INICIAR SESIÓN“ถ้าบัวจะอยู่ในวงการนี้โดยทำงานพริตตี้อย่างเดียวจะเป็นไปได้ไหมคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเสียงไม่มั่นใจ ดูเหมือนว่าจะมีพวกเสี่ยมาคอยมองหาสาวๆ ไปปรนเปรออยู่ทุกงาน แค่งานแรกเธอก็เจอเสียแล้ว ไม่อยากยุ่งวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ให้เหนื่อยใจจึงตัดไฟแต่ต้นลม
“ได้สิไม่มีปัญหาหรอก ตอนแรกเจ้ไม่รู้ไงนึกว่ารับก็อุตส่าห์ช่วยโก่งค่าตัวไปสูงเลย เสียดายเหมือนกัน” พอลลี่นิ่งไปพักหนึ่งแล้วก็ยิ้มใจดี “แต่ไม่ต้องห่วง เจ้รู้แล้วว่าหนูบัวไม่รับ เจ้ก็จะปฏิเสธให้เวลามีคนมาติดต่อ”
“ขอบคุณมากนะคะ” บัวบูชาพนมมือไหว้อีกครั้ง ก่อนเอ่ยถามอย่างอดสนใจไม่ได้ “ว่าแต่ผู้ชายคนนั้นเขาคือใครหรือคะ”
เจ้พอลลี่ซู้ดปากราวกับกินของเผ็ด ก่อนจะเอ่ยเสียงปลาบปลื้ม
“คุณเกื้อคุณ พิทักษ์ภากุล ประธานบริษัทเคมีภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ไงล่ะจ๊ะ”
ร่างเพรียวบางเดินทอดน่องอยู่บนฟุตพาท ริมฝีปากอิ่มงามอ้ากัดลูกชิ้นเสียบไม้ก่อนจะเคี้ยวหนุบหนับๆ อย่างเอร็ดอร่อย ไม่ได้ให้ความสนใจว่าคนที่เดินเคียงข้างกันจะหันมามองเธอด้วยสายตาอย่างไร จนสุดท้ายอีกฝ่ายก็อึดอัดจนต้องพูดออกมา
“แกจะไม่ด่าฉันสักคำเหรอวะบัว”
“กินไหม อร่อยนะ” นอกจากจะไม่ตอบ บัวบูชายังส่งลูกชิ้นไม้ละห้าบาทให้เพื่อนสาว รอยยิ้มกระจ่างปรากฏบนใบหน้าหวานละมุน แต่อีกคนกลับมีสีหน้าตึงเครียดกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอจึงดึงไม้ลูกชิ้นกลับมาส่งเข้าปากตัวเองทีละลูก
“ฉันหมายถึงเรื่องนั้น” มธุรสเอ่ยเสียงซีเรียส
บัวบูชาหยุดเดินแล้วตัดสินใจอิงกายกับราวสะพานเล็กๆ ดวงตาคู่ใสมองรถยนต์สาดไฟแล่นผ่านไปผ่านมาภายในซอยที่พักของเธอกับมธุรส คอนโดที่เธออาศัยอยู่นั้น แน่นอนว่าผู้มีอุปการะให้เธอพักอาศัย แต่สำหรับมธุรสกลับมีเงินจ่ายค่าเช่าเรือนหมื่นทั้งๆ ที่ไม่ได้มีใครส่งเสีย ทั้งยังต้องส่งเงินให้ที่บ้านอีกด้วย เธอเคยสงสัย แต่ก็คิดว่างานพริตตี้สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ถึงได้ตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเมื่อถึงคราวตัวเองอับจนบ้าง ไม่นึกเลยว่า...เพื่อนจะยึดอาชีพอื่นมานานแล้ว
“ฉันจะด่าแกทำไมล่ะ แกจำเป็น...ใช่ไหม” ปลายประโยคลากยาวแสดงถึงความไม่แน่ใจ ดวงตาร้าวลึกจับจ้องใบหน้าสวยเฉี่ยว แนวคางเล็กแหลมได้รูปก็สร้างสรรค์มาเพื่องาน
“ก็ตั้งแต่ตอนปีหนึ่งที่พ่อฉันเสียไป และแม่ก็ป่วย ค่าเทอมตัวเอง ค่าเทอมน้อง ไม่มีเงินเลยสักบาทเดียว ลำพังการเป็นพริตตี้ปลายแถวคงเลี้ยงตัวเองและครอบครัวมาจนถึงวันนี้ไม่ได้หรอก” มธุรสเอ่ยเสียงเศร้า
“แกเก่งมากจริงๆ นะ” บัวบูชาวางมือบนไหล่ ให้กำลังใจเพื่อนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและรอยยิ้มสดใสรู้ดีว่ามธุรสคาดหวังกับการเรียนวิศวกรรมเคมีอินเตอร์เอาไว้มาก เมื่อพ่อที่เป็นเสาหลักของครอบครัวล้มไป ค่าเทอมแพงหูฉี่แบบนั้นคงไม่สามารถหามาได้ด้วยการทำขนมขายของแม่อย่างเดียวแน่นอน
“อย่ามาเทิดทูนคนอย่างฉันเลยบัว”
“ต้องชื่นชมสิเพราะฉันรู้ว่าแกไม่ได้อยากเป็นเด็กเสี่ย ที่ทำเพราะความกตัญญูนะ”
“อืม...ถ้าไม่ทำ แม่คงตายไปแล้ว” มธุรสเอ่ยพร้อมน้ำตาที่ร่วงเผาะ
“ฮันนี่”
บัวบูชารั้งร่างเล็กเข้ามากอดให้กำลังใจ มือเรียวลูบหลังไปมา ปลอบประโลมความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจของมธุรส เธอเข้าใจดีว่าเพื่อนกำลังเสียใจและผิดหวังกับตัวเองมากแค่ไหน
“ถ้าแม่รู้คงจะผิดหวังในตัวฉันมากๆ เลยแก”
“แม่จะรู้ได้ยังไง อีกแค่เทอมเดียวเราก็เรียนจบแล้ว เราจะหางานดีๆ ทำ เงินเดือนวิศวะเคมีแพงจะตายไป แกเลี้ยงแม่กับน้องได้แน่นอน” บัวบูชาให้กำลังใจเพิ่มขึ้นอีก
“ว่าแต่แกเถอะบัว ไม่เอาจริงเหรอวะ” มธุรสเปลี่ยนเรื่องมาแซวเพื่อนแทนพลางฉีกยิ้มล้อเลียน
“ไม่เอาไรวะ”
“ก็เป็นเด็กเสี่ยไง”
“บ้า! ไม่เอา ฉันคำนวณเงินดูแล้วว่าเป็นพริตตี้แค่เดือนเดียวก็พอค่าเทอมอินเตอร์ของฉันแล้วย่ะ” บัวบูชาเอ่ยเสียงมั่นใจ
“เออ...ฉันจะช่วยแกหางานพริตตี้เองไม่ต้องห่วง แต่ที่แซวเพราะเสียดายจริงๆ”
“เจ้พอลลี่ก็พูดแบบนี้ ตกลงผู้ชายคนนั้นมีอะไรดี” บัวบูชาเริ่มสนใจคุณสมบัติของเขา ทำไมผู้หญิงถึงอยากได้กันมากขนาดนี้
“ต๊าย! อีบัวพูดแบบนี้ได้ยังไง ไม่ใช่แค่มีอะไรดี แต่เป็นงานลักซ์ชัวรี่ เกรดพรีเมียม เลอค่าระดับไฮเอนด์!”
“เวอร์ไปละ” บัวบูชาหมั่นไส้จึงผลักหัวเพื่อน มธุรสหัวเราะคิกคัก
“ไม่เวอร์นะแก นี่ถ้าแกไม่เอายกให้ฉันก็ได้”
“พอเลย คนเดียวพอแล้วแกน่ะ”
“แหม! เสียดายแทนน่ะ นี่ถ้านังตัวอื่นมันรู้เข้านะ แกโดนฉีกอกจนไม่มีที่ยืนในงานแน่นอน”
“ตกลงพ่องานลักซ์ชัวรี่มีอะไรดี”
“คุณเกื้อคุณ พิทักษ์ภากุล รู้จักใช่มะ”
บัวบูชาพยักหน้าหงึกๆ คนในแวดวงเคมีภัณฑ์ไม่มีใครไม่รู้จักเขาหรอก แต่ก็เพียงผิวเผินเท่านั้น หน้าตาก็ไม่เคยเห็น หรืออาจจะเห็นในอินเทอร์เน็ตแต่จำไม่ได้ จึงต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมว่าทำไมถึงต้องเป็นงานเกรดพรีเมียมขนาดนั้นด้วย
“อายุแค่ 37 ปี”
“แก่!”
“บ้ามากอีบัว แก่อะไรของแกแค่ 37 เอง แต่ขอบอกว่าเบ้าหน้าเหมือน 30!” เพื่อนสาวยิ้มกริ่ม บิดตัวเขิน ก่อนเล่าต่ออย่างออกรส “คุณเกื้อเป็นนักธุรกิจที่ไฟแรงมาก เมื่อก่อนเคยเป็นผู้จัดการไร่ชาแล้วผันตัวเองมาจับธุรกิจเคมีภัณฑ์ แค่ห้าปีเท่านั้นแกเอ๊ย! รวยระเบิดระเบ้อ”
“สรุปที่ว่างานเกรดพรีเมียมเพราะรวยนี่เอง”
“ไม่ใช่ยังไม่จบ นอกจากรวยมหาศาลแล้วยังหล่อ หล่อมากเหมือนเทพบุตรเลยแก ถึงได้บอกไงว่าถ้าแกเป็นเด็กคุณเกื้อคงจะฟินไปทั้งชาติแน่เลย”
“คนระดับนั้นน่าจะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแล้ว ทำไมต้องมาหาเด็กๆ ไปปรนเปรอด้วยวะ ถ้าเสี่ยแก่ๆ เบื่อเมียก็ว่าไปอย่าง” บัวบูชาตั้งข้อสังเกตอย่างชาญฉลาด
“พ่อคุณโสดจ้ะ”
“โสด! ไม่เชื่ออะ” บัวบูชาสั่นหน้า
“จริง! เหมือนเคยให้สัมภาษณ์ว่าชาตินี้จะไม่แต่งงาน ไม่ต้องการความรักอะไรทำนองนี้แหละ แบบหาเด็กเลี้ยงไปวันๆ เบื่อก็เปลี่ยน”
“ยี้! นี่เหรองานเกรดเอ ฉันว่าเซินเจิ้นมากกว่า”
“ก็ดีกว่าอีตาเสี่ยอายุเท่าพ่อที่เลี้ยงฉันอยู่แหละว้า อย่างน้อยเห็นหน้าคุณเกื้อก็อยากจะกระโจนเข้าหา คงจะฟินกว่าร้อยเท่า เสียดายจริงๆ เลยบัว ทำไมเขาไม่มองฉันบ้างวะเนี่ย”
“พอเลยเลิกเพ้อ ฉันจะไม่มีวันขายตัวเด็ดขาด”
บัวบูชาตั้งมั่นกับตัวเอง พยายามทำใจให้เข้มแข็ง อดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบากเพื่ออนาคตที่ดี ท่องเอาไว้ว่าอีกแค่เทอมเดียวเท่านั้นต้องรอด!
“แต่ก็อย่าลืมระวังน้องชายแม่แกนะ รายนั้นก็เสือผู้หญิงตัวท็อปเลย ฉันกลัวแกจะไม่รอดเงื้อมมือเขาจริงๆ เลยอีบัว”
บัวบูชาทำหน้าครุ่นคิด นทีคือน้องชายของแม่ที่อุปการะเลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่อายุห้าขวบ หลังจากที่ผู้เป็นยายเสียชีวิต แม่ชลธารก็รับเธอมาดูแลด้วยอยากตอบแทนที่เธอเคยช่วยชีวิตท่านจากการถูกรถชนเอาไว้ แม้จะไม่ได้ดูแลด้วยตัวเอง แต่เธอก็เต็มใจเรียกชลธารว่าแม่เพราะผู้หญิงคนนี้คือผู้ชุบชีวิตใหม่ให้กับเธอ เมื่อถึงคราวเข้ามหาวิทยาลัยแล้วอยากเรียนอินเตอร์ แม่ชลธารก็ยินดีส่งเสีย ทว่าโชคร้าย....เมื่อเดือนก่อนท่านประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต บัวบูชาจึงคว้าง...
“ไม่ต้องเป็นห่วง สิ้นคุณแม่แล้ว ฉันก็คงไม่ไปเกี่ยวข้องกับคุณนทีหรอก ไอ้เรื่องที่จะคาดหวังให้เขาอุปการะต่อคงไม่มีวัน ฉันถึงต้องดิ้นรน
อยู่นี่ไง”บัวบูชาตาโรยแสงลงเมื่อต้องครุ่นคิดถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตัวเองอีกมากมาย ที่สำคัญที่สุดคือค่าเทอมสุดท้ายที่จะต้องจ่ายภายในเดือนหน้านี้
“น้ำรินอยากได้น้องแล้ว บัวต้องตามใจลูกนะ เนี่ยคืนนี้ใส่ชุดนอนที่ฉันซื้อมาให้ รับรองลูกมาแน่” ประโยคหลังเกื้อคุณแกล้งทำกระซิบกระซาบ จึงถูกประทุษร้ายตีเพียะที่ต้นแขนแรงๆ“ทำไมคะ บัวไม่เร้าใจสำหรับคุณแล้วหรือไงถึงต้องมีตัวช่วย”“ไม่เลยแค่เป็นบัวฉันก็รักและอยากคลอเคลียด้วยตลอดนั่นแหละ แค่อยากสร้างสีสันให้ชีวิตคู่บ้างไงจะได้ตื่นเต้น” เกื้อคุณรีบแก้ ก่อนจะบอกเสียงตลกๆ “ฉันอ่านมาน่ะว่าถ้าเซ็กซ์เร้าใจจะได้ลูกชาย”“จริงเหรอคะ” บัวบูชาตาวาวขึ้นมาทันที เธอเองก็อยากได้ลูกชายไม่แพ้เขา ที่เขาพูดวันนั้นก็เข้าที ให้น้องชายได้ดูแลพี่สาว อีกอย่างบริษัทของเขาก็น่าจะมีลูกชายไว้สืบทอดกิจการ“จริงสิ สนใจไหมล่ะบัวจ๋า”“ก็ได้ค่ะบัวจะยอมใส่ให้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ลูกชาย คุณเกื้อโดนทำโทษนอนนอกห้องหนึ่งปี!”“โห! โหดจังเลย” เกื้อคุณแกล้งทำเสียงกลัวไปอย่างนั้นเอง แต่ที่จริงเขาเจ้าเล่ห์จะตายไป “ถ้างั้นผัวจ๋าคนนี้ต้องขอเพิ่มรอบความถี่ในการได้ลูกชายหน่อยนะเพื่อความชัวร์”“คุณเกื้อบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ นี่ถ้าน้ำรินโตแล้วห้ามลามกต่อหน้าลูกเด็ดขาด เข้าใจไหมคะ” บัวบูชาสั่งห้ามเสียงเข้ม ทำเอาอีกคนหงอทีเล่นทีจริง“เข้าใจจ้าเมี
หลังเกื้อคุณหายดีแล้ว บัวบูชากับน้ำรินก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่กรุงเทพอย่างถาวร เกื้อคุณตัดสินใจซื้อบ้านราคาหลายสิบล้านเพื่อตระเตรียมพื้นที่เอาไว้ให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน เขาปรึกษากับเมียสาวแล้วว่าอยากจะมีลูกมากกว่าสองคน ธุรกิจเคมีภัณฑ์กำลังไปได้สวย อนาคตภายภาคหน้าลูกๆ จะได้เข้ามาช่วยบริหารงาน บัวบูชาเขินอายแต่ฟังหลักการที่เขากล่าวอ้างแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยตามสามีแม้จะมีบ้านหลังใหญ่โต มีเงินทองมากมาย แต่บัวบูชาก็ยังใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เธอกลายเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัวและคงเป็นอีกนานเพราะเขาวางแผนมีลูกยาวเหยียดเสียขนาดนั้น ที่จริงเธออยากเข้าไปช่วยสามีทำงานมากกว่า แต่ก็คิดว่าบทบาทหน้าที่แม่ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทุกวันนี้เธอจึงดูแลน้ำรินอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับการปกครองดูแลส่วนของบ้านได้อย่างดีมีเมตตากับคนงานในบ้านเสมอบัวบูชามีของมีค่าแค่สร้อยเพชรจี้ดอกบัวที่เกื้อคุณสวมคืนให้เท่านั้น ไม่เคยใช้ของแบรนด์เนม นอกจากสามีจะซื้อมาให้ ซึ่งสุดท้ายบนเรือนร่างก็เต็มไปด้วยของแบรนด์เนมทั้งตัวอยู่ดีเพราะเขาขนซื้ออะไรไม่รู้มาเยอะแยะทุกวัน แม้เธอจะไม่ออกไปเลือกด้วยตนเอง เขาก็ให้เลขานุการหนุ่มท
บัวบูชาเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แม้นิธิจะเข้ามาจัดแจงที่หลับที่นอนให้ ทว่าหญิงสาวกลับปักหลักนั่งเก้าอี้ข้างเตียงไม่ยอมลุกไปไหน จนผล็อยหลับอยู่ตรงนั้นนั่นเอง เมื่อสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสแสนอ่อนโยน เธอเงยหน้าขึ้นมองก็น้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อเห็นคนป่วยลืมตาแป๋วมองเธออยู่ก่อนแล้ว มือใหญ่ที่เธอคิดว่าจับอยู่ตลอดเวลา บัดนี้กลับกำลังลูบศีรษะเธอไปมา“คุณเกื้อ!”บัวบูชาไม่รอช้า เธอโผเข้ากอดเขาทันที เสียงร้องไห้ฮือๆ ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่พร่ำพูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ในความรู้สึกของคนป่วยนั้นช่างอบอุ่นใจ“เป็นอะไร ฉันยังไม่ตายสักหน่อยจะร้องไห้ทำไม”“บัวกลัวคุณเกื้อตาย”“ไม่ตายหรอก ตายไม่ได้ เมียยังไม่ให้อภัยเลย” เขาพูดติดตลกเสียงแหบแห้ง“ถ้าให้อภัยแล้วห้ามตายนะ” เธอพูดเสียงเครือ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กน้อย น่าเอ็นดูในสายตาของเกื้อคุณเป็นที่สุด“สัญญาว่าจะอยู่กับเธอจนแก่เฒ่า” เขายิ้มละมุนบัวบูชาเขินจนเผลอยิ้มหวาน ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ “หิวน้ำไหมคะ บัวลืมไปเลยมัวแต่ดีใจที่คุณเกื้อฟื้นแล้ว”เกื้อคุณมองหญิงสาวกุลีกุจอไปรินน้ำมาให้ดื่มแล้วก็ชื่นใจตั้งแต่น้ำยังไม
บัวบูชารับรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับเกื้อคุณ เธอรีบฝากลูกเอาไว้กับคุณป้าปานวาดแล้วจองตั๋วเครื่องบินโดยเร็วที่สุด น้ำตาไหลพรากๆ ตลอดเวลาที่ยังไม่รู้ว่าเกื้อคุณเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอโทรหานิธิเป็นระยะๆ ก็พบว่าเขายังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลยหญิงสาวอยู่ในห้องโดยสารเครื่องบินแล้ว จำใจต้องปิดเครื่องมือสื่อสารด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เธอกลัวเหลือเกินว่าระหว่างนั้นนิธิจะโทรศัพท์มารายงานอาการของเกื้อคุณ ได้แต่ทำใจดับอารมณ์ร้อนรุ่มในอกให้สงบลงมือน้อยหยิบรูปถ่ายของเขาขึ้นมาดู น้ำตาไหลนองหน้า ได้แต่หวังว่าเธอไม่ช้าเกินไปสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ บัวบูชาไม่คิดเลยว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่เธอปฏิเสธจะบอกสิ่งที่อยากบอกกับเขา เกื้อคุณกลับประสบอุบัติเหตุแบบนี้“คุณเกื้อต้องปลอดภัยนะคะ บัวรักคุณเกื้อ”บัวบูชารีบวิ่งเข้ามาภายในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเศร้าหมอง น้ำใสกบดวงตาจนมองเห็นภาพข้างหน้าไม่ชัดเจนเอาเสียเลย เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉินก็พบเกื้อคุณถูกเข็นออกมาพอดี เธอรีบปราดเข้าไปหา มองใบหน้าซีดเซียวที่ยังไม่ได้สติอย่างแสนปวดร้าว“คุณพยาบาลคะ คนไข้เป็นยังไงบ้าง”“ปลอดภัยแล้วค่ะ กำลังพาไปห้องพักฟื้นค่ะ”เธ
หลังกลับจากเที่ยวเชียงราย เกื้อคุณก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามานอนในห้องเดียวกันได้ โดยเขาเลือกที่จะนอนโซฟาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่อยากผลีผลามเพราะหากบัวบูชาเอ่ยปากไล่ เขาคงต้องกลับไปปูที่นอนบนพื้นหน้าห้องดังเดิม ไม่รู้ว่าค่ำคืนนั้นเขาเอาความกล้าหาญมาจากไหน อยากกล้านอนกอดเธออย่างคืนนั้นอีกจัง...“บัวจ๋า”“อย่าเรียกแบบนี้เลยค่ะ บัวขนลุก”“อยากหวานกับเมียบ้าง”“บัวว่าไม่เหมาะหรอกค่ะ” เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันกลับไปพับเสื้อผ้าลูกลงตะกร้าอย่างตั้งใจ น้ำรินหลับปุ๋ยไปแล้วจึงเป็นเวลาที่เธอจะทำโน่นทำนี่ให้ลูกต่อ“เหมาะสิ...ต่อไปมีลูกอีกคนก็ต้องเรียกแม่จ๋าแล้ว ตอนนี้เลยเรียกบัวจ๋าไปก่อน”“คุณเกื้อ!”เขาดึงมือเล็กมากดจูบให้ชื่นใจ ทอดสายตามองเธออย่างเชื่อมหวาน บัวบูชาหายใจไม่ทั่วท้อง ท่าทางของเขาไม่ได้คุกคามจนน่ารังเกียจ แต่กลับทำให้หัวใจสั่นไหวเกินควบคุม เธอกลัวใจตัวเองเหลือเกิน“ฉันอยากมีลูกอีกสักคน ไว้เป็นเพื่อนกับน้ำริน” เขาว่าเสียงจริงจัง ก่อนนึกจินตนาการไปไกล “หรือถ้าเป็นน้องชายก็จะได้คอยดูแลปกป้องพี่สาว ดีไหม”“ตอนนี้บัวยังไม่พร้อมค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบพลางเสหลบสายตาเขา“ไม่เป็นไร ฉันจะรอจนกว่าบัวจ
รวงข้าวยิ้มเจ้าเล่ห์ มองซ้ายมองขวา ก่อนจะป้องปากกระซิบ “ถ้าอยากให้เหมือนน้องบัวก็มีเพิ่มอีกคนสิคะ”“คุณรวงข้าว!”“เมื่อคืนข้าวได้คุยกับพี่เกื้อเรื่องน้องบัว...พี่เกื้อเองก็อยากมีลูกกับน้องบัวอีกนะคะ ติดที่ว่ายังง้อไม่สำเร็จ”“นี่คุณเกื้อเล่าทุกอย่างให้คุณรวงข้าวฟังหมดเลยเหรอคะ” บัวบูชาหน้าเสีย เหลือบสายตาไปมองเขาที่จูงมือหนูเนตรดาวเดินออกไปทางอื่น ไหนว่าพาเธอกับลูกมาเที่ยว ทำไมไปดูแลลูกคนอื่นเสียอย่างนั้นล่ะ“พี่เกื้อกลุ้มใจน่ะค่ะ เลยมาปรึกษาข้าว”บัวบูชารู้สึกอาย เธอเสหลบสายตาแล้วอุ้มหนูน้ำรินขึ้นมาไว้บนท่อนแขน ตัดสินใจหันหลังให้เพื่อสะกดกลั้นความอายที่ผสมผสานกับความโกรธ เขาจงใจประจานเธอกับคนรักเก่าอย่างนั้นหรือ“น้องบัวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” รวงข้าวอ้อมมายืนด้านหน้า“เปล่าค่ะ คุณรวงข้าวไปเดินเล่นกับคุณเกื้อเถอะค่ะ บัวจะเดินเล่นกับลูกแถวนี้”“อ๋อ! หนูดาวติดพี่เกื้อน่ะค่ะ” รวงข้าวเริ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายหึงสามีกับเธอจึงเริ่มต้นอธิบาย “สมัยก่อนข้าวกับพี่เกื้อสนิทกันมากเพราะคุณเหนือให้พี่เกื้อมาดูแลข้าวแทน หนูดาวเลยเจอหน้าพี่เกื้อมากกว่าพ่อตัวเองเสียอีก ข้าวเป็นเมียเก็บคุณเหนือมาก่อนค่ะ”“คะ







