Masuk“แก ๆ ดูนี่สิ!”
พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้
“โอ๊ย หล่ออะแก!”
เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า
“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”
เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน
“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”
“จริงเหรอ!?”
สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที
“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”
“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ”
ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์
“ไม่ได้”
ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า
“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”
เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้นสองของร้านเพื่อเตรียมตัวแต่งหน้าเลือกชุดสวยทันที
สนามบิน
แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ความคึกคักตรงหน้าประตูขาเข้าสนามบินก็ยังแน่นขนัดด้วยเหล่าบรรดาแฟนคลับ รวมถึงไอริสที่ยืนรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ร่างบางสวมใส่หมวกแก๊ป พร้อมมือถือโทรศัพท์เปิดกล้องไว้รอด้วยความตื่นเต้น ส่วนพิณเพลงเองก็ไม่ต่างกันในมือของเธอถือป้ายเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองว่าลี่เจย
คนตัวเล็กเฝ้ามองตรงบริเวณทางเดินที่เปิดโล่งเว้นเอาไว้อย่างใจจดจ่อ หัวใจเต้นแรงจนเผลอลืมเวลา ลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งใครบางคนอย่างที่ออกไปทำธุระเรื่องโปรเจคจบกับกลุ่มเพื่อนตั้งแต่เช้า
“เพลง...ไอรู้สึกเหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก”
“ไม่นะ ก่อนออกมาจากร้านทุกอย่างก็เรียบร้อยดี”
“อือ...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเขี่ยเลื่อนดูแชทเพื่อเช็กให้มั่นใจอีกที แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักลง เมื่อกลุ่มที่มาเฝ้ารับศิลปินคนโปรดเริ่มส่งเสียงกรี๊ดดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
การมาถึงของลี่เจยทำให้ทุกความตั้งใจถูกลืมไปภายในพริบตา เธอรีบกดปิดแชททันที แล้วเปิดกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพนักแสดงคนโปรดอย่างมีความสุข
ไอริสคาเฟ่
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังเบา ๆ พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก ไอริสก้าวเข้ามาในร้านโดยพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุด หลังจากที่เธอแยกกับพิณเพลงและกลุ่มแฟนคลับ เธอก็คิดออกทันทีว่าตัวเองลืมเอาขนมกับกาแฟไปส่งให้คนตัวโตช่วงบ่าย
แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาด้านในยังไม่ทันจะได้เปิดไฟก็สัมผัสได้ถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู่ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้พนักงานในร้านน่าจะกลับกันไปหมดแล้ว
“ไปไหนมา ทำไมพี่ติดต่อเราไม่ได้”
เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังขึ้น จากมุมใกล้ ๆ เครื่องชงกาแฟ ซันยืนพิงเคาน์เตอร์ มือกอดอกไว้ด้านหน้า สีหน้าราบเรียบ แต่แววตาคมกลับจ้องมองมาจนเธอหวาดหวั่นไม่กล้าสบตา
“พะ พี่ซัน! กลับมาเร็วจัง ไหนว่าทำโปรเจกต์จะกลับดึก”
“พอดีพี่มีเรื่องคาใจนิดหน่อย”
เธอกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะกำสายกระเป๋าในมือแน่น ความเปียกชื้นเริ่มผุดตามฝ่ามือด้วยความประหม่า ก่อนจะเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปเก็บกระเป๋า พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่เขาก็เดินตามมาช้า ๆ พร้อมเสียงเนิบนาบที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่สำหรับคนฟังอย่างเธอมันกลับเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
“วันนี้ลูกค้าเยอะเหรอครับ พี่ทักหาเราถึงไม่มีเวลาตอบ”
“อะ อ้อ ใช่ ๆ ค่ะ คนเยอะมากจริง ๆ จนไอลืมเอากาแฟไปส่งเลย”
“แล้วคนที่ยุ่งจนดูลูกค้าไม่ทัน ทำไมถึงไปโผล่อยู่ที่สนามบินหืมมม”
“สนามบินอะไร๊...ไหนไม่มี ไม่มีใครไปเลยค่ะ”
ไอริสชะงัก ตอบกลับเสียงสูง ใบหน้าซีดกลัวว่าจะถูกจับได้ ก่อนจะรีบหันมาเผชิญหน้าเขาด้วยความตื่นตกใจ จนน้ำเสียงสั่น แม้จะพยายามทำตัวให้ปกติมากแค่ไหน แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“วันนี้ลูกค้าเยอะ ไอเหนื่อยมากเลยขอตัวขึ้นห้อง ปะ ไป นอนก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ”
“ดูเหมือนคนแถวนี้จะไม่ได้ลืมแค่ส่งกาแฟให้พี่ แต่ยังลืมปิดสตอรี่ด้วย”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอหยุดกึกอยู่บนบันได ก่อนจะกัดเม้มริมฝีปากหมดทางแก้ตัว เมื่อรู้ตัวว่าลืมปิดสตอรี่แบบนี้อีกฝ่ายคงรู้แล้วว่าเธอทิ้งร้านไปไหนมา
“พี่แอบดูสตอรี่ไอเหรอ!”
“เปล่า มันเด้งขึ้นมาเอง…สงสัยอัลกอริธึมมันจะรู้ใจพี่ถึงส่งหลักฐานเด็กขี้โกหกมาให้”
“…”
“แล้วเป็นยังไงบ้างคะ พระเอกของหนูหล่อเหมือนในซีรี่ย์มั้ย?”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและรอยยิ้มบาง ๆ แต่แววตากลับเจ้าเล่ห์แพรวพราว
“ก็แค่ไปดูเฉย ๆ เองค่ะ ไม่ได้ตั้งใจหนีไปซะหน่อย”
“เหรอ”
เสียงทุ้มขัดเบา ๆ ขณะที่ไอริสเงยหน้าขึ้นตั้งท่าจะแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่กลับถูกคนตัวสูงค่อย ๆ สืบเท้าก้าวไล่ต้อนเข้ามาใกล้ จนร่างบางต้องถอยหลังหนีไปชนกับโต๊ะทำงาน
“เห็นผู้ชายคนอื่นสำคัญกว่าจนลืมไปส่งกาแฟพี่เลยเหรอ เขาดียังไง”
“กะ…ก็แค่หล่อ สูง ขาวแล้วก็ซิกแพคแน่น…”
“หื้มมม”
“มะ ไม่ใช่! พูดผิดค่ะ สงสัยไอนอนน้อยไปหน่อย!”
เธอรีบหันหนีเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป แต่เขาก็คว้าแขนไว้ได้ทัน
“คิดจะหนีเหรอ…ไหนลองบอกสิ ระหว่างพี่กับเขา ซิกแพคใครแน่นกว่ากัน?”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบลงข้างแก้ม พร้อมมือหนาที่ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนเธอสะดุ้งเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
“หันหน้าหนีพี่ทำไม?”
“ไอ…เปล่านะ”
มือหนาลูบไล้จากเรียวแขนลงมาถึงฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอ ก่อนจะกุมมือนั้นแนบลงบนอกแกร่ง
“พี่ซัน จะทำอะไรคะ”
“ก็เผื่อไอลืม ว่าพี่ก็มีให้ดูเหมือนกัน…ต้องทบทวนมั้ยครับ”
ฝ่ามือเรียวบางถูกชักนำโดยชายหนุ่มที่ค่อย ๆ จับมือเธอลูบไล้ไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อเรียงตัวสวย จากหน้าอกแกร่งต่ำลงจนถึงขอบกางเกงที่มีไรขนปกคลุมบาง ๆ
“คราวหน้าจะไปไหนก็บอกกันดี ๆ พี่เป็นห่วงที่เราหายไป”
“ขอโทษค่ะ”
เสียงหวานของคนตัวเล็กตอบกลับแผ่วเบาด้วยความรู้สึกผิด
“ถ้าอยากไปไหน พี่จะพาไปเอง แต่ห้ามเอาตัวเองไปใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนและห้ามไปสัมผัสใครแบบนี้ จำไว้ว่าหนูทำได้แค่กับพี่คนเดียว เข้าใจไหม”
ร่างบางถูกอุ้มขึ้นนั่งบนขอบโต๊ะอย่างไม่ทันตั้งตัว ซันไม่ได้คิดจะรอฟังคำตอบ เพราะเขาต้องการสิ่งอื่นในการยืนยันที่มากกว่านั้น
ฝ่ามือหนาลูบไล้ผ่านต้นขาเปลือยเปล่าใต้กระโปรงตัวเล็กมาจนถึงผ้าลูกไม้ตัวจิ้วที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ลมหายใจร้อนแนบชิดข้างแก้ม ก่อนจะกดจูบลงที่ซอกคออย่างแนบแน่น ราวกับจะประทับรอยไว้ให้รู้ว่าเธอเป็นของเขา ของเขาแค่คนเดียว
“พะ พี่ซัน”
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านสีเข้ม แทรกเข้ามาเพียงริ้วบาง ๆ ในห้องที่ยังเงียบสงบ สีสันภายในถูกขับเน้นด้วยโทนดำหม่น ราวกับสะท้อนสีของท้องฟ้ายามราตรีไม่มีผิดเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อไอริสขยับตัวช้า ๆ แต่ความอ่อนล้าของร่างกายยังถ่วงให้เธอจมอยู่กับเตียงมากกว่าจะลุกขึ้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเวลานี้ควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่ทุกส่วนของร่างกลับหนักอึ้งจนเกินจะขยับกลิ่นอุ่นคุ้นเคยจากผ้าห่มและหมอนที่รองศีรษะ ล้วนเป็นกลิ่นกายของเขา อบอุ่น ปลอดภัย และดึงรั้งให้เธอหลับใหลต่ออย่างง่ายดาย ความเหนื่อยล้าที่ยังตกค้างจากการถูกเขารังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไร้เรี่ยวแรง ทำให้เธอแทบไม่เหลือพลังจะฝืนลุกขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกของเรา แต่กลับต่างจากครั้งไหน ๆ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีแรงผลักดันจากความอยากเอาชนะ มีเพียงแค่เขาและเธอ ที่ปล่อยให้สัมผัสนำพาความต้องการไป จนลืมทุกอย่างรอบตัวเธอจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเขา ทั้งน้ำเสียง แรงกอด จังหวะหายใจ เสียงแหบพร่าที่กระซิบใกล้ข้างหู และมือของเขาที่โอบรั้งเธอไว้แน่นจนเหมือนจะหลอมละลายเข้าไปด้วยกัน เพราะครั้งนี้เธอเต็มใจไ
ไอริสเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ อย่างเหนื่อยหอบ เขายังคงกดแนบแก่นกายอยู่ในตัวเธอ ไม่ผละออก ไม่แม้แต่จะขยับถอย มือหนารั้งสะโพกเธอไว้แน่น หวงแหนราวกับยังไม่อยากปล่อยสัมผัสอุ่นร้อนให้หลุดจากอ้อมแขนไปไหน เพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกัน“หนูกำลังตัวสั่น”เสียงเขาทุ้มต่ำ พึมพำชิดข้างแก้ม ลมหายใจของเขาก็หอบเหนื่อยไม่ต่างจากเธอ ไอริสเม้มปากแน่น แก้มเห่อร้อนแดงจัด ขาทั้งสองข้างยังโอบรอบสะโพกเขาโดยไม่รู้ตัวร่างกายเธอเบาหวิวเหมือนไม่ได้อยู่กับพื้นอีกต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขาก็ขยับสะโพกออก พร้อมหยิบกล่องอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดการแกะเปลี่ยนอันใหม่เอามาสวมลงไปอีกครั้ง“พี่ซันพอแล้ว”“แน่ใจเหรอครับ ว่าหนูไม่อยากให้พี่ทำต่อ”เสียงแหบทุ้มต่ำกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหูอย่างคลอเคลีย แต่แฝงแรงปรารถนาอย่างชัดเจน ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าเขายังไม่อยากหยุดไอริสได้แต่เบี่ยงหน้าหลบด้วยความเขินอาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่เสียดสีกับร่องรักของเธออีกครั้งคนตัวโตค่อย ๆ ขยับสะโพกเพื่อถูไถ่แท่งเอ็นร้อนให้เส้นเลือดปูดโปนและรอยหยักสัมผัสไปกับความเปียกแฉะภา
“พะ พี่ซัน”เสียงหวานของไอริสหลุดลอยออกมาอย่างแผ่วเบา เธอพยายามตั้งสติไม่ให้หลงเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาที่กำลังยั่วเย้าอารมณ์ของเธอให้เตลิดไปไกล แต่เธอกลับถูกต้อนให้ตกลงไปในห้วงราคะของเขาด้วยไออุ่นร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดวนเวียนอยู่ข้างแก้มร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงหน้าบดเบียดร่างกายส่วนล่างของเขาให้แนบชิดคลอเคลียไปกับเรือนร่างของเธอจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลมหายใจของเขา มือหนายังคงวนเวียนอยู่บนบริเวณต้นขา ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนไกล แต่กลับลูบไล้เนิบช้า เฉียดใกล้รอยแยกเนินเนื้อนุ่มที่เริ่มเปียกแฉะคนตัวสูงกดจูบเบา ๆ บนเนินไหล่ ก่อนจะลากริมฝีปากลงต่ำอย่างเชื่องช้าจนถึงเนินอกแล้วใช้ปลายจมูกไล้ขึ้นมาที่ลำคออีกครั้ง เขากดจูบริมฝีปากซ้ำ ๆ ราวกับตั้งใจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกจุดที่เลื่อนผ่าน“อืมมมม”เสียงหวานของเธอเริ่มสั่นไหว พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก เมื่อเขาเลื่อนมือขึ้นจากต้นขา ค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายกระโปรงที่ขยับเลิกขึ้นจากตอนถูกอุ้มขึ้นมาบนโต๊ะ ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือร้อนแนบเข้ากับผิวเปลือยเปล่าใต้ลูกไม้บางตัวนั้น“พี่ซัน อย่า…”เสียงเธอเบาหวิว พยายามร้องห้ามอย่างติด ๆ ขัด ๆ แต่แว
“แก ๆ ดูนี่สิ!”พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ “โอ๊ย หล่ออะแก!”เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”“จริงเหรอ!?”สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ” ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์“ไม่ได้”ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้
“คนบ้า…”เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุดติ๊ง!เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน“ไม่เหนื่อย”เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อย
เช้าวันต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกหน้าร้านเข้ามาอย่างอบอุ่น กลิ่นขนมอบใหม่จากเตา หอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านไอริสยืนอยู่หน้าตู้เค้ก ตรวจความเรียบร้อยภายในร้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝากร้านกับพี่ ๆ พนักงานซึ่งเป็นคนเก่าที่เคยช่วยดูแลร้านระหว่างที่เธอไปเรียนเป็นโชคดีของเธอที่ร้านอยู่แค่หลักตึกคณะ สามารถเดินไปได้และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว ก็เห็นเงาของร่างสูงมายืนอยู่ไม่ไกลซันยืนอยู่ในชุดนักศึกษาวิศวะ เสื้อยืดสีขาวพับแขนลวก ๆ ทับด้วยช็อปที่พาดไว้บนไหล่ กับทรงผมที่ยุ่งนิดหน่อยตามสไตล์คนเพิ่งตื่น แต่กลับดูดีจนเธอรู้สึกหมั่นไส้“จะไปเรียนใช่ไหม เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”เสียงทุ้มต่ำของคนตัวโตบอกเธอเสียงเรียบ เขาพูดง่าย ๆ เหมือนแค่ชวนไปซื้อข้าวหน้าปากซอย โดยไม่ถามเธอเลยสักคำว่าจะยอมให้เขาไปส่งไหม“ร้านอยู่ใกล้แค่หลังตึก ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”เธอถอนหายใจเบา ๆ ใครจะอยากให้เขาไปส่งกันเล่า เมื่อวานหลังจากจัดร้านเรียบร้อย พิณเพลงก็ไม่วายเอาแต่พูดถึงเขากับเพื่อน ๆ หนุ่มวิศวะคนดังของมหา’ลัย ที่เห็นจากกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็ต้องยอมรับว่าทั้งหล่อ ทั้งดูดีแบบก







