หยาดน้ำตาใสรื้นขึ้นที่ขอบดวงตาอีกครั้งเมื่อผิดหวังในสิ่งที่ตัวเองพยายามจะอ้อนวอนขอร้องให้เขาเห็นใจ พริมพริตาพยายามแข็งขืนไม่ถอยทั้งที่รู้ว่าเริ่มจะอ่อนแรงเพราะสู้แรงผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าไม่ไหว
“กรุณาปล่อยมือโสโครกๆของจากผู้หญิงคนนี้ด้วยครับ”
เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มแปลกหน้าคนใหม่ดังขึ้นมาจากด้านหลังของคนที่พยายามจะรุกรานพริมพริตา ชายคนนั้นหันไปมองทางต้นเสียงด้านหลังด้วยท่าทางหัวเสียรำคาญใจ ใครที่มันกล้าขัดใจเขาได้คงจะไม่รู้ว่าเขามีอิทธิพลใหญ่คับคั่งแค่ไหน
“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะ”
“หึ”
ชายแปลกหน้าคนนั้นยิ้มหวานแต่พริมพริตารู้ว่ามันเคลือบไปด้วยยาพิษอีกชั้น ดวงตาของเขาที่มันไม่ได้หยักยิ้มไปกับริมฝีปากนั้นเลยทำให้หญิงสาวรู้ดีว่าเขาน่ากลัวกว่าคนตรงหน้าตัวเองมากนัก
คนที่เพิ่งมาใหม่แตะมือลงบนบ่ากว้างของอีกฝ่ายที่ส่วนสูงน้อยกว่าแล้วก็พลางก้มตัวลงมามองคนตรงหน้าเล็กน้อย ส่วนสูงของเขาหากเทียบแล้วน่าจะมีหลัก 190 ได้ เขาสูงโปร่งและดูน่าเกรงขามมากทีเดียว
“เป็นผม ผมจะไม่พูดแบบนี้กับคนที่ไม่รู้จักนะครับ”
คนที่โดนท่าทางอย่างนั้นใส่ยิ่งหัวเสียไปกว่าเดิม เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เป็นถึงสมาชิกพรรคการเมืองใหญ๋ในประเทศ อิทธิพลคับคั่งไปหมด การ์ดของเขาก็อยู่ด้านนอก เพียงแค่เขากระดิกนิ้วส่งสัญญาณเรียก คนของเขาก็พร้อมที่จะกรูกันเข้ามาช่วยจัดการคนตรงหน้าให้อยู่แล้ว
เขาจึงจงใจเน้นย้ำคำเดิมให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
“เสือก”
แต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้ตอบโต้อะไร เขาเพียงแค่แสยะยิ้มและจ้องมองกลับมาด้วยสายตาเย็นที่คาดเดาไม่ถูกเท่านั้น
ชายในชุดสูทสีดำที่ดูเหมือนจะเป็นคนของคนตัวสูงชะลูดสองสามคนเดินมาห้อมล้อมโต๊ะตัวดังกล่าว การ์ดคนหนึ่งเดินมากระซิบกระซาบที่ข้างหูคนที่ยังไม่วางมือจากมือเรียวให้หันไปตามทิศทางที่ปลายนิ้วนั้นชี้ไป
คนที่ท่าทางในตอนแรกดูเหมือนจะเก่งกล้าไม่เกรงกลัวใครกลับหงอคอตกไปในทันที เมื่อเห็นว่าคนของตัวเองที่นั่งอยู่บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามเยื้องกันทั้งโต๊ะกลับมีใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาเป็นรอยช้ำจ้ำ ริมฝีปากมีเลือดไหลซิบจนแทบไม่เหลือเค้าโครงเดิม ไม่ต้องบอกก็รู้ดีว่าเป็นฝีมือของใคร
มือสากรีบปลดปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระ พริมพริตารีบกุลีกุจอไปอยู่ด้านหลังของคนตัวสูงที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพระคุณของเจ้าหล่อนไปโดยปริยายทันที
“วันหลังจะพูดจะทำอะไรก็ระวังหน่อยก็ดีนะครับ ผมไม่อยากให้คนของผมต้องออกแรง” ประโยคทิ้งท้ายนั้นเขาจงใจตบบ่าฝ่ายตรงข้ามแปะๆไปด้วยราวกับว่าจะให้คู่สนทนาจำไว้ให้ขึ้นใจยังไงยังงั้น
“ค…ครับ”
ร่างสูงโปร่งหมุนแสยะยิ้มพลางหมุนตัวเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักโดยไม่ลืมที่จะเชื้อเชิญคนตัวเล็กที่ตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ไม่น้อยไปด้วยกัน
พริมพริตารีบตามอีกฝ่ายไปโดยที่ไม่คิดหน้าคิดหลัง อย่างน้อยในความโชคร้ายของเธอก็ยังโชคดีที่มีคนดีๆยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่บ้าง
“ไม่ทราบว่าคุณชื่อ…”
“พริมค่ะ เรียกฉันว่าพริมก็ได้ค่ะ” หญิงสาวว่า จงใจบอกแค่ชื่อเล่นของตัวเองอย่างที่ไม่เคยบอกใครมาก่อนหลังจากที่มาเหยียบที่นี่ เพราะรู้ดีว่าชื่อเต็มของตัวเองคงยากหากจะให้คนเชื้อชาติอื่นออกเสียง
“ครับคุณพริม อ้อ…ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมนี่เสียมารยาทจังเลยนะครับ ผมคาล์กครับ ขอโทษที่ไม่ได้แนะนำตัวเองก่อนนะครับ”
คาล์กว่าอย่างยิ้มๆพร้อมกับโค้งศีรษะเป็นเชิงขอโทษขอโพยคนตัวเล็กเล็กน้อย พริมพริตารีบโค้งกลับและโน้มศีรษะลงให้มากกว่าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ เธอไม่กล้าที่จะให้ผู้มีพระคุณของตัวเองแถมยังเป็นลูกค้าวีไอพีมาทำอะไรแบบนี้ให้กับตัวเองหรอก
ในใจก็อดจะชื่นชมคนตรงหน้าไม่ได้ว่าเขาช่างมีมารยาทดีเสียเหลือเกิน แถมยังใจดีมีน้ำใจยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ ผิดกับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าหนี้ของเธอ ที่ใจดำยิ่งกว่าอะไร แม้กระทั่งว่าเธออ้อนวอนขอความช่วยเหลือเขาผ่านทางสายตาอย่างนั้นแล้ว เขาก็ยังเมินเฉยไม่สนใจหญิงสาวสักนิด
“ผมไม่ได้ช่วยคุณฟรีๆหรอกนะครับ คุณก็เห็นว่าลูกน้องผมต้องเหนื่อย แถมผมยังต้องโดนมันด่าเป็นลูก” เขายิ้มมุมปากแสร้งทำทีเป็นเหมือนเป็นฝ่ายโดนกระทำ แต่รอยยิ้มอันทรงเสน่ห์และแววตาที่ดูขี้เล่นเป็นกันเองนั่นทำให้พริมพริตารู้ว่าเขาตั้งใจพูดแกล้งเธอ
“ช่วยอยู่ชงเหล้าให้ผมหน่อยสิครับ” เขายื่นข้อเสนอมาให้ พริมพริตาก็ได้แต่อึกอักเพราะเธอชงเหล้าไม่เป็นแถมยังมีหน้าที่เป็นแค่เด็กเสิร์ฟเครื่องดื่ม ไม่ได้มีสิทธิ์นั่งกับแขกแต่แรกอยู่แล้ว
“คือฉันชงเหล้าไม่เป็นหรอกค่ะ…แล้วฉันก็เป็นแค่เด็กเสิร์ฟด้วย”
อีกฝ่ายยิ้มพราย จนพริมพริตาสังเกตได้ว่าตั้งแต่เห็นหน้าเขามา ยังไม่มีเวลาไหนเลยที่เขาหยุดยิ้มแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว
กลับกันชายหนุ่มกลับรู้สึกสนใจหญิงสาวตรงหน้าชอบกล หญิงสาวชาวเอเชียน่ารักน่าเคี้ยวคนนี้คงมีความสำคัญกับโรมินิกคู่แข่งตัวฉกาจของเขาไม่น้อย ฝ่ายนั้นถึงได้มีท่าทางเมินเฉยและไม่ใยดีกับท่าทีเว้าวอนของเธอขนาดนั้น
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ก็แค่บอกไปว่าคุณมานั่งกับผมก็พอ”
คาล์กว่าพร้อมกับควักนามบัตรจากกระเป๋าชั้นในเสื้อสูทสีกรมท่าของตัวเองออกมาให้ มันเป็นนามบัตรเปล่าที่ไม่ได้มีเบอร์ติดต่อ อีเมล หรือที่อยู่อะไรทั้งนั้น มันมีแค่ตัวอักษรที่เป็นตัวเขียนในภาษาอังกฤษตัวใหญ่ติดกันสองตัวว่า ‘CK’
“เอ่อ…ค่ะ” มือเรียวเล็กรับนามบัตรนั้นมาเก็บไว้กับตัว
เธอหัดชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตามที่เขาบอกสอนให้ ทั้งสองคุยกันอย่างสนุกปากถูกคอ เขาเล่าเรื่องขบขันที่เจอมาในชีวิตหลายอย่างให้กับหญิงสาว โดยที่พริมพริตาก็เล่าเรื่องราวในตอนที่อยู่ที่ประเทศไทยให้กับเขาฟังเป็นการตอบแทนเช่นกัน
ทั้งสองคนคุยกันจนเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงที่เธอใกล้จะได้เลิกงาน แม้ที่นี่จะเป็นโรงแรมคาสิโนที่เปิดตลอด 24 ชม. แต่ช่วงเวลาทำงานของเธอจะอยู่ที่ช่วง 2 ทุ่มไปจนถึงเวลาตีสามเท่านั้น
“ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องขอตัวก่อนนะคะ”
“ตามสบายครับ ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งนะครับคุณพริม” คาล์กว่าพร้อมกับยกแก้วไวน์ในมือขึ้นในระดับเดียวกับใบหน้าแล้วยกขึ้นจิบจนเครื่องดื่มสีอำพันไหลลงคอไปหมดทั้งแก้วเป็นเชิงให้เกียรติเธออีกครั้ง
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งเช่นกันนะคะ วันนี้พริมขอบคุณมากเลยนะคะ พริมจะไม่ลืมบุญคุณในครั้งนี้เลยค่ะ” พริมพริตาว่าไปอย่างใสซื่อ หากแต่คาล์กกลับยิ้มอย่างมีนัยยะแอบแฝงเพราะคำพูดเหล่านั้นของหญิงสาว
“แล้ววันหน้าผมจะมาทวงนะครับ” คาล์กยิ้มพร้อมกับลุกขึ้นส่งหญิงสาว “หวังว่าผมจะได้เจอกับคุณอีกนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
พริมพริตาลุกขึ้นยืนตามคนที่ตัวสูงกว่าเกือบหนึ่งฟุต ร่างบอบบางค้อมศรีษะเป็นเชิงขอบคุณคงตรงหน้าอีกครั้ง แล้วก็เดินกลับเข้าด้านหลังของบาร์ไปพร้อมกับถาดที่มีขวดเครื่องดื่มและแก้วเหล้าที่ใช้งานแล้วหลายใบ
คาล์กมองตามร่างอรชรที่เดินหายลับตาไปจนสุดทาง มุมปากเหยียดยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์เพทุบาย ก่อนที่เจ้าตัวจะวางเงินดอลลาร์หลายปึกไว้ที่โต๊ะและเดินตรงออกจากบาร์แห่งนี้ไปพร้อมกับเสียงผิวปากอย่างสบายอารมณ์
แน่นอนว่าคนอย่างคาล์กไม่ได้ล้อเล่น…ว่าเขาไม่เคยช่วยใครฟรีๆ
“ไอ้คาล์กมันกลับไปแล้วครับนาย” วิลล์รายงานกับคนร่างสูงกำยำที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ริมกำแพงฝั่งด้านนอกของส่วนบาร์เครื่องดื่มในโซนวีไอพีมาเฟียหนุ่มยังคงอยู่ในทุกช่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับพริมพริตา เขาไม่ได้ใจไม้ไส้ระกำถึงขนาดที่จะปล่อยให้เจ้าหล่อนโดนถึงเนื้อถึงตัวขนาดนั้น ยิ่งเป็นของของเขาแล้ว ไม่ว่าเขาจะใช้ต่อหรือไม่ เขาก็ไม่ชอบให้ใครมายุ่งย่ามวุ่นวายทั้งนั้นแต่จะให้เขาลงไปช่วยเจ้าหล่อนจากแขกคนอื่นแบบนั้นมันก็ดูจะเป็นการให้ค่าให้ราคากับผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นตัวประกันของตัวเองมากเกินไปหน่อย เขาจึงเลือกที่จะเดินหนีไป และให้วิลล์มือขวาคนสนิทของตัวเองเป็นคนไปจัดการเรื่องนี้แทน&n
หยาดน้ำตาใสรื้นขึ้นที่ขอบดวงตาอีกครั้งเมื่อผิดหวังในสิ่งที่ตัวเองพยายามจะอ้อนวอนขอร้องให้เขาเห็นใจ พริมพริตาพยายามแข็งขืนไม่ถอยทั้งที่รู้ว่าเริ่มจะอ่อนแรงเพราะสู้แรงผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าไม่ไหว“กรุณาปล่อยมือโสโครกๆของจากผู้หญิงคนนี้ด้วยครับ”เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มแปลกหน้าคนใหม่ดังขึ้นมาจากด้านหลังของคนที่พยายามจะรุกรานพริมพริตา ชายคนนั้นหันไปมองทางต้นเสียงด้านหลังด้วยท่าทางหัวเสียรำคาญใจ ใครที่มันกล้าขัดใจเขาได้คงจะไม่รู้ว่าเขามีอิทธิพลใหญ่คับคั่งแค่ไหน“แล้วมึงมาเสือกอะไรด้วยวะ”“
พริมพริตามองจ้องเข้าไปในดวงตาดุดันเขม็ง“ปล่อยฉันไปได้หรือยัง…”โรมินิกยิ้มเย้ย เขานึกอะไรดีๆที่มันมากกว่าการจับน้องสาวของคนที่กำลังตามล่ามาไว้เป็นตัวประกันในเมื่อเจ้าหล่อนเล่นเป็นงานเสียขนาดนี้แล้วทำไมไม่ให้เธอทำในสิ่งที่เธอถนัดไปเสียเลยล่ะ“สิบล้าน” โรมินิกว่าและเงียบไปครู่หนึ่ง “เธอจะต้องทำงานที่นี่ชดใช้หนี้ก้อนนี้ทั้งหมดจนครบทุกบาททุกสตางค์ ส่วนเรื่องบนเตียงเมื่อกี้ฉันก็จะถือว่าค่าตัวเธอเป็นค่าดอกเบี้ยที่จะต้องจ่าย”ฝ่ามือเรียวเล็กกำเข้าห
“ช่วยด้วย!” ทั้งที่รู้ดีว่าต่อให้ตะโกนไปก็ไร้ความช่วยเหลือแต่พริมพริตาก็เลือกที่จะขัดขืนมากกว่าสมยอมให้เขาทำอะไรต่อมิอะไรกับตัวเองก็ได้ตามใจชอบ หญิงสาวใช้จังหวะที่เขาเผลอในขณะที่กำลังสวมเครื่องป้องกันตะโกนร้องขอความช่วยเหลือและผุดลุกขึ้นจากเตียง หากแต่ยังไม่ทันที่จะได้วิ่งหนีไปไกลก็ถูกวงแขนกำยำคว้ารอบเอวคอดของเจ้าหล่อนไว้แล้วคว้ากลับไปนอนราบลงกับเตียงกว้างเหมือนเดิม ไร้ความปรานีจากมาเฟียหนุ่มอีกต่อไป เขาเหลืออดเกินกว่าจะทนฟังเสียงของเจ้าหล่อนได้อีก ร่างกายใหญ่โน้มตัวลงมาทาบทับร่างอรชร เนื้อตัวที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามร้อนผ่าวไปทั่วทั้งตัว ฝ่ามือหนาจับปลีขาเรียวงามแยกออกจากกันเผยให้เห็นกลีบดอกไม้สีหวานที่เริ่มเปียกชื้นไปด้วยน้ำเกสรชโลม โรมินิกบดขยี้ริมฝีปากเรียวเล็กจนเลือดไหลซิบคละเคล้าไปกับรสจูบร้อนแรง ลิ้นร้อนตวัดเข้าชิมความหอมหวานทั่วทั้งโพรงปากอย่างช่ำชองในขณะที่คนใต้ร่างแทบขาดอากาศหายใจ เอวสอบขยับเข้ามาบดเบียดกลางกายสาว ความร้อนผ่าวจากร่างกายกำยำแผ่ซ่านไปถึงคนตัวเล็กที่ดีดดิ้นไม่หยุด “อึก…อ๊าา! เจ็บ!” ความคับแน่นที่ไม่เคยได้ล
“...คะ” พริมพริตาถามอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เงินมากมายขนาดนั้นหาทั้งชีวิตยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าจะได้ถึงครึ่งหรือเปล่า ชีวิตพนักงานออฟฟิศโลจิสติกส์ธรรมดาๆอย่างเธอ จะหาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหนได้ กู้ธนาคารตั้งแต่ล้านแรกอาจจะยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แถมไม่ได้ไปทำงานนานเกือบอาทิตย์ขนาดนี้ เธอคงโดนเด้งไปแล้วเรียบร้อย สมัยนี้งานยิ่งหายากๆอยู่ด้วย “ไม่มีปัญญาล่ะสิ” มือหนายกก้านบุหรี่ขึ้นจุดติดไฟสูดเอาควันสีเทาเข้าปากและปลดปล่อยออกมาพร้อมกับลมหายใจหนัก โดยไม่ได้สนใจว่าในห้องจะมีคนนอนป่วยอยู่รวมด้วย “ฉันหาได้ค่ะ…ฉันจะหามาให้ได้ ขอแค่คุณปล่อยฉันไป ฉันสัญญาว่าฉันจะจ่ายเงินคืนให้คุณทุกเดือนจนครบทุกบาททุกสตางค์แน่นอน” หญิงสาวอ้อนวอนมาเฟียหนุ่ม พยายามพูดดีด้วยสุดชีวิต แม้จะไม่รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะหาเงินมากมายขนาดนั้นมากจากไหนก็เถอะ แต่นั่นกลับทำให้มาเฟียหนุ่มแสยะยิ้มออกมากับความโลกสวยของเจ้าหล่อน โรมินิกโน้มตัวเข้ามาใกล้ร่างเล็กที่อยู่บนเตียงนอน สองนิ้วคีบก้านบุหรี่ไว้ในมือ ลมหายใจเข้าออกของเขามันเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่อ่อนๆชวนให้ขนล
“ร่างกายอ่อนเพลียจากการขาดน้ำอย่างรุนแรง และมีไข้ต่ำๆด้วยครับ คงจะต้องพักอย่างน้อยสักสองสามวันร่างกายถึงจะดีขึ้นครับ” วิลล์บอกกับคนเป็นนายตามที่ได้รับรายงานจากแพทย์ประจำของโรงแรมที่มาทำการรักษาพริมพริตา ซึ่งขณะนี้กำลังนอนพักฟื้นไม่ได้สติอยู่ในห้องเพนท์เฮาส์ชั้นบนสุดของโรงแรม “ผมให้คนของเราไปเช็คประวัติอีเมลและข้อมูลการใช้โทรศัพท์ทั้งหมดมาแล้ว ไอ้พีทมันไม่ได้ติดต่อมาเป็นอาทิตย์แล้วจริงๆครับ ดูเหมือนเธอเองก็น่าจะไม่รู้ว่าพี่ชายตัวเองหายไปไหนเหมือนกัน” การ์ดหนุ่มว่าพร้อมกับส่งรายงานที่เพิ่งได้รับมาให้กับเจ้านายของตัวเอง มือหนารับเอกสารมาดูอย่างลวกๆ เขาพอจะเดาได้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าคนหัวหมออย่างนั้นคงจะไม่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ให้สาวไปถึงตัวได้แน่ เพียงแต่ว่ามันคงยังไม่รู้ว่ามันเล่นอยู่กับใคร “แล้วเรื่องไอ้พีทไปถึงไหนแล้ว” “มันข้ามชายแดนเข้าฝั่งมาเลย์ไปแล้วครับ มันระวังตัวมาก ไม่มีการติดต่อกับใคร บัญชีก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย ในกลุ่มแข่งรถใต้ดินที่มันโกงเขาไปทั่วตอนนี้ก็เริ่มมีการตั้งค่าหัวมันกันแล้ว ผมให้คนกระจายกำลังกัน