LOGIN“เรื่องระหว่างเขากับเธอควรจบลงพร้อมแสงพระอาทิตย์ของวันใหม่ แต่กลิ่นวานิลลาอ่อน ๆ บนผิวเนียนนุ่มนั่น… กลับทำให้เขาอยากครอบครองเธอมากกว่าคืนเดียว“
View Moreท่ามกลางแสงไฟสลัวและเสียงดนตรีที่ดังกระหึ่ม กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งมานั่งหลบมุมเงียบ ๆ เพียงลำพัง ใบหน้าเศร้าหมองของเธอช่างไม่เข้ากับบรรยากาศสนุกสนานรอบข้างแม้แต่น้อย
มือเรียวบางยกแก้วไวน์ขาวขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนจะหลับตาลงช้า ๆ อย่างเหนื่อยล้า
ไอริสพาตัวเองมานั่งดื่มตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ แม้รอบข้างจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนและเสียงเพลงที่ดังเข้าสู่ทุกโสตประสาท แต่เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวราวกับอยู่คนเดียวในโลก
ร่างบางยังคงยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าจนขวดแรกหมดไปในระยะเวลาอันสั้น วันนี้เธอเพิ่งเข้าใจความรู้สึกของการที่มีผู้คนมากมายรอบตัวแต่กลับเหมือนอยู่ตัวคนเดียวบนโลกว่ามันเป็นอย่างไร
“คุณผู้หญิงจะรับเครื่องดื่มเพิ่มไหมครับ”
“เอามาอีกขวดค่ะ”
ไอริสหันไปตอบพนักงานเสิร์ฟที่มาดูแลเธอในโซนวีไอพีก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเพิ่มอย่างไม่ลังเล ร่างบางเอนหลังพิงพนัก แล้วหลับตาลงช้า ๆ พร้อมปล่อยให้ภาพความทรงจำก่อนหน้าไหลย้อนกลับมา…
ใครจะคิดว่ามาวินแฟนหนุ่มของเธอที่คบกันมานานจะนอกใจเธอไปมีคนอื่นหลังจากที่เปิดเรียนได้เพียงแค่เดือนเดียว
เมื่อสองชั่วโมงก่อน
ไอริสเดินฝ่าฝูงชนเข้ามาในสถานบันเทิงชื่อดังอย่างดราก้อนคลับ ท่ามกลางสายตาของชายหนุ่มมากมายในคลับที่ได้เจอหญิงสาวสวยสะกดใจ
แม้เธอจะแต่งกายด้วยชุดธรรมดา ๆ แต่ด้วยใบหน้าที่สวยละมุนและเรือนร่างเย้ายวนที่ส่งกลิ่นหอมวนิลาอ่อน ๆ ออกมา ในตอนที่เธอเดินผ่าน กลับสร้างความสนใจให้กับทุกคนที่ได้อยู่ใกล้อย่างไม่ตั้งใจ
แม้ไอริสจะรู้ตัวว่ากำลังตกเป็นเป้าสายตา แต่เธอกลับเลือกไม่สนใจ เธอคิดเพียงแค่ต้องรีบมาส่งเค้กแสนอร่อยให้ลูกค้าที่มาฉลองวันเกิดที่นี่ แล้วรอรับเงินก่อนกลับร้านไปเท่านั้น
วันนี้เธอไม่ได้มาเที่ยว แค่นำเค้กที่ลูกค้าสั่งไว้มาส่งเท่านั้น ไอริสเป็นเจ้าของร้านเบเกอร์รี่เล็ก ๆ เธอมักรับออเดอร์จากสถานที่ท่องเที่ยวในละแวกนี้ และวันนี้ก็เช่นเดียวกัน
แต่แล้วสายตาของเธอก็หยุดนิ่งไปที่แผ่นหลังกว้างของผู้ชายคนหนึ่ง แม้จะเห็นเพียงด้านหลังเธอก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร มาวิน คนรักที่คบกันมาเกือบสามปี
คนตัวเล็กกำมือแน่น แล้วสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง เธอเดินเข้าไปหาเขาทันที โดยไม่ลังเลพร้อมกับจังหวะหัวใจที่สั่นระรัว
“นี่มันอะไรกันวิน?”
ชายหนุ่มสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูแล้วหันกลับมามองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าแตกตื่น ฝ่ามือหนาของเขากำลังโอบกอดผู้หญิงอีกคน ซึ่งบังเอิญเป็นเจ้าของวันเกิดคนที่สั่งเค้กจากร้านของเธอ
“ไอ… มาได้ไง?”
“ตอบมาสิวิน มันคืออะไร”
มาวินเงียบไปเพียงชั่วครู่ ก่อนจะปล่อยคำพูดที่แสนเย็นชาออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเกินกว่าจะเป็นคนรัก
“เราเลิกกันเถอะ”
“หมายความว่ายังไง?”
ดวงตาของเธอไหววูบ ราวกับไม่อยากเชื่อในสิ่งที่กำลังได้ยิน แทนที่เธอจะได้รับคำขอโทษหรือคำอธิบาย แต่เขากลับเลือกที่จะบอกเลิกเธอแทน
“วินมีคนใหม่แล้ว ตามที่ไอเห็นนั่นแหละ”
“ทำไม? เราทำอะไรผิดเหรอ?”
“วินแค่… เบื่อ เบื่อคำว่าไม่พร้อมของไอ”
“แค่เพราะเซ็กซ์เหรอ?”
น้ำเสียงของเธอสั่นไหว แต่กลับไม่มีน้ำตา ไม่มีคำวิงวอน มีเพียงความเจ็บปวดที่แน่นอยู่ในอก
“ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ แต่มันเป็นเพราะไอเอาแต่ทำงานที่ร้าน ไม่เคยมีเวลาให้ วินก็มีความต้องการเหมือนกัน วินเป็นผู้ชายนะไอ”
“ถ้างั้นก็พูดกันตรง ๆ สิ ทำไมต้องนอกใจ บอกเลิกก่อนไปมีคนอื่นมันจะตายเหรอ”
“ขอโทษนะ เรื่องนี้วินผิดเอง แต่สิ่งที่วินอยากได้จากไอ… ฝ้ายให้วินมาหมดแล้ว”
“วินไม่รักไอบ้างเลยเหรอ?”
มาวินสบตาคนตัวเล็ก พลางคิดถึงอดีตระหว่างเขาและไอริส ตอนนั้นมาวินเองที่เป็นฝ่ายเข้าไปจีบเธอก่อนจนได้คบกัน
“วินก็รักไอนะ แต่ถ้าต้องเลือกระหว่างฝ้าย… ลูกสาวเจ้าของคลับ กับไอที่มีแค่ร้านเบเกอรี่เล็ก ๆ วินเลือกฝ้าย เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่มันเคยดี อย่ามาสร้างปัญหาเลย ออกไปจากชีวิตวินเถอะนะ”
“เราเข้าใจแล้ว งั้นก็เลิกกัน”
“ไอช่วยย้ายออกจากตึกที่เช่าบ้านของวินด้วยนะ วินไม่อยากให้ฝ้ายไม่สบายใจ”
ไอริสมองเขาเงียบ ๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างสมเพชตัวเอง แล้วหันหลังเดินจากมา ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กลับมาที่ปัจจุบัน
ไอริสนั่งคิดทบทวนเรื่องราวทุกอย่างตลอดเวลาที่ผ่าน จุดเปลี่ยนเล็ก ๆ ระหว่างเธอกับมาวิน จากแฟนหนุ่มที่สุขุมอ่อนโยน ค่อยดูแลใส่ใจทะนุถนอมเธอที่เป็นคนรักราวกับเจ้าหญิงค่อย ๆ เปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ความสัมพันธ์ทุกอย่างเริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเริ่มหายหน้าไปและติดต่อไม่ได้เป็นครั้งคราว มีหลายครั้งที่เธอติดต่ออีกฝ่ายไปแต่กลับไร้การตอบกลับ จนกระทั่งล่วงเลยผ่านไปอีกวัน กว่าที่มาวินจะติดต่อเธอกลับมา
ดวงตากลมโตที่ปิดลงเริ่มมีหยาดน้ำตารินไหล ริมฝีปากเม้มสนิทเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นไม่ให้เล็ดลอดออกมา สุดท้ายไม่ว่าความสัมพันธ์จะจบลงแบบไหน เธอก็อดไม่ได้จะเสียใจอยู่ดี
เสียงสะอื้นที่เงียบที่สุดกลับเป็นเสียงสะท้อนความรู้สึกที่ดังที่สุดในใจเธอ
“เซ็กซ์งั้นเหรอ”
เสียงพึมพำลอดจากริมฝีปาก เมื่อไอริสลืมตาขึ้นอีกครั้ง เธอปาดน้ำตาลวก ๆ ด้วยหลังมือ ก่อนจะยกไวน์ขึ้นดื่มจนหมดแก้ว ‘ในเมื่อวินไม่ต้องการไออีกแล้ว งั้นไอก็มีสิทธิ์เลือกทางของตัวเองเหมือนกัน’
ดวงตาสีน้ำตาลเฮเซลนัทหันไปสบตากับชายหนุ่มเจ้าของใบหน้าคมเข้มที่นั่งมองเธอไม่วางตา ไอริสลุกขึ้นยืน รินไวน์ลงแก้วใบเดิม แล้วเดินตรงไปหาเขา
เธอทิ้งตัวนั่งบนตักเขา โดยไม่แม้แต่จะขออนุญาต มือเรียวประคองแก้วไวน์ขึ้นดื่ม ก่อนจะเลื่อนเรียวแขนมากอดคอชายหนุ่ม แล้วโน้มตัวลงไปแนบริมฝีปากเข้ากับเขาอย่างเร่าร้อน คืนนี้เธอเลือกแล้วว่าจะไม่เป็นคนเดิมอีกต่อไป…
“จะทำอะไร”
แต่แทนที่ชายหนุ่มจะตอบสนองกลับทันที ร่างแกร่งกลับเลื่อนมือขึ้นมาจับไหล่เธอไว้เบา ๆ อย่างระมัดระวัง
“เธอกำลังเมา”
เสียงทุ้มเอ่ยเตือนแผ่วเบา แต่กลับโน้มตัวเข้าหาคนร่างบาง จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดผิวกาย เขาหลุบตาลงมองใบหน้าที่แดงระเรื่อไปจนถึงลำคอ ช้า ๆ แต่กลับไม่ยอมสัมผัสเธอ
ไอริสไม่ฟังในสิ่งที่คนตัวโตร้องห้าม มือบางลูบลงบนต้นคอเขาเบา ๆ แล้วเป็นฝ่ายจูบซ้ำลงมาแทน ริมฝีปากบางอ่อนนุ่มที่ทาบทับลงมาเป็นเหมือนไฟหลอมละลายกำแพงที่เขากำลังสร้างขึ้น ให้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับเธอ
“ไอรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่…”
“…”
“คืนนี้ไอจะเป็นของคุณ แค่คืนเดียว”
“มั่นใจแล้วเหรอที่พูด”
ซันยังคงใช้สองมือประคองร่างเธอไว้ ไม่ผลักออก แต่ก็ยังไม่ดึงเธอเข้ามาใกล้ เสียงของเขาแหบพร่าราวกับพยายามกลั้นอารมณ์ที่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในดวงตาอย่างควบคุมไม่อยู่
“อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”
สายตาคมแสนดุดันจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา เพียงครู่เดียวไอริสก็ถูกอุ้มขึ้นแนบอก ก่อนจะพาร่างบางที่หอมละมุนคล้ายขนมหวานกลับคอนโดอย่างรวดเร็ว
ประตูคอนโดถูกปิดลง พร้อมกับการจู่โจมของชายหนุ่มที่กระโจนเข้าหาเธออย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างกายแนบชิดกันจนไม่เหลือแม้แต่ช่องว่างให้อากาศไหลผ่าน
ร่างสูงตรึงข้อมือเรียวของเธอไว้เหนือศีรษะ กดแผ่นหลังบางแนบกับผนังเย็น ก่อนจะโน้มตัวลงมาประกบริมฝีปากอย่างร้อนแรง
เรียวลิ้นหนาสอดเข้ามาหยอกล้อในโพรงปากนุ่มราวกับหลงใหลในรสหวานที่ไม่มีวันพอ รสจูบของเขาอ่อนโยนแต่ก็เร่าร้อนราวกับไฟ
ฝ่ามือร้อนผ่าวลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างไม่รีบร้อน แต่กลับทำให้เธอหายใจติดขัด ทุกสัมผัสของเขาเหมือนกำลังสะกดเธอให้หลงใหล ยอมปล่อยให้ริมฝีปากหนานั้นทิ้งร่องรอยไว้ตั้งแต่ลำคอจนถึงเนินอกอวบอิ่ม
เสียงหอบหายใจของเธอสะท้อนก้องอยู่ในความเงียบเป็นจังหวะเดียวกับหัวใจที่กำลังเต้นรัว มือหนาละจากข้อมือของเธอ แล้วเลื่อนลงมาสอดประสานกับปลายนิ้วเรียวที่ยังสั่นไหว ก่อนจะก้มลงประทับจูบอย่างแผ่วเบาตรงหลังมือเหมือนจะปลอบประโลม แต่กลับยิ่งเพิ่มความร้อนรุ่มให้ลุกลามไปทั่วกาย
“ลืมทุกอย่างแล้วเรียกหาแค่ฉันคนเดียวก็พอ”
“ต้องเรียกว่าอะไรคะ”
“ซัน”
เขากระซิบแผ่วเบา แนบริมฝีปากไว้ข้างใบหู น้ำเสียงนั้นทั้งอบอุ่นและหนักแน่นจนเธอรู้สึกเหมือนกำลังจะหลอมละลาย เธอพยักหน้าเบา ๆ แววตาฉ่ำวาวอย่างคนที่ไม่อาจต้านทานแรงปรารถนาที่เขาปลุกขึ้นมาได้อีกต่อไป
เขาช้อนร่างเธอขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือแนบใต้เรียวขาทั้งสองข้างแล้วพาเธอก้าวถอยไปยังเตียงขนาดใหญ่ที่ปูด้วยผ้าปูเรียบตึงสีเข้ม
กลิ่นหอมจาง ๆ จากเครื่องหอมในห้อง ผสมผสานกับกลิ่นกายของเขาทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนแทบไม่ได้สังเกตว่าเสื้อผ้าของตัวเองถูกถอดออกไปตั้งแต่เมื่อไร
แผ่นหลังเปลือยเปล่าสัมผัสกับผ้านวมเย็นเฉียบ ในขณะที่ร่างสูงทาบทับลงมาช้า ๆ ความร้อนจากร่างกายของเขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกโอบล้อมด้วยเปลวไฟ
ริมฝีปากหนาค่อย ๆ คลอเคลียจากปลายคาง ไล้ลงมาที่ซอกคอขาวเนียน ทุกจุดที่สัมผัสทิ้งร่องรอยไว้ราวกับเป็นตราประทับของความเป็นเจ้าของ
เธอจิกปลายนิ้วลงกับผ้าปูเตียง ขณะปล่อยให้เสียงหวานครางลอดออกมาจากลำคออย่างไม่ทันรู้ตัว อารมณ์ของเขาเหมือนพายุที่โหมกระหน่ำเข้าใส่เธออย่างไร้ความปรานี แต่ในขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยความทะนุถนอมอย่างลึกซึ้ง
“ซัน”
เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ในจังหวะที่โลกทั้งใบของเธอและเขากำลังจะหลอมละลายกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน
แสงแดดยามสายลอดผ่านผ้าม่านสีเข้ม แทรกเข้ามาเพียงริ้วบาง ๆ ในห้องที่ยังเงียบสงบ สีสันภายในถูกขับเน้นด้วยโทนดำหม่น ราวกับสะท้อนสีของท้องฟ้ายามราตรีไม่มีผิดเรือนร่างเปลือยเปล่าภายใต้ผ้าห่มผืนหนาเริ่มสั่นไหวเล็กน้อย เมื่อไอริสขยับตัวช้า ๆ แต่ความอ่อนล้าของร่างกายยังถ่วงให้เธอจมอยู่กับเตียงมากกว่าจะลุกขึ้น แม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าเวลานี้ควรตื่นขึ้นมาได้แล้ว แต่ทุกส่วนของร่างกลับหนักอึ้งจนเกินจะขยับกลิ่นอุ่นคุ้นเคยจากผ้าห่มและหมอนที่รองศีรษะ ล้วนเป็นกลิ่นกายของเขา อบอุ่น ปลอดภัย และดึงรั้งให้เธอหลับใหลต่ออย่างง่ายดาย ความเหนื่อยล้าที่ยังตกค้างจากการถูกเขารังแกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนไร้เรี่ยวแรง ทำให้เธอแทบไม่เหลือพลังจะฝืนลุกขึ้นมาสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่ครั้งแรกของเรา แต่กลับต่างจากครั้งไหน ๆ ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่มีแรงผลักดันจากความอยากเอาชนะ มีเพียงแค่เขาและเธอ ที่ปล่อยให้สัมผัสนำพาความต้องการไป จนลืมทุกอย่างรอบตัวเธอจดจำได้ทุกอย่างที่เป็นเขา ทั้งน้ำเสียง แรงกอด จังหวะหายใจ เสียงแหบพร่าที่กระซิบใกล้ข้างหู และมือของเขาที่โอบรั้งเธอไว้แน่นจนเหมือนจะหลอมละลายเข้าไปด้วยกัน เพราะครั้งนี้เธอเต็มใจไ
ไอริสเงยหน้าสูดลมหายใจเข้าปอดช้า ๆ อย่างเหนื่อยหอบ เขายังคงกดแนบแก่นกายอยู่ในตัวเธอ ไม่ผละออก ไม่แม้แต่จะขยับถอย มือหนารั้งสะโพกเธอไว้แน่น หวงแหนราวกับยังไม่อยากปล่อยสัมผัสอุ่นร้อนให้หลุดจากอ้อมแขนไปไหน เพื่อซึมซับความรู้สึกของกันและกัน“หนูกำลังตัวสั่น”เสียงเขาทุ้มต่ำ พึมพำชิดข้างแก้ม ลมหายใจของเขาก็หอบเหนื่อยไม่ต่างจากเธอ ไอริสเม้มปากแน่น แก้มเห่อร้อนแดงจัด ขาทั้งสองข้างยังโอบรอบสะโพกเขาโดยไม่รู้ตัวร่างกายเธอเบาหวิวเหมือนไม่ได้อยู่กับพื้นอีกต่อไป แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไร เขาก็ขยับสะโพกออก พร้อมหยิบกล่องอุปกรณ์ป้องกันขึ้นมาวางบนโต๊ะ แล้วจัดการแกะเปลี่ยนอันใหม่เอามาสวมลงไปอีกครั้ง“พี่ซันพอแล้ว”“แน่ใจเหรอครับ ว่าหนูไม่อยากให้พี่ทำต่อ”เสียงแหบทุ้มต่ำกับลมหายใจอุ่นร้อนที่เป่ารดใบหูอย่างคลอเคลีย แต่แฝงแรงปรารถนาอย่างชัดเจน ไม่ใช่คำถามที่ต้องการคำตอบ แต่เป็นคำถามที่บ่งบอกว่าเขายังไม่อยากหยุดไอริสได้แต่เบี่ยงหน้าหลบด้วยความเขินอาย ก่อนจะสัมผัสได้ถึงแก่นกายที่เสียดสีกับร่องรักของเธออีกครั้งคนตัวโตค่อย ๆ ขยับสะโพกเพื่อถูไถ่แท่งเอ็นร้อนให้เส้นเลือดปูดโปนและรอยหยักสัมผัสไปกับความเปียกแฉะภา
“พะ พี่ซัน”เสียงหวานของไอริสหลุดลอยออกมาอย่างแผ่วเบา เธอพยายามตั้งสติไม่ให้หลงเผลอไผลไปกับสัมผัสของเขาที่กำลังยั่วเย้าอารมณ์ของเธอให้เตลิดไปไกล แต่เธอกลับถูกต้อนให้ตกลงไปในห้วงราคะของเขาด้วยไออุ่นร้อนจากลมหายใจที่เป่ารดวนเวียนอยู่ข้างแก้มร่างสูงยังคงยืนอยู่ตรงหน้าบดเบียดร่างกายส่วนล่างของเขาให้แนบชิดคลอเคลียไปกับเรือนร่างของเธอจนได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ จากลมหายใจของเขา มือหนายังคงวนเวียนอยู่บนบริเวณต้นขา ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหนไกล แต่กลับลูบไล้เนิบช้า เฉียดใกล้รอยแยกเนินเนื้อนุ่มที่เริ่มเปียกแฉะคนตัวสูงกดจูบเบา ๆ บนเนินไหล่ ก่อนจะลากริมฝีปากลงต่ำอย่างเชื่องช้าจนถึงเนินอกแล้วใช้ปลายจมูกไล้ขึ้นมาที่ลำคออีกครั้ง เขากดจูบริมฝีปากซ้ำ ๆ ราวกับตั้งใจจะทิ้งร่องรอยเอาไว้ทุกจุดที่เลื่อนผ่าน“อืมมมม”เสียงหวานของเธอเริ่มสั่นไหว พร้อมกับร่างกายที่สั่นระริก เมื่อเขาเลื่อนมือขึ้นจากต้นขา ค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายกระโปรงที่ขยับเลิกขึ้นจากตอนถูกอุ้มขึ้นมาบนโต๊ะ ร่างบางสะดุ้งตัวเล็กน้อย เมื่อฝ่ามือร้อนแนบเข้ากับผิวเปลือยเปล่าใต้ลูกไม้บางตัวนั้น“พี่ซัน อย่า…”เสียงเธอเบาหวิว พยายามร้องห้ามอย่างติด ๆ ขัด ๆ แต่แว
“แก ๆ ดูนี่สิ!”พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้ “โอ๊ย หล่ออะแก!”เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”“จริงเหรอ!?”สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ” ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์“ไม่ได้”ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้
“คนบ้า…”เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุดติ๊ง!เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้ เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน“ไม่เหนื่อย”เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อย
เช้าวันต่อมาแสงแดดยามเช้าสาดลอดผ่านกระจกหน้าร้านเข้ามาอย่างอบอุ่น กลิ่นขนมอบใหม่จากเตา หอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งร้านไอริสยืนอยู่หน้าตู้เค้ก ตรวจความเรียบร้อยภายในร้านเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะฝากร้านกับพี่ ๆ พนักงานซึ่งเป็นคนเก่าที่เคยช่วยดูแลร้านระหว่างที่เธอไปเรียนเป็นโชคดีของเธอที่ร้านอยู่แค่หลักตึกคณะ สามารถเดินไปได้และใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที แต่ยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว ก็เห็นเงาของร่างสูงมายืนอยู่ไม่ไกลซันยืนอยู่ในชุดนักศึกษาวิศวะ เสื้อยืดสีขาวพับแขนลวก ๆ ทับด้วยช็อปที่พาดไว้บนไหล่ กับทรงผมที่ยุ่งนิดหน่อยตามสไตล์คนเพิ่งตื่น แต่กลับดูดีจนเธอรู้สึกหมั่นไส้“จะไปเรียนใช่ไหม เดี๋ยวพี่เดินไปส่ง”เสียงทุ้มต่ำของคนตัวโตบอกเธอเสียงเรียบ เขาพูดง่าย ๆ เหมือนแค่ชวนไปซื้อข้าวหน้าปากซอย โดยไม่ถามเธอเลยสักคำว่าจะยอมให้เขาไปส่งไหม“ร้านอยู่ใกล้แค่หลังตึก ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ”เธอถอนหายใจเบา ๆ ใครจะอยากให้เขาไปส่งกันเล่า เมื่อวานหลังจากจัดร้านเรียบร้อย พิณเพลงก็ไม่วายเอาแต่พูดถึงเขากับเพื่อน ๆ หนุ่มวิศวะคนดังของมหา’ลัย ที่เห็นจากกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกันก็ต้องยอมรับว่าทั้งหล่อ ทั้งดูดีแบบก
Comments