หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ลูคัสเดินนิ่งกลับเข้ามาในห้อง คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันเป็นปมด้วยความหงุดหงิดเมื่อยังคงได้ยินเสียงฟักบัวในห้องน้ำถูกเปิดใช้งาน ทั้งที่เขาอุตส่าห์ให้เวลาอีกฝ่ายตั้งนานแต่เธอก็ยังคงจัดการตัวเองไม่เสร็จ
ปัง ปัง ปัง
ฝ่ามือหนาทุบบานประตูไม้เสียงดัง
“เรนนี่! ออกมาได้แล้ว!” เสียงเข้มตวาดลั่น และหลังจากนั้นไม่นานเสียงน้ำก็เงียบลง
ร่างสูงยืนกอดอกกระดิกเท้าระบายความหงุดหงิดที่เกิดขึ้น เฝ้ารอว่าเมื่อไรคุณหนูสาวจะเปิดประตูออกมา ซึ่งมันก็ไม่ได้นานเลย แต่ภาพที่เขาเห็นนั้นต้องทำสันกรามขบกันแน่น กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายเกร็งเครียดขึ้นมากะทันหัน
สาวตัวเล็กก้มหน้างุดตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว ซึ่งนั่นไม่มีทางทำให้ลูคัสยืนค้างได้ หากไม่ใช่เพราะเธอมีเพียงแค่ผ้าขนหนูผืนจิ๋วพันกาย อวดผิวขาวเนียนละเอียดที่เขาพิสูจน์มาแล้วว่าโคตรนิ่ม แถมยังมองเห็นร่องอกอวบอิ่มเบียดชิดใต้ผืนผ้าอย่างชัดเจน
หยดน้ำเกาะพราวทั่วเรือนกายขาวผ่อง เส้นผมที่เคยยาวสลวยบัดนี้เปียกลู่ ภาพตรงหน้าทำให้ลูคัสอยากจะกระชากสาวตรงหน้ามารังแกอีกสักหลาย ๆ รอบให้สาสมกับความเย้ายวนนั้นเหลือเกิน
กรอด
เสียงฟันถูกบดครืดไปมา ขณะชายหนุ่มสูดหายใจเข้าออกอีกหลายครั้งเพื่อกดข่มแรงกระสัน ตวัดสายตาดุดันมองใบหน้าหวานล้ำของอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง
“นี่น่ะเหรอที่ฉันบอกให้เตรียมตัว! อยากจะลงไปเจอลูกน้องฉันในสภาพนี้สินะ”
“อึก มะ...ไม่ใช่นะ ฉันแค่รีบ เลยทำให้ลืมหยิบชุดเข้าไป”
เธอตอบกลับเสียงเบาหวิวด้วยความกลัว ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเขา ดวงตากลมโตเริ่มแดงระเรื่อและมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอ
เขาพ่นลมหายใจยาว มองตามบนพื้นห้องก็พบเสื้อผ้าชุดเก่าของเรนนี่ยังคงกองไว้ที่เดิม
พรึ่บ
กองเสื้อผ้าเมื่อครู่ถูกรวบและยื่นส่งให้คนตัวเล็กด้วยท่าทางไม่เต็มใจนัก ก่อนที่เขาจะกำชับเสียงเข้มอีกรอบ
“ให้ไว! ถ้ารอบนี้เธอยังชักช้าฉันจะลากเธอลงไปทั้งแบบนี้!”
ว่าจบชายหนุ่มก็หมุนตัว ก้าวขายาว ๆ และทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงกว้างซึ่งผ่านสมรภูมิรบมาอย่างหนักหน่วง หมอนข้างและหมอนหนุนร่วงตกลงบนพื้น ผ้าปูเตียงข้างหนึ่งก็หลุดออก บ่งบอกว่าเขาใช้งานมันหนักแค่ไหน
นัยน์ตาสีดำตวัดมองทางคนตัวเล็กอีกครั้ง เธอก็สะดุ้งน้อย ๆ แล้วรีบก้มหน้าหมุนตัวหายกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ
ลูคัสพ่นลมหายใจยาว ฝ่ามือทั้งสองข้างบีบแล้วคลายออกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่อาจทำให้อารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่านจากหุ่นเซ็กซี่เย้ายวนจางหายไปได้ง่าย ๆ
เขาใช้เวลานั่งปรับลมหายใจอยู่สักพักประตูบานเดิมก็ถูกเปิดอ้าออกมาอีกรอบ ดวงตาคมกริบหรี่ลง พร้อมระดับแรงโทสะที่ทวีตัวขึ้นสูงเมื่อเห็นเรนนี่
แน่นอนว่าครั้งนี้เธอสวมใส่ชุดเดรสสีขาวนั้นแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาอยากกระชากเธอมาลงโทษเพราะสายตาดันไปปะทะกับยอดสีหวานที่ทิ่มแทงชุดออกมาจนเห็นได้ชัดเจน
หมับ
ร่างสูงก้าวเพียงสองครั้งก็ถึงตัวหญิงสาว เขาบีบต้นแขนของเธอไว้แน่น ออกแรงดึงเพียงเล็กน้อยเรนนี่ก็ปลิวถลาเข้ามาชนแผงอกเขาแล้ว
“ยะ...อย่านะ จะทำอะไร” คนตัวเล็กอยู่ในอาการแตกตื่น ยกมือน้อยผลักดันคนตัวใหญ่ให้ออกห่าง
“ดิ้นทำไมล่ะเรนนี่ เธอต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“มะ...หมายถึงอะไร ฉันไม่เข้าใจ ปล่อยเถอะฉันเจ็บ”
ใบหน้าหวานเหยเกด้วยความเจ็บปวดบริเวณต้นแขน พยายามออกแรงขัดขืนให้หลุดจากการจับกุม แต่มันก็ช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะเพียงลูคัสออกแรงมากขึ้น หยาดน้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มเนียนเสียแล้ว
“คิดจะยั่วฉันงั้นเหรอ ทำไมไม่ใส่เสื้อใน!”
เธอหน้าแดงวาบรีบใช้มืออีกข้างยกปิดช่วงอกของตัวเองด้วยความเขินอาย อาการตกใจของเธอทำให้เขางงไปเล็กน้อย
“...”
“ว่าไง! สรุปจะท้าทายฉันใช่ไหม!” ลูคัสตวาดเสียงดัง พร้อมกดใบหน้าหล่อเหลาลงเพื่อที่จะได้มองสีหน้าของคนตัวเล็กให้ชัด ๆ
“ฉะ...ฉัน”
“พูดมา!”
“อึก...เสื้อในมันขาด ฉันใส่มันไม่ได้ และไม่คิดว่ามันจะมองเห็น”
เธออธิบายเสียงตะกุกตะกัก ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นแดงก่ำบ่งบอกว่าเธอเองก็อับอายกับเรื่องนี้ไม่น้อย ทำให้ลูคัสเริ่มคล้อยตามและเชื่อสนิทใจ
ร่างสูงผลักคนตัวเล็กให้พ้นทาง ก้าวเข้าไปในห้องน้ำตรวจเช็กสิ่งที่เรนนี่พูดให้แน่ใจอีกครั้ง สายตาคมกวาดมองทั่วห้องน้ำ แต่ก็ไม่เห็นบราเซียร์ที่หญิงสาวอ้างว่าขาดวางไว้ตรงจุดไหนเลย
“ไหนล่ะ?” ร่างสูงเลิกคิ้วหันกลับมาถาม ก่อนจะมองตามนิ้วน้อย ๆ ไปทางถังขยะใบเล็กข้างชักโครก
ลูคัสพ่นลมหายใจ เพราะเขาไม่คิดจะรื้อถังขยะเพื่อหาซากเสื้อในเพื่อพิสูจน์แน่ ๆ
ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววหงุดหงิดรำคาญใจ เขาก้าวขายาว ๆ ผ่านคนตัวเล็กที่ก็รีบขยับหลบแต่โดยดี ไปทางตู้ไม้บิลต์อินสีเข้ม ก่อนจะกระชากมันเปิดออกรื้อค้นบางอย่างอยู่สักครู่ก็ดึงเสื้อเชิ้ตสีดำตัวใหญ่ออกจากไม้แขวน ส่งมันให้หญิงสาวที่ยังคงยกมือกอดร่างกายตัวเองเอาไว้ด้วยความอับอาย
“สวมทับไปซะ เธอทำฉันเสียเวลามากแล้ว”
“อื้อ!” เรนนี่รับเสื้อตัวใหญ่มากอดไว้ ก้มหน้างุดเตรียมจะเดินกลับเข้าไปจัดการตัวเอง แต่เสียงเข้มก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“ตรงนี้!”
“แต่ว่า...”
“อย่าให้ฉันหมดความอดทนกับเธอนะเรนนี่”
“...”
คำขู่ของลูคัสทำให้เธอไม่มีทางเลือก แต่ถึงแบบนั้นเรนนี่ก็หมุนกายหันหลังแล้วนำเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ขึ้นมาสวมทับด้านนอกเอาไว้อีกชั้น
ชายหนุ่มไล่สายตาสำรวจความเรียบร้อย แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นยอดอกสีหวาน ๆ ของเธอได้แล้ว ก็คว้าต้นแขนบางแล้วกระชากให้ออกเดินตามมา
ใบหน้าหวานล้ำน่าทะนุถนอมมุ่ยลง พยายามเอื้อมไปจับต้นแขนที่โดนบีบจนเริ่มเกิดรอยแดง แต่เพียงแค่ถูกสายตาดุดันตวัดมอง คนตัวเล็กก็ได้แต่เม้มปากแน่นแล้วรีบสืบเท้าก้าวตามคนตัวสูงให้ทัน
เธอถูกลากไปตามทางเดินยาวที่ค่อนข้างมืดสลัว สองข้างทางมีบานประตูหลายบานถูกปิดเอาไว้ ก่อนจะลงบันไดวนลงสู่ชั้นล่าง เรนนี่ไม่มีเวลาให้มองสำรวจสิ่งใดมากนัก เพราะคนที่เดินอยู่ด้านหน้าเอาแต่ลากและลากเธอผ่านห้องรับแขก ห้องทานข้าว จนทั้งคู่ผ่านออกไปนอกตัวคฤหาสน์หลังใหญ่
ดวงตากลมหลุบมองซ้ายมองขวาเพื่อจดจำเส้นทาง เร่งฝีเท้าตามคนตัวสูงให้ทันโดยไม่รู้เลยว่าเขาจะพาเธอไปที่ใดกันแน่
ลูคัสนำตัวเรนนี่เดินตัดผ่านสวนหย่อมเล็ก ๆ สู่อาคารชั้นเดียวอีกหลังซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังคฤหาสน์ แม้สภาพมันจะดูสะอาดสะอ้าน แต่คุณหนูสาวก็รู้ได้ทันทีว่านี่คือบ้านพักคนงาน
เมื่อเดินไปถึงเธอก็พบกับหญิงสูงวัยร่างท้วมท่าทางเข้มงวดคนหนึ่ง สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มแม่บ้านเต็มยศยืนรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
เธอโค้งศีรษะให้นายใหญ่ของบ้านด้วยความนอบน้อมเพื่อรอรับคำสั่ง
“ป้าเจียง ฉันเอาแม่บ้านคนใหม่มาส่ง จัดการสอนงานเธอ และดูแลอย่าให้ยัยนี่หนีออกไปได้!”
“รับทราบแล้วค่ะ”
“ดะ...เดี๋ยว! นายจะให้ฉันทำอะไรกันแน่” เรนนี่ร้องขัดขึ้นมา
“เธอคิดว่าฉันจะจับตัวเธอมาแล้วเลี้ยงดูให้อยู่สบายงั้นเหรอ?” มุมปากหยักรูปกระจับแสยะยิ้มร้าย
“แต่ว่า...”
“หลังจากนี้ นี่คือที่อยู่ของเธอ เธอมีหน้าที่แค่ทำตามที่ฉันสั่ง ถ้าฉันสั่งให้ไปทางซ้าย ก็ห้ามไปทางขวา อิสระความสุขสบายทั้งหมดที่เธอเคยได้รับ มันจบลงตั้งแต่เธอเหยียบแผ่นดินฮ่องกงแล้วเรนนี่!”
“...”
ดวงตากลมสั่นวูบอย่างน่าสงสาร แต่ถึงแบบนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้พูดสิ่งใดออกมาอีก
มาเฟียหนุ่มหันไปกำชับสั่งงานกับหัวหน้าแม่บ้านคนเก่าแก่ของตระกูลอีกเล็กน้อย ก็ส่งมอบตัวเชลยสาวให้อีกฝ่ายจัดการดูแล
หญิงสูงวัยไล่สำรวจคนมาใหม่นิ่ง ๆ ทั้งใบหน้าและผิวพรรณรวมถึงเครื่องแต่งกาย แม้จะอยู่ในสภาพยับยู่ยี่ แต่ก็รู้ได้เลยว่าหญิงสาวตรงหน้านั้นไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน เธอส่ายหัวเล็กน้อยด้วยความสังเวชใจ การที่ทำงานรับใช้ตระกูลหยางมานานก็พอจะรับรู้เรื่องราวความบาดหมางระหว่างสองตระกูลดี เดาได้ไม่ยากว่าสาวงามที่นายน้อยเธอพามา คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากคุณหนูตระกูลหลิน
เรนนี่ยังคงยืนก้มหน้านิ่ง มือทั้งสองข้างบีบกำอย่างหวั่นวิตก ท่าทางบอบบางใสซื่อของเธอนั้นทำหญิงชราอดสงสารขึ้นมาไม่ได้
“ตามมาเถอะค่ะ ฉันจะพาคุณไปดูห้อง”
“ห้องเหรอคะ?”
“ค่ะ ที่นี่คือเรือนพักอาศัยของแม่บ้านในคฤหาสน์ ส่วนคนงานผู้ชายจะอยู่อีกที่ คุณลูคัสสั่งฉันไว้แล้วว่าให้คอยดูแลและสั่งงานคุณในฐานะคนใช้คนหนึ่ง”
“...” สีหน้าของเธอหมองเศร้าลง แต่ก็ไม่ได้ปริปากคัดค้านสิ่งใดออกมา ยอมที่จะเดินตามหัวหน้าแม่บ้านแต่โดยดี
บ้านพักคนงานของที่นี่เป็นตึกสีขาวชั้นเดียว ด้านหน้าเป็นทางเดินยาวสามารถมองเห็นสวนสวยของตัวคฤหาสน์ได้ชัดเจน มีบานประตูนับสิบ ๆ บานเรียงติดกัน ทำให้รู้ได้เลยว่าที่นี่คงมีคนงานหลายสิบคนแน่นอน
เจียงฉินหยุดยืนอยู่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง มือเหี่ยวย่นผลักบานประตูเปิดอ้าให้สาวที่อยู่ด้านหลังสามารถมองเห็นภายในได้
ห้องดังกล่าวมีขนาดไม่ใหญ่นัก และก็ไม่ได้มีเครื่องเรือนอะไรมากนัก เตียงก็เป็นแค่เพียงเหล็กอลูมิเนียมขนาดกว้างเพียงสามฟุตครึ่งตั้งไว้กลางห้อง อีกด้านมีตู้ไม้ขนาดเล็กเอาไว้สำหรับใส่เสื้อผ้า และโต๊ะเล็ก ๆ อีกหนึ่งชุดพร้อมเก้าอี้วางชิดมุมไว้เท่านั้น ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นอีกแล้ว
เรนนี่กะพริบตาปริบ ๆ มองขนาดห้องพักที่เล็กจิ๋วกว่าห้องน้ำในตัวคฤหาสน์อย่างพูดไม่ออก แต่ก็มีเสียงของหญิงสูงวัยแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“ด้านในมีห้องน้ำส่วนตัว ถึงจะไม่ได้หรูหรามาก แต่ก็ถือว่าสะอาดสะอ้านพอใช้ พวกชุดยูนิฟอร์มที่คุณต้องใส่อยู่ในตู้นั้นแล้ว ตั้งแต่พรุ่งนี้คุณต้องตื่นนอนตั้งแต่ตี 5 พร้อมคนใช้คนอื่น ฉันจะสั่งงานที่คุณต้องทำอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ค่ะ”
“แล้ววันนี้ฉันต้องทำอะไรคะ”
หัวคิ้วของเจียงฉินเลิกขึ้นด้วยความฉงนที่หญิงสาวบอบบางดูยอมรับสถานะใหม่ของตนเองได้รวดเร็วเช่นนี้ นัยน์ตาที่เคยนิ่งเรียบเริ่มอ่อนลงโดยไม่รู้ตัว
“วันนี้คุณพักก่อนเถอะค่ะ ถ้าคุณชายมีเรื่องจะสั่งงานฉันจะมาตามคุณอีกที”
“ไม่ต้องเรียกหนูว่าคุณหรอกค่ะ ตอนนี้หนูไม่ได้มีฐานะให้คุณป้าต้องมาเคารพ”
หญิงสูงวัยเผลอระบายยิ้มเอ็นดูกับความนอบน้อมของคนตัวเล็ก
“หนูเรนนี่ใช่ไหมคะ?”
“คุณป้าทราบชื่อหนูด้วยเหรอคะ” เธอมีท่าทีตกใจเล็กน้อย
“ป้าทำงานอยู่ที่นี่มาสี่สิบปีแล้ว ก็พอจะเดาได้อยู่บ้าง...ป้าชื่อเจียงฉินนะคะ”
“หลังจากนี้หนูฝากตัวด้วยนะคะ”
คุณหนูสาวฉีกยิ้มกว้างด้วยความยินดีกับความอ่อนโยนที่อีกฝ่ายยื่นให้ พร้อมกับโค้งตัวทำความเคารพอย่างนอบน้อม ทำให้เจียงฉินต้องรีบห้าม
“ไม่ต้องค่ะ ๆ ไม่ต้องมาก้มหัวให้ป้าหรอก เอาเป็นว่าหนูเข้าไปนอนพักเอาแรงอีกหน่อยดีกว่า หลังจากนี้คงมีเรื่องลำบากอีกเยอะที่ต้องเจอนะ”
“ขอบคุณป้าเจียงมากเลยนะคะที่เอ็นดูหนู บอกตามตรงว่าหนูกลัวมากจริง ๆ ที่ถูกจับตัวมา”
ใบหน้าที่เคยสดใสของหญิงสาวเศร้าหมองลงอีกครั้งกับชะตากรรมอันเลวร้าย ทำใจคนมองอ่อนยวบ
“ถ้ามีเรื่องอะไรที่ป้าสามารถช่วยได้ ก็บอกได้นะ”
“คือว่า…หนูมีอย่างหนึ่งอยากจะรบกวนคุณป้าหน่อยค่ะ”
เรนนี่จงใจใช้ดวงตากลมโตที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูของตัวเองให้เป็นประโยชน์ คุณหนูสาวปั้นหน้าเศร้า กะพริบตาปริบ ๆ อย่างน่าสงสารเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนต้องการ และแน่นอนว่าหญิงสูงวัยขี้สงสารก็ไม่อาจจะเมินเฉยต่อคำขอนั้นได้ ถึงแม้ว่าหล่อนอาจจะถูกลงโทษอย่างหนักภายหลังก็ตาม