Masuk“คนบ้า…”
เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุด
ติ๊ง!
เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือ
ไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้
เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด
“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”
เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน
“ไม่เหนื่อย”
เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา
“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”
เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อยใจ พร้อมยกมืออีกข้างแตะแก้มนุ่มของเธอ ปลายนิ้วไล้เบา ๆ อย่างเชื่องช้า
“สนใจพี่บ้างก็ได้”
“เอ่อ...คือ”
เสียงเธอสั่นพร่า ดวงตาสั่นระริก ใจก็อยากจะถอยหนี แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับตาม ร่างแกร่งเดินขยับเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ก่อนจะโน้มใบหน้าตามมาติด ๆ จนแทบจะชนกันอยู่แล้ว
ลมหายใจร้อน ๆ ของเขารินรดแก้มเธอชัดเจน จนน่าหวั่นไหว ไอริสกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจเริ่มติดขัด หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก และแล้ว…ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาบนริมฝีปากบางของเธอ อย่างแนบแน่น ไม่รีบร้อน แต่กลับดูดดื่มและอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ที่เขากักเก็บมาตลอดทั้งวัน
คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะผลักเขาออก เพราะหัวใจของเธอกำลังยอมแพ้ให้กับสัมผัสของเขาอย่างเงียบงัน
ปลายลิ้นร้อนกัดเม้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้ามากวาดต้อนความหวานในโพรงปากอ่อนนุ่มอย่างอ้อยอิ่ง
ฝ่ามือหนาจับลงบนเอวคอด แล้วออกแรงบีบขยำเบา ๆ อย่างอดกลั้นความรู้สึก ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาหากัน แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง เสียงลมหายใจค่อย ๆ สอดประสานไปกับเสียงครางต่ำของคนตัวโต มือบางของเธอกำชายเสื้อเขาแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ซัน…”
เธอหวานครางเรียกชื่อเขาอย่างหลุดปาก ลมหายใจพร่ามัวแทบหลอมรวมไปกับของเขา
“ขอโทษครับ…”
เสียงกระซิบเบาหวิวดังขึ้นตรงซอกคอ ก่อนเขาจะขบเบา ๆ บนผิวเนียนที่หอมหวานเกินห้ามใจ
“แต่พี่หวงเราจริง ๆ”
มืออุ่นร้อนค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายเสื้อผ้ากันเปื้อน สัมผัสไล้แผ่วเบาตามแนวเอวอ่อน จนกระทั่งปลายนิ้วสัมผัสยอดอกที่ชูชัน ราวกับจงใจแตะลงเพื่อสะกดให้ร่างบางสั่นสะท้านให้คล้อยตามไปกับเขา
“พี่ซัน… นี่มันห้องทำขนมนะคะ…”
เสียงเธอแผ่วเบา ลังเลและสั่นพร่า ราวกับกำลังต้านทานความลุกล้ำเส้นที่ใกล้จะเกินเลย
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากให้เธอรู้ว่าพี่หวง…และอยากให้รู้ว่าเธอเป็นของพี่”
เขาพึมพำแนบผิวแก้ม ลมหายใจร้อนรดรินไม่ห่าง ไอริสเม้มปากแน่น หัวใจเต้นรัวเหมือนจะระเบิด ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกลับมาทาบทับเธออีกครั้งอย่างล้ำลึกและเร่าร้อนกว่าเดิม
ทุกการกระทำของเขาเป็นเหมือนยาที่ยังคงกล่อมสติการยั้งคิดของเธอให้จางหายลงไปเรื่อย ๆ ราวกับเขาต้องการฝังร่องรอยความรู้สึกไว้และเธอก็ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นอย่างเต็มใจ
มือบางโอบกอดลำคอเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ผ้ากันเปื้อนหลุดจากบ่าอย่างไร้การควบคุมและปล่อยตัวเองให้ทำตามใจและตามอารมณ์
เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าประตูหลังร้านจะเปิดแง้มออกมาอย่างเงียบเชียบ ก่อนร่างบางจะก้าวออกมาช้า ๆ ไอริสสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมสติก่อนกลับสู่โลกความเป็นจริง
มือข้างหนึ่งยังยกขึ้นแตะแก้มตัวเองเบา ๆ ราวกับจะเช็ดไอร้อนที่ยังหลงเหลือ กลิ่นหอมวานิลลายังติดปลายจมูก แต่สิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือกลิ่นอายของเขาที่ยังไม่จางลง
“หายไปนานเชียวนะ คนทำขนม”
เสียงแซวคุ้นหูดังมาจากเคาน์เตอร์ด้านหน้า พิณเพลงยืนกอดอก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับเต็มใบหน้า
ไอริสชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังพยายามเดินต่อโดยไม่สบตา ทว่าก้าวยังไม่ทันพ้น สายตาเพื่อนสาวก็ไล่มองลงมา แล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง
“เอ๋? ตรงคอนั่น ไปโดนถาดขนมร้อน ๆ มาเหรอ แดงเชียว” เธอรีบยกมือแตะลำคออย่างตกใจ พร้อมกับใบหน้าที่แดงจัดราวกับกำลังโดนจับพิรุธกลางร้าน
“พะ-พิณเพลง! อย่าพูดเสียงดังสิ”
พิณเพลงหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกระซิบแผ่ว ๆ
“แค่เสียงเบาก็ไม่ช่วยหรอก รอยมันแดงขนาดนั้น ใครไม่ตาบอดก็มองออกว่ารอยอะไร”
“ไอไม่ได้ตั้งใจ”
เธอพึมพำเสียงเบา แววตาหวั่นไหวและหลบตาอย่างพ่ายแพ้
“แน่ล่ะ ไอไม่ตั้งใจ… แต่พี่ซันน่ะ ตั้งใจแน่นอน”
พิณเพลงกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มเอ่ยแซวฉายชัดในแววตา
“คนเราจะเผลอไม่ตั้งใจได้ก็ต่อเมื่อใจมันไปไกลกว่าคำว่าอดทนแล้วล่ะมั้ง”
“พิณเพลง”
ไอริสเสียงอ่อน พยายามเดินหนีเข้าหลังเคาน์เตอร์ แต่เพื่อนสาวก็ยังตามติดไม่ลดละ
“โอเค ๆ ไม่แซวแล้วก็ได้”
“…”
“แค่ขอเตือนไว้นิด ถ้าจะทำเค้กคราวหน้า ก็อย่าปล่อยให้เค้กไหม้เพราะคนข้างหลังก็แล้วกันนะ”
พิณเพลงยกมือทำท่าล้อเลียน พร้อมเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เธอก้มหน้าก้มตาเช็ดเคาน์เตอร์กลบเกลื่อน ทั้งที่หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ดี และในขณะที่เธอกำลังพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ประตูหลังร้านก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ไอริสขึงตาใส่คนตัวโตทันที ที่เห็นเขาเดินออกมา พร้อมกับชี้ที่คอ ราวกับคาดโทษที่เขาทำรอยเอาไว้ให้เธอรู้สึกอับอาย
“ขอโทษเห็นหอมน่ากินเหมือนกัน เลยคิดว่าขนม”
ซันเอ่ยกลั้วหัวเราะ สีหน้าดูสบายใจและอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาก้าวเข้ามาใกล้ พลางเหลือบตามองเธอที่ยังหน้าแดงไม่เลิก จนพิณเพลงที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันไปมองเขาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“อ๋อ… งั้นคราวหน้าพิณจะจำไว้ ถ้าหาพี่หายไปกับไอริสแบบสองต่อสองอีก แปลว่าเพื่อนพิณอาจจะโดนพี่จับกินเพราะคิดว่าเป็นขนม”
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังพอให้ไอริสร้อนวาบไปถึงใบหู เธอได้แต่หลบตา ยกมือปิดหน้าเล็กน้อย แต่ในใจกลับอุ่นร้อน…ไม่ต่างจากกลิ่นเค้กที่ยังหอมฟุ้งอยู่ทั่วร้าน
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านสีเข้ม แทรกเข้ามาเพียงริ้วบาง ๆ ในห้องที่ยังเงียบสงบ สีสันภายในถูกขับเน้นด้วยโทนดำหม่น ราวกับสะท้อนสีของท้องฟ้ายามราตรีไม่มีผิดเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อไอริสขยับตัวช้า ๆ แต่ความอ่อนล้าของร่างกายยังถ่วงให้เธอจมอยู่กับเตียงมากกว่าจะลุกขึ้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเวลานี้ควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่ทุกส่วนของร่างกลับหนักอึ้งจนเกินจะขยับกลิ่นอุ่นคุ้นเคยจากผ้าห่มและหมอนที่รองศีรษะ ล้วนเป็นกลิ่นกายของเขา อบอุ่น ปลอดภัย และดึงรั้งให้เธอหลับใหลต่ออย่างง่ายดาย ความเหนื่อยล้าที่ยังตกค้างจากการถูกเขารังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไร้เรี่ยวแรง ทำให้เธอแทบไม่เหลือพลังจะฝืนลุกขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกของเรา แต่กลับต่างจากครั้งไหน ๆ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีแรงผลักดันจากความอยากเอาชนะ มีเพียงแค่เขาและเธอ ที่ปล่อยให้สัมผัสนำพาความต้องการไป จนลืมทุกอย่างรอบตัวเธอจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเขา ทั้งน้ำเสียง แรงกอด จังหวะหายใจ เสียงแหบพร่าที่กระซิบใกล้ข้างหู และมือของเขาที่โอบรั้งเธอไว้แน่นจนเหมือนจะหลอมละลายเข้าไปด้วยกัน เพราะครั้งนี้เธอเต็มใจไ
ไอริสเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ อย่างเหนื่อยหอบ เขายังคงกดแนบแก่นกายอยู่ในตัวเธอ ไม่ผละออก ไม่แม้แต่จะขยับถอย มือหนารั้งสะโพกเธอไว้แน่น หวงแหนราวกับยังไม่อยากปล่อยสัมผัสอุ่นร้อนให้หลุดจากอ้อมแขนไปไหน เพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกัน“หนูกำลังตัวสั่น”เสียงเขาทุ้มต่ำ พึมพำชิดข้างแก้ม ลมหายใจของเขาก็หอบเหนื่อยไม่ต่างจากเธอ ไอริสเม้มปากแน่น แก้มเห่อร้อนแดงจัด ขาทั้งสองข้างยังโอบรอบสะโพกเขาโดยไม่รู้ตัวร่างกายเธอเบาหวิวเหมือนไม่ได้อยู่กับพื้นอีกต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขาก็ขยับสะโพกออก พร้อมหยิบกล่องอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดการแกะเปลี่ยนอันใหม่เอามาสวมลงไปอีกครั้ง“พี่ซันพอแล้ว”“แน่ใจเหรอครับ ว่าหนูไม่อยากให้พี่ทำต่อ”เสียงแหบทุ้มต่ำกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหูอย่างคลอเคลีย แต่แฝงแรงปรารถนาอย่างชัดเจน ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าเขายังไม่อยากหยุดไอริสได้แต่เบี่ยงหน้าหลบด้วยความเขินอาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่เสียดสีกับร่องรักของเธออีกครั้งคนตัวโตค่อย ๆ ขยับสะโพกเพื่อถูไถ่แท่งเอ็นร้อนให้เส้นเลือดปูดโปนและรอยหยักสัมผัสไปกับความเปียกแฉะภา
“พะ พี่ซัน”เสียงหวานของไอริสหลุดลอยออกมาอย่างแผ่วเบา เธอพยายามตั้งสติไม่ให้หลงเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาที่กำลังยั่วเย้าอารมณ์ของเธอให้เตลิดไปไกล แต่เธอกลับถูกต้อนให้ตกลงไปในห้วงราคะของเขาด้วยไออุ่นร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดวนเวียนอยู่ข้างแก้มร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงหน้าบดเบียดร่างกายส่วนล่างของเขาให้แนบชิดคลอเคลียไปกับเรือนร่างของเธอจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลมหายใจของเขา มือหนายังคงวนเวียนอยู่บนบริเวณต้นขา ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนไกล แต่กลับลูบไล้เนิบช้า เฉียดใกล้รอยแยกเนินเนื้อนุ่มที่เริ่มเปียกแฉะคนตัวสูงกดจูบเบา ๆ บนเนินไหล่ ก่อนจะลากริมฝีปากลงต่ำอย่างเชื่องช้าจนถึงเนินอกแล้วใช้ปลายจมูกไล้ขึ้นมาที่ลำคออีกครั้ง เขากดจูบริมฝีปากซ้ำ ๆ ราวกับตั้งใจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกจุดที่เลื่อนผ่าน“อืมมมม”เสียงหวานของเธอเริ่มสั่นไหว พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก เมื่อเขาเลื่อนมือขึ้นจากต้นขา ค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายกระโปรงที่ขยับเลิกขึ้นจากตอนถูกอุ้มขึ้นมาบนโต๊ะ ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือร้อนแนบเข้ากับผิวเปลือยเปล่าใต้ลูกไม้บางตัวนั้น“พี่ซัน อย่า…”เสียงเธอเบาหวิว พยายามร้องห้ามอย่างติด ๆ ขัด ๆ แต่แว
“แก ๆ ดูนี่สิ!”พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ “โอ๊ย หล่ออะแก!”เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”“จริงเหรอ!?”สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ” ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์“ไม่ได้”ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้
“คนบ้า…”เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุดติ๊ง!เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน“ไม่เหนื่อย”เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อย
เช้าวันต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกหน้าร้านเข้ามาอย่างอบอุ่น กลิ่นขนมอบใหม่จากเตา หอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านไอริสยืนอยู่หน้าตู้เค้ก ตรวจความเรียบร้อยภายในร้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝากร้านกับพี่ ๆ พนักงานซึ่งเป็นคนเก่าที่เคยช่วยดูแลร้านระหว่างที่เธอไปเรียนเป็นโชคดีของเธอที่ร้านอยู่แค่หลักตึกคณะ สามารถเดินไปได้และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว ก็เห็นเงาของร่างสูงมายืนอยู่ไม่ไกลซันยืนอยู่ในชุดนักศึกษาวิศวะ เสื้อยืดสีขาวพับแขนลวก ๆ ทับด้วยช็อปที่พาดไว้บนไหล่ กับทรงผมที่ยุ่งนิดหน่อยตามสไตล์คนเพิ่งตื่น แต่กลับดูดีจนเธอรู้สึกหมั่นไส้“จะไปเรียนใช่ไหม เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”เสียงทุ้มต่ำของคนตัวโตบอกเธอเสียงเรียบ เขาพูดง่าย ๆ เหมือนแค่ชวนไปซื้อข้าวหน้าปากซอย โดยไม่ถามเธอเลยสักคำว่าจะยอมให้เขาไปส่งไหม“ร้านอยู่ใกล้แค่หลังตึก ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”เธอถอนหายใจเบา ๆ ใครจะอยากให้เขาไปส่งกันเล่า เมื่อวานหลังจากจัดร้านเรียบร้อย พิณเพลงก็ไม่วายเอาแต่พูดถึงเขากับเพื่อน ๆ หนุ่มวิศวะคนดังของมหา’ลัย ที่เห็นจากกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็ต้องยอมรับว่าทั้งหล่อ ทั้งดูดีแบบก

![friend zone รักร้ายนายเพื่อนสนิท [ 3P ]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)





