— หลังจากจบพิธีแต่งงาน —
คุณท่านพ่ฉันมาที่บ้าน เป็นบ้านของคุณท่านหลังใหญ่โตมโหฬารมาก ฉันถึงกับตะลึงตาค้างเลยทีเดียว ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นบ้านหลังใหญ่อย่างกับวังแบบนี้เลย
“หนูตามฉันมาเดี๋ยวฉันจะพาไปดูห้องนอน” คุณท่านเอ่ยบอกฉัน คงจะเห็นว่าฉันยืนนิ่งไม่ขยับ ก็ฉันกำลังตะลึงกับความใหญ่โตของบ้านอยู่นี่แหละ ฉันเดินตามคุณท่านขึ้นไปชั้นบน บ้านหลังนี้มีสามชั้น มันใหญ่โตมาก จริงๆ ตรงทางขึ้นมีรูปผู้หญิงสูงวัยติดอยู่ตรงผนัง ขนาดว่าอายุเยอะแล้วก็ไม่อาจทำรายความสวยของคนในภาพได้เลย ตอนเป็นสาวคงจะสวยมากแน่ๆ ก็เหมือนกับคุณท่าน ถึงคุณท่านจะอายุเยอะมากแล้วแต่ก็ยังดูดีไม่แก่ตามอายุ“ห้องนี้คือห้องนอนของหนู ส่วนห้องฉันจะอยู่ตรงข้าม”
“อ้อ ค่ะๆ” ฉันพยักหน้าหงึกๆพรางปรายตามองไปรอบๆ ไม่คิดไม่ฝันว่าชีวิตฉันจะได้สัมผัสกับบ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้ “หนูหน้าเหมือนแม่ตอนเป็นสาวเลยนะรู้มั้ย” คุณท่านพูดพร้อมกับยิ้มจางๆให้ฉัน รอยยิ้มของคุณท่านช่างอบอุ่นจริงๆ “แม่เคยบอกค่ะ ว่าหนูหน้าเหมือนแม่มาก พ่อก็เคยบอกเหมือนกัน” คุณท่านหุบยิ้มทันทีเมื่อฉันเอ่ยถึงพ่อ มีอะไรรึเปล่านะ “ถ้างั้นหนูไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวถึงเวลาทานอาหารฉันจะให้คนมาตาม” “เสื้อผ้าของใช้ฉันให้คนจัดการไว้เรียบร้อยแล้ว” “ขอบคุณมากนะคะ หนูไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตหนูจะเธอคนใจดีแบบคุณท่าน หนูขอบคุณมาก จริงๆ” “ขอบคุณอะไรกัน ไปพักผ่อนเถอะ” คุณท่านไม่รอให้ฉันตอบอะไร ท่านหันหลังให้ฉันเดินลงบันไดไปชั้นล่าง ส่วนฉันก็เข้าห้องนอนภายในห้องตกแต่งด้วยสีขาวสะอาดตา เตียงนอนนั่นมันใหญ่กว่าเตียงที่ฉันเคยนอนตั้งหลายเท่า
ฉันมองไปรอบๆห้องด้วยความตื่นเต้น ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ฉันพึ่งเคยได้สัมผัส มันทำให้ฉันลืมตราบาปที่ผู้ชายใจร้ายคนนั้นทำเอาไว้ชั่วขณะ ฉันนั่งลงบนเตียงพรางขย่มตัวขึ้นลงสามสี่ที เตียงนุ่มๆแบบนี้คงจะนอนหลับสบายมากแน่เลย ฉันเอนตัวนอนลงบนเตียงพร้อมกับค่อยๆหลับตาลงช้าๆ จากนั้นฉันก็จมดิ่งสู่ห้วงนิทราไม่รับรู้อะไรอีกเลย ก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตูห้อง) เสียงเคาะห้องที่ดังขึ้นมาไม่ขาดสายทำให้ฉันตื่นจากความฝัน เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองร้องไห้เพราะคราบน้ำตามันยังเปียกตรงแก้มของฉันอยู่ เมื่อกี้ฉันฝันเห็นแม่ แม่มายืนยิ้มให้ฉัน ฉันทั้งร้องเรียกทั้งพยายามจะเดินเข้าไปหาแม่ แต่เดินไปเท่าไหร่ก็ไม่ถึงตัวแม่สักที ทั้งที่แม่ก็อยู่แค่ตรงหน้าฉันแกร่ก! (เสียงเปิดประตูห้อง)
“คุณผู้หญิงคะคุณท่านให้มาตามลงไปทานข้าวค่ะ” “อะ อ้อค่ะๆเดี๋ยวหนูลงไปนะคะ” ฉันยิ้มแห้งๆให้คุณป้าแม่บ้าน ไม่ชินเลยที่มีคนมาเลี้ยงฉันว่าคุณผู้หญิง ฉันว่ามันสูงเกินไปสำหรับฉันฉันรีบอาบน้ำก่อนจะแต่งตัว ในตู้เสื้อผ้ามีเสื้อผ้าอยู่หลายตัวมากมีแต่ชุดสไตล์ที่ฉันชอบใส่ทั้งนั้นเลย
ฉันเดินไปที่กระจกก่อนจะเอาเสื้อทาบกับตัวเอง แต่แล้วฉันก็ต้องชะงักเมื่อเห็นรอยแดงหลายจุดตามร่างกาย อุส่าจะไม่คิดถึงเรื่องบ้านั่นอยู่แล้วเชียว แต่พอมาเห็นแบบนี้มันทำให้ความรู้สึกของฉันแย่ไปเลยจริงๆฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ และสะลัดความคิด บ้าๆ ออกจากหัว ฉันเสียให้เขาไปแล้วมันเอาอะไรกับคืนมาไม่ได้ เพราะฉะนั้น อะไรที่เสียแล้วก็ปล่อยให้มันเสียไป ฉันจะไม่คิดถึงเรื่องนั้นอีก
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป... ฉันใช้ชีวิตปกติ คุณท่านให้อิสระกับฉันมากๆจนฉันเกรงใจ หลายอย่างที่คุณท่านให้ฉัน ไม่ว่าจะเป็นรถซุปเปอร์คาร์คันหรู สิ่งของราคาแพง แม้กระทั้งบัตรเครดิต ฉันปฏิเสธที่จะไม่รับ แต่สุดท้ายฉันก็แพ้คุณท่านอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมคุณท่านถึงได้ใจดีกับฉันขนาดนี้ ทั้งที่ฉันกับคุณท่านก็พึ่งเจอกัน ถึงแม้คุณท่านจะบอกว่าเป็นเพื่อนกับแม่ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมถึงต้องให้ฉันมากมายขนาดนี้ แต่ฉันก็ไม่ได้อยู่เฉยๆนะ ฉันทำกับข้าวกวาดบ้านถูบ้าน แล้วก็คอยจัดยาไปให้คุณท่านกินตลอด@ห้องรับแขก
“หนูอายุเท่าไหร่” คุณท่านละสายตาออกจากหนังสือพิมพ์หันมาถามฉัน “ยี่สิบค่ะ^_^” “ไม่อยากเรียนรึไง ฉันส่งหนูเรียนเอามั้ย” “ไม่ดีกว่าค่ะ หนูไม่ค่อยเก่งหนังสือ ^_^” ฉันตอบไปตามความจริง เรื่องเรียนไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเรียนหรอก แต่ฉันเป็นพวกที่ไม่ฉลาดหนังสือพวกตำราเรียนขอไม่เรียนจะดีกว่า “งั้นตามใจหนูแล้วกัน” “ให้หนูนวดให้มั้ยคะ หนูนวดเป็น ^_^” “อื้อๆดีๆเอาสิฉันกำลังปวดหลังอยู่พอดี” ฉันเคยทำงานที่ร้านนวดเรื่องจับเส้นอะไรฉันทำเป็นหมดหายห่วง “เออหนูนวดเก่งจริงๆนะเนี่ย แม่หนูสอนใช่มั้ย” “ใช่ค่ะ แม่สอนแล้วหนูก็เคยทำงานที่ร้านนวดด้วย” “มีความสุขกันจังเลยนะครับ” เสียงหนึ่งดังมาจากทางหน้าห้องรับแขก แถมเสียงที่ทักขึ้นก็ดูไม่ค่อยจะเป็นมิตรสักเท่าไหร่เลย ออกประมาณหาเรื่องมากกว่า เฮือก... ฉันใจฉันมันหลุ่นวูบลงทันทีเมื่อหันไปมองทางต้นเสียงของคนที่ทักขึ้นเมื่อครู่ แล้วต้องเจอกับผู้ชายที่ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเขาได้ ไม่คิดว่าฉันจะต้องมาเจอเขาอีก เป็นเขาได้ยังไงกัน ไอ้คนที่ย่ำยีฉันวันนั้น....“แกมาที่นี่ทำไม” คุณท่านเอ่ยถามผู้ชายคนนั้นซึ่งเขาเอาแต่จ้องหน้าฉันอย่างไม่ละสายตา จนฉันต้องก้มหน้าลงหลบสายตาคมกริบคู่นั้นของเขา
“บอกเหตุผลผมหน่อยสิครับว่าทำไมผมจะมาที่บ้านหลังนี้ไม่ได้” น้ำเสียงของเขาที่พูดกับคุณท่านเหมือนไม่มีความเกรงกลัวคุณท่านเลยสักนิด “แต่งงานทั้งทีไม่คิดจะบอกลูกชายคนนี้สักหน่อยเลยหรอครับคุณพ่อ” ละ ลูกชาย งั้นหรอ ฉันถึงกับสะตั้นไปเลยเมื่อได้ยินผู้ชายคนนั้นเขาบอกว่าเขาเป็นลูกชายของคุณท่าน ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่าคุณท่านมีลูก คุณท่านก็ไม่บอกอะไรฉันเลย แล้วทำไม ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนี้ คนที่สร้างตราบาปทิ้งไว้ให้ฉัน “ไม่จำเป็น แกไสหัวกลับไปได้แล้วอย่ามาหาเรื่องฉันขี้เกียจจะทะเลาะกับแก” “โธ่ คุณพ่อครับผมพึ่งมาถึงยังไม่ทันจะได้พูดคุยกับแม่เลี้ยงคนสวยของผมเลยสักคำ คุณพ่อจะไล่ผมแล้วหรอครับ” ท่าทางของเขาดูไม่มีมารยาทเลยจริงๆ “ไอ้โชน !!” คุณท่านตวาดเสียงดังลั่นบ้าน “สวัสดีครับแม่เลี้ยงคนสวย เจอกันอีกแล้วนะครับ ^_^” รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของผู้ชายคนนี้มันชั่งชวนให้ฉันย้อนคิดไปถึงเรื่องวันนั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ทั้งคำพูดที่ชวนให้คิดของเขาด้วย มันเป็นเรื่องที่น่าตลกสำหรับเขามากงั้นหรอ ที่ทำร้ายข่มเหงผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีทางสู้ได้ มันน่าภูมิใจมากขนาดนั้นเลยใช่มั้ย ฉันอยากจะถามเขาจริงๆ “เป็นไงบ้างครับบ้านหลังใหญ่โตดีมั้ย นอนหลับสบายมั้ยครับ เตียงนุ่มรึเปล่า ถ้าอยากได้อะไรเชิญผลาญเงินกับพ่อผมได้เลยนะครับ พอผมสายเปย์ หึ!!” เขามองหน้าฉันด้วยสายตาที่แสนจะรังเกียจ “ไอ้โชนอย่าให้ฉันต้องเอาคนมาลากตัวแกออกไปนะ” “เอาสิครับ” เขาพูดท้าทายคุณท่าน “คุณแม่เลี้ยงไม่คิดจะพูดอะไรกับลูกเลี้ยงคนนี้หน่อยหรอครับ เงียบทำไมคิดเรื่อง...อะไรอยู่” เขาเว้นระยะห่างของคำพูด ฉันรู้ดีว่าเขาต้องการจะสื่อถึงอะไร “......” ฉันเงียบไม่พูดอะไร ฉันคิดว่าฉันไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับคนอย่างเขา “คุณท่านคะ หนูขอตัวขึ้นไปบนห้องก่อนนะคะ” “คุณพ่อครับผมมีอะไรจะบอก ถ้าผมพูดออกไปคุณพ่อคงต้องดีใจมากแน่ๆ ^_^” “อะไรของแก จะกวนประสาทอะไรฉันอีก” “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ ดีใจจนแทบจะพูดไม่ออกเลยใช่มั้ยละครับ” ฉันหยุดชะงักเท้าที่กำลังก้าวเดินอยู่ทันที ขะ เขาจะมาอยู่ที่นี่ อย่างงั้นหรอ@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ