“แก ๆ ดูนี่สิ!”
พิณเพลงยื่นมือถือมาตรงหน้าไอริส หน้าจอแสดงภาพของนักแสดงชายจากซีรีส์จีนย้อนยุคที่กำลังโด่งดังในช่วงนี้
“โอ๊ย หล่ออะแก!”
เสียงไอริสกรี๊ดออกเบา ๆ อย่างลืมตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายระยิบ ขณะที่รอยยิ้มกว้างผุดขึ้นบนใบหน้า
“ดูหุ่นสิ! โอ้โห…ซิกแพคแน่นมาก กล้ามแขนก็แบบ…แน่นสุด!”
เธอพึมพำออกมาเบา ๆ อย่างลืมตัว แขนเล็ก ๆ เอื้อมไปเกาะเพื่อนสนิทด้วยท่าทีเคอะเขินไม่ต่างกัน
“ไอ…ดูนี่สิ เขามีตารางบินมาไทยวันนี้นะ”
“จริงเหรอ!?”
สายตาไอริสกวาดมองไปรอบร้าน พอเห็นว่าวันนี้ลูกค้าไม่ได้เยอะมาก สินค้าก็เตรียมไว้พร้อมแล้ว เธอก็รีบคว้าแขนเพื่อนสนิทอย่างพิณเพลงให้ลุกไปด้วยกันทันที
“เดี๋ยวไอ จะไปไหน”
“ไปหาสามีทิพย์! ตั้งแต่เปิดร้านมายังไม่ได้หยุดเลย ไปเป็นเพื่อนไอหน่อยนะ ”
ร่างบางเกาะแขนเพื่อนแน่น เอาหน้าซบไหล่พร้อมส่งสายตาออดอ้อนสุดฤทธิ์
“ไม่ได้”
ไอริสที่ได้ยินคำปฏิเสธก็เริ่มทำหน้าเหงาหงอยขึ้นมาทันที ก่อนจะเดินคอตกกลับไปที่ร้าน เพราะเพื่อนสนิทไม่ยอมไปด้วย หากแต่จะให้เธอไปเองคนเดียวก็ไม่กล้า
“ไม่ได้...จะไปหน้าสด ชุดไม่สวยแบบนี้ไม่ได้”
เธอหันกลับทันควัน พร้อมรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะรีบวิ่งขึ้นชั้นสองของร้านเพื่อเตรียมตัวแต่งหน้าเลือกชุดสวยทันที
สนามบิน
แม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่ความคึกคักตรงหน้าประตูขาเข้าสนามบินก็ยังแน่นขนัดด้วยเหล่าบรรดาแฟนคลับ รวมถึงไอริสที่ยืนรวมอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย ร่างบางสวมใส่หมวกแก๊ป พร้อมมือถือโทรศัพท์เปิดกล้องไว้รอด้วยความตื่นเต้น ส่วนพิณเพลงเองก็ไม่ต่างกันในมือของเธอถือป้ายเล็ก ๆ ที่เขียนด้วยลายมือของตัวเองว่าลี่เจย
คนตัวเล็กเฝ้ามองตรงบริเวณทางเดินที่เปิดโล่งเว้นเอาไว้อย่างใจจดจ่อ หัวใจเต้นแรงจนเผลอลืมเวลา ลืมทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งใครบางคนอย่างที่ออกไปทำธุระเรื่องโปรเจคจบกับกลุ่มเพื่อนตั้งแต่เช้า
“เพลง...ไอรู้สึกเหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก”
“ไม่นะ ก่อนออกมาจากร้านทุกอย่างก็เรียบร้อยดี”
“อือ...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง”
เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเขี่ยเลื่อนดูแชทเพื่อเช็กให้มั่นใจอีกที แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดชะงักลง เมื่อกลุ่มที่มาเฝ้ารับศิลปินคนโปรดเริ่มส่งเสียงกรี๊ดดังขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
การมาถึงของลี่เจยทำให้ทุกความตั้งใจถูกลืมไปภายในพริบตา เธอรีบกดปิดแชททันที แล้วเปิดกล้องถ่ายรูปเพื่อบันทึกภาพนักแสดงคนโปรดอย่างมีความสุข
ไอริสคาเฟ่
เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังเบา ๆ พร้อมกับประตูที่ถูกเปิดออก ไอริสก้าวเข้ามาในร้านโดยพยายามส่งเสียงให้เบาที่สุด หลังจากที่เธอแยกกับพิณเพลงและกลุ่มแฟนคลับ เธอก็คิดออกทันทีว่าตัวเองลืมเอาขนมกับกาแฟไปส่งให้คนตัวโตช่วงบ่าย
แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาด้านในยังไม่ทันจะได้เปิดไฟก็สัมผัสได้ถึงความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ยังทำงานอยู่ ทั้ง ๆ ที่เวลานี้พนักงานในร้านน่าจะกลับกันไปหมดแล้ว
“ไปไหนมา ทำไมพี่ติดต่อเราไม่ได้”
เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูดังขึ้น จากมุมใกล้ ๆ เครื่องชงกาแฟ ซันยืนพิงเคาน์เตอร์ มือกอดอกไว้ด้านหน้า สีหน้าราบเรียบ แต่แววตาคมกลับจ้องมองมาจนเธอหวาดหวั่นไม่กล้าสบตา
“พะ พี่ซัน! กลับมาเร็วจัง ไหนว่าทำโปรเจกต์จะกลับดึก”
“พอดีพี่มีเรื่องคาใจนิดหน่อย”
เธอกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะกำสายกระเป๋าในมือแน่น ความเปียกชื้นเริ่มผุดตามฝ่ามือด้วยความประหม่า ก่อนจะเดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปเก็บกระเป๋า พยายามทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่เขาก็เดินตามมาช้า ๆ พร้อมเสียงเนิบนาบที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่สำหรับคนฟังอย่างเธอมันกลับเสียวสันหลังอย่างบอกไม่ถูก
“วันนี้ลูกค้าเยอะเหรอครับ พี่ทักหาเราถึงไม่มีเวลาตอบ”
“อะ อ้อ ใช่ ๆ ค่ะ คนเยอะมากจริง ๆ จนไอลืมเอากาแฟไปส่งเลย”
“แล้วคนที่ยุ่งจนดูลูกค้าไม่ทัน ทำไมถึงไปโผล่อยู่ที่สนามบินหืมมม”
“สนามบินอะไร๊...ไหนไม่มี ไม่มีใครไปเลยค่ะ”
ไอริสชะงัก ตอบกลับเสียงสูง ใบหน้าซีดกลัวว่าจะถูกจับได้ ก่อนจะรีบหันมาเผชิญหน้าเขาด้วยความตื่นตกใจ จนน้ำเสียงสั่น แม้จะพยายามทำตัวให้ปกติมากแค่ไหน แต่สิ่งที่แสดงออกมากลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“วันนี้ลูกค้าเยอะ ไอเหนื่อยมากเลยขอตัวขึ้นห้อง ปะ ไป นอนก่อนนะคะ ฝันดีค่ะ”
“ดูเหมือนคนแถวนี้จะไม่ได้ลืมแค่ส่งกาแฟให้พี่ แต่ยังลืมปิดสตอรี่ด้วย”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เธอหยุดกึกอยู่บนบันได ก่อนจะกัดเม้มริมฝีปากหมดทางแก้ตัว เมื่อรู้ตัวว่าลืมปิดสตอรี่แบบนี้อีกฝ่ายคงรู้แล้วว่าเธอทิ้งร้านไปไหนมา
“พี่แอบดูสตอรี่ไอเหรอ!”
“เปล่า มันเด้งขึ้นมาเอง…สงสัยอัลกอริธึมมันจะรู้ใจพี่ถึงส่งหลักฐานเด็กขี้โกหกมาให้”
“…”
“แล้วเป็นยังไงบ้างคะ พระเอกของหนูหล่อเหมือนในซีรี่ย์มั้ย?”
เขาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและรอยยิ้มบาง ๆ แต่แววตากลับเจ้าเล่ห์แพรวพราว
“ก็แค่ไปดูเฉย ๆ เองค่ะ ไม่ได้ตั้งใจหนีไปซะหน่อย”
“เหรอ”
เสียงทุ้มขัดเบา ๆ ขณะที่ไอริสเงยหน้าขึ้นตั้งท่าจะแก้ต่างให้กับตัวเอง แต่กลับถูกคนตัวสูงค่อย ๆ สืบเท้าก้าวไล่ต้อนเข้ามาใกล้ จนร่างบางต้องถอยหลังหนีไปชนกับโต๊ะทำงาน
“เห็นผู้ชายคนอื่นสำคัญกว่าจนลืมไปส่งกาแฟพี่เลยเหรอ เขาดียังไง”
“กะ…ก็แค่หล่อ สูง ขาวแล้วก็ซิกแพคแน่น…”
“หื้มมม”
“มะ ไม่ใช่! พูดผิดค่ะ สงสัยไอนอนน้อยไปหน่อย!”
เธอรีบหันหนีเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป แต่เขาก็คว้าแขนไว้ได้ทัน
“คิดจะหนีเหรอ…ไหนลองบอกสิ ระหว่างพี่กับเขา ซิกแพคใครแน่นกว่ากัน?”
เสียงทุ้มต่ำแหบพร่ากระซิบลงข้างแก้ม พร้อมมือหนาที่ค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อออกทีละเม็ด จนเธอสะดุ้งเผลอกลืนน้ำลายลงคอ
“หันหน้าหนีพี่ทำไม?”
“ไอ…เปล่านะ”
มือหนาลูบไล้จากเรียวแขนลงมาถึงฝ่ามือเล็ก ๆ ของเธอ ก่อนจะกุมมือนั้นแนบลงบนอกแกร่ง
“พี่ซัน จะทำอะไรคะ”
“ก็เผื่อไอลืม ว่าพี่ก็มีให้ดูเหมือนกัน…ต้องทบทวนมั้ยครับ”
ฝ่ามือเรียวบางถูกชักนำโดยชายหนุ่มที่ค่อย ๆ จับมือเธอลูบไล้ไปตามร่างกายที่เต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อเรียงตัวสวย จากหน้าอกแกร่งต่ำลงจนถึงขอบกางเกงที่มีไรขนปกคลุมบาง ๆ
“คราวหน้าจะไปไหนก็บอกกันดี ๆ พี่เป็นห่วงที่เราหายไป”
“ขอโทษค่ะ”
เสียงหวานของคนตัวเล็กตอบกลับแผ่วเบาด้วยความรู้สึกผิด
“ถ้าอยากไปไหน พี่จะพาไปเอง แต่ห้ามเอาตัวเองไปใกล้ชิดกับผู้ชายคนไหนและห้ามไปสัมผัสใครแบบนี้ จำไว้ว่าหนูทำได้แค่กับพี่คนเดียว เข้าใจไหม”
ร่างบางถูกอุ้มขึ้นนั่งบนขอบโต๊ะอย่างไม่ทันตั้งตัว ซันไม่ได้คิดจะรอฟังคำตอบ เพราะเขาต้องการสิ่งอื่นในการยืนยันที่มากกว่านั้น
ฝ่ามือหนาลูบไล้ผ่านต้นขาเปลือยเปล่าใต้กระโปรงตัวเล็กมาจนถึงผ้าลูกไม้ตัวจิ้วที่ซ่อนอยู่ข้างใน
ลมหายใจร้อนแนบชิดข้างแก้ม ก่อนจะกดจูบลงที่ซอกคออย่างแนบแน่น ราวกับจะประทับรอยไว้ให้รู้ว่าเธอเป็นของเขา ของเขาแค่คนเดียว
“พะ พี่ซัน”