โรงแรม A
แกรก แอด
เจ้าขาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักด้วยท่าทางอิดโรย ก่อนที่จะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง เอมมี่ที่รอคอยการกลับมาของนักแสดงในสังกัดอยู่นาน เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาก็รีบออกมาดูทันทีด้วยความโมโห แต่เมื่อผู้จัดการสาวได้เห็นสภาพของแม่นางเอกตัวดีก็ต้องยกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ
ใบหน้าที่ซีดเซียวไร้การแต่งแต้ม แถมตามลำคอยังเต็มไปด้วยร่องรอยแดงช้ำอีก ไหนจะท่าทางที่ราวกับโดนใครรังแกมานั่นอีก ทำให้เอมมี่รีบเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วงทันที เพราะเข้าใจว่าที่เจ้าขาหายไปทั้งคืนต้องเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ดีขึ้นกับเธอแน่ ๆ
“เจ้าขาทำไมสภาพเป็นแบบนี้เนี่ยลูก ใครมันทำกับเจ้าขาแบบนี้ บอกพี่เอมมี่มาเดี๋ยวนี้นะ พี่จะไปแจ้งความจับมันเข้าคุก”
มือที่ผอมบางราวกับมือของผู้หญิงจับไปตามเนื้อตัวของนักแสดงในสังกัดด้วยความเป็นห่วง แต่เจ้าขาจะส่ายหน้าน้อย ๆ พร้อมกับปิดตาลงด้วยความง่วง เพราะเมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาเข้าไปเกือบเช้าของวันใหม่แล้ว และด้วยนิสัยที่ชอบตื่นเช้าตามความเคยชิน ทำให้เธอไม่สามารถนอนต่อไปได้ ทั้ง ๆ ที่ร่างกายบอกว่าไม่ไหว
ก็นะ...จะให้นอนต่อในห้องของผู้ชายแปลกหน้ามันก็แปลก ๆ อยู่
“ก็แค่...หลงไปนอนค้างคืนที่ห้องของคนแปลกหน้ามาแค่นั้นเองค่ะ”
คำตอบของเจ้าขาทำเอาเอมมี่ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจ โดยที่เจ้าขาไม่ต้องขยายความต่อ เธอก็เดาได้ในทันทีว่าเมื่อคืนหญิงสาวต้องไปฟัดกับใครบนเตียงมาอย่างแน่นอน เพราะรอยแดงตามลำคอถือเป็นหลักฐานชั้นดี แบบที่ไม่ต้องสอบสวนให้มากความ
แล้วไป...เธอก็คิดว่าเจ้าขาโดนฉุดไปทำมิดีมิร้ายมาเสียอีก ที่ไหนได้ลูกสาวเธอดันหลงทางกลับห้องไม่ถูกเสียนี่ แม่เจ้าโว้ย กะเทยอยากจะบ้าตายทำไมลูกสาวเธอดื้อแบบนี้นะ
“นี่อย่าบอกนะ ว่าเสียใจเรื่องละครที่ไปแคสมาจนต้องออกไปดื่มแล้วเลยเถิดกลับมาในสภาพแบบนี้ แล้วไหนจะ เอ่อ ไหนจะ แง...เจ้าขาทำไมหนูเหลวไหลแบบนี้ล่ะลูก แม่อุตส่าห์ดูแลทะนุถนอมหนูราวกับไข่ในหิน แล้วนี่อะไร ไปฟัดกับผู้ชายที่ไหนมาคะ บอกแม่มาเดี๋ยวนี้นะ”
เอมมี่ถามเจ้าขาด้วยความโมโห แต่แม่นางเอกในสังกัดได้แต่ยิ้มหวานอย่างออดอ้อน พลางขยับเข้าไปกอดแขนผู้จัดการไว้ แต่กลับถูกสะบัดแขนออกด้วยความโกรธ เธอรู้ว่าเจ้าขาโตแล้ว เพราะเจ้าตัวก็เรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว แต่เธอก็ไม่อยากให้เจ้าขาเรียนรู้เรื่องพวกนี้เร็วเกินไป อายุเท่านี้ยังต้องเจออะไรอีกเยอะ แต่ดูเจ้าขาสิ มันน่าไหมเล่า เล่นกลับมาสภาพนี้ ไม่ต้องพูดเยอะกะเทยก็รู้ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าความซิงของลูกสาวเธอโดนโจรกรรมไปเสียแล้ว
แง...กะเทยเสียใจ
“พี่เอมมี่ขา เมื่อคืนเจ้าขาเมามากจนจำอะไรไม่ได้เลย รู้ตัวอีกทีก็ตื่นขึ้นมาในห้องของเขาแล้ว”
เอ่ยบอกคำตอบที่แถจนสีข้างถลอก พร้อมกับตีหน้าสำนึกผิดด้วยความใสซื่อ เพื่อยืนยันว่าเธอจำอะไรไม่ได้จริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เจ้าขาจำได้ทุกอย่าง ตั้งแต่วินาทีที่เธอลุกเดินตามเขาออกไป จนกระทั่งจบลงด้วยความร้อนแรงบนเตียง ถึงจะเป็นประสบการณ์ครั้งแรก แต่ผู้ชายคนนี้กลับทำให้เธอมีความสุขมากจนลืมความเจ็บปวดยามที่เขาช่วงชิงความสาวของเธอไปเสียสนิท
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าที่ซีดเซียวก็เริ่มมีเลือดฝาดขึ้นมาจนกลายเป็นแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เอมมี่ที่เห็นแบบนั้นรีบฟาดฝ่ามือลงบนตัวของเด็กสาวด้วยความโมโหปนหมั่นไส้
เพียะ
“โอ๊ย พี่เอมมี่เจ้าขาเจ็บนะคะ”
ร่างบางร้องขึ้นมาเสียงหลงด้วยความเจ็บ พร้อมกับยกมือขึ้นมาลูบตรงรอยแดงที่ถูกฟาดป้อย ๆ แต่เอมมี่กลับแยกเขี้ยวใส่ ทว่าคนถูกตีกลับไม่ได้รู้สึกสลดเลยสักนิด ถึงจะรู้สึกเสียดายกับความสาวที่ไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้เพราะอารมณ์ชั่ววูบ แต่ในเมื่อมันพลาดไปแล้ว แถมพลาดด้วยความเต็มใจของตัวเอง เธอก็ต้องยอมรับผลของมันให้ได้สิถูกไหม
“ก็ตั้งใจตีให้เจ็บไงล่ะ มีที่ไหนไปฟัดกับผู้ชายแปลกหน้ามาแล้วยังมาทำหน้าฟินให้เห็นอีก แล้วตอนนั้น คิดอะไรอยู่ ทำไมคนที่หวงตัวไม่ยอมให้ผู้ชายได้เขาใกล้ง่าย ๆ นอกจากเวลาเล่นละคร ถึงยอมให้คนที่เพิ่งเจอกันแค่เพียงครั้งเดียวช่วงชิงความสาวไปได้ หืม แม่ขอถามหน่อย”
เอมมี่ถามเจ้าขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง เธอเข้าใจอารมณ์หนุ่มสาวในช่วงวัยนี้ดี เพราะเพื่อนสาวหลายคนของเธอ ก็มักจะมีคนที่ชอบแบบถูกใจก็ไปต่อ แล้วจบลงแค่เพียงชั่วข้ามคืน แต่สำหรับเจ้าขาแล้วมันไม่ใช่ เด็กคนนี้หวงตัวมาก นอกจากละครที่ต้องเข้าฉากแล้ว เจ้าขาไม่ชอบที่จะอยู่ใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนเลย แม้กระทั่งพระเอกชื่อดังที่แอบชอบเธออยู่ก็ตามที
“เสน่ห์ของเขามันทำให้เจ้าขาไม่สามารถละสายตาไปได้เลย ดวงตาของเขามีเสน่ห์มากนะพี่เอมมี่ โดนจ้องทีเหมือนถูกโดนสะกดเลย รู้ตัวอีกทีก็ลุกขึ้นเดินตามเขาออกจากผับไปแล้ว แหะ ๆ”
เจ้าขาบอกเหตุผลที่ทำเอาผู้จัดการคนสวยต้องยกมือขึ้นกุมขมับ แม่นางเอกของเธอเจอคนหล่อมานักต่อนัก บางคนนี่ระดับพระเอกชื่อดัง แต่ก็ไม่เคยหวั่นไหวอะไรกับเขาหรอก แล้วอยู่ ๆ มาโดนผู้ชายแปลกหน้าที่อิตาลีตกเนี่ยนะ เฮ้อ กะเทยจะเป็นลม เอมมี่ได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจ
แต่ในเมื่อเจ้าขาพลาดไปแล้ว เธอก็ได้แต่ทำใจแหละนะ หวังว่าคงไม่มีปาปารัชซี่ตามมาถ่ายภาพของเจ้าขากับผู้ชายคนนั้นเอาไว้หรอกนะ เพราะการเดินทางมาที่อิตาลีในครั้งนี้ เจ้าขาเดินทางมาแบบเงียบ ๆ เพื่อมาเยี่ยมมารดาโดยที่ไม่ได้ให้ข่าวหรือออกสื่อที่ไหนเลย
“ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ นี่คงไม่ได้นอนสินะ จัดเต็มมาซะขนาดนี้”
เอมมี่มิวายเหน็บนักแสดงสาวที่ยิ้มอย่างทะเล้น ก่อนที่ร่างบางจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องไป พร้อมกับทิ้งตัวลงบนที่นอนหนานุ่มด้วยความอ่อนเพลีย โดยที่เธอหลงลืมเรื่องสำคัญไปเสียสนิท
หลายวันต่อมา
หลังจากที่ทำเรื่องลาออกจากโรงพยาบาลเรียบร้อยแล้ว กองทัพก็เตรียมตัวเดินทางกลับไปยังประเทศบ้านเกิด ที่ตนได้จากมานานหลายปีเหลือเกิน แต่ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับ ก็ขอออกไปเที่ยวเล่นตามแหล่งท่องเที่ยวที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ ไหน ๆ ก็จะกลับแล้วก็อยากเก็บภาพบรรยากาศเป็นความทรงจำครั้งสุดท้ายก่อนโบกมือลาอิตาลี
สถานที่ท่องเที่ยวขึ้นชื่อของเวนิสเป็นอีกที่ที่กองทัพชอบมาก วันนี้เขามาล่องเรือเพื่อชื่นชมและเก็บภาพสถาปัตยกรรมงดงามที่เรียงรายอยู่สองริมฝั่งคลอง ในขณะที่เรือกำลังล่องไปเรื่อย ๆ คุณหมอก็ยกกล้องขึ้นมาเพื่อเตรียมถ่ายภาพพระราชวังที่อยู่ตรงหน้า แต่กลับมีเรือล่องผ่านมาพอดีในช่วงจังหวะที่กำลังกดชัตเตอร์
แชะ
ภาพที่ตั้งใจถ่ายกลับกลายเป็นภาพเสี้ยวหน้าด้านข้างของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่กำลังหันมาทางเขา มือหนาเหมือนถูกสะกดมันทำหน้าที่กดรัวชัตเตอร์อย่างห้ามไม่อยู่ จนกระทั่งใบหน้าที่สวยราวกับเทพธิดาหันมาทางเขาเต็มตา มือที่กำลังกดถ่ายรูปอยู่ก็หยุดชะงักไปเล็กน้อย เพราะผู้หญิงที่กำลังยิ้มอย่างสดใสอยู่ตรงหน้า คือคนเดียวกันกับคนที่เพิ่งเดินจากไป พร้อมกับร่องรอยของความสุขที่เหลือเพียงความทรงจำ
วินาทีที่เจ้าขายิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง กองทัพก็ไม่รอช้าที่จะกดชัตเตอร์เก็บภาพถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุขของเธอเอาไว้ ก่อนที่เรือของเขาจะล่องผ่านเรือของสาวเจ้าไป โดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยว่ารอยยิ้มนั้นถูกใครบางคนบันทึกภาพเอาไว้ กองทัพมองเรือที่ล่องผ่านไปด้วยรอยยิ้มก่อนที่เขาจะหันกลับมามองด้านหน้าแล้วถ่ายภาพสองริมคลองอย่างมีความสุข
สนามบิน
“เดินทางปลอดภัยนะเพื่อน มีโอกาสก็กลับมาเยี่ยมฉันบ้าง ที่นี่ยินดีต้อนรับนายเสมอกองทัพ”
เควินอวยพรเพื่อนสนิทให้เดินทางปลอดภัย ด้วยใบหน้าที่ติดจะเศร้าเล็กน้อย เมื่อเพื่อนรักของเขาต้องเดินทางกลับประเทศบ้านเกิดเมืองนอน กองทัพค่อย ๆ สวมกอดเพื่อนที่กอดตอบด้วยความเศร้าใจ
เราอยู่ด้วยกันมานานตั้งแต่เด็ก เควินเป็นเด็กกำพร้าที่กองทัพบังเอิญผ่านไปเจอและรู้สึกถูกชะตา จึงพากลับมาอยู่ด้วยที่คฤหาสน์ของปู่เรย์ ก่อเกิดเป็นความสนิทสนมของมิตรสหายวัยเยาว์จนถึงทุกวันนี้
ซึ่งปู่เรย์ก็ไม่ขัดข้อง ทั้งยังส่งเสียให้เควินเรียนหนังสือไปพร้อม ๆ กับเขา เพียงแต่เรียนคนละสายอาชีพเท่านั้น เพราะเควินชอบออกแบบ ส่วนกองทัพชอบทางด้านการแพทย์ ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้กลายเป็นหนุ่มวัย 27 ปี มันทำให้ทั้งคู่รักและผูกพันกันมาก
“อยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ อย่าดื่มหนักจนลืมคิดถึงสุขภาพล่ะ ช่วงไหนที่ลาพักร้อนยาว สัญญาว่าจะบินกลับมาเยี่ยมนายทุกปีเพื่อนรัก”
กองทัพตบบ่าเควินเบา ๆ อย่างปลอบโยน พร้อมกับส่งยิ้มให้เพื่อนเป็นการตบท้าย ก่อนที่คุณหมอจะตัดใจหันหลังเดินจากไป โดยที่มีลูกน้องของบิดาเดินลากกระเป๋าใบใหญ่ตามหลังมา เควินยืนส่งเพื่อนจนร่างสูงนั้นหายลับไปจากสายตา เขาจึงเดินออกมาจากสนามบินด้วยความรู้สึกเศร้าใจ
หลังจากที่ขึ้นมาบนเครื่องเรียบร้อยแล้ว กองทัพก็เดินหาที่นั่งของตัวเองจนเจอจากการช่วยเหลือของแอร์โฮสเตสสาว ข้าง ๆ กันมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว เขาค่อย ๆ หย่อนตัวลงนั่งเบา ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนข้าง ๆ ที่ดูเหมือนกำลังจะเข้าสู่ห้วงนิทรา แต่เมื่อนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ของที่อยู่ในมือของผู้หญิงคนนั้นดันตกลงมาบนพื้นตรงหน้า กองทัพจึงรีบก้มลงเก็บของสิ่งนั้น เพื่อวางคืนให้คนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ทันที
แต่เมื่อคุณหมอเงยหน้าขึ้นมาเพื่อเตรียมคืนของให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขากลับต้องชะงักไป เมื่อพบว่าผู้หญิงคนนี้คือ เจ้าขา ส่วนหญิงสาวที่เพิ่งงัวเงียตื่นก็ตกใจไม่แพ้กัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างราวกับเห็นผี เพราะผู้ชายที่เธอคิดว่าเขาเป็นคนอิตาลีและคงไม่มีวันได้พบกันอีก กลับกลายเป็นเพื่อนร่วมทางบนเครื่องบินลำนี้ ที่กำลังเดินทางมุ่งหน้าสู่ประเทศไทยเสียได้
คุณหมอหนุ่มยิ้มออกมาน้อย ๆ ราวกับถูกใจ เมื่อบังเอิญเจอคนที่เคยมีความสัมพันธ์กันทางกายอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เขาคงต้องขอเรียกมันว่า พรหมลิขิตแล้วแหละ ส่วนเจ้าขาเองก็กำลังทำหน้าราวกับจะร้องไห้
ให้ตายเถอะ ถ้ากลับไปที่เมืองไทยเขาต้องรู้แน่ ๆ ว่าเธอเป็นดาราชื่อดัง ไหนจะความสัมพันธ์แบบวันไนท์สแตนด์นั่นอีก นี่มันถึงคราวซวยของเธอหรืออย่างไรกันนะยัยเจ้าขา
ที่รักค่อย ๆ เดินเข้ามาในห้องนอนของสามีโดยที่มีชมพู่เด็กรับใช้คอยช่วยพยุง ก่อนที่เธอจะเดินมานั่งลงบนเตียงใหญ่ที่มีร่างที่ไร้ลมหายใจของคู่ชีวิตนอนอยู่ มือที่สั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปจับมือของสามีขึ้นมาแนบแก้ม ก่อนที่หยดน้ำตาจะหลั่งรินกระทบฝ่ามือใหญ่ที่เคยตอบรับสัมผัสกัน แต่บัดนี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ อีกต่อไปแล้ว“หลับให้สบายนะคะพี่หมอของที่รัก ไม่ต้องเป็นห่วงลูก ๆ หลาน ๆ แล้วนะ ที่รักสัญญาว่าจะดูแลทุกคนเป็นอย่างดีให้เหมือนตอนที่พี่หมอยังอยู่”น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์กาย หัวใจที่เคยมีความสุขก่อนหน้านี้กลับเศร้าหมอง ทั้ง ๆ ที่ทำใจมาบ้างแล้ว เพราะสามีของเธอนั้นบอกกับเธอเสมอว่า เขาอายุมากแล้วและอาจจะอยู่ได้อีกไม่นาน ขอให้เธอเข้มแข็งและทำใจให้ได้ แต่พอเอาเข้าจริง เวลาที่เธอไม่อยากให้เดินทางมาถึง กลับมาถึงเร็วกว่าที่คิดมันเลยทำให้เธอนั้นทำใจยากเหลือเกิน“หากชาติหน้ามีจริง ขอให้เราสองคนได้เกิดมาคู่กันและเป็นสามีภรรยากันแบบนี้ตลอดไป แต่ชาติหน้าอย่าทำให้ที่รักเสียใจอีกนะคะ ชาตินี้ที่รักรักพี่หมอก่อน ชาติหน้าขอให้พี่หมอรักที่รักก่อนนะคะ ที่รักสัญญาว่าจะรักพี่
วันหยุดสุดสัปดาห์คฤหาสน์พิสิฐกุลวัตรดิลก“กราบครับคุณทวด”น้องเกรย์กับน้องกรรฐ์ประนมมือขึ้นก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของคุณทวดที่รัก ที่ยกมือขึ้นลูบหัวของเหลนชายฝาแฝดทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน ก่อนที่เหลนทั้งสองคนจะเงยหน้าพร้อมกับลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ คุณทวดเมื่อท่านพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต“พี่ขวัญล่ะครับ ทำไมถึงไม่มากับพวกเราด้วย”ที่รักถามเหลนทั้งสองด้วยน้ำเสียงที่ยังคงความอ่อนหวานเช่นเคย ก่อนที่น้องเกรย์จะหยิบตะกร้าที่บรรจุด้วยขนมหวานขึ้นมาวางเอาไว้บนตักและตอบคำถามของคุณทวดด้วยรอยยิ้มที่สดใส“พ่อทัพพาพี่ขวัญไปส่งที่บ้านย่าแก้มครับ คุณย่าโทรมาหาตั้งแต่เช้า บอกว่าคิดถึงพี่ขวัญมากไม่มีเพื่อนเล่นไพ่นกกระจอก พ่อทัพก็เลยพาพี่ขวัญไปหาคุณย่าครับ ส่วนพวกเราสองคนวันนี้ตั้งใจมาหาคุณทวดครับ นี่ครับคุณทวด ขนมที่พ่อทัพกับพี่ขวัญตื่นมาช่วยกันทำตั้งแต่เช้า กำชับแล้วกำชับอีกว่าให้แฝดนำมาให้ทวดชิม พ่อทัพบอกว่าคุณทวดชอบกินขนมเทียนแก้วมาก ตอนเด็ก ๆ ก็ชอบทำให้พ่อทัพกินบ่อย ๆ”น้องเกรย์ตอบคำถามคุณทวดจบก็หยิบขนมขึ้นมาหนึ่งชิ้นและแกะออกจากห่อใบตองที่ห่ออย่างประณีตสวยงาม ก่อนที่จะยื่นไปตรงหน้าของคุณทวดที่อ้
ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ของขวัญที่กำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงนอนใหญ่ค่อย ๆ หันไปมองประตูที่ถูกเปิดเข้ามา ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้างด้วยความดีใจ เพราะคนที่กำลังวิ่งดุกดิกเข้ามาหาเธอก็คือน้องชายฝาแฝดตัวแสบนั่นเอง“ดึกแล้วทำไมยังไม่พากันนอนอีกครับ พี่เกรย์น้องกรรฐ์”ของขวัญถามน้องชายทั้งสองคนที่กำลังกระโดดขึ้นมาบนเตียงนอนของเธอคนละฝั่ง พร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงใหญ่ด้วยรอยยิ้มทั้งคู่ ก่อนที่เกรย์จะตบหมอนของพี่สาวเบา ๆ ของขวัญก็ทิ้งตัวลงนอนข้าง ๆ น้องชายทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข“พี่เกรย์ชวนน้องกรรฐ์มานอนเป็นเพื่อนพี่ขวัญครับ”คำตอบของน้องชายคนเล็กทำเอาของขวัญถึงกับเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เพราะตั้งแต่ที่เธอขึ้นชั้นมัธยม สองแฝดก็ไม่เคยมานอนกับเธออีกเลย ไม่รู้ว่าพอโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเขินเธอหรือเปล่า ทั้งคู่ถึงไม่ยอมมานอนด้วยกันเหมือนเมื่อครั้งยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ“เกรย์ไม่อยากให้พี่ขวัญต้องนอนเหงาคนเดียวครับ อย่างน้อย ๆ มีน้องกรรฐ์กับเกรย์มานอนด้วยคืนนี้จะได้นอนหลับฝันดี”ประโยคที่แฝงไปด้วยความห่วงใยจากน้องชายคนโต ทำเอาของขวัญถึงกับน้ำตารื้นด้วยความซาบซึ้งใจกับค
5 ปีผ่านไปห้องเรียน“โอเคค่ะทุกคน วันนี้คุณครูก็ขอจบการสอนไว้เพียงเท่านี้ พรุ่งนี้เจอกันใหม่ อย่าลืมเอาการบ้านไปส่งคุณครูด้วยนะคะ ใครช้าได้ออกมาแก้โจทย์ให้เพื่อน ๆ ดูแน่ ๆ”เมื่อคุณครูสาวกล่าวจบและเก็บของออกจากห้องเรียนไปแล้วพี่เกรย์กับน้องกรรฐ์ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กันก็รีบเก็บสมุดหนังสือลงใต้โต๊ะเรียนทันที ก่อนที่สองพี่น้องจะหันมาพยักหน้าอย่างรู้กัน พร้อมกับลุกขึ้นเตรียมที่จะเดินออกไปจากห้องเรียนเพื่อไปทานมื้อเที่ยงที่โรงอาหารแต่ยังไม่ทันที่สองหนุ่มจะเดินไปถึงหน้าห้องเรียน เด็กหญิงน้ำหวานกับเด็กหญิงลูกพีช เพื่อนร่วมห้องที่แอบชอบสองแฝดก็รีบวิ่งมายืนดักหน้าทั้งสองหนุ่มทันที ทำเอาสองพี่น้องรีบกระโดดถอยหลัง ราวกับว่าสองสาวตรงหน้า คือตัวเชื้อโรคที่ทั้งสองคนไม่อยากอยู่ใกล้อย่างไรอย่างนั้น“เกรย์ กรรฐ์วันนี้ไปกินข้าวกับพวกเรานะ”น้ำหวานเอ่ยปากชวนสองหนุ่มด้วยรอยยิ้ม แต่สองแฝดกลับส่ายหน้าไปมาพร้อม ๆ กันราวกับนัดหมาย ทำเอารอยยิ้มของเด็กหญิงน้ำหวานค่อย ๆ จางหายไปจากใบหน้าสวยหวานของเด็กหญิงวัยสิบขวบ เมื่อเพื่อนชายที่เธอแอบชอบมาตลอดปฏิเสธที่จะไปทานมื้อเที่ยงด้วยกัน“แต่พวกเราสองคนชวนกรรฐ์กับเกรย์ท
โรงพยาบาล Nวันหยุดสุดสัปดาห์กองทัพจูงมือลูกชายทั้งสองคนมาตามทางเดินของโรงพยาบาลของครอบครัว เนื่องจากวันนี้เขากับเจ้าขาต้องออกงานสังคม จึงพาลูกชายทั้งสองคนมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาล เพราะพอถึงวันหยุดทีไรพี่เกรย์มักจะชอบมาขลุกอยู่ที่นี่ เพื่อดูคุณทวดทำงานและนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่เสมอ ส่วนน้องกรรฐ์ส่วนใหญ่แล้วจะชอบไปเล่นกับคุณปู่คุณย่า แต่วันนี้น้องชายฝาแฝดกลับอยากมาหาคุณทวดที่โรงพยาบาลกับพี่ชายมากกว่าที่จะไปเล่นกับคุณปู่คุณย่าที่บ้านใหญ่“’งื้อ เลือดเต็มเลยอะ พี่เกรย์น้องกรรฐ์กลัว”แฝดน้องยกมือขึ้นปิดตาก่อนจะโผเข้ากอดพี่ชายที่เดินจูงมือกันมาด้วยความกลัว เพราะเด็กชายตัวน้อยนั้นไม่ชอบเลือดเป็นที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งจะหกล้มจนได้เลือด เจ้าคนเล็กของบ้านก็จะไม่ยอมมองแผลของตนเองเลย ในขณะที่แฝดพี่ยกมือขึ้นกอดน้องชายเอาไว้หลวม ๆ ทำเอาคุณพ่อยิ้มออกมาน้อย ๆ กับความรักของสองพี่น้อง ที่พี่เกรย์นั้นมักจะเป็นที่พึ่งพิงให้น้องชายเสมอ“ไม่เห็นน่ากลัวเลยน้องกรรฐ์ มันก็แค่เลือดเอง”เกรย์บอกน้องชายเมื่อรถเข็นเตียงพยาบาลวิ่งผ่านไปแล้ว ก่อนที่น้องกรรฐ์จะค่อย ๆ หันหน้ากลับมาแล้วส่งยิ้มแหย ๆ ให้บิดาที่กำลัง
เวลาที่ผ่านไปเรื่อย ๆ จากเด็กน้อยวัยหนึ่งขวบเติบโตขึ้นเป็นเด็กชายตัวน้อยวัยห้าขวบที่บุคลิกของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยที่พี่เกรย์นั้นนิ่งมากขึ้นไม่ซุกซน เป็นเด็กว่านอนสอนง่ายในขณะที่น้องกรรฐ์นั้นดื้อและซนจนกองทัพกับเจ้าขาถึงกับกุมขมับแทบจะทุกวัน“อะ เราให้”เด็กชายกรรฐ์ยื่นอมยิ้มรสโปรดให้กับชมพูเพื่อนสาวต่างห้องที่น้องกรรฐ์แอบปลื้มอยู่ในระหว่างที่รอบิดากับมารดามารับหลังเลิกเรียน ชมพูมองอมยิ้มของเพื่อนต่างห้องที่ยื่นมาให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้มที่สาวน้อยมองว่าน่ารักมาก ก่อนที่ชมพูจะยื่นมือไปหยิบอมยิ้มมาจากมือของกรรฐ์“ขอบใจนะ”เด็กหญิงชมพูเอ่ยขอบคุณเพื่อนต่างห้องก่อนที่เด็กน้อยจะเปิดกระเป๋านักเรียนและเก็บอมยิ้มเอาไว้ในนั้นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มขอบคุณเพื่อนต่างห้องอีกครั้ง “ถ้าชมพูชอบกรรฐ์จะเอามาฝากทุกวันเลย”เด็กชายกรรฐ์บอกเพื่อนตัวเล็กด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่มือเล็กของ ๆ พี่เกรย์จะบิดเข้าที่หูของน้องชายทำเอาน้องกรรฐ์ถึงกับร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บ เพราะแรงบิดของพี่ชายนั้นไม่ใช่เบา ๆ เลยสักนิด ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นเกือบทุกวันที่น้องกรรฐ์หนีพี่ชายมาเต๊าะสาว ๆ ในระหว่างที