Masukเมื่อออกมาห่างจากสายตาผู้คนและเสียงวุ่นวายหน้าร้านแล้ว ไอริสเงยหน้ามองชายหนุ่มข้างกายด้วยสายตาเต็มไปด้วยความสงสัยและหลากหลายคำถามในใจ แต่ตอนนี้เธอถูกเขาลากมาที่ชั้นสองของร้านเสียแล้ว
“ขอบคุณนะคะ…ที่ช่วยไอไว้”
เธอพูดเสียงเบา แต่ชัดเจนพอให้เขาได้ยิน มือเล็ก ๆ ของเธอยังถูกเขาเกาะกุมเอาไว้อยู่แบบนั้น
“ไม่เป็นไร”
ซันยิ้มมุมปากเพียงเล็กน้อย ราวกับจะบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
“ปีไหนนะเราแล้วทำไมไม่เรียกชื่อฉัน…หรือว่าลืม?”
น้ำเสียงของเขาดูทุ้มต่ำลงอย่างจริงจัง ดวงตาคมสบตาเธอตรง ๆ ไม่ยอมให้หลบเลี่ยงเพื่อรอคำตอบ
“ว่าแต่…คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ”
ไอริสเลือกที่จะไม่ตอบคำถามของคนตัวโต เธอทำราวกับว่าไม่ได้ยินมัน แต่เลือกจะตั้งคำถามกลับไปในสิ่งที่เธออยากรู้
“ดื้อ”
ซันยกมือขึ้นกอดอก ก่อนจะใช้สายตาจ้องมองคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยความเอ็นดู เห็นแบบนี้ก็ดื้อตาใสเหมือนกันนิ
“ไอเปล่านะ”
ร่างบางรีบเอ่ยปฏิเสธ พร้อมกับหัวใจของเธอที่เต้นระรั่ว เขาจะบอกให้เธอเรียกชื่อเขาอีกได้ยังไง แค่จู่ ๆก็ได้มาเจอกันแบบไม่ทันตั้งตัวเธอก็ตกใจแทบแย่ แล้วเขายังเป็นคนมาช่วยเธอจากสถานการณ์บ้า ๆ นั้นอีก
“เปล่าได้ไง ก็ทำหน้าดื้ออยู่นี้ไง”
ร่างสูงโน้มตัวลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนของกันและกัน ช่วงนี้เหมือนเธอจะบังเอิญเจอเขาบ่อยมากขึ้นหรือเปล่า
แค่ได้มาเจอกันแบบนี้ก็ทำเอาเธออดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ถึงเธอจะดื่มเข้าไปเยอะมากแต่เธอก็ยังมีสติ และจดจำได้ทุกสัมผัส
ความร้อนแรงของเขาก็ยังชัดเจนวนเวียนอยู่ในหัวของเธอจนยากจะลืม ยิ่งตอนนี้ที่เขาเข้ามาใกล้หัวใจของเธอก็ดันเต้นแรงจนแทบไม่เป็นจังหวะ
“หน้าแดงแบบนี้คิดเรื่องอะไรอยู่เหรอหื้มมมม”
ซันหัวเราะในลำคอเบา ๆ ยิ่งเห็นใบหน้าเขินอายของคนตรงหน้าก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอย่างแกล้ง คนตัวสูงใช้ความได้เปรียบจากร่างกายที่สูงโปร่ง เดินเข้าประชิดคนตัวเล็กและค่อยๆ ไล่ต้อนให้จนมุม
“กำลังคิดเหมือนกันหรือเปล่า”
“อะ ไอเปล่า...อืมมมม”
เสียงหวานถูกกลืนหายเข้าไปในริมฝีปากหนาที่สอดแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามากวาดต้อนความหวานอย่างดูดดื่มและไม่ทันตั้งตัว
“รู้ตัวไหมครับ ว่าหนูทั้งหอม ทั้งหวานเหมือนกลิ่นขนมเลย”
“ซัน ปล่อยก่อน เดียวใครมาเห็น”
เธอดันเขาออกเบา ๆ คนตัวโตค่อย ๆ ถอนริมฝีปากหนาที่บดคลึ่งริมฝีปากบางออกอย่างอ้อยอิ่ง แต่ก็ยังไม่วายที่จะยังกระหวัดปลายลิ้นพันเกี่ยวเรียวลิ้นของเธอเอาไว้อย่างไม่ยอมลดละก่อนผละตัวออกมา
“ก็ตอบในสิ่งที่ถามมาก่อน”
“สถาปัตย์ ปีหนึ่งค่ะ”
ร่างบางก้มหน้าตอบเสียงแผ่วด้วยความเขินอาย ก่อนจะยกมือบางขึ้นมาเช็ดความเปียกชื้นจากคราบน้ำลายที่เลอะมุมปาก
“ถ้างั้นฉันก็เป็นพี่เธอนะ ยัยดื้อ”
“ค่ะ แต่ช่วยถอยออกไปก่อนได้ไหมคะ...ไอมีเรื่องอยากคุยกับพี่”
“แล้วอยากยืนคุยหรือนอนคุยละ ถ้าจะยืนคุยตัวแค่นี้พี่น่าจะอุ้มได้นานอยู่นะ”
เขาไม่เพียงแค่พูดเท่านั้น แต่ยังตั้งใจบดเบียดช่วงล่างให้เสียดสีไปกับร่างบางจนเธอสัมผัสได้ถึงความแข็งขืนที่ดันนูนอยู่ข้างใน
“ทะลึ่ง!”
“ฮ่า ๆ รู้ว่าพี่คิดทะลึ่ง เพราะเราก็คิดเหมือนพี่ใช่ไหม”
“…”
ใบหน้าเรียวเล็กได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย ถึงแม้ว่าวันนั้นเธอจะเป็นฝ่ายที่เริ่มก่อน แต่นั้นก็เป็นเพราะความมึนเมาจากฤทธิ์แอลกอฮอล์เลยทำให้เธอใจกล้าจะทำอะไรแบบนั้น แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน เธอไม่ได้หน้ามึนเหมือนเขา ที่จะมาพูดเรื่องแบบนี้กลางวันแสก ๆ หน้าไม่อาย!
“พูดมาสิ แต่มีเงื่อนไขต้องพูดกับพี่เพราะ ๆ กว่านี้นะ”
“ทำไมพี่ซันถึงมาอยู่ที่นี่ค่ะ”
“ฉันก็มาที่นี่เหมือนเธอนั่นแหละ…มาทำหน้าที่ของหุ้นส่วน”
“หุ้นส่วน?”
ไอริสขมวดคิ้วเล็กน้อย ราวกับสมองของเธอคิดตามไม่ทันในความหมายของเขาที่ต้องการจะสื่อ
“ใช่…หลานชายของเจ้าร้านนี่ คือพี่เอง”
ซันยักคิ้วนิด ๆ อย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับตอกย้ำคนตัวเล็กที่กำลังทำหน้าครุ่นคิด ทั้งที่คำตอบมันชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ก็ยังอุตส่าห์อธิบายเพิ่มเติมให้ชัดเจนขึ้น
“...”
“หรือพี่ต้องบอกว่ายินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ น้องไอหุ้นส่วนคนใหม่ของพี่”
หญิงสาวอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะเบิกตากว้างทั้งกับคำพูดและการกระทำของเขาที่เริ่มจะซุกซนด้วยการก้มมาสูดดมความหอมตามร่างกายของเธออีกแล้ว
“หมายความว่า…พี่เป็นหุ้นส่วนจริง ๆ เหรอ?”
“ใช่...และพี่ก็จะย้ายมาอยู่ที่นี่ ห้องนี้ของพี่ ส่วนห้องตรงข้ามของหนู หรือดึก ๆ หนูเหงาจะแอบย่องมานอนด้วยก็บอกนะ พี่จะได้ไม่ล็อกประตู”
“คนบ้า”
หญิงสาวได้แต่ขึงตาใส่ชายหนุ่มตรงหน้า ที่กำลังยกยิ้มที่มุมปากอย่างอารมณ์ดี เขาทำเหมือนว่าการได้แกล้งเธอนั้นเป็นเรื่องสนุก
“ถ้างั้นไอ ฝากตัวด้วยนะคะ”
คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบา ๆ หมดแรงจะต่อล้อต่อเถียงกับเขา ยิ่งได้รู้ว่าหลังจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่นี่ลำพัง ก็ทำเอาคิดหนักไม่น้อย เพราะจากนี้เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับชายหนุ่มที่ไม่ได้เป็นอะไรกันแบบสองต่อสองอย่างเลี่ยงไม่ได้
แต่สถานการณ์ของเธอตอนนี้ ก็ไม่สามารถหาที่อยู่ใหม่ได้อีกแล้ว เธอจึงเลือกทำใจยอมรับมันไปก่อน แล้วค่อยหาวิธีแก้ปัญหานี้ทีหลัง ก่อนจะหมุนตัวเพื่อกลับลงไปที่ชั้นล่างหนีจากคนตัวโต
“ถ้าไอกังวลเรื่องที่ต้องอยู่ด้วยกันที่นี่ พี่สัญญาจะไม่ทำอะไรรุ่มร่ามแต่ถ้าหนูเป็นฝ่ายยินยอมเองอันนี้ก็เป็นอีกเรื่องนะ แต่ตอนนี้คิดถึงครับ ขอจูบอีกได้ไหม”
ไอริสเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเขา แต่แทนที่เธอจะถอยหนี เธอกลับยืนนิ่งอยู่แบบนั้น
“ถ้าไม่ตอบ พี่ถือว่าเราอนุญาตนะ”
คำถามนั้นไร้เสียงตอบรับ มีเพียงความเงียบที่ปกคลุมระหว่างสองคน กับจังหวะหัวใจที่เต้นแรงเสียจนเหมือนจะได้ยินผ่านความเงียบงันนั้น ก่อนจะสอดประสานสายตาเข้าหากันแทนคำตอบ
ซันโน้มใบหน้าเข้าหาหญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีการหยอกล้อ ไม่มีการรีบร้อนใด ๆ ริมฝีปากเขาแนบลงอย่างอ่อนโยน ทว่าแน่นหนักละเมียดละไม และยังคงความเร่าร้อนดังไฟที่พร้อมจะแผดเผาเธอ
ไอริสหลับตาลง ปล่อยให้สัมผัสจากเขากลืนกินความลังเลในใจไปทีละนิด มือหนายกขึ้นประคองท้ายทอยเธอไว้เบา ๆ ให้เธอได้รับสัมผัสที่เขาตั้งใจมอบให้ จูบที่เริ่มต้นอย่างแผ่วเบา ค่อย ๆ ลึกซึ้งขึ้นเมื่อเธอเองก็ไม่ยอมถอย
ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกัน เสียงจูบดังคละเคล้าสอดประสานไปกลับเสียงทุ้มครางต่ำ ที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจของคนตัวโต
ภายในห้องที่เงียบสนิท หัวใจของไอริสเต้นระรัวแทบหลุดจากอก แต่เธอกลับไม่อยากหยุดมัน เรียวแขนบางโอบกอดร่างแกร่ง จนทุกส่วนในร่างกายเริ่มเบียดชิดเข้าหากันจนไร้ช่องว่าง
เขาขยับเข้าเธอก็เอียงคอตอบรับ ยอมให้เขาเข้าใกล้แนบแน่นขึ้นอย่างเต็มใจ มือบางเกาะแขนเขาแน่นเหมือนกลัวว่าความรู้สึกนี้จะหลุดลอย
“หืม…”
ซันครางต่ำในลำคอราวสัตว์ป่า เมื่อเธอตอบรับจูบกลับมาเบา ๆ เขาลากจูบไปตามมุมปาก แล้วเลื่อนไปที่ปลายคางของเธออย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะวกกลับมาที่กลีบปากนุ่มอีกครั้ง
“พี่ซัน…”
เสียงเรียกของเธอแผ่วเบาและสั่นพร่าเหมือนจะละลายไปกับลมหายใจ ฝ่ามือหนาสอดสัมผัสเข้าไปในสาบเสื้อ ก่อนเลื่อนมือลูบไปตามแผ่นหลัง บีบเคล้นผิวเนียนมาจนถึงเนินอกอวบอิ่มแสนนุ่มนิ่มที่เขาชื่นชอบ
แกร๊ก!
“เอ่อ โทษทีค่ะ! พิณแค่จะมาบอกว่ามีคนมาหา รออยู่ด้านล่าง”
เสียงเปิดประตูดังขึ้นในวินาทีถัดมา พร้อมการปรากฏตัวของพิณเพลงที่ทำหน้าตื่นตกใจ พร้อมกับเสียงที่เปล่งออกมาเพื่อรีบอธิบายอย่างเลิ่กลั่ก และชะงักค้างอยู่ตรงหน้าประตู
ใบหน้าเธอแดงซ่านเมื่อต้องมาเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันระหว่างทั้งเพื่อนสนิทกับชายหนุ่มแปลกหน้าที่กำลังแนบชิดเกินกว่าคนที่เพิ่งเคยเจอกัน ก่อนจะส่งสายตาล้อเลียนแสนกรุ้มกริ่มไปทางไอริสแล้วรีบผละหนีออกไปจากสถานการณ์ตรงหน้า
ไอริสที่สะดุ้งเฮือก ผละตัวออกทันทีด้วยความตกใจ ใบหน้าของเธอแดงจัดจนแทบระเบิดออกมา
ซันเพียงหันไปมองอย่างใจเย็น แล้วตั้งสติให้อารมณ์ของเขาที่เตลิดไปไกลกลับมาเป็นปกติ ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“เพื่อนพี่น่าจะมาแล้ว...เราลงไปข้างล่างกันเถอะ”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ แต่หางเสียงติดขำเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายที่จะโน้มตัวลงมากระซิบใกล้หูเบา ๆ อีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า
“หรือถ้าหนูอยากต่อ เดียวพี่เปิดประตูห้องไว้รอคืนนี้”
ชายหนุ่มผละตัวเดินลงไปก่อนพร้อมรอยยิ้ม ทิ้งให้ไอริสยืนนิ่งตัวแข็งทื่ออยู่กลางห้อง ทั้งที่หัวใจยังไม่หยุดเต้นแรงด้วยความเขินอาย ราวกับเพิ่งรอดออกมาจากวังวนที่ทั้งหวานและร้อนแรงจนแทบละลาย
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านสีเข้ม แทรกเข้ามาเพียงริ้วบาง ๆ ในห้องที่ยังเงียบสงบ สีสันภายในถูกขับเน้นด้วยโทนดำหม่น ราวกับสะท้อนสีของท้องฟ้ายามราตรีไม่มีผิดเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อไอริสขยับตัวช้า ๆ แต่ความอ่อนล้าของร่างกายยังถ่วงให้เธอจมอยู่กับเตียงมากกว่าจะลุกขึ้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเวลานี้ควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่ทุกส่วนของร่างกลับหนักอึ้งจนเกินจะขยับกลิ่นอุ่นคุ้นเคยจากผ้าห่มและหมอนที่รองศีรษะ ล้วนเป็นกลิ่นกายของเขา อบอุ่น ปลอดภัย และดึงรั้งให้เธอหลับใหลต่ออย่างง่ายดาย ความเหนื่อยล้าที่ยังตกค้างจากการถูกเขารังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไร้เรี่ยวแรง ทำให้เธอแทบไม่เหลือพลังจะฝืนลุกขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกของเรา แต่กลับต่างจากครั้งไหน ๆ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีแรงผลักดันจากความอยากเอาชนะ มีเพียงแค่เขาและเธอ ที่ปล่อยให้สัมผัสนำพาความต้องการไป จนลืมทุกอย่างรอบตัวเธอจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเขา ทั้งน้ำเสียง แรงกอด จังหวะหายใจ เสียงแหบพร่าที่กระซิบใกล้ข้างหู และมือของเขาที่โอบรั้งเธอไว้แน่นจนเหมือนจะหลอมละลายเข้าไปด้วยกัน เพราะครั้งนี้เธอเต็มใจไ
ไอริสเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ อย่างเหนื่อยหอบ เขายังคงกดแนบแก่นกายอยู่ในตัวเธอ ไม่ผละออก ไม่แม้แต่จะขยับถอย มือหนารั้งสะโพกเธอไว้แน่น หวงแหนราวกับยังไม่อยากปล่อยสัมผัสอุ่นร้อนให้หลุดจากอ้อมแขนไปไหน เพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกัน“หนูกำลังตัวสั่น”เสียงเขาทุ้มต่ำ พึมพำชิดข้างแก้ม ลมหายใจของเขาก็หอบเหนื่อยไม่ต่างจากเธอ ไอริสเม้มปากแน่น แก้มเห่อร้อนแดงจัด ขาทั้งสองข้างยังโอบรอบสะโพกเขาโดยไม่รู้ตัวร่างกายเธอเบาหวิวเหมือนไม่ได้อยู่กับพื้นอีกต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขาก็ขยับสะโพกออก พร้อมหยิบกล่องอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดการแกะเปลี่ยนอันใหม่เอามาสวมลงไปอีกครั้ง“พี่ซันพอแล้ว”“แน่ใจเหรอครับ ว่าหนูไม่อยากให้พี่ทำต่อ”เสียงแหบทุ้มต่ำกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหูอย่างคลอเคลีย แต่แฝงแรงปรารถนาอย่างชัดเจน ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าเขายังไม่อยากหยุดไอริสได้แต่เบี่ยงหน้าหลบด้วยความเขินอาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่เสียดสีกับร่องรักของเธออีกครั้งคนตัวโตค่อย ๆ ขยับสะโพกเพื่อถูไถ่แท่งเอ็นร้อนให้เส้นเลือดปูดโปนและรอยหยักสัมผัสไปกับความเปียกแฉะภา
“พะ พี่ซัน”เสียงหวานของไอริสหลุดลอยออกมาอย่างแผ่วเบา เธอพยายามตั้งสติไม่ให้หลงเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาที่กำลังยั่วเย้าอารมณ์ของเธอให้เตลิดไปไกล แต่เธอกลับถูกต้อนให้ตกลงไปในห้วงราคะของเขาด้วยไออุ่นร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดวนเวียนอยู่ข้างแก้มร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงหน้าบดเบียดร่างกายส่วนล่างของเขาให้แนบชิดคลอเคลียไปกับเรือนร่างของเธอจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลมหายใจของเขา มือหนายังคงวนเวียนอยู่บนบริเวณต้นขา ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนไกล แต่กลับลูบไล้เนิบช้า เฉียดใกล้รอยแยกเนินเนื้อนุ่มที่เริ่มเปียกแฉะคนตัวสูงกดจูบเบา ๆ บนเนินไหล่ ก่อนจะลากริมฝีปากลงต่ำอย่างเชื่องช้าจนถึงเนินอกแล้วใช้ปลายจมูกไล้ขึ้นมาที่ลำคออีกครั้ง เขากดจูบริมฝีปากซ้ำ ๆ ราวกับตั้งใจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกจุดที่เลื่อนผ่าน“อืมมมม”เสียงหวานของเธอเริ่มสั่นไหว พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก เมื่อเขาเลื่อนมือขึ้นจากต้นขา ค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายกระโปรงที่ขยับเลิกขึ้นจากตอนถูกอุ้มขึ้นมาบนโต๊ะ ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือร้อนแนบเข้ากับผิวเปลือยเปล่าใต้ลูกไม้บางตัวนั้น“พี่ซัน อย่า…”เสียงเธอเบาหวิว พยายามร้องห้ามอย่างติด ๆ ขัด ๆ แต่แว
“แก ๆ ดูนี่สิ!”พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ “โอ๊ย หล่ออะแก!”เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”“จริงเหรอ!?”สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ” ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์“ไม่ได้”ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้
“คนบ้า…”เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุดติ๊ง!เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน“ไม่เหนื่อย”เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อย
เช้าวันต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกหน้าร้านเข้ามาอย่างอบอุ่น กลิ่นขนมอบใหม่จากเตา หอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านไอริสยืนอยู่หน้าตู้เค้ก ตรวจความเรียบร้อยภายในร้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝากร้านกับพี่ ๆ พนักงานซึ่งเป็นคนเก่าที่เคยช่วยดูแลร้านระหว่างที่เธอไปเรียนเป็นโชคดีของเธอที่ร้านอยู่แค่หลักตึกคณะ สามารถเดินไปได้และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว ก็เห็นเงาของร่างสูงมายืนอยู่ไม่ไกลซันยืนอยู่ในชุดนักศึกษาวิศวะ เสื้อยืดสีขาวพับแขนลวก ๆ ทับด้วยช็อปที่พาดไว้บนไหล่ กับทรงผมที่ยุ่งนิดหน่อยตามสไตล์คนเพิ่งตื่น แต่กลับดูดีจนเธอรู้สึกหมั่นไส้“จะไปเรียนใช่ไหม เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”เสียงทุ้มต่ำของคนตัวโตบอกเธอเสียงเรียบ เขาพูดง่าย ๆ เหมือนแค่ชวนไปซื้อข้าวหน้าปากซอย โดยไม่ถามเธอเลยสักคำว่าจะยอมให้เขาไปส่งไหม“ร้านอยู่ใกล้แค่หลังตึก ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”เธอถอนหายใจเบา ๆ ใครจะอยากให้เขาไปส่งกันเล่า เมื่อวานหลังจากจัดร้านเรียบร้อย พิณเพลงก็ไม่วายเอาแต่พูดถึงเขากับเพื่อน ๆ หนุ่มวิศวะคนดังของมหา’ลัย ที่เห็นจากกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็ต้องยอมรับว่าทั้งหล่อ ทั้งดูดีแบบก







