เมื่อ ดิน หรือ หัสดิน หัวหน้าแก๊งมาเฟียที่มีอิทธิพลที่สุดในเอเซีย ไปถูกใจเข้ากับ เอวา หญิงสาวเจ้าของใบหน้าสวย เขาจึงทำทุกวิธีทางเพื่อให้เธอมาเป็นนกน้อยในกรงเลี้ยงของเขา
View Moreแสงสีนีออนสลัวยามค่ำคืนของมหานครดูจะไม่ได้งดงามสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกับ เอวา ชนิตรา ชัญญา หญิงสาวผู้แบกรับความหนักอึ้งของโชคชะตาไว้เต็มสองบ่า ในวัย 21 ปี ปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 4 ที่ควรจะเต็มไปด้วยความสดใสและอนาคตที่รออยู่ตรงหน้า กลับกลายเป็นช่วงเวลาแห่งความมืดมิดและสิ้นหวัง
เรือนผมสีน้ำตาลเข้มสลวยยาวเคลียหลังถูกรวบขึ้นอย่างลวก ๆ ดวงตาคู่โตสีน้ำผึ้งฉายแววเหนื่อยล้า หากแต่ก็ยังคงความงดงามจับใจ ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อเผยอออกอย่างแผ่วเบาเมื่อเธอพ่นลมหายใจทิ้ง ความสวยของเธอเป็นที่ประจักษ์จนได้รับตำแหน่ง ดาวคณะ มาครอง แต่ภายใต้ความงามนั้น ซ่อนความทุกข์ระทมที่คนภายนอกไม่อาจล่วงรู้ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวสะอาดตาที่เธอสวมใส่วันนี้ดูจะธรรมดาเกินไปสำหรับสถานที่ที่กำลังจะก้าวเข้าไป แต่ก็เป็นชุดเดียวที่เธอสามารถสวมใส่ได้โดยไม่รู้สึกขัดเขินยามเดินผ่านประตูเหล็กดัดขนาดใหญ่ของ "เดอะ ลาเท็กซ์" บาร์หรูระดับห้าดาวใจกลางเมือง ที่แห่งนี้เป็นที่รวมตัวของเหล่าผู้มีอิทธิพลและกระเป๋าหนัก บรรยากาศภายในอบอวลไปด้วยกลิ่นควันบุหรี่เคล้ากลิ่นน้ำหอมราคาแพง เสียงเพลงแจ๊สคลอเบา ๆ และเสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวที่แต่งกายด้วยชุดราตรีสั้นรัดรูปเผยเรือนร่างสะสวย ชวนให้รู้สึกอึดอัดใจกับชุดของตัวเอง เอวาก้าวเท้าเข้าไปในอาณาเขตของบาร์ด้วยความเร่งรีบ เธอเหลือบมองนาฬิกาข้อมือราคาถูกที่บอกเวลาหกโมงสิบห้านาที เธอมาถึงเร็วกว่าเวลาเริ่มงานสิบห้านาที เพราะไม่อยากโดนผู้จัดการร้านที่ขึ้นชื่อเรื่องความจู้จี้บ่นเอาอีก พลันเท้าที่ก้าวเร็วดุจวิ่งก็ชนเข้ากับบางอย่างอย่างจัง ร่างอรชรเซถลาไปด้านข้าง หากไม่ได้คว้าขอบประตูไว้คงล้มคะมำ "โอ๊ย!" เสียงอุทานเบา ๆ หลุดจากริมฝีปากอิ่ม ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่ชนเข้ากับเธออย่างไม่ตั้งใจ เบื้องหน้าของเธอคือร่างสูงใหญ่กำยำของชายคนหนึ่ง ใบหน้าคมคายราวรูปปั้นกรีกโบราณ ประดับด้วยโครงหน้าที่แข็งกร้าวและดวงตาคู่คมสีรัตติกาลที่ทอประกายเย็นเยียบจนน่าขนลุก ริมฝีปากหยักลึกเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรงบ่งบอกถึงความเด็ดขาดและไม่ยินยอมคิ้วเข้มหนาได้รูปขมวดเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อสบเข้ากับดวงตาของเธอ ชุดสูทสีดำสนิทที่ตัดเย็บอย่างดีโอบรัดร่างที่ดูทรงพลังของเขา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงระยับโชยมาแตะจมูก บ่งบอกถึงรสนิยมที่ไม่ธรรมดา รอบกายเขาคือบอดี้การ์ดร่างยักษ์อีกสองคนในชุดสูทสีเดียวกันยืนขนาบข้าง สีหน้าแต่ละคนเคร่งขรึมและพร้อมที่จะพุ่งเข้าจัดการกับทุกสิ่งที่จะเข้ามารบกวนเจ้านายของพวกเขาได้ทุกเมื่อ เอวารีบก้มหัวขอโทษขอโพยแทบไม่ทัน "ขอโทษค่ะ! ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะ ไม่ได้ตั้งใจค่ะ" น้ำเสียงสั่นเล็กน้อยด้วยความตกใจและเกรงกลัวในแววตาเย็นชาของเขา ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบอะไร เพียงแต่จ้องมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่าเหมือนมองวัตถุไร้ชีวิต ก่อนจะเดินเลี่ยงไปราวกับว่าเธอเป็นเพียงอากาศธาตุ บอดี้การ์ดทั้งสองก็รีบเดินตามไปอย่างรวดเร็ว เอวาถอนหายใจเฮือกใหญ่ เธอยืนนิ่งอยู่พักหนึ่ง พยายามสงบสติอารมณ์ที่ยังเต้นระรัวในอก ก่อนจะรีบเดินตรงเข้าไปยังส่วนของพนักงาน เพื่อไปเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มสีดำกระโปรงสั้นเหนือเข่าเข้ารูป และเสื้อคอลึกที่ดูไม่คุ้นเคยกับเธอเลยแม้แต่น้อย เธอเข้ามาทำงานที่นี่ได้เพียงสองสัปดาห์ ในตำแหน่ง "เด็กนั่งดริ้ง" หรือพนักงานชงเหล้าและเอนเตอร์เทนลูกค้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่เอวาใฝ่ฝันแม้แต่น้อย ชีวิตของเธอที่เคยเป็นนักศึกษาธรรมดา ๆ มีความสุขอยู่กับตำราเรียนและเพื่อนฝูง แต่ทั้งหมดก็พังทลายลงเมื่อ พ่อแท้ ๆ ของเธอ ผู้ที่เธอเคยเชื่อใจ กลับหอบเงินเก็บก้อนสุดท้ายของครอบครัวไปจำนองที่ดินผืนเดียวที่เหลืออยู่ แล้วหนีไปกับเมียน้อยที่อายุน้อยกว่าเธอเพียงไม่กี่ปี ทิ้งภาระหนี้สินมหาศาลไว้เบื้องหลัง ยังไม่พอ โชคชะตายังเล่นตลกกับเธอซ้ำเติม เมื่อ แม่ ผู้เป็นที่รักและเป็นหลักเดียวในชีวิตของเธอ ถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคมะเร็งระยะที่สาม ค่ารักษาพยาบาลจำนวนมหาศาลถาโถมเข้ามาไม่หยุดหย่อน เอวาต้องขายทรัพย์สินทุกอย่างที่พอจะขายได้เพื่อนำมารักษาแม่ แต่ก็ยังไม่เพียงพอ เธอจำเป็นต้องหาเงินให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ "เอวา!" เสียงห้าวห้วนของผู้จัดการร้านดังขึ้นเรียกเธอขณะที่เธอกำลังจัดแต่งชุดอยู่หน้ากระจก เสียงนั้นทำเอาเอวาสะดุ้งเฮือก "ค่ะ ผู้จัดการคะ" เอวารีบหันกลับไปตอบ "มีลูกค้าวีไอพีมา นายดินน่ะ ลูกค้าขาประจำ กระเป๋าหนักมาก แกไปดูแลเขาหน่อย" ผู้จัดการพูดด้วยน้ำเสียงบ่งบอกถึงความเร่งรีบและจริงจัง ดวงตาของผู้จัดการมีประกายความคาดหวังแฝงอยู่ หัวใจของเอวาหล่นวูบ "คะ...นายดิน?" "เออ! นายดิน หัสดิน เดทาวิรักษ์ รู้จักไหมล่ะ หรือแกเพิ่งมาคงไม่รู้จักหรอกน่า ไปเร็ว ๆ เข้า! เขาอยู่ที่ห้อง VIP A" ผู้จัดการเร่งเร้า ชื่อนั้นทำให้เธอนึกถึงชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาที่เธอเพิ่งวิ่งชนเมื่อครู่ ไม่จริงน่า...จะเป็นคนเดียวกันได้อย่างไร? โลกกลมเกินไปแล้ว! แต่ดูจากท่าทีของผู้จัดการแล้ว คงไม่ผิดตัวแน่ "แต่...ผู้จัดการคะ คือว่า..." เอวาพยายามจะท้วงเพราะความรู้สึกไม่สบายใจ แต่ผู้จัดการกลับไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดต่อ "ไม่มีแต่! ไปได้แล้ว! ถ้าได้ค่าคอมมิชชั่นดี ๆ แกก็จะได้มีเงินไปจ่ายค่าโรงพยาบาลแม่แกไม่ใช่รึไง? หรือว่าแกจะให้แม่แกตายคาเตียง?" คำพูดสุดท้ายของผู้จัดการเหมือนมีดกรีดแทงลงมากลางใจของเธอ เอวารู้ดีว่าผู้จัดการรู้เรื่องครอบครัวของเธอ เพราะตอนที่มาสมัครงาน เธอเล่าทุกอย่างเพื่อขอความเห็นใจ เอวาเม้มปากแน่น หัวใจบีบรัดด้วยความเจ็บปวด เธอไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไป เธอต้องหาเงิน...ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม ถ้ามันจะช่วยให้แม่ของเธอรอด "ค่ะ...ฉันจะไปค่ะ" เอวาตอบรับเสียงแผ่ว พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ผู้จัดการยิ้มพอใจ "ดีมาก! ไปเถอะ อย่าให้เขาคอยนานล่ะ"ทันใดนั้น...ก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามาในห้อง แล้วลากเอวาออกไปจากห้องโถงใหญ่!"ไม่นะ!" หัสดินตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว "พวกแกจะทำอะไร!"หัสดินรีบลุกขึ้นจากโซฟาแล้ววิ่งเข้าไปหาเอวาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกชายชุดดำอีกคนเข้ามาขวางไว้ "อย่ายุ่งนะครับคุณดิน" ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา"พวกแกจะทำอะไรภรรยาของฉัน!" หัสดินตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว "พวกแกจะทำอะไร!""ผมไม่ได้ทำอะไรหรอกนะ" นายใหญ่พูดด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ "ผมแค่อยากจะให้คุณเห็นว่า...คุณควรจะทำอย่างไรดีกับธุรกิจของคุณ"ทันใดนั้น...ก็มีชายชุดดำอีกคนเดินเข้ามาในห้อง พร้อมกับถาดที่เต็มไปด้วยเข็มฉีดยา!"ไม่นะ!" หัสดินตะโกนขึ้นอย่างรวดเร็ว "พวกแกจะทำอะไร!"หัสดินพยายามจะวิ่งเข้าไปหาเอวาอีกครั้ง แต่ก็ถูกชายชุดดำอีกคนเข้ามาขวางไว้ "อย่ายุ่งนะครับคุณดิน" ชายชุดดำพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาหัสดินไม่สนใจคำพูดของชายชุดดำเลยแม้แต่น้อย เขากระโดดเข้าใส่ชายชุดดำอย่างรวดเร็ว แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของชายชุดดำอย่างรุนแรง! ชายชุดดำล้มลงไปกองกับพื้นอย่างหมดสภาพ หัสดินรีบวิ่งเข้าไปหาเอวาอย่างรวดเร็ว แล้วชกเข้าที่ใบหน้าของชายชุดดำที่กำลังจะฉีดเข็มฉ
รถยนต์คันหรูของ แดเนียล แล่นไปตามท้องถนนในมหานครที่สว่างไสวด้วยความเร็วสูง แต่ในหัวใจของ เอวา กลับมืดมิดและเต็มไปด้วยพายุที่โหมกระหน่ำ เธอได้แต่นั่งร้องไห้อยู่ในรถอย่างหมดอาลัยตายอยาก ภาพของ หัสดิน ที่กำลังจะไปทำสัญญาซื้อขายธุรกิจที่อันตรายที่สุดในชีวิตเพื่อแลกกับชีวิตของแม่ของเธอมันเหมือนภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำไปมาอยู่ในหัวของเธอเอวารู้สึกผิดและรู้สึกเสียใจมากที่เธอได้ทำให้เขาต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เธอไม่เคยคิดว่าผู้ชายอย่างหัสดินจะยอมทำอะไรที่อันตรายขนาดนี้เพื่อเธอเลยแม้แต่น้อย"คุณแดเนียลคะ...พาหนูไปหาคุณดินเดี๋ยวนี้" เอวาพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "หนู...หนูต้องไปหยุดเขาให้ได้""แต่คุณเอวาครับ...มันอันตรายนะครับ" แดเนียลพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล "นายใหญ่เป็นคนอันตราย...ถ้าคุณไป...คุณอาจจะเป็นอันตรายได้""หนูไม่กลัวหรอกค่ะ" เอวาพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ "หนูรู้ว่าหนูจะต้องทำอะไร"แดเนียลเงียบไปในทันที เขาเข้าใจดีว่าเอวาเป็นคนอย่างไร เธอเป็นคนที่มีความกล้าหาญและไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ เขาขับรถออกไปจากโรงพยาบาลแล้วขับตรงไปยังคฤหาสน์ของนายใหญ่ทันทีในขณะที่เขากำลังขับรถไปที่คฤหาสน
ในค่ำคืนที่ท้องฟ้าไร้ดวงดาว หัสดิน ขับรถยนต์คันหรูของเขาเข้าไปจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ของ นายใหญ่ แห่งตระกูลวรวิทย์อย่างสง่างาม แม้ภายนอกจะดูเยือกเย็นและน่าเกรงขาม แต่ภายในใจของเขากำลังร้อนรุ่มด้วยความโกรธแค้นที่อัดแน่น เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจอย่างที่นายใหญ่คาดหวัง แต่เขามาเพื่อทวงคืนความยุติธรรมให้กับสิ่งที่พวกมันทำไว้กับ เอวา และครอบครัวของเธอ!ทันทีที่หัสดินก้าวลงจากรถ ก็มีชายชุดดำสองคนเดินเข้ามายืนขนาบข้างเขาอย่างเงียบๆ พวกมันเป็นลูกน้องของนายใหญ่และกำลังรอให้เขาเดินเข้าไปในคฤหาสน์ หัสดินไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างไม่เกรงกลัวภายในคฤหาสน์เต็มไปด้วยความหรูหราอลังการ มีรูปภาพและรูปปั้นโบราณวางประดับอยู่ทั่วบริเวณ และที่ห้องโถงใหญ่...มีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟา เขาในชุดสูทสีขาวดูสง่างามและน่าเกรงขามอย่างที่เธอเคยเห็นในครั้งแรก เขากำลังยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอย่างไม่รีบร้อน"สวัสดีครับคุณดิน" ชายชราคนนั้นทักทายหัสดินด้วยรอยยิ้ม "ผมก็ว่าแล้วว่าคุณจะต้องมาหาผม""นายท่าน" หัสดินตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว "ผมมาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อทำธุรกิจ...แต่ผมมาเพื่
หลังจากพาเอวาออกมาจากโรงพยาบาลและกลับมาที่คฤหาสน์ หัสดิน ก็ไม่ได้สนใจเธออีกเลย เขาทิ้งเธอไว้ในห้องนอนเพียงลำพัง แล้วเดินลงมาที่ห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและเต็มไปด้วยความโกรธ เขาไม่รู้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ แม่ของเอวา อาการทรุดลงอย่างรวดเร็ว ทั้งๆ ที่ทีมแพทย์ที่ดีที่สุดก็ดูแลอย่างใกล้ชิดตลอดเวลาหัสดินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแล้วโทรหา หมอวิน ทันที "อาการของแม่เอวาเป็นยังไงบ้าง" เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา"ผมขอโทษนะครับคุณดิน" หมอวินตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจ "ผมพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่ดูเหมือนว่า...หัวใจของท่านจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ""เป็นไปได้ยังไง" หัสดินถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย "ฉันให้ทีมแพทย์ที่ดีที่สุดไปดูแล...ทำไมอาการถึงทรุดลง"หมอวินเงียบไปในทันที เขาไม่รู้จะตอบหัสดินอย่างไรดี "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ...แต่ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากล""ไม่ชอบมาพากลเหรอ" หัสดินถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง "แกหมายความว่ายังไง""ผมรู้สึกเหมือน...เหมือนมีใครบางคนพยายามที่จะทำลายการรักษาของท่านครับ" หมอวินตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "ยาที่ผมสั่งให้ท่านก
เช้าวันรุ่งขึ้น... เอวา ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้งในอก เธอแทบไม่ได้หลับเลยทั้งคืนจากเหตุการณ์เมื่อวาน เธอลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ แล้วเดินไปที่หน้าต่างบานใหญ่ มองเห็นแสงอาทิตย์อ่อนๆ ที่เริ่มสาดส่องเข้ามาในห้อง แต่แสงสว่างนั้นไม่ได้ช่วยให้จิตใจของเธอดียิ่งขึ้นเลยแม้แต่น้อยเธอทำธุระส่วนตัวและแต่งตัวด้วยชุดที่ดูสุภาพเรียบร้อยที่สุดเท่าที่เธอมี ในขณะที่เธอกำลังสวมเสื้อผ้าอยู่นั้น เธอก็เห็นรอยฟกช้ำและรอยแดงที่ปรากฏอยู่บนร่างกายของเธอ เธอใช้มือลูบเบาๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมาอีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนร่างกายและจิตใจของเธอได้ถูกทำลายจนไม่เหลือชิ้นดีเมื่อเธอเดินลงไปที่ชั้นล่าง เธอก็เห็น หัสดิน ยืนรออยู่ตรงหน้าคฤหาสน์ เขาในชุดสูทสีดำดูสง่างามและน่าเกรงขามอย่างที่เธอเคยเห็นในครั้งแรก เขาไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ผายมือไปที่รถยนต์คันหรูที่จอดรออยู่ เอวาขึ้นรถไปกับเขาอย่างเงียบเชียบ รถยนต์คันหรูเคลื่อนตัวไปตามท้องถนนในมหานครที่แสนวุ่นวาย เอวาได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ภาพตึกรามบ้านช่องที่สลับกันไปมาดูพร่าเลือนจนแยกแยะไม่ออก เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้ง แต่โลกที
รถยนต์คันหรูของ หัสดิน แล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าคฤหาสน์ด้วยความเร็วสูง ทันทีที่รถหยุดนิ่ง เอวา ก็ถูกลากลงจากรถอย่างรุนแรง เธอสะดุดล้มลงกับพื้น แต่หัสดินไม่สนใจ เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เขาเดินตรงเข้าไปในคฤหาสน์ด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยแต่เต็มไปด้วยความโกรธที่คุกรุ่นอยู่ในอกเอวาพยายามลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่บอบช้ำ เธอรู้สึกเหมือนร่างกายทั้งร่างไม่มีเรี่ยวแรงเลยแม้แต่น้อย แต่เธอก็ต้องฝืนใจลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามหลังเขาเข้าไปในคฤหาสน์อย่างช้าๆ เธอเดินตามหลังเขาไปจนถึงห้องโถงใหญ่ เธอเห็นหัสดินเดินขึ้นบันไดไปยังห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมเมื่อหัสดินหายลับไปจากสายตา เอวาก็เดินเข้าไปหา ป้าสร้อย แม่บ้านที่ดูแลคฤหาสน์แห่งนี้มาตั้งแต่สมัยที่เธอยังเป็นเด็กเล็กๆ "ป้าสร้อยคะ...คุณดินยังโกรธอยู่ใช่ไหมคะ" เธอถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือป้าสร้อยมองดูเอวาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารและห่วงใย "คุณดินไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนะหนูเอวา...ตั้งแต่หนูมาอยู่ที่นี่ คุณดินก็เปลี่ยนไปมาก"คำพูดของป้าสร้อยทำให้เอวาน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ เธอรู้สึกเหมือนตัวเองได้ทำให้หัสดินต้องเสียใจ แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกเลยแม
Comments