“คนบ้า…”
เสียงหวานยังคงบ่นพึมพำในลำคอ ก่อนจะชำเลืองมองร่างสูงที่ผละตัวออกจากเธอ ก่อนเดินไปหยุดอยู่หน้าเตาอบพร้อมกับจังหวะหัวใจของเธอที่ยังสั่นระรัวไม่หยุด
ติ๊ง!
เสียงเตาอบดังขึ้นและเงียบลงแทบในเวลาเดียวกัน ไอริสค่อย ๆ เปิดเตา ก่อนจะยกถาดขนมที่เพิ่งสุกออกมาวางบนตะแกรงพัก มือเรียวบางสั่นเล็กน้อยขณะยกถาดเอาขนมออกจัดวางอย่างเบามือ
ไอร้อนพร้อมกลิ่นหอมของขนมลอยกรุ่นคลอเคล้ากลิ่นเนยผสมกลิ่นวนิลลาจาง ๆ อบอวลไปทั่วห้อง แต่กลิ่นหอมของเค้กนั้นแทบจะสู้กลิ่นกายของเขาไม่ได้
เธอรู้ดีว่าเขายังยืนอยู่ข้างหลัง ห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว และความรู้สึกที่ถูกจ้องมองอย่างตั้งใจนั้น… มันทำให้ลมหายใจของเธอติดขัด
“พี่เรียนมาทั้งวัน คงเหนื่อยแล้ว… ขึ้นไปพักเถอะค่ะ”
เธอเอ่ยเบา ๆ โดยไม่หันกลับไปมอง พยายามเบี่ยงสายตาจากเขามาที่ขนมบนตะแกรง แล้วหันไปหยิบวัตถุดิบสำหรับเตรียมทำขนมคืนนี้แทน
“ไม่เหนื่อย”
เสียงทุ้มต่ำตอบกลับมาช้า ๆ พร้อมกับก้าวขยับเข้ามาใกล้อีกนิด และก่อนที่เธอจะทันตั้งตัว ข้อมือบางก็ถูกจับไว้เบา ๆ จากมือของเขา ก่อนจะหมุนตัวเธอให้กลับมาเผชิญหน้าเขา
“สนใจแต่ลูกค้ากับขนม…”
เขากระซิบบอกเบา ๆ ราวกับกำลังน้อยใจ พร้อมยกมืออีกข้างแตะแก้มนุ่มของเธอ ปลายนิ้วไล้เบา ๆ อย่างเชื่องช้า
“สนใจพี่บ้างก็ได้”
“เอ่อ...คือ”
เสียงเธอสั่นพร่า ดวงตาสั่นระริก ใจก็อยากจะถอยหนี แต่ร่างกายกลับไม่ยอมขยับตาม ร่างแกร่งเดินขยับเข้ามาอีกเพียงก้าวเดียว ก่อนจะโน้มใบหน้าตามมาติด ๆ จนแทบจะชนกันอยู่แล้ว
ลมหายใจร้อน ๆ ของเขารินรดแก้มเธอชัดเจน จนน่าหวั่นไหว ไอริสกัดริมฝีปากแน่น ลมหายใจเริ่มติดขัด หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก และแล้ว…ริมฝีปากของเขาก็ประทับลงมาบนริมฝีปากบางของเธอ อย่างแนบแน่น ไม่รีบร้อน แต่กลับดูดดื่มและอัดแน่นไปด้วยอารมณ์ที่เขากักเก็บมาตลอดทั้งวัน
คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความตกใจ แต่กลับไร้เรี่ยวแรงจะผลักเขาออก เพราะหัวใจของเธอกำลังยอมแพ้ให้กับสัมผัสของเขาอย่างเงียบงัน
ปลายลิ้นร้อนกัดเม้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะสอดเรียวลิ้นเข้ามากวาดต้อนความหวานในโพรงปากอ่อนนุ่มอย่างอ้อยอิ่ง
ฝ่ามือหนาจับลงบนเอวคอด แล้วออกแรงบีบขยำเบา ๆ อย่างอดกลั้นความรู้สึก ก่อนจะดึงร่างบางเข้ามาหากัน แนบชิดจนแทบไร้ช่องว่าง เสียงลมหายใจค่อย ๆ สอดประสานไปกับเสียงครางต่ำของคนตัวโต มือบางของเธอกำชายเสื้อเขาแน่นอย่างไม่รู้ตัว
“พี่ซัน…”
เธอหวานครางเรียกชื่อเขาอย่างหลุดปาก ลมหายใจพร่ามัวแทบหลอมรวมไปกับของเขา
“ขอโทษครับ…”
เสียงกระซิบเบาหวิวดังขึ้นตรงซอกคอ ก่อนเขาจะขบเบา ๆ บนผิวเนียนที่หอมหวานเกินห้ามใจ
“แต่พี่หวงเราจริง ๆ”
มืออุ่นร้อนค่อย ๆ สอดเข้าใต้ชายเสื้อผ้ากันเปื้อน สัมผัสไล้แผ่วเบาตามแนวเอวอ่อน จนกระทั่งปลายนิ้วสัมผัสยอดอกที่ชูชัน ราวกับจงใจแตะลงเพื่อสะกดให้ร่างบางสั่นสะท้านให้คล้อยตามไปกับเขา
“พี่ซัน… นี่มันห้องทำขนมนะคะ…”
เสียงเธอแผ่วเบา ลังเลและสั่นพร่า ราวกับกำลังต้านทานความลุกล้ำเส้นที่ใกล้จะเกินเลย
“พี่ไม่ได้จะทำอะไร แค่อยากให้เธอรู้ว่าพี่หวง…และอยากให้รู้ว่าเธอเป็นของพี่”
เขาพึมพำแนบผิวแก้ม ลมหายใจร้อนรดรินไม่ห่าง ไอริสเม้มปากแน่น หัวใจเต้นรัวเหมือนจะระเบิด ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกลับมาทาบทับเธออีกครั้งอย่างล้ำลึกและเร่าร้อนกว่าเดิม
ทุกการกระทำของเขาเป็นเหมือนยาที่ยังคงกล่อมสติการยั้งคิดของเธอให้จางหายลงไปเรื่อย ๆ ราวกับเขาต้องการฝังร่องรอยความรู้สึกไว้และเธอก็ปล่อยให้เขาทำเช่นนั้นอย่างเต็มใจ
มือบางโอบกอดลำคอเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว ขณะที่ผ้ากันเปื้อนหลุดจากบ่าอย่างไร้การควบคุมและปล่อยตัวเองให้ทำตามใจและตามอารมณ์
เป็นเวลาเนิ่นนานกว่าประตูหลังร้านจะเปิดแง้มออกมาอย่างเงียบเชียบ ก่อนร่างบางจะก้าวออกมาช้า ๆ ไอริสสูดหายใจลึกเพื่อรวบรวมสติก่อนกลับสู่โลกความเป็นจริง
มือข้างหนึ่งยังยกขึ้นแตะแก้มตัวเองเบา ๆ ราวกับจะเช็ดไอร้อนที่ยังหลงเหลือ กลิ่นหอมวานิลลายังติดปลายจมูก แต่สิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือกลิ่นอายของเขาที่ยังไม่จางลง
“หายไปนานเชียวนะ คนทำขนม”
เสียงแซวคุ้นหูดังมาจากเคาน์เตอร์ด้านหน้า พิณเพลงยืนกอดอก รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ประดับเต็มใบหน้า
ไอริสชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังพยายามเดินต่อโดยไม่สบตา ทว่าก้าวยังไม่ทันพ้น สายตาเพื่อนสาวก็ไล่มองลงมา แล้วเลิกคิ้วขึ้นสูง
“เอ๋? ตรงคอนั่น ไปโดนถาดขนมร้อน ๆ มาเหรอ แดงเชียว” เธอรีบยกมือแตะลำคออย่างตกใจ พร้อมกับใบหน้าที่แดงจัดราวกับกำลังโดนจับพิรุธกลางร้าน
“พะ-พิณเพลง! อย่าพูดเสียงดังสิ”
พิณเพลงหัวเราะคิกคัก ก่อนจะกระซิบแผ่ว ๆ
“แค่เสียงเบาก็ไม่ช่วยหรอก รอยมันแดงขนาดนั้น ใครไม่ตาบอดก็มองออกว่ารอยอะไร”
“ไอไม่ได้ตั้งใจ”
เธอพึมพำเสียงเบา แววตาหวั่นไหวและหลบตาอย่างพ่ายแพ้
“แน่ล่ะ ไอไม่ตั้งใจ… แต่พี่ซันน่ะ ตั้งใจแน่นอน”
พิณเพลงกลั้วหัวเราะ รอยยิ้มเอ่ยแซวฉายชัดในแววตา
“คนเราจะเผลอไม่ตั้งใจได้ก็ต่อเมื่อใจมันไปไกลกว่าคำว่าอดทนแล้วล่ะมั้ง”
“พิณเพลง”
ไอริสเสียงอ่อน พยายามเดินหนีเข้าหลังเคาน์เตอร์ แต่เพื่อนสาวก็ยังตามติดไม่ลดละ
“โอเค ๆ ไม่แซวแล้วก็ได้”
“…”
“แค่ขอเตือนไว้นิด ถ้าจะทำเค้กคราวหน้า ก็อย่าปล่อยให้เค้กไหม้เพราะคนข้างหลังก็แล้วกันนะ”
พิณเพลงยกมือทำท่าล้อเลียน พร้อมเสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
เธอก้มหน้าก้มตาเช็ดเคาน์เตอร์กลบเกลื่อน ทั้งที่หัวใจยังเต้นไม่เป็นจังหวะอยู่ดี และในขณะที่เธอกำลังพยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ประตูหลังร้านก็เปิดออกอีกครั้ง พร้อมร่างสูงของชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
ไอริสขึงตาใส่คนตัวโตทันที ที่เห็นเขาเดินออกมา พร้อมกับชี้ที่คอ ราวกับคาดโทษที่เขาทำรอยเอาไว้ให้เธอรู้สึกอับอาย
“ขอโทษเห็นหอมน่ากินเหมือนกัน เลยคิดว่าขนม”
ซันเอ่ยกลั้วหัวเราะ สีหน้าดูสบายใจและอารมณ์ดีอย่างเห็นได้ชัด เขาก้าวเข้ามาใกล้ พลางเหลือบตามองเธอที่ยังหน้าแดงไม่เลิก จนพิณเพลงที่ยืนอยู่ไม่ไกลหันไปมองเขาแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์
“อ๋อ… งั้นคราวหน้าพิณจะจำไว้ ถ้าหาพี่หายไปกับไอริสแบบสองต่อสองอีก แปลว่าเพื่อนพิณอาจจะโดนพี่จับกินเพราะคิดว่าเป็นขนม”
เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังพอให้ไอริสร้อนวาบไปถึงใบหู เธอได้แต่หลบตา ยกมือปิดหน้าเล็กน้อย แต่ในใจกลับอุ่นร้อน…ไม่ต่างจากกลิ่นเค้กที่ยังหอมฟุ้งอยู่ทั่วร้าน