“ร้อยวันพันปีแกไม่คิดจะมาอยู่ จู่ๆ ผีตัวไหนเข้าสิงแกถึงคิดจะมาอยู่” คุณท่านพูดท้วง
ฉันรีบเดินออกไปจากห้องรับแขกเพราะกลัวว่าจะผิดสังเกต เพราะว่าฉันขอตัวขึ้นไปบนห้องแล้วถ้าจะไปยืนฟังมันคงจะดูไม่ดีเมื่อเข้ามาในห้อง ฉันบอกตามตรงว่าตอนนี้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีเลย ผู้ชายคนนั้นเขาคือลูกชายของคุณท่าน แล้วเขาทำแบบนั้นกับฉันทำไม เขาตั้งใจ เขาจงใจ ฉันควรจะทำยังไงดี ฉันจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงถ้าผู้ชายคนนั้นเขาจะมาอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ
ฉันเดินวนไปทั่วห้องเดินอยู่อย่างนั้นนานนับชั่วโมง ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันไม่อยากเจอหน้าเขา ถ้าคุณท่านรู้ว่าฉันมีอะไรกับลูกชายของคุณท่านจะเป็นยังไงก๊อกๆ ก๊อกๆ (เสียงเคาะประตูห้อง)
ฉันสะดุ้งตัวโหยงด้วยความตกใจเมื่อเสียงเคาะห้องดังขึ้น เมื่อกี้ฉันกำลังเหม่อ แกร่ก(เสียงเปิดประตูห้อง) “คุณท่านให้ลงมาตามไปทานข้าวค่ะคุณผู้หญิง” “อะ อ้อค่ะๆ” “ดะ เดี๋ยวค่ะป้า” ฉันท้วงป้าแม่บ้านก่อนที่ป้าจะเดินไป “มีอะไรรึเปล่าคะคุณผู้หญิง” “เอ่อคือ ลูกชายของคุณท่านกลับไปแล้วใช่มั้ยคะ” ฉันเม้มปากแน่นด้วยความประหม่าทันทีที่พูดจบ“จะให้กลับไปไหน นี่มันบ้านฉัน”
เฮือก!! ใจฉันมันหล่นวูบทันทีเมื่อเสียงที่ตอบไม่ใช่เสียงของคุณป้าแม่บ้าน แต่กลับเป็นเสียงของ...เขาคนนั้น ป้าแม่บ้านเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันรีบถอยเข้าห้องกำลังจะปิดประตู แต่ถูกลูกชายของคุณท่านดันประตูเอาไว้ก่อนที่เขาจะแทรกตัวเข้ามาในห้อง พร้อมกับล็อกห้องให้ฉันด้วย ฉันรีบวิ่งหนีเขาไปอยู่อีกมุมหนึ่งของห้องทันที รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขามันทำให้ฉันรู้สึกลัวขึ้นมาจับใจ “อะ ออกไปนะ ยะ อย่าเข้ามาอย่าทำอะไรฉันเลยฉันขอร้อง” ฉันเอ่ยขอร้องเขาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา ยอมรับว่าตอนนี้ทั้งตัวฉันมันสั่นไปหมดเพราะความกลัว “อ่า!! เธอคิดว่าฉันจะทำอะไรเธอ เธอรู้งั้นหรอแสนดี หึ!!” “บะ บอกว่าอย่าเข้ามาไง” ยิ่งฉันห้ามก็เหมือนฉันยุ เขาก้าวขาเดินเข้ามาหาฉันเรื่อยๆ “มาอยู่ได้ไม่ถึงเดือนมีรถราคาคันละห้าสิบล้านขับ เธอนี่มันแน่จริงๆ” เขาหยุดเดิน ก่อนจะพูดออกมาเสียงแข็งพร้อมกับมองฉันด้วยสายตาที่เเสนจะเลือดเย็น “.....” ฉันจะเถียงก็ไม่ได้ เพราะฉันรับของพวกนั้นมาจากคุณท่านแล้วเถียงยังไงเขาก็ไม่เชื่ออยู่ดีว่าฉันไม่ต้องการของพวกนั้น “สมใจเธอรึยัง ต่อไปจะเอาอะไรอีกดี บ้านหลังนี้มั้ย หื้ม” “เธอไม่มีปากรึไง ห๊ะ!!” เขาตะคอกใส่ฉันอย่างหัวเสีย เพราะว่าฉันไม่ยอมพูดอะไรกับเขาสักคำ เขาจะไม่รู้ตัวเลยจริงๆใช่มั้ยว่าเขาทำให้ฉันกลัวขนาดไหน เขาคือคนที่ขืนใจฉัน ยังจะให้ฉันพูดอะไรอีก “หรือฉันต้องทำให้เธอครางออกมาก่อน เธอถึงจะยอมพูดแสนดี” “คุณต้องการอะไร ทำแบบนี้ทำไม” สุดท้ายฉันก็ต้องพูดถามเขาออกไปด้วยความสงสัย เขาเกลียดที่ฉันแต่งงานกับพ่อเขาอย่างงั้นหรอ “ฉันต่างหากที่ต้องถามเธอ ว่าเธอต้องการอะไร เงินเธอจะเอาเท่าไหร่แลกกับการที่เธอจะต้องออกไปจากชีวิตพ่อของฉัน” “ฉะ ฉันไม่ต้องการเงินของคุณ” “หึ!!” หมับ พรึบ!! มือหน่ของคนตรงหน้าคว้ามากระชากแขนฉัน ก่อนจะออกแรงดึงร่างฉันให้แถลเข้าไปหาตัวเขา ตอนนี้หน้าของฉันกับเขาใกล้กันมากฉันพยายามดิ้นหนี แต่เจากลับเปลี่ยนจากจับแจนฉันเป็นกอดเอวฉันแทน “ดี แสดงออกชัดเจนดีหนิว่าต้องการจะหุบสมบัติของพ่อฉัน” ทั้งที่ฉันไม่เคยพูดอะไรแบบนี้ แต่เขากลับแปลความหมายคำพูดของฉันเป็นแบบนี้ได้ ความคิดของเขามันติดลบมากจริงๆ “ถ้าฉันอยากจะเอาเมียพ่ออีกสักครั้ง คงจะไม่เป็นอะไร แล้วถ้าเธอยังอยู่ที่นี่ต่อรับรองว่าเธอโดนฉันเอาทุกวันแน่แสนดี ฉันจะเอาเธอจนกว่าเธอจะออกไปจากบ้านหลังนี้” “.....” คำขู่ของเขามันทำให้ฉันกลัวขึ้นมาจับใจ จนอยากจะไปให้ไกลจากตรงนี้ ตอนนี้ซะเลย “หรือเธอชอบ มันก็อย่างว่าพ่อฉันอายุเยอะแล้วจะเด็ดเท่าฉันได้ยังไง” “ปล่อยค่ะ ถ้าคุณท่านมาเห็น....” “ก็ดี คุณพ่อจะได้รู้ว่าเมียใหม่ของคุณมันร่านขนาดไหน ขนาดลูกชายของผัวตัวเองยังไม่เว้น” เขาพูดออกมาได้ยังไง ฉัสไม่เคยคิดจะทำอะไรที่มันต่ำตมแบบนั้น เป็นเขาเองต่างหากที่ข่มเหงฉัน ฉันเริ่มดิ้นอีกครั้งแต่ก็ไม่หลุด จู่ๆ ลูกชายของคุณท่านเขาก็กระชากแขนฉันอย่างแรงลากฉันไปที่เตียง ก่อนจะเหวี่ยงร่างฉันลงเตียงอย่างแรง “ถ้าไม่อยากเจ็บตัวก็นอนเฉยๆให้ฉันเอา แต่ถ้าเธอดิ้นเมื่อไหร่ฉันพลั้งมือทำให้เธอเจ็บตัวจะมาโทษฉันไม่ได้นะ เธอไม่ฟังฉันเอง”@โรงพยาบาลฉันปวดท้องตั้งแต่เช้า จนตอนนี้ปาเข้าไปหกโมงเย็นแล้วยังไม่คลอดเลย อาการปวดท้องมันเริ่มปวดหนักขึ้น เรื่อยๆ มันแน่นไปหมดเลยตอนนี้ “ปวดมากท้องมากเลยใช่มั้ย” คุณโชนจับมือฉันเอาไว้ตลอด เขาไม่ปล่อยมือฉันเลยถ้าไม่จำเป็น “ปะ ปวดค่ะ ปะ ปวดมาก” เขาเฝ้าถามฉันตลอดว่าเจ็บท้องมากมั้ย หมอก็มาเช็คปากมดลูกเป็นระยะๆแต่ก็ยังไม่ถึงเวลาคลอด คุณพ่อกับคุณณอณจะที่โรงพยาบาลช่วงบ่าย แต่ฉันยังไม่คลอดทั้งสองคนเลยกลับไปก่อน เอิงเอยก็มาด้วยนะ เธอตัดใจจากคุณโชนได้แล้ว และบอกว่าจะมาใหม่ตอนฉันคลอดแล้ว “อดทนหน่อยนะ เดี๋ยวก็คลอด” คุณโชนบีบมือของฉันแน่น แววตาของเขามันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณนะคะ ที่ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน” “เมียกำลังจะคลอดเธอจะให้ฉันมีกะจิตกะใจไปทำงานได้ลงคอรึไง” คุณโชนพูดค้อนฉัน ตอนนี้รู้สึกว่าลูกเริ่มถีบแรงขึ้น เรื่อยๆ และมันทำให้ฉันเจ็บจนตัวเกร็ง มันใกล้แล้วใล่มั้ย อีกนิดเดียวเท่านั้น ฉันก็จะได้เจอหน้าลูกชายของฉันแล้ว... @ห้องคลอด “เบ่งค่ะคุณแม่ อื๊ดดดดดด ~” “อื๊ดดดดดดด ~” “หายใจเข้าออก ลึกๆ แล้วเบ่งอีกนะคะคุณแม่” “คุณพ่อช่วยคุณแม่เบ่งด้วยนะคะ” “หนึ่ง สอง อื๊ดดดดดดด
-ณ ดาดฟ้าของโรงแรมหรูใจกลางเมือง ฉันกำลังนั่งกินมื้อค่ำที่สุดแสนจะโรแมนติกกับคุณโชนสามีของฉัน “อาหารไม่อร่อยหรอคะ ?” ฉันเห็นคุณโชนเอาช้อน เขี่ยๆ จานข้าวสักพักแล้วแหละแต่ก็ไม่ยอมกินสักที “ไม่หรอก ฉันแค่รู้สึกอยากจะอ้วก” “ฉันอุตส่าห์เป็นคนท้อง แท้ๆ ทำไมคุณถึงมาแพ้ท้องแทนฉันได้นะ” “เธอไม่แพ้ก็ดีแล้ว ถ้าท้องอยู่แล้วต้อบมาแพ้ท้องหนักอีกฉันจะได้ไปทำงานรึไง” “ทำไมละคะ ?”“เมียทั้งคนฉันจะไม่ห่วงได้ไง” ดินเนอร์ครั้งนี้มันเป็นอะไรที่เรียบง่าย เราคุยกันปกติเหมือนที่คุยกันทุกวัน ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากกว่านี้หรอก เพราะยังไงเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้ว ไม่จำเป็นหวานใส่กันตลอดเวลา อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยจะหวานกับฉันเท่าไหร่หรอกนะคุณโชนน่ะ เพราะเขาเขินจนทำตัวไม่ถูก“อย่าลืมนะคะว่าพรุ่งนี้ต้องซักผ้าล้างจานที่ตัวเองกินเอาไว้เมื่อวานด้วย” ฉันบอกคุณโชนในขณะที่เรากำลังนั่งรถกลับบ้านกัน “รู้แล้วครับคุณเมีย พูดกรอกหูตั้งแต่ขาไปยันขากลับ กลัวได้ทำเองรึไง” ฉันฝึกเขาเอาไว้น่ะ ให้หัดทำอะไรด้วยตัวเองเพราะเวลาฉันคลอดลูกคุณโชนจะได้ทำเป็น อีกอย่างพวกเสื้อผ้าลูกฉันไม่อยากให้คนอื่นซักเพราะเป็นเสื้อผ้าเด็กยิ่งต้อ
เช้า...วันนี้ฉันกับคุณโชนตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมของรอใส่บาตรเพื่อเป็นสิริมงคลต่อการเริ่มใช้ชีวิตคู่ในฐานะสามีภรรยาของเรา หลังจากใส่บาตรเสร็จคุณโชนก็เตรียมตัวออกไปบริษัท แต่เขานะสิจะเอาฉันไปด้วยให้ได้เลย งอแงเหมือนเด็กนั่งหน้าบึ้งไม่พูดไม่จาเพราะฉันไม่ยอมไปบริษัทกับเขาด้วย “คุณโชน คุณจะมางอนเหมือนเด็กแบบนี้ไม่ได้นะคะ” “ก็ไปด้วยกันสิ แค่นั้นก็จบ” เขาพูดทั้งที่ยังนั่งหันหลังให้ฉันอยู่ “ฉันอยากอยู่บ้านมากกว่านี่คะ ไปที่บริษัทมันน่าเบื่อ...” “ฉันน่าเบื่อใช่มั้ย” ฉันถึงกับถอนหายใจออกมา ยาวๆ ดูเขาสิ ฉันยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยนะ คิดเองเออเองเป็นตุเป็นตะเชียว “เราพึ่งแต่งงานกันเมื่อวานเองนะ คุณอยากจะเซ็นใบหย่าแล้วหรอคะ” ฉันยืนกอดอกมองแผ่นหลังผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายของตัวเอง พอคุณโชนได้ยืนคำพูดของฉันเมื่อกี้เขาก็หันควับมามองหน้าฉันตาเขียวปั๊ดทันที “แค่นี้ถึงกับขู่จะหย่าเลยหรอวะแสนดี !!” “ก็คุณพูดไม่รู้เรื่อง” “คิดว่าฉันจะเซ็นใบหย่าให้เธอหรือไง ไม่มีทาง” “ไปทำงานได้แล้วค่ะ” ฉันขี้เกียจจะทะเลาะแล้ว อยากจะพักผ่อนช่วงนี้เหนื่อยง่ายอยากจะนอนตลอดเวลาเลย “
— งานมงคลสมรส “พอใส่ชุดเจ้าสาวแล้วสวยมากเลยนะคะ ^_^” ช่างแต่งหน้าเอ่ยชมฉันเมื่อเห็นฉันเดินออกมาจากห้องแต่งตัว ฉันยิ้มตอบกลับไปด้วยความเขินอาย ฉันมองภาพตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกบานใหญ่ น้ำตามันก็พลอยจะไหลออกมาให้ได้ ฉันไม่เคยวาดฝันว่าตัวเองจะได้ใส่ชุดเจ้าสาวราคา แพงๆ ไม่เคยวาดฝันว่าจะมีงานแต่งที่ใหญ่โตอลังการ ค่าสินสอดหลายสิบล้าน ฉันอยากให้แม่อยู่กับฉันในตอนนี้ด้วยจัง อยากให้แม่ได้มาเห็นลูกสาวคนนี้ในวันที่สำคัญที่สุดในชีวิต ตอนนี้แม่คงจะกำลังมองฉันจากบนสวรรค์ หลังจากที่คุณโชนขอฉันแต่งงาน เราก็ไปบอกคุณท่าน คุณท่านเป็นคนจัดการหาฤกษ์แต่งให้และก็ได้ฤกษ์อีกสองอาทิตย์ ทำเอาพวกเราหัวหมุนกันทุกคนแทบไม่ได้พักผ่อนฉันแอบหวั่นใจอยู่นะว่าคนที่มาในงานเขาจะไม่แปลกใจหรอที่ก่อนหน้านี้ฉันแต่งงานกับคุณท่าน พอมาวันนี้ฉันกลับแต่งงานกับลูกของคุณท่านซะงั้น แต่คุณท่านก็บอกฉันว่าไม่ต้องคิดมากเพราะว่าคุณท่านแก้ข่าวให้แล้ว พิธีกรแต่งงานเป็นไปอย่างราบรื่น ทุกคนในงานต่างพากันยิ้มมีความสุข พิธีจัดขึ้นแค่ช่วงเช้า หลังจากเสร็จพิธีแต่งงานแล้วฉันกับคุณโชนก็ถูกส่งตัวเข้าหอ — ภายในห้อง “เธอไม่รู้สึกตื่นเต้นบ้าง
ร่างของฉันถูกคุณโชนอุ้มเข้าไปในห้องนอน เขาวางฉันลงบนเตียงอย่างเบามือจากนั้นก็ก้มลงมาประกบริมฝีปากจูบฉัน “อื้ม...” เสียงทุ้มนุ่มของคุณโชนครางออกมาในลำคออย่างพึงพอใจ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะลืมตาขึ้นเอาแต่หลับตารับรสจูบสัมผัสที่หอมหวานนั้นของคุณโชน ไม่บ่อยหนักที่เขาจะนุ่มนวลแบบครั้งนี้ เหมือนเขากำลังเอาใจฉันอยู่ เราทั้งคู่ดูดดื่มกับรสจูบได้สักพัก เป็นคุณโชนที่ถอนจูบออกแล้วก็จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของฉัน “เธอกำลังทำให้ฉันหลงเธอจนโงหัวไม่ขึ้นนะแสนดีรู้ตัวมั้ย หื้ม...” คุณโชนพูดพรางเอานิ้วเกลี่ยไปมาบนริมฝีปากของฉัน เบาๆ “แต่ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” “นั่นสิ ทำไมฉันถึงหลงเธอขนาดนี้กัน” พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงมาซุกซอกคอของฉัน ตึกตัก ตึกตัก! เสียงหัวใจของฉันมันเต้นรัวกับคำหวานที่คุณโชนพูดออกมาบอกฉัน มันไม่เคยจะชินเลยสักครั้ง คงจะเป็นเพราะฉันชินกับคุณโชนคนที่ ดิบ เถื่อน ชอบทำร้ายจิตใจฉัน พอเขาเปลี่ยนไปฉันถึงกับใจเต้นรัวทุกครั้งที่เขาพูดคำหวานแบบนี้ “อื้อ อย่าทำให้มันเป็นรอยสิ” ฉันท้วงคนที่กำลังซุกไซร้ซอกคอของฉันอยู่ตอนนี้ เพราะเขากำลังดูดเม้มทำรอยไว้หลายจุดเลย “อยากแสดงความเป็นเจ้าของ ฉันผิด
“ถ้าฉันเป็นโรคอะไรร้ายแรง จริงๆ เธอให้อภัยฉันได้มั้ย ?” เขามองหน้าฉันแววตามีความหวัง เอายังไงดีล่ะฉันจะตอบไปว่ายังไงดี “เกลียดฉันมากขนาดนั้นเลยรึไงถึงเอาแต่เงียบ” “แล้วฉันสมควรที่จะเกลียดคุณมั้ยละคะ” ฉันย้อนถามเขา และครั้งนี้เป็นคุณโชนที่เป็นฝ่ายเงียบซะเอง “ขอโทษ....” “....” “ฉันรู้ว่าคำว่าขอโทษพูดไปมันก็เป็นแค่เพียงลมปาก มันลบสิ่งที่ฉันเคยทำไว้กับเธอไม่ได้” “....” “แต่ฉันพร้อมที่จะดูแลเธอ ชดใช้ในสิ่งที่ฉันเคยทำพลาดไป มันไม่น่าให้อภัยฉันรู้ ฉันก็แค่อยากให้เธอเปิดใจ อึก อึก....” “คะ คุณโชน...!!” ฉันรีบประคองตัวเขาเอาไว้ เขาจะอ้วกอีกแล้ว นี่มันอะไรกันฉันจะร้องไห้แล้วนะ “แสนดี...” “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้วไปหาหมอก่อน” “ให้อภัยฉันได้มั้ย....” “....” ฉันเม้มปากแน่น ฉันไม่เคยใจแข็งกับเขาได้เลย จริงๆ “อึก ตะ ตอบหน่อย อึก อ้วก...” “คะ คุณโชน ค่ะโอเคฉันให้อภัยคุณแล้วไปโรงพยาบาลกันนะ” สุดท้ายฉันก็ใจอ่อนให้เขา ฉันคิดดูแล้ว ถ้าครั้งนี้ฉันตัดสินใจพลาด มันจะไม่มีครั้งต่อไปอีก “พูดจริงๆนะ เธอให้อภัยฉันแล้ว” คุณโชนยิ้มให้ฉัน ใบหน้าของเขาซีดเผือดเหมือนคนไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้าเลย “ค่ะ