INICIAR SESIÓNร้านกาแฟแบรนด์หรูถูกใช้เป็นสถานที่นัดพบของท่านประธานบริษัท
เคมีภัณฑ์ ร่างหนาสวมเพียงเชิ้ตสีเทาพับแขนค่อนให้ลุคสบายๆ ต่างกับเวลาอยู่ที่บริษัทอย่างสิ้นเชิง ทว่าเรือนผมที่เซตทรงไว้เรียบแปล้กับเนกไทที่ผูกไว้หลวมๆ ยังสร้างความสง่าดูดีให้กับเกื้อคุณ“มาแล้วเว้ยไอ้เกื้อ!”
นทีก้าวเข้ามานั่งที่เก้าอี้ตรงข้ามก่อนจะหันไปเอ่ยสั่งกาแฟ เขาพยักหน้าส่งให้เพื่อนรักที่ไม่ได้พบกันมาร่วมสิบปี
“ไงวะมึง จู่ๆ ก็รวย มึงนี่เก่งเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ” นทีเอ่ยหลังหวนระลึกถึงสมัยเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกัน เกื้อคุณเป็นตัวท็อปของห้องทุกปี ไม่รู้ว่าหากไม่มีสิ่งที่มีชีวิตชื่อเกื้อคุณในชั้นเรียน เพื่อนในห้องจะเรียนจบกันได้ไหม
“ถ้าจู่ๆ ก็รวยนี่ต้องถูกหวย แต่กูทำงานถึงรวยต่างหาก” เกื้อคุณแก้อย่างนึกฉุน
หลายคนมองเขาในแง่นี้เสมอ บ้างก็โชคช่วย บ้างก็รวยทางลัด ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเขาต้องทุ่มเททำงานหนักแค่ไหน บริษัทเล็กๆ ด้วยทุน
ตั้งต้นเพียงไม่กี่ล้านบาทถึงได้เติบโตทำกำไรได้หลายร้อยล้านต่อปีภายในเวลาไม่นาน“เออกูรู้ถึงได้เลือกติดต่อมาหามึงไง”
“มีอะไรด่วน ปกติมึงก็ไม่เคยคิดถึงกู มากรุงเทพก็ไม่เคยคิดจะนัดเจอกู” น้ำเสียงติดจะต่อว่ามากกว่าน้อยใจ
“กูยุ่งๆ เรื่องธุรกิจ มากรุงเทพก็แค่ติดต่องาน และก็เรื่อง...งานพี่สาวกู”
“กูเสียใจด้วยนะ” เกื้อคุณเอื้อมไปตบบ่าเพื่อนรัก แม้จะแซวว่ามันไม่ค่อยติดต่อมานัดเจอ แต่ลึกๆ ก็รู้ดีว่าหากมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจ นทีเป็น
ที่พึ่งหนึ่งเดียวของเขาราวกับญาติสนิท งานศพพี่สาวนทีเขาก็เป็นเจ้าภาพและจัดการเรื่องต่างๆ ให้เพื่อนที่เสียใจจนทำอะไรไม่ถูก“ที่กูนัดมึงมาวันนี้เพราะมีเรื่องให้มึงช่วย ก่อนที่กูจะบินกลับเชียงใหม่”
“อะไรวะ” เกื้อคุณลอบสังเกตท่าทางหนักใจของเพื่อน
“พี่น้ำอุปการะเด็กเอาไว้คนหนึ่ง ก่อนสิ้นใจพี่น้ำสั่งเสียให้กูดูแลเด็กคนนั้นต่อ แต่...” นทีถอนหายใจยาว ก่อนว่าต่อเสียงหนักใจ “กูคงดูแลเด็กนั่นต่อไม่ได้หรอก ปรางไม่ยอมแน่ๆ ถ้าปรางรู้ว่ากูอุปการะเด็กเอาไว้ ปรางเอากูตายแน่ เผลอๆ จะเลิกกับกูด้วย”
“ทำไมวะ ปรางน่าจะรักเด็กไม่ใช่เหรอ”
“เพราะเด็กที่กูพูดถึงไม่เด็กแล้วน่ะสิ”
“สาวว่างั้น”
“เออ! ถ้ากูอุปการะเอาไว้ปรางต้องเข้าใจผิดคิดว่ากูเลี้ยงสาวซ่อนไว้ที่คอนโดแน่ๆ เลยว่ะ ประเด็นคือตอนนี้น้องเขายังพักอยู่ที่คอนโดพี่น้ำ ซึ่งกลายมาเป็นชื่อกูแล้ว”
“แล้วทำไมกูต้องอุปการะเด็กคนนั้นต่อด้วยวะ ถ้าโตถึงขนาดที่ปรางจะเข้าใจผิดได้ก็น่าจะดูแลตัวเองได้แล้วเปล่าวะ”
“มันก็ใช่! แต่พี่น้ำดันสปอยล์เด็กคนนั้นโคตรๆ ส่งเรียนอินเตอร์ค่าเทอมเหยียบแสน เด็กนั่นไม่มีปัญญาจ่ายแน่ๆ มึงช่วยจ่ายหน่อยดิไอ้ท่านประธาน”
“เรื่อง! กูไม่ใช่พ่อพระ” เกื้อคุณปฏิเสธ ส่งเสียงฮึในลำคอ
“แต่ตอนนี้มึงเป็นพ่อพระสำหรับกูกับเด็กคนนั้นเลยนะ นึกซะว่าทำบุญก็แล้วกัน” นทีเอื้อมไปจับมือเพื่อนมากุมเอาไว้ ชั่วนาทีเดียวเกื้อคุณก็สะบัดมือออกท่าทางขนลุก
“มึงอย่ามาอ้อนวอน กูไม่ใจอ่อน”
“ไม่ได้ดิไอ้เกื้อ มึงจำไม่ได้เหรอว่าสมัยเรียนมึงเคยยืมเงินกูไปสองร้อย มึงไม่ได้คืนนะ มึงต้องคืนด้วยการช่วยอุปการะเด็กคนนี้ต่อแทนกู บุญคุณต้องทดแทน จำใส่สมองมึงไว้เลย”
“ไอ้นี่ทวงบุญคุณเดี๋ยวจะโดน กูคืนมึงตอนนี้เลยสองพัน”
“ดอกเบี้ยเพิ่มแล้วเว้ย มึงต้องดูแลเด็กคนนี้เพราะกูดูแลต่อไม่ได้ และกูผิดสัญญากับพี่น้ำไม่ได้ด้วย ถ้ามึงไม่เห็นแก่กูก็เห็นแก่พี่น้ำ” นทีเอาพี่สาวมาอ้างทำให้เกื้อคุณชะงักริมฝีปากที่เตรียมท่าจะต่อกรกับเขาต่อ
“มึงจะให้กูอุปการะเด็กแทนโดยที่กูยังไม่เจอหน้าเลยเนี่ยนะ”
“มึงได้เจอแน่เพราะกูนัดเด็กคนนั้นมาที่นี่แล้ว อีกเดี๋ยวก็คงจะถึงเพราะกูนัดเลตไปครึ่งชั่วโมงเพื่ออ้อนวอนกราบกรานมึงก่อนเนี่ย”
“มึงมั่นใจมากเลยนะว่ากูจะช่วย” เขาแสยะยิ้ม ยกกาแฟขึ้นจิบท่าทางสบายๆ เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขาอยู่แล้วแต่แกล้งปฏิเสธเพราะอยากต่อฝีปากกับเพื่อนสนิทพอเป็นสีสันชีวิตเท่านั้น
“มั่นใจดิก็มึงเป็นผู้ชายที่ใจดี โลกสวย แถมยังรวยพอที่จะอุปการะเด็กตาดำๆ สักคน มึงเป็นคนเดียวที่กูนึกถึงเลยนะเว้ยไอ้เกื้อ”
“มึงไม่ได้อ่านข่าวสังคมเลยเหรอวะ” เขากระตุกยิ้มมุมปาก ก่อนว่าลอยๆ “บางทีกูอาจจะไม่ได้แสนดีอย่างที่มึงคิด บอกแล้วว่ากูไม่ใช่พ่อพระ”
“มึงอย่าพูดมากเลยไอ้เกื้อ รีบบอกมาว่ามึงตกลงหรือไม่ตกลง” นทีเอ่ยเสียงร้อนรน ท่าทางร้อนใจ ไม่ได้สนใจคำพูดนัยๆ ของเพื่อนเลยแม้แต่น้อย เขายังมองเกื้อคุณเป็นคนดีคนเดิมเสมอ
“ไหนล่ะ...เด็กของกู”
‘ว่าที่เด็ก’ ในชุดนักศึกษาก้าวลงจากรถประจำทางด้วยท่าทางคล่องแคล่วด้วยสวมกระโปรงพลีตมาเพื่อความเรียบร้อยในสายตา ‘ผู้อุปการะคนใหม่’
วันนี้คุณนที น้องชายของคุณแม่ชลธารนัดเธอมาเพื่อส่งต่อให้ผู้ใหญ่ใจดีคนใหม่ดูแล จะว่าโล่งใจก็ใช่จะว่าหนักใจก็ถูก บัวบูชารู้สึกอึดอัดไม่น้อยเลยที่ทำให้คุณนทีต้องเดือดร้อนเพราะเขาดูแลเธอต่อไม่ได้ด้วยกลัวภรรยาจะสงสัยในเงินที่โอนเข้าบัญชีเธอ และหลักฐานสำคัญก็คือการที่เธอยังพักอยู่คอนโดของเขา คุณนทีจึงต้องดิ้นรนหาทางออกให้เธอ อีกอย่างไม่รู้ว่าผู้อุปการะคนใหม่จะมองอย่างไรกันแน่เพราะเธอโตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ติดปัญหาก็เรื่องของค่าเทอมเท่านั้น บัวบูชาจึงตั้งใจเอาไว้ว่าจะปฏิเสธการอุปการะในครั้งนี้ เธอลองคำนวณเงินที่หาได้ด้วยการทำงานพริตตี้แล้วน่าจะพอค่าเทอมส่วนค่าหอพักกับค่ากินอยู่จะใช้เงินเดือนที่ทางบริษัทฝึกงานจ่ายให้เป็นสินน้ำใจ แม้จะไม่มากแต่ถ้ากินอยู่ประหยัด หาหอพักถูกๆ ก็น่าจะเพียงพอ
ดวงตาหม่นแสงมองตรงไปยังร้านกาแฟแบรนด์หรูฝั่งตรงข้าม ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ มองรถซ้ายขวาแล้วจึงก้าวข้ามถนนไป ทว่ากลับมีมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งขับย้อนศรมาอย่างรวดเร็ว บัวบูชาไม่ทันเห็น ได้ยินเสียงบีบแตรดังลั่นถนนพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง หัวใจร่วงหล่นไปที่ตาตุ่ม ก่อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่จะชนเข้ากับร่างเพรียวจนกระเด็นล้มลงไป!
“น้ำรินอยากได้น้องแล้ว บัวต้องตามใจลูกนะ เนี่ยคืนนี้ใส่ชุดนอนที่ฉันซื้อมาให้ รับรองลูกมาแน่” ประโยคหลังเกื้อคุณแกล้งทำกระซิบกระซาบ จึงถูกประทุษร้ายตีเพียะที่ต้นแขนแรงๆ“ทำไมคะ บัวไม่เร้าใจสำหรับคุณแล้วหรือไงถึงต้องมีตัวช่วย”“ไม่เลยแค่เป็นบัวฉันก็รักและอยากคลอเคลียด้วยตลอดนั่นแหละ แค่อยากสร้างสีสันให้ชีวิตคู่บ้างไงจะได้ตื่นเต้น” เกื้อคุณรีบแก้ ก่อนจะบอกเสียงตลกๆ “ฉันอ่านมาน่ะว่าถ้าเซ็กซ์เร้าใจจะได้ลูกชาย”“จริงเหรอคะ” บัวบูชาตาวาวขึ้นมาทันที เธอเองก็อยากได้ลูกชายไม่แพ้เขา ที่เขาพูดวันนั้นก็เข้าที ให้น้องชายได้ดูแลพี่สาว อีกอย่างบริษัทของเขาก็น่าจะมีลูกชายไว้สืบทอดกิจการ“จริงสิ สนใจไหมล่ะบัวจ๋า”“ก็ได้ค่ะบัวจะยอมใส่ให้ก็ได้ แต่ถ้าไม่ได้ลูกชาย คุณเกื้อโดนทำโทษนอนนอกห้องหนึ่งปี!”“โห! โหดจังเลย” เกื้อคุณแกล้งทำเสียงกลัวไปอย่างนั้นเอง แต่ที่จริงเขาเจ้าเล่ห์จะตายไป “ถ้างั้นผัวจ๋าคนนี้ต้องขอเพิ่มรอบความถี่ในการได้ลูกชายหน่อยนะเพื่อความชัวร์”“คุณเกื้อบ้า พูดอะไรก็ไม่รู้ นี่ถ้าน้ำรินโตแล้วห้ามลามกต่อหน้าลูกเด็ดขาด เข้าใจไหมคะ” บัวบูชาสั่งห้ามเสียงเข้ม ทำเอาอีกคนหงอทีเล่นทีจริง“เข้าใจจ้าเมี
หลังเกื้อคุณหายดีแล้ว บัวบูชากับน้ำรินก็ย้ายสำมะโนครัวมาอยู่ที่กรุงเทพอย่างถาวร เกื้อคุณตัดสินใจซื้อบ้านราคาหลายสิบล้านเพื่อตระเตรียมพื้นที่เอาไว้ให้ลูกๆ ได้วิ่งเล่นกัน เขาปรึกษากับเมียสาวแล้วว่าอยากจะมีลูกมากกว่าสองคน ธุรกิจเคมีภัณฑ์กำลังไปได้สวย อนาคตภายภาคหน้าลูกๆ จะได้เข้ามาช่วยบริหารงาน บัวบูชาเขินอายแต่ฟังหลักการที่เขากล่าวอ้างแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วยตามสามีแม้จะมีบ้านหลังใหญ่โต มีเงินทองมากมาย แต่บัวบูชาก็ยังใช้ชีวิตที่เรียบง่าย เธอกลายเป็นแม่บ้านอย่างเต็มตัวและคงเป็นอีกนานเพราะเขาวางแผนมีลูกยาวเหยียดเสียขนาดนั้น ที่จริงเธออยากเข้าไปช่วยสามีทำงานมากกว่า แต่ก็คิดว่าบทบาทหน้าที่แม่ก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทุกวันนี้เธอจึงดูแลน้ำรินอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง พร้อมกับการปกครองดูแลส่วนของบ้านได้อย่างดีมีเมตตากับคนงานในบ้านเสมอบัวบูชามีของมีค่าแค่สร้อยเพชรจี้ดอกบัวที่เกื้อคุณสวมคืนให้เท่านั้น ไม่เคยใช้ของแบรนด์เนม นอกจากสามีจะซื้อมาให้ ซึ่งสุดท้ายบนเรือนร่างก็เต็มไปด้วยของแบรนด์เนมทั้งตัวอยู่ดีเพราะเขาขนซื้ออะไรไม่รู้มาเยอะแยะทุกวัน แม้เธอจะไม่ออกไปเลือกด้วยตนเอง เขาก็ให้เลขานุการหนุ่มท
บัวบูชาเผลอหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย แม้นิธิจะเข้ามาจัดแจงที่หลับที่นอนให้ ทว่าหญิงสาวกลับปักหลักนั่งเก้าอี้ข้างเตียงไม่ยอมลุกไปไหน จนผล็อยหลับอยู่ตรงนั้นนั่นเอง เมื่อสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาก็รับรู้ได้ถึงสัมผัสแสนอ่อนโยน เธอเงยหน้าขึ้นมองก็น้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อเห็นคนป่วยลืมตาแป๋วมองเธออยู่ก่อนแล้ว มือใหญ่ที่เธอคิดว่าจับอยู่ตลอดเวลา บัดนี้กลับกำลังลูบศีรษะเธอไปมา“คุณเกื้อ!”บัวบูชาไม่รอช้า เธอโผเข้ากอดเขาทันที เสียงร้องไห้ฮือๆ ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่พร่ำพูดอะไรฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ในความรู้สึกของคนป่วยนั้นช่างอบอุ่นใจ“เป็นอะไร ฉันยังไม่ตายสักหน่อยจะร้องไห้ทำไม”“บัวกลัวคุณเกื้อตาย”“ไม่ตายหรอก ตายไม่ได้ เมียยังไม่ให้อภัยเลย” เขาพูดติดตลกเสียงแหบแห้ง“ถ้าให้อภัยแล้วห้ามตายนะ” เธอพูดเสียงเครือ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาป้อยๆ เหมือนเด็กน้อย น่าเอ็นดูในสายตาของเกื้อคุณเป็นที่สุด“สัญญาว่าจะอยู่กับเธอจนแก่เฒ่า” เขายิ้มละมุนบัวบูชาเขินจนเผลอยิ้มหวาน ก่อนจะเบิกตาโตเมื่อนึกขึ้นได้ “หิวน้ำไหมคะ บัวลืมไปเลยมัวแต่ดีใจที่คุณเกื้อฟื้นแล้ว”เกื้อคุณมองหญิงสาวกุลีกุจอไปรินน้ำมาให้ดื่มแล้วก็ชื่นใจตั้งแต่น้ำยังไม
บัวบูชารับรู้ได้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีกับเกื้อคุณ เธอรีบฝากลูกเอาไว้กับคุณป้าปานวาดแล้วจองตั๋วเครื่องบินโดยเร็วที่สุด น้ำตาไหลพรากๆ ตลอดเวลาที่ยังไม่รู้ว่าเกื้อคุณเป็นตายร้ายดีอย่างไร เธอโทรหานิธิเป็นระยะๆ ก็พบว่าเขายังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลยหญิงสาวอยู่ในห้องโดยสารเครื่องบินแล้ว จำใจต้องปิดเครื่องมือสื่อสารด้วยหัวใจที่ปวดร้าว เธอกลัวเหลือเกินว่าระหว่างนั้นนิธิจะโทรศัพท์มารายงานอาการของเกื้อคุณ ได้แต่ทำใจดับอารมณ์ร้อนรุ่มในอกให้สงบลงมือน้อยหยิบรูปถ่ายของเขาขึ้นมาดู น้ำตาไหลนองหน้า ได้แต่หวังว่าเธอไม่ช้าเกินไปสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ บัวบูชาไม่คิดเลยว่าเพียงเสี้ยววินาทีที่เธอปฏิเสธจะบอกสิ่งที่อยากบอกกับเขา เกื้อคุณกลับประสบอุบัติเหตุแบบนี้“คุณเกื้อต้องปลอดภัยนะคะ บัวรักคุณเกื้อ”บัวบูชารีบวิ่งเข้ามาภายในโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเศร้าหมอง น้ำใสกบดวงตาจนมองเห็นภาพข้างหน้าไม่ชัดเจนเอาเสียเลย เมื่อมาถึงห้องฉุกเฉินก็พบเกื้อคุณถูกเข็นออกมาพอดี เธอรีบปราดเข้าไปหา มองใบหน้าซีดเซียวที่ยังไม่ได้สติอย่างแสนปวดร้าว“คุณพยาบาลคะ คนไข้เป็นยังไงบ้าง”“ปลอดภัยแล้วค่ะ กำลังพาไปห้องพักฟื้นค่ะ”เธ
หลังกลับจากเที่ยวเชียงราย เกื้อคุณก็ได้รับอนุญาตให้เข้ามานอนในห้องเดียวกันได้ โดยเขาเลือกที่จะนอนโซฟาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่อยากผลีผลามเพราะหากบัวบูชาเอ่ยปากไล่ เขาคงต้องกลับไปปูที่นอนบนพื้นหน้าห้องดังเดิม ไม่รู้ว่าค่ำคืนนั้นเขาเอาความกล้าหาญมาจากไหน อยากกล้านอนกอดเธออย่างคืนนั้นอีกจัง...“บัวจ๋า”“อย่าเรียกแบบนี้เลยค่ะ บัวขนลุก”“อยากหวานกับเมียบ้าง”“บัวว่าไม่เหมาะหรอกค่ะ” เธอยิ้มแหยๆ ก่อนจะหันกลับไปพับเสื้อผ้าลูกลงตะกร้าอย่างตั้งใจ น้ำรินหลับปุ๋ยไปแล้วจึงเป็นเวลาที่เธอจะทำโน่นทำนี่ให้ลูกต่อ“เหมาะสิ...ต่อไปมีลูกอีกคนก็ต้องเรียกแม่จ๋าแล้ว ตอนนี้เลยเรียกบัวจ๋าไปก่อน”“คุณเกื้อ!”เขาดึงมือเล็กมากดจูบให้ชื่นใจ ทอดสายตามองเธออย่างเชื่อมหวาน บัวบูชาหายใจไม่ทั่วท้อง ท่าทางของเขาไม่ได้คุกคามจนน่ารังเกียจ แต่กลับทำให้หัวใจสั่นไหวเกินควบคุม เธอกลัวใจตัวเองเหลือเกิน“ฉันอยากมีลูกอีกสักคน ไว้เป็นเพื่อนกับน้ำริน” เขาว่าเสียงจริงจัง ก่อนนึกจินตนาการไปไกล “หรือถ้าเป็นน้องชายก็จะได้คอยดูแลปกป้องพี่สาว ดีไหม”“ตอนนี้บัวยังไม่พร้อมค่ะ” เธออ้อมแอ้มตอบพลางเสหลบสายตาเขา“ไม่เป็นไร ฉันจะรอจนกว่าบัวจ
รวงข้าวยิ้มเจ้าเล่ห์ มองซ้ายมองขวา ก่อนจะป้องปากกระซิบ “ถ้าอยากให้เหมือนน้องบัวก็มีเพิ่มอีกคนสิคะ”“คุณรวงข้าว!”“เมื่อคืนข้าวได้คุยกับพี่เกื้อเรื่องน้องบัว...พี่เกื้อเองก็อยากมีลูกกับน้องบัวอีกนะคะ ติดที่ว่ายังง้อไม่สำเร็จ”“นี่คุณเกื้อเล่าทุกอย่างให้คุณรวงข้าวฟังหมดเลยเหรอคะ” บัวบูชาหน้าเสีย เหลือบสายตาไปมองเขาที่จูงมือหนูเนตรดาวเดินออกไปทางอื่น ไหนว่าพาเธอกับลูกมาเที่ยว ทำไมไปดูแลลูกคนอื่นเสียอย่างนั้นล่ะ“พี่เกื้อกลุ้มใจน่ะค่ะ เลยมาปรึกษาข้าว”บัวบูชารู้สึกอาย เธอเสหลบสายตาแล้วอุ้มหนูน้ำรินขึ้นมาไว้บนท่อนแขน ตัดสินใจหันหลังให้เพื่อสะกดกลั้นความอายที่ผสมผสานกับความโกรธ เขาจงใจประจานเธอกับคนรักเก่าอย่างนั้นหรือ“น้องบัวเป็นอะไรหรือเปล่าคะ” รวงข้าวอ้อมมายืนด้านหน้า“เปล่าค่ะ คุณรวงข้าวไปเดินเล่นกับคุณเกื้อเถอะค่ะ บัวจะเดินเล่นกับลูกแถวนี้”“อ๋อ! หนูดาวติดพี่เกื้อน่ะค่ะ” รวงข้าวเริ่มเข้าใจว่าอีกฝ่ายหึงสามีกับเธอจึงเริ่มต้นอธิบาย “สมัยก่อนข้าวกับพี่เกื้อสนิทกันมากเพราะคุณเหนือให้พี่เกื้อมาดูแลข้าวแทน หนูดาวเลยเจอหน้าพี่เกื้อมากกว่าพ่อตัวเองเสียอีก ข้าวเป็นเมียเก็บคุณเหนือมาก่อนค่ะ”“คะ







