ชานนท์ถึงกับหันขวับมามองด้วยสายตากร้าวและเอ่ยถามราเชลเสียงขุ่น “ไปรู้อะไรมา” “คุณคิดว่าฉันรู้อะไรละ” หล่อนยิ้มเยาะเป็นต่อ “คุณคิดได้ยังไง ทำแบบนี้สุภาษิตไทยเขาเรียกเกลียดตัวกินไข่เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง ใช่ไหม... อเล็กซ์”ชานนท์จ้องกลับดวงตาวาวโรจน์มองหญิงสาวคาดโทษก่อนจะเน้นชัดถ้อยชัดคำ “ไม่ใช่เรื่องของคุณ ขอเตือนว่าอย่ามายุ่งอย่ามาล้ำเส้น ไม่อย่างนั้นจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ” “แตะต้องไม่ได้จริงๆ สินะ” ราเชลตะโกนไล่หลัง“แล้วคุณจะต้องเสียใจที่ทำแบบนี้กับฉัน”“เพราะคุณเป็นแบบนี้ไง ผมถึงรักคุณไม่ได้” ชายหนุ่มทิ้งประโยคสุดท้ายด้วยน้ำเสียงเย็นชา ก่อนจะเดินจากไปด้วยความรู้สึกหนักหน่วงตั้งแต่ความทรงจำเลือนรางที่เคยหายไปค่อยๆ ย้อนกลับคืนมาทีละนิด จิตใจที่เคยสงบกลับสับสนจนหาข้อยุติไม่ได้ ยิ่งมารู้ว่าหญิงสาวที่เขาตามหามาตลอดคือยายกุหลาบตัวยุ่งที่คอยปั่นป่วนกวนใจในเวลาเพียงไม่นานแต่กลับทำให้เขารู้สึกผูกพันกับหล่อนนานปีแต่หล่อนกลับเป็นลูกสาวของผู้ชายที่เคยสร้างความร้าวฉานให้กับครอบครัวของเขาจนบ้านแตกสาแหรกขาดคงเป็นเพราะเหตุนี้ที่ทำให้ตัดสินใจทำอะไรโง่ๆ ลงไป... บางทีเข
“ผมทึ่งคุณมากเลยนะคุณอเล็กซ์” กรณ์เอ่ยเสียงขบขัน “คุณทำให้ผู้หญิงบางคนจะเป็นจะตายเพราะรักคุณ” “หยุดนะ ถ้าไม่หยุดพูดนายเจอดีแน่” ราเชลรีบตัดบทคาดโทษชายหนุ่ม ชานนท์มองซ้ายทีขวาทีอย่างงุนงง ทั้งที่ราเชลอยู่เมืองนอกนานไม่น่าจะรู้จักใครมากโดยเฉพาะหนุ่มเจ้าอารมณ์คนนี้ที่ต่อปากต่อคำราวกับรู้จักกันมานาน“พวกคุณหยุดทั้งคู่นั่นละ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณเป็นการส่วนตัว”ราเชลถึงกับใจหายเมื่อได้ยินเสียงจริงจังจากชานนท์ ยิ่งดวงตาของเขายิ่งกร้าวจนหล่อนต้องหลบตารีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ได้สิคะที่รัก ฉันคิดถึงคุณมากจนทนอยู่คนเดียวไม่ไหว” หล่อนเข้าเกาะแขนออดอ้อน “คืนนี้ขอฉันพักที่นี่กับคุณด้วยคนนะ” ราเชลสวมกอดรอบเอวชานนท์ที่ไม่ทันตั้งตัวได้แต่ยืนนิ่งเป็นหินแต่คราวนี้เขาคงต้องพูดกับหล่อนให้รู้เรื่องก่อนที่เอรินจะรู้ การที่ราเชลมาตามหาเขาถึงที่นี่เป็นอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน มันทำให้เขายิ่งต้องคิดหนัก เมื่อเวลากระชั้นเข้ามาทุกทีและตอนนี้ก็เป็นห่วงเอรินเหลือใจควรที่จะตัดไฟเสียแต่ต้นลม... “ผมว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้
ร่างอ้วนกลมชี้มือพร้อมทำปากบุ้ยใบ้ไปทางชานนท์อย่างหงุดหงิด ตาเรียวเล็กหรี่มองชายหนุ่มที่ไม่ทำตามคำพูด“แต่คุณนี่สิปิดล็อคประตู จะเรียกก็กลัวป้ากับลุงจะได้ยิน ถามจริงเหอะคิดอะไรอยู่ ใครมาเห็นเข้ามันจะไม่ดีคุณหนูเป็นผู้หญิงมีแต่เสียหาย” “อะ... อืม ฉันรู้ ขอโทษ” ชานนท์เหลือบมองเอรินชั่วครู่ แต่คนตัวอ้วนกลมดันหลังชายหนุ่มไปทางประตูอีกทาง “ไปทางประตูฝั่งสวนนะ ป่านนี้ลุงกับป้าเข้าบ้านมาแล้วแน่ๆ อีกเดี๋ยวก็ต้องมาหาคุณหนู เร็วๆ เถอะคุณ ปื๊ดจะช่วยครั้งนี้ครั้งเดียว คราวหน้ามารุ่มร่ามกับคุณหนูอีกจะหาว่าไม่เตือนไม่ได้นะ”คนเจ้ากี้เจ้าการดันหลังร่างสูงกว่าตนเกือบศอกให้พ้นออกไปจากประตูอย่างรวดเร็วทำเอาคนโดนผลักแทบเสียหลัก ชานนท์หันมาสบตาสาวน้อยที่ยืนเคว้งมองอยู่ในห้องด้วยแววตาสับสน ใจอยากประกาศออกไปเหลือเกินว่าพวกเขาสองคนเป็นอะไรกัน แต่เมื่อเห็นแววตาขอร้องจากเอริน เขาก็อดใจอ่อนไม่ได้ “รู้แล้วๆ ผลักอยู่ได้ เจ้านี่นี่ เอริน... เดี๋ยวฉันโทรหานะ” ชานนท์ตะโกนบอกหญิงสาวในห้องเสียงไม่ดังนัก เอรินได้แต่พยักหน้ารับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร จะเดินตามออกมาก็ไม่
“เพิ่งต่อเติมเสร็จไม่นาน ลุงออกเงิน คุณกรณ์ออกแรงหาคนมาช่วยกันทำให้นี่ล่ะครับ แบบบ้านได้มาพร้อมกับบ้านต้นไม้ คุณมินคนสวยอุตส่าห์ให้มาฟรีไม่คิดเงินด้วย ใจดีสุดๆ ปื๊ดละปลื้มใจที่ชอบคนไม่ผิด” “แหม พูดซะยายมินคงตัวลอยถ้าได้ยิน”ชานนท์หัวเราะขำท่าทางคนตัวกลมที่ช่างจำนรรจา และดูแลลูกค้าได้ดีเยี่ยม ถึงจะห่ามและชอบสอดรู้ไปบ้าง แต่ก็ประสาคนไหวพริบดี ชานนท์อดนิยมชมชอบอยู่ไม่น้อย จนรู้สึกสนิทสนมได้อย่างรวดเร็ว “คุณหนูโชคดีตะหากครับ ได้เพื่อนดี” ปื๊ดพูดไปสายตาก็ชะเง้อชะแง้มองผ่านหน้าต่างเข้าไปภายในห้อง บิดลูกบิดประตูเล่นอย่างคนมือซน“ประตูไม่ล็อค คุณหนูนี่จริงๆ เลย” “ถามหน่อยสิ กรณ์คือใคร แล้ว” ยังไม่ทันที่คนสงสัยจะได้พูดอะไรต่อ ปื๊ดก็จุ๊ปากขัดจังหวะจนชายหนุ่มต้องเงียบเสียง “ตามผมมา เร็วๆ”ปื๊ดกวักมือเรียกให้ตามเข้าห้อง แต่ชานนท์ยื้อไว้ก่อนแทรกตัวเข้าประตูไปและกดล็อคลูกบิด ทั้งส่งเสียงไล่ปื๊ดที่ยืนงงให้กลับไปทำงานของตนตามเดิม“เฮ๊ย! อะไรกันคุณ ทำแบบนี้ได้ไง เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ” ปื๊ดหน้านิ่งคิ้วขมวด “ฉันเข้าไปดูเอรินเอง นายไปทำงานเหอะ”
“ก็เป็นผู้ชายแบบที่ไม่เหมือนคุณก็แล้วกัน”“แสดงว่าเป็นพวกเสี่ย ไฮโซ เงินถุงเงินถังสินะ ถึงได้ชนะใจคุณได้”“โอ๊ย! ปากมาก ไม่ต้องมาสู่รู้เรื่องรสนิยมคนอื่น ขับรถไปเถอะน่า”ราเชลเอามืออุดหูรำคาญใจไม่ต่อปากต่อคำอีก ได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างที่เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวขจีริมทางดวงตาเหม่อลอย รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ที่เห็นสีหน้าอึกอักของสิทธิ์ตอนที่เจอกันและหล่อนเอ่ยขอให้ช่วย ท่ามกลางแมกไม้อันสงบร่มรื่น คบไฟไม้สีเหลืองส่องแสงนวลตาปักเรียงรายตลอดทาง ลมเย็นพัดมาปะทะผิว จนชายหนุ่มต้องกระชับผ้าพันคอสีเทาผืนสวยจากฟลอเรนซ์เข้าหาตัวเพิ่มความอบอุ่น ตั้งใจหมายจะให้เอรินได้เห็นผ้าพันคอคู่ที่หล่อนเคยให้เมื่อจากกันคราวนั้นให้ชื่นใจชานนท์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีตลอดทางที่เดินลงมาจากบ้านต้นไม้จนมาถึงห้องอาหารริมหาด นักท่องเที่ยวต่างชาตินั่งกันเป็นคู่อยู่ที่ตั่งตั้งพื้นบนหาดทรายเสียเป็นส่วนมาก มองไปรอบๆ บริเวณ สายตาสอดส่องหาแต่ไม่เจอแม้เงาคนรอ ปื๊ดเดินเข้ามาในร้านอาหารในมือมีบางสิ่งบางอย่างที่ชานนท์ได้แต่มองอย่างสนใจ “อ้าวคุณ... ลงมาถึงนี่เลย จะทานอะไรดีครับ” “อะไรน่ะปื๊ด” ชานนท์พยักเพยิ
บ้านสวนโฮมสเตย์เงียบผิดปกติทั้งที่เป็นวันหยุด เอรินแปลกใจที่ไม่เจอพ่อกับแม่ มีแต่นักท่องเที่ยวยืนรออยู่หน้าเคาน์เตอร์หลายรายต่างบ่นพึมพำ หญิงสาวได้ยินแล้วสีหน้าไม่สู้ดี หันกลับมาสบตาชานนท์ที่เดินตามเข้ามาทีหลัง “มีแขกมารอค่ะ สงสัยพ่อกับแม่จะอยู่ไม่ไกลแถวนี้ คุณไปที่บ้านต้นไม้ก่อนก็ได้เดี๋ยวฉันหยิบกุญแจให้นะคะ ปื๊ดฝากเอากระเป๋าไปส่งคุณเค้าทีนะ” เอรินหันไปพยักเพยิดกับปื๊ดก่อนจะเดินไปหยิบลูกกุญแจยื่นส่งให้อย่างรวดเร็ว ชานนท์คว้ามือเอรินมากุมไว้ ท่ามกลางสายตาจ้องมองตลอดเวลาของปื๊ดที่อยากรู้อยากเห็นเป็นที่สุด “ไม่ไปด้วยกันหรือ” “ไม่ได้หรอกค่ะ ฉันต้องดูแลแขกให้เรียบร้อยก่อน”เอรินจะผละไป แต่ชานนท์กลับดึงมือนุ่มนิ่มไว้พร้อมทั้งมองบางสิ่งบางอย่างที่สะท้อนแวววาวบนลำคอขาวที่โผล่พ้นเสื้อเชิ้ตสีขาวรำไร “ไหนขอดูหน่อยซิ” “อะ... อะไร คุณ ประเจิดประเจ้อ” เอรินหน้าแดงซ่านหลบตา พูดตะกุกตะกักทันทีที่เหลือบมองดวงตาคม ชานนท์อมยิ้มพอใจก่อนจะดึงปกเสื้อเชิ๊ตของเอรินให้เข้าที่ปิดบังบางอย่างที่อยู่ภายในไว้ให้มิดชิดกว่าเดิม