LOGIN“ฉัน…” ลี่เหยียนรู้สึกพูดติดขัดเมื่อจ้องตากับเขา เธอเหมือนว่ากำลังจะเป็นลมและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน
“ลี่เหยียน เธอเจอหยุนเฟิงแล้วเหรอ” เสียงของพี่สาวเธอดังขึ้น จากนั้นเจ้าตัวก็เดินฉีกยิ้มเข้ามา
“ค่ะพี่เมิ่งฉี” เธอตอบแล้วสายตาเธอก็เห็นผู้ชายอีกคน ที่หน้าละม้ายคล้ายกับกู้หยุนเฟิงเดินเข้ามา
“นี่เทียนอี้เป็นน้องชายของหยุนเฟิง” พี่สาวแนะนำ เขาดูหล่อและค่อนข้างอ่อนโยนกว่าพี่ชาย
“สวัสดีค่ะ” ลี่เหยียนยิ้มให้ชายหนุ่ม แล้วก็มองกลับไปที่พี่สาวตัวเอง “พี่เมิ่งฉี ฉันขอถามอะไรหน่อยนะ สรุปว่าพวกเขาสองคนมาทำอะไรกัน”
“พ่อกับแม่ไม่ได้บอกเธอเหรอ” เมิ่งฉีถามด้วยความสงสัย แล้วหันไปมองหน้าพ่อที่ตอนนี้คุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว
“พอดีเพื่อนพ่อโทรมาน่ะ” พ่อตอบ
“อ๋อ ค่ะ ถ้างั้นหนูขอบอกเองละกันนะคะ” เมิ่งฉีพยักหน้าเข้าใจแล้วหันมามองหน้าน้องสาว
“พี่กำลังจะแต่งงาน” เธอบอกพร้อมกับโชว์แหวนที่นิ้วนางข้างซ้าย
“ดีใจด้วยค่ะพี่เมิ่งฉี” ลี่เหยียนสวมกอดพี่สาว แล้วหันไปหากู้เทียนอี้ “ดีใจกับคุณด้วยเช่นกันค่ะ ขอต้อนรับสู่ครอบครัวของเรา”
“ไม่ใช่ครับ คุณแสดงความยินดีผิดคนแล้ว ผมไม่ใช่ว่าที่เจ้าบ่าว” เทียนอี้หัวเราะ
“อะไรนะคะ” ลี่เหยียนมองหน้าเขา จากนั้นหันไปมองชายหนุ่มอีกคน แล้วก็รู้สึกเหมือนโลกกำลังถล่ม
“เทียนอี้ไม่ใช่ว่าที่เจ้าบ่าวพี่” พี่สาวเธอหัวเราะ จากนั้นก็เดินไปคล้องแขนกู้หยุนเฟิง “นี่ต่างห่างว่าที่เจ้าบ่าวพี่”
วินาทีนั้นลี่เหยียนแข็งค้างพูดอะไรไม่ออก เธอรู้สึกว่าพื้นเอียงขึ้นมาทันใด ทุกสิ่งทุกอย่างมันแย่กว่าที่เธอคิดไว้มาก
“ลี่เหยียนเธอจะไม่ยินดีกับพี่เหรอ”
“ยินดีสิคะ”
ลี่เหยียนรู้สึกมวนท้อง สมองปั่นป่วนคิดอะไรไม่ออก เธอควรจะบอกพี่สาวมั้ยว่าเธอเพิ่งจะมีวันไนต์สแตนด์กับว่าที่พี่เขยตัวเองไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว วันนี้เธอต้องพยายามฝืนยิ้มเป็นอย่างมาก เธอหันไปหาเขา ส่งยิ้มที่เฝื่อนสุด ๆ ให้
“ขอแสดงความยินดีด้วยค่ะคุณหยุนกู้”
ถึงเขาจะบอกให้เธอเรียกชื่อ แต่วินาทีนี้เธอเรียกชื่อเขาอย่างสนิทสนมไม่ลงจริง ๆ
ลี่เหยียนรู้สึกว่าถูกสายตาเขาจับจ้องอยู่ เธอไม่อยากแสดงพิรุธให้คนอื่นจับได้ เธอจึงขอตัวออกไป
ศาลากลางน้ำเป็นที่โปรดของเธอเมื่อกลับมาบ้าน สายลมพัดอ่อน ๆ เธอนั่งมองแผ่นน้ำที่กระเพื่อมไหว บรรยากาศดีเหมาะแก่การนั่งเล่น แต่ลี่เหยียนไม่ได้รู้สึกถึงสุนทรียะใด ๆ เลย
“คุณพูดถูก” ลี่เหยียนหันหลังกลับไปตามเสียงทุ้มที่เธอจำได้แม่นยำ
กู้หยุนเฟิงเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ
“อะไรคะ” เธอถามพลางสอดส่ายสายตามองหาคนอื่นด้วย แต่ปรากฏว่าเขาเดินมาแค่คนเดียว
“ที่คุณบอกว่าคุณเป็นตัวปัญหา” เขาบอกและขยิบตายั่วเธอ ส่วนมือเขาก็ลูบแผ่นหลังเธอลงมาถึงบั้นท้ายแล้วบีบเบา ๆ
“อย่าแตะต้องฉัน” ลี่เหยียนขู่และก้าวถอยหลัง “คุณกำลังจะแต่งงานกับพี่สาวฉันนะ”
“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” เขาจ้องตาเธอ
“ก็พวกคุณมาที่นี่ด้วยเรื่องนี้ไม่ใช่เหรอคะ แล้วเมื่อกี้ที่พี่เมิ่งฉีประกาศต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าฉัน มีตรงไหนที่ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด”
“มาที่ห้องผมคืนนี้สิ” เขายิ้มร้ายให้เธอ
“ผมจะบอกทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ให้ฟัง”
เขาก้าวเท้าขึ้นหน้า ยกมือขึ้นลูบผมเธอ ทำให้ลี่เหยียนรู้สึกหายใจติดขัด
“แล้วผมจะแสดงให้คุณเห็นถึงสิ่งที่คุณคิดถึงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วย”
“คุณกล้าเหรอ” ลี่เหยียนปัดมือเขาทิ้ง
“ไม่มีอะไรที่ผมไม่กล้า” รอยยิ้มเขาหายไปตอนที่จ้องหน้าเธอด้วยสายตาจริงจัง
“แล้วคุณจะได้เห็น นี่มันแค่จุดเริ่มต้นของอีกหลาย ๆ เรื่องที่ผมกล้าทำ”
“เราไม่ได้แค่คิดหรอกค่ะ เราสองคนรู้ดีต่างหากว่าพี่น่ะ...เป็นจอมบงการมากแค่ไหน!”“แต่เธอก็ยังเลือกที่จะมาที่นี่กับฉัน”“ค่ะ ทีนี้ก็ไปเอาไวน์มาให้ฉันได้แล้วค่ะ” เธอพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย“อ้าว...แล้วทีนี้ใครกันแน่ล่ะที่เป็นฝ่ายบงการ” เขาหัวเราะร่วน ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินจากไปยังส่วนเตรียมเครื่องดื่ม “อยู่ตรงนั้นนะ เดี๋ยวฉันกลับมา”“ค่ะ” เธอขานรับอย่างว่าง่าย ขณะกวาดตามองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่นอย่างสนใจคอนโดของฉู่เฮ่าชวนนั้นใหญ่โตกว้างขวางอย่างไม่น่าเชื่อ เขาเพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เพียงไม่กี่เดือน และเธอก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามันจะหรูหราอลังการถึงเพียงนี้ พื้นห้องปูด้วยหินอ่อนสีขาวนวลให้ความรู้สึกอบอุ่นใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าขณะที่เธอลองก้าวเดินไปรอบ ๆ บนพื้นมีพรมขนฟูสีขาวสะอาดตาผืนใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าชุดโซฟาหนังสีดำสนิท โต๊ะกาแฟกลางห้องก็ทำจากกระจกใสทั้งหมด เผยให้เห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองใหญ่ที่ส่องสว่างด้วยแสงไฟจากตึกระฟ้าและรถราที่วิ่งขวักไขว่อยู่เบื้องล่างผ่านทางหน้าต่างกระจกบานใหญ่สูงจากพื้นจรดเพดาน หญิงสาวจ้องมองภาพเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินทอด
เธออยากดื่มไวน์สักแก้วไหม” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามทันทีที่ซ่งจื่อหานทรุดตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มสบายในห้องของเขา“ค่ะ...ก็ดีเหมือนกัน” หญิงสาวตอบรับ ส่วนใหญ่เป็นเพราะอยากจะถือโอกาสสำรวจห้องนั่งเล่นกว้างขวางของเขาโดยไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทสอดรู้สอดเห็น มากกว่าจะอยากดื่มไวน์เพิ่มอีกจริง ๆ“ไวน์ขาวหรือแดงดีล่ะ”“แล้วแต่พี่เลยค่ะ” เธอพูดพลางก้มลงปลดเปลื้องรองเท้าส้นสูงที่บีบรัดเท้ามาทั้งวัน ก่อนจะปล่อยเสียงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อนิ้วเท้าได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากพันธนาการอันเจ็บปวด“เธอโอเคไหม” ฉู่เฮ่าชวนก้าวเข้ามาใกล้ ก้มลงมองเท้าเล็ก ๆ ของเธอด้วยแววตาเป็นห่วง“ส้นสูงมันทรมานฉันจะแย่อยู่แล้วค่ะ” เธอยิ้มบาง ๆ ให้เขาแล้วลองขยับนิ้วเท้าไปมา ฉู่เฮ่าชวนขยับเข้ามาใกล้อีกก้าว ย่อตัวลงตรงหน้าเธอ“แล้วเธอใส่มาทำไมล่ะ”“พี่ไม่เห็นสายตาของผู้ชายทุกคนตอนที่ฉันเดินเข้าร้านอาหารเมื่อกี้นี้เหรอคะ” เธอยิ้มกว้างอย่างมีชัย “สายตาเหล่านั้นน่ะ...มันคุ้มค่ากับความเจ็บปวดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ฉันต้องทนนะคะจะบอกให้”“แล้วฉันล่ะ ตอนที่เห็นเธอใส่ส้นสูงคู่นั้นเดินเข้ามา เธอสังเกตเห็นไหม”“แบบไหนเหรอคะ” เธอเอ่ยถามเ
“พี่เฮ่าชวนคะ ฉันไม่รู้ว่าพี่ยังจำได้รึเปล่า” เธอพูดพลางหัวเราะออกมาเบา ๆ “แต่ฉันต่างหากที่เป็นคนแอบย่องขึ้นเตียงพี่ในคืนนั้น ไม่ใช่พี่สักหน่อย และฉันก็เป็นฝ่ายที่ต้องการพี่ด้วย”“ฉันแค่ไม่แน่ใจว่าตัวเองเคยทำให้เธอเข้าใจผิดไปรึเปล่าน่ะ”“พี่ทำให้ฉันเข้าใจผิดเรื่องอะไรได้ยังไงกันคะ” เธอเอ่ยถามอย่างสงสัยใคร่รู้“เธอก็รู้นี่ ตอนที่ฉันเคยเป็นครูสอนพิเศษให้เธอไง” เขาพูดพลางเหลือบมองเธอแวบหนึ่งก่อนจะหักพวงมาลัยเปลี่ยนเลน“พี่หมายถึง...ตอนที่พี่ช่วยติววิชาคณิตรฯ ให้ฉันน่ะเหรอคะ” เธอนึกย้อนไปถึงช่วงเวลาที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่สาม แล้วเขาได้ใช้เวลาช่วงปิดเทอมฤดูร้อนทั้งหมดช่วยสอนเรื่องแคลคูลัสเบื้องต้นกับพีชคณิตที่แสนจะน่าปวดหัวให้กับเธอ“ใช่...แล้วก็รวมถึง...ช่วยสอนวิธีจูบที่ถูกต้องให้เธอด้วย” น้ำเสียงของเขาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด “บอกตามตรงนะ...ฉันยังรู้สึกผิดเรื่องนั้นอยู่เลยจนถึงตอนนี้”“ทำไมล่ะคะ” เธอมองเขาอย่างตกใจระคนประหลาดใจที่เขายังสามารถจดจำเรื่องราวในวันเหล่านั้นได้ด้วยซ้ำ“เพราะฉันคือจูบแรกของเธอ” เขาถอนหายใจออกมาเบา ๆ “และยังเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอยอมมีอะไรด้วย...ฉันรู้สึกเห
“ยอมรับก็ได้ว่าฉันแกล้งเธอเล่น” เขาหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี “โอเค พร้อมจะไปหาอะไรอร่อย ๆ กินรึยัง”“ฉันพร้อมมาตั้งนานแล้วค่ะ”“แล้วเข่าเธอเป็นยังไงบ้าง” มือขวาของเขาเอื้อมลงมาสัมผัสที่เรียวขาของเธออย่างแผ่วเบา ผิวเนื้อของเธอรู้สึกซาบซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อปลายนิ้วของเขาไล้ผ่านผิวเธอเบา ๆ ไปยังสะบ้าหัวเข่าที่มีรอยแผลถลอกอยู่“มันก็โอเคแล้วค่ะ ยังรู้สึกซ่า ๆ อยู่บ้างนิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็คงหายดีแล้วล่ะค่ะ”“ดีแล้ว” ปลายนิ้วของเขาเลื่อนกลับขึ้นไปตามเรียวขาของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะไล้สูงขึ้นไปตามต้นขาอ่อน และเธอก็แทบจะหยุดหายใจเมื่อสัมผัสอุ่นร้อนนั้นเคลื่อนเข้าไปใกล้จุดกึ่งกลางระหว่างขาของเธออย่างจงใจ “ว่าแต่...คืนนี้ชุดเธอสวยมากนะ” เขาเอ่ยชม ก่อนจะเลื่อนนิ้วกลับไปกุมพวงมาลัยตามเดิม“ขอบคุณค่ะ” เธอพึมพำตอบ พลางเบือนหน้าไปมองเขา “พี่เองก็ดูหล่อมากเลยนะคะในชุดเสื้อเชิ้ตกับเนคไทเนี่ย”“ฉันดีใจที่เธอชอบเนคไทฉัน”“ฉันชอบเนคไทสวย ๆ ตลอดเลยล่ะค่ะ” เธอตอบกลับไป ทำให้เขาหันมามองเธอพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก“ในทุกสถานการณ์เลยอย่างนั้นเหรอ”“ค่ะ” เธอตอบรับเสียงแผ่ว แทบจะกลั้นหายใจขณะที่เขายังคงจ้องม
“แค่นั้นเองเหรอคะ” เสียงใสของฉู่ลี่เหยียนดังแทรกขึ้นมาจากด้านหลัง เธอก้าวเข้ามายืนซ้อนหลังซ่งจื่อหานที่หน้าประตู “ชมเพื่อนฉันว่า ‘ดูดี’ แค่นั้นเองน่ะเหรอ”“ใช่ เธอดูดีออก” ฉู่เฮ่าชวนหันไปมองฉู่ลี่เหยียนด้วยสีหน้าเริ่มจะหงุดหงิด “หรือเธอไม่คิดอย่างนั้นล่ะ”“เพื่อนฉันน่ะ สวยเลิศเลอเพอร์เฟกต์ต่างหาก” ฉู่ลี่เหยียนเอ่ยพลางส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย “สวยหยาดเยิ้มราวกับมหารานีอย่างนั้นเลย!”“ขอบใจนะจ๊ะ ลี่เหยียน” ซ่งจื่อหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ขณะเห็นฉู่เฮ่าชวนส่ายหน้าอย่างระอาใจให้กับน้องสาวตัวเอง“ใช่...จื่อหาน” เขาหันกลับมาสบตาเธออีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงอย่างเห็นได้ชัด “คืนนี้เธอดูสวยมากจริง ๆ สวยมาก ๆ เลยล่ะ” เขาก้าวเข้ามาใกล้เธออีกนิด ยื่นมือออกมาหมายจะสัมผัส“ค่อยยังชั่วหน่อย” ฉู่ลี่เหยียนพึมพำอย่างพอใจ ทำให้เขาครางออกมาเบา ๆ อย่างจนใจ“จื่อหาน พร้อมจะไปรึยัง” ฉู่เฮ่าชวนเอ่ยถามเสียงเรียบ พยายามไม่ใส่ใจน้องสาวตัวแสบ “ฉันกลัวว่าถ้าจะต้องฟังยัยน้องสาวฉันบ่นไม่หยุดอีกคืนนี้ ฉันอาจจะเป็นบ้าไปเลยก็ได้นะ”“คืนนี้ฉันไม่มีเวลามาทำให้พี่ชายสุดที่รักของฉันกลายเป็นบ้าหรอกนะคะ” ฉู่ลี่เหยียนส่งยิ้มหวาน
“พี่เฮ่าชวนมาแล้วแน่ะ จื่อหาน” เสียงฉู่ลี่เหยียนตะโกนแว่วมาจากโถงทางเดินหน้าห้อง “ฉันเห็นรถเลี้ยวเข้ามาแล้ว”“ฉันดูเป็นยังไงบ้าง” ซ่งจื่อหานรีบพรวดพราดออกจากห้องนอนในชุดเดรสสั้นรัดรูปสีดำสนิท ฉู่ลี่เหยียนที่ยืนรออยู่ถึงกับผิวปากหวือด้วยความตะลึง“อืมมม...จะบอกว่ายังไงดีล่ะ...ฮอตยิ่งกว่าเดินอยู่กลางทะเลทรายซาฮาราในตอนกลางวันแสก ๆ เสียอีกนะเนี่ย!”“ฮอตเลยเหรอ” ซ่งจื่อหานยิ้มกว้างอย่างพอใจ หมุนตัวอวดโฉมในชุดเดรสตัวสวย “ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองร้อนแรงไม่เบาเลยล่ะคืนนี้”“เธอไม่ใช่แค่ร้อนแรงธรรมดา ๆ หรอกนะเพื่อนรัก แต่เธอโคตรร้อนแรงต่างหากล่ะ!” ฉู่ลี่เหยียนหัวเราะร่วน เดินเข้ามาใกล้ เอานิ้วจิ้มที่แขนของซ่งจื่อหานเบา ๆ แล้วแกล้งร้องเสียงหลงออกมา“เป็นอะไรไปน่ะ” ซ่งจื่อหานเลิกคิ้วถามเพื่อนรักอย่างงุนงง“ก็เธอเล่นฮอตซะจนแทบจะเผาฉันให้ไหม้เป็นจุลไปแล้วนี่นา”ทั้งสองคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างครื้นเครง“เธอนี่มันบ๊องจริง ๆ เลยนะ ลี่เหยียน ดีนะที่เธอไม่ได้เกิดเป็นผู้ชาย ไม่งั้นเธอคงไม่มีวันจีบสาวติดด้วยประโยคแบบนี้แน่ ๆ” ซ่งจื่อหานพูดพลางส่ายหน้าอย่างเอ็นดู“ฉันว่าถ้าฉันเป็นผู้ชาย ฉันคงจะ







