณทวด”น้องเกรย์กับน้องกรรฐ์ประนมมือขึ้นก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของคุณทวดที่รัก ที่ยกมือขึ้นลูบหัวของเหลนชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนที่เหลนทั้งสองคนจะเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คุณทวดเมื่อท่านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต“พี่ขวัญล่ะครับ ทำไมถึงไม่มากับพวกเราด้วย”ที่รักถามเหลนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานเช่นเคย ก่อนที่น้องเกรย์จะหยิบตะกร้าที่บรรจุด้วยขนมหวานขึ้นมาวางเอาไว้บนตักและตอบคำถามของคุณทวดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“พ่อทัพพาพี่ขวัญไปส่งที่บ้านย่าแก้มครับ คุณย่าโทรมาหาตั้งแต่เช้า บอกว่าคิดถึงพี่ขวัญมากไม่มีเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอก พ่อทัพก็เลยพาพี่ขวัญไปหาคุณย่าครับ ส่วนพวกเราสองคนวันนี้ตั้งใจมาหาคุณทวดครับ นี่ครับคุณทวด ขนมที่พ่อทัพกับพี่ขวัญตื่นมาช่วยกันทำตั้งแต่เช้า กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้แฝดนำมาให้ทวดชิม พ่อทัพบอกว่าคุณทวดชอบกินขนมเทียนแก้วมาก ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบทำให้พ่อทัพกินบ่อย ๆ”น้องเกรย์ตอบคำถามคุณทวดจบก็หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและแกะออกจากห่อใบตองที่ห่ออย่างประณีตสวยงาม ก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของคุณทวดที่อ้
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ของขวัญที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่กำลังวิ่งดุกดิกเข้ามาหาเธอก็คือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่นเอง“ดึกแล้วทำไมยังไม่พากันนอนอีกครับ พี่เกรย์น้องกรรฐ์”ของขวัญถามน้องชายทั้งสองคนที่กำลังกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของเธอคนละฝั่ง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่เกรย์จะตบหมอนของพี่สาวเบา ๆ ของขวัญก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องชายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข“พี่เกรย์ชวนน้องกรรฐ์มานอนเป็นเพื่อนพี่ขวัญครับ”คำตอบของน้องชายคนเล็กทำเอาของขวัญถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่เธอขึ้นชั้นมัธยม สองแฝดก็ไม่เคยมานอนกับเธออีกเลย ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเขินเธอหรือเปล่า ทั้งคู่ถึงไม่ยอมมานอนด้วยกันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ“เกรย์ไม่อยากให้พี่ขวัญต้องนอนเหงาคนเดียวครับ อย่างน้อย ๆ มีน้องกรรฐ์กับเกรย์มานอนด้วยคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี”ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากน้องชายคนโต ทำเอาของขวัญถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจกับค
5 ปีผ่านไปห้องเรียน“โอเคค่ะทุกคน วันนี้คุณครูก็ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งคุณครูด้วยนะคะ ใครช้าได้ออกมาแก้โจทย์ให้เพื่อน ๆ ดูแน่ ๆ”เมื่อคุณครูสาวกล่าวจบและเก็บของออกจากห้องเรียนไปแล้วพี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็รีบเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะเรียนทันที ก่อนที่สองพี่น้องจะหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องเรียนเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารแต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เด็กหญิงน้ำหวานกับเด็กหญิงลูกพีช เพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบสองแฝดก็รีบวิ่งมายืนดักหน้าทั้งสองหนุ่มทันที ทำเอาสองพี่น้องรีบกระโดดถอยหลัง ราวกับว่าสองสาวตรงหน้า คือตัวเชื้อโรคที่ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ใกล้อย่างไรอย่างนั้น“เกรย์ กรรฐ์วันนี้ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”น้ำหวานเอ่ยปากชวนสองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แต่สองแฝดกลับส่ายหน้าไปมาพร้อม ๆ กันราวกับนัดหมาย ทำเอารอยยิ้มของเด็กหญิงน้ำหวานค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยสิบขวบ เมื่อเพื่อนชายที่เธอแอบชอบมาตลอดปฏิเสธที่จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน“แต่พวกเราสองคนชวนกรรฐ์กับเกรย์ท
โรงพยาบาล Nวันหยุดสุดสัปดาห์กองทัพจูงมือลูกชายทั้งสองคนมาตามทางเดินของโรงพยาบาลของครอบครัว เนื่องจากวันนี้เขากับเจ้าขาต้องออกงานสังคม จึงพาลูกชายทั้งสองคนมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาล เพราะพอถึงวันหยุดทีไรพี่เกรย์มักจะชอบมาขลุกอยู่ที่นี่ เพื่อดูคุณทวดทำงานและนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่เสมอ ส่วนน้องกรรฐ์ส่วนใหญ่แล้วจะชอบไปเล่นกับคุณปู่คุณย่า แต่วันนี้น้องชายฝาแฝดกลับอยากมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาลกับพี่ชายมากกว่าที่จะไปเล่นกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านใหญ่“’งื้อ เลือดเต็มเลยอะ พี่เกรย์น้องกรรฐ์กลัว”แฝดน้องยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายที่เดินจูงมือกันมาด้วยความกลัว เพราะเด็กชายตัวน้อยนั้นไม่ชอบเลือดเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหกล้มจนได้เลือด เจ้าคนเล็กของบ้านก็จะไม่ยอมมองแผลของตนเองเลย ในขณะที่แฝดพี่ยกมือขึ้นกอดน้องชายเอาไว้หลวม ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ้มออกมาน้อย ๆ กับความรักของสองพี่น้อง ที่พี่เกรย์นั้นมักจะเป็นที่พึ่งพิงให้น้องชายเสมอ“ไม่เห็นน่ากลัวเลยน้องกรรฐ์ มันก็แค่เลือดเอง”เกรย์บอกน้องชายเมื่อรถเข็นเตียงพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่น้องกรรฐ์จะค่อย ๆ หันหน้ากลับมาแล้วส่งยิ้มแหย ๆ ให้บิดาที่กำลัง
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จากเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเติบโตขึ้นเป็นเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบที่บุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่พี่เกรย์นั้นนิ่งมากขึ้นไม่ซุกซน เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในขณะที่น้องกรรฐ์นั้นดื้อและซนจนกองทัพกับเจ้าขาถึงกับกุมขมับแทบจะทุกวัน“อะ เราให้”เด็กชายกรรฐ์ยื่นอมยิ้มรสโปรดให้กับชมพูเพื่อนสาวต่างห้องที่น้องกรรฐ์แอบปลื้มอยู่ในระหว่างที่รอบิดากับมารดามารับหลังเลิกเรียน ชมพูมองอมยิ้มของเพื่อนต่างห้องที่ยื่นมาให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่สาวน้อยมองว่าน่ารักมาก ก่อนที่ชมพูจะยื่นมือไปหยิบอมยิ้มมาจากมือของกรรฐ์“ขอบใจนะ”เด็กหญิงชมพูเอ่ยขอบคุณเพื่อนต่างห้องก่อนที่เด็กน้อยจะเปิดกระเป๋านักเรียนและเก็บอมยิ้มเอาไว้ในนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนต่างห้องอีกครั้ง “ถ้าชมพูชอบกรรฐ์จะเอามาฝากทุกวันเลย”เด็กชายกรรฐ์บอกเพื่อนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มือเล็กของ ๆ พี่เกรย์จะบิดเข้าที่หูของน้องชายทำเอาน้องกรรฐ์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ เพราะแรงบิดของพี่ชายนั้นไม่ใช่เบา ๆ เลยสักนิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันที่น้องกรรฐ์หนีพี่ชายมาเต๊าะสาว ๆ ในระหว่างที
Mga Comments